@. คริสตชน เห็น พระเจ้าอย่างไร>@

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2005 3:49 pm

คริสตชนมองเห็นพระเจ้าจริงไหม


ทั้งคริสตชนเอง และเพื่อนๆศาสนิกอื่น หลายๆคนเมื่ออ่านพระคัมภีร์ มักจะสงสัยว่าชาวคริสต์เห็นพระเจ้าจริงไหม หรือ เมื่อ พวกเขาภาวนาอธิษฐาน พระเจ้าทรงฟังเขาหรือ เขาพบพระเจ้าอย่างไร
ดิฉันขอโพสต์ เพื่อเป็นความรู้ตามความเชื่อ ของคริสต์ ( โปรเตสแตนต์ )ดังนี้


พระลักษณะของพระเจ้า แก่นแท้ของพระเจ้า ( The Nature of God: Essence and Attributes )


ความเป็นวิญญาณ พระเยซูตรัสว่า “พระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ” ( ยน.4:24 ) เนื่องจากในภาษาเดิมไม่มีคำนำหน้านาม พระคัมภีร์ข้อนี้กล่าวถึงธรรมชาติของพระเจ้าว่าเป็นวิญญาณ ดังนั้นเมื่อศาสนิกอื่นชอบท้าทายว่า “ถ้าพระเจ้าของคุณมีจริงให้ปรากฏให้เห็นสิ หรือถ้าผมเห็นพระเจ้า ที่คุณพูดแล้วผมจะเชื่อพระเจ้า” คริสตชนจึงไม่สามารถ พิสูจน์พระเจ้าในเรื่องรูปร่างได้ เพราะว่า


1.พระองค์ไม่ใช่สสาร ไม่ใช่รูปธรรม ( He is immaterial and incorporal )

เมื่อพระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ พระองค์ ก็ไม่ใช่วัตถุ ไม่ใช่สสาร พระบัญญัติสิบประการข้อที่สอง สั่งห้ามไม่ให้ทำรูปแกะสลัก หรือจำลองรูปใดๆ เป็นรูปเคารพ ( อพย.20.4 ) พื้นฐานของพระบัญญัตินี้อยู่ที่คุณสมบัติของพระเจ้าอันมิใช่สสารวัตถุนั่นเอง

บางคนอาจจะโต้แย้งว่าแล้วทำไมพระคัมภีร์บันทึกถึงพระเจ้าในรูปธรรมมากมายเช่น พระหัตถ์พระเจ้า “เรายื่นมือของเราออกตลอดวัน ต่อชนชาติที่มักกบฏ ผู้ดำเนินในทางที่ไม่ดี ติดตามอุบายของตนเอง” และ “และ องค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ในเบื้องต้นพระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลก และฟ้าสวรรค์เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์” ( อสย.65.2;ฮบ.1.10 ) พระบาท “ เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ในสวนนั้น ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า” หรือ “พระองค์ทรงมอบอำนาจให้ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ทรงให้สิ่งทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา”( ปฐก.3.8; สดด.8.6 ) พระเนตร “เพื่อว่าพระเนตรของพระองค์จะทรงลืมอยู่เหนือพระนิเวศนี้ทั้งกลางคืนและกลางวัน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ได้ตรัสว่า "นามของเราจะอยู่ที่นั่น" เพื่อว่าพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะได้อธิษฐานตรงต่อสถานที่นี้” และ “เพราะว่าพระเนตรของพระเจ้าไปมาอยู่เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น เพื่อสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์โดยเห็นแก่ผู้เหล่านั้นที่มีใจจริงต่อพระองค์ ในเรื่องนี้ท่านได้กระทำการอย่างโง่เขลา เพราะตั้งแต่นี้ไปท่านจะมีการศึกสงคราม" ( 1พกษ.8.29;2 พศด.16.9 ) พระกรรณ “ขอพระองค์ทรงเงี่ยพระกรรณฟัง และขอทรงลืมพระเนตรของพระองค์ดูอยู..” หรือ “พระเนตรของพระเจ้า เห็นคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา”( นหม.1.6;สดด.34.15 ) ฯลฯ ข้อความที่ยกมากล่าวทำให้เห็นภาพพจน์สัญลักษณ์ใช้รูปกายของมนุษย์อธิบาย เพื่อให้เห็นพระเจ้าเป็นจริงเป็นจัง ( antropomorphic-มนุษยรูปนิยม ) และเพื่อสำแดงพระดำริ ฤทธิ์อำนาจและพระราชกิจทั้งปวง

มนุษย์มีวิญญาณอันจำกัดซึ่งสามารถอาศัยอยู่ภายในรูปธรรมนี้ได้ “อันความคิดของมนุษย์นั้น ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ เว้นแต่จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นเองฉันใด พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น” “ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสตเจ้าของเราเสด็จมา”( 1คร.2.11;1ธส.5.23 ) ส่วนพระเจ้าทรงเป็นวิญญาณที่ไร้ขอบเขต พระองค์จึงไม่มีลักษณะเป็นรูปธรรม “ถึงกระนั้นก็ดีองค์ผู้สูงสุดหาได้ประทับในพระนิเวศ ซึ่งมือมนุษย์ได้ทำไว้ไม่ ตามที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า "สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นแท่นรองเท้าของเรา เจ้าจะสร้างนิเวศอะไรสำหรับเรา หรือที่พำนักของเราอยู่ที่ไหน”( กจ.7.48-49 )
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2005 3:55 pm


2.พระองค์นั้นเราไม่อาจเห็นด้วยตา ( He is invisible )


��้อนี้ ก็มีปัญหาอีกนั่นแหละที่ นำความโต้แย้ง เพราะคริสตชนที่อ่านพระคัมภีร์ส่วนใหญ่ ก็เก็บคำถามในใจ ว่าพระคัมภีร์ผิดพลาด ส่วนศาสนิกอื่นๆ ก็อาจจะหัวเราะคริสตชน ที่กล่าวว่า “ไม่มีใครเห็นพระเจ้า ถ้าใครเห็นแล้วต้องตาย” ดังนั้นจึงมีข้อถกเถียงอย่างไม่สิ้นสุด และใช้พระคัมภีร์ยันก็มี ถ้าดูตามตัวอักษรของพระคัมภีร์ ทำให้เราสงสัยว่าพระเจ้าทรงมุสา (หรือเปล่า )

��ออนุญาตอธิบายในที่นี้ หวังว่า คงจะทำให้หลายๆคนกระจ่างแจ้งขึ้นก็ได้ หากยังเถียงกันอีก ก็คงจนปัญญา อธิบายค่ะ ชนชาติอิสราเอล “มิได้และเห็นรูปพรรณสัณฐานใดๆ” เมื่อพระเจ้าทรงปรากฏแก่พวกเขาที่โฮเรบ ฉะนั้นจึงห้ามไม่ให้พวกเขาจำลองรูปใดๆของพระองค์ ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่าไม่มีผู้มนุษย์คนใดพระเจ้าแล้วจะยังมีชีวิตอยู่ได้ “ พระองค์จึงตรัสว่า "เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้" ( อพยพ 33.20 ) ท่านยอห์นกล่าวว่า “ ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้าเลย( แม้แต่ครั้งเดียว )” ( ยน.1.18 ) อัครสาวกเปาโลกล่าวว่าพระองค์ เป็นพระเจ้าผู้ไม่ประจักษ์แก่ตา “พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง” ( คส.1.15 ดู รม.1.20;1ทธ.1.17 ) หรือไม่มีใครเห็นหรือสามารถเห็นพระองค์ ( 1ทธ.6.16 ) อย่างไรก็ตามยังมีพระคัมภีร์ระบุว่าวันหนึ่งผู้ที่ทรงไถ่ไว้จะเห็นพระองค์ “ข้าพระองค์จะเห็นพระพักตร์ของพระองค์ในความชอบธรรม เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์จะอิ่มเอิบใจด้วยพระลักษณะของพระองค์” หรือ “"บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า” หรือ “....ซึ่งถ้าใจไม่บริสุทธิ์ก็จะไม่มีผู้ใดได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย” และ “เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา”( สดด.17.15;มธ.5.8;ฮบ.12.14; วว.22.4 )

��ล้วเราจะตอบอย่างไรเมื่อมีพระคัมภีร์บางข้อขัดแย้งกันแล้ว เพราะว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์เองระบุว่ามีคนเห็นพระเจ้า เช่น ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้นว่า เปนีเอล* กล่าวว่า "เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์พระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่ ( ปฐก.32.30 * แปลว่า พระพักตร์พระเจ้า * ) แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า "เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ" โมเสสปิดหน้าเสีย เพราะกลัวไม่กล้ามองดูพระเจ้า ( อพย.3.6 ) และยังมีอีกหลายตอนเช่น ในอพยพ 24.9-10: กันดารวิถี 12.6-8; เฉลยธรรมบัญญัติ 34.10 และอิสยาห์ 6.1

��ิฉันชอบอธิบายแบบนี้ค่ะ คือ ก่อนออกไปทำงานทุกๆเช้าดิฉันจะแต่งตัวและส่องกระจก ดูหน้าตาของตัวเองว่า ดูดีแล้วหรือยัง ดิฉันเห็นตัวเองในกระจกใช่ไหม ใช่ แต่ในอีกแง่หนึ่งดิฉันไม่ได้มองเห็นตัวเองจริงๆ มองเห็นภาพหรือเงาตัวเองในกระจกเงานั้น ถ้าจะตอบแบบง่ายๆว่าการที่บางคนที่พระคัมภีร์กล่าวถึงนั้น เขาได้เห็นภาพสะท้อนพระสิริของพระเจ้า แต่ไม่ได้เห็นเนื้อแท้ของพระเจ้าจริงๆ “ พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์…” ( ฮบ.1.3 )

ดังนั้นในทำนองเดียวกันวิญญาณจึงสามารถสำแดงออกมาในรูปแบบที่แลเห็นได้ ( ยน.132;ฮบ.1.7 ) เมื่อโมเสสเห็น”ด้านหลัง”ของพระเจ้า ( อพย.33.32 ) ตามที่ได้ทูลขอให้ได้เห็นพระสิริของพระเจ้า ( ข้อ 18 ) แทนที่เราจะตีความว่า นี่ไงเห็นพระเจ้าจริงๆแล้วไม่เห็นโมเสสตายเลย พระเจ้าทรงมุสา หรือ พระคัมภีร์ผิดพลาดแน่ๆ ในบริบทนี้ ข้อที่ 20 พระองค์จึงตรัสว่า "เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้" น่าจะเข้าใจว่าเป็นผลที่ตามมาภายหลังหรือแสงรอนๆแห่งพระสิริของพระเจ้ามากกว่า ซึ่งอ่านพระคัมภีร์บทนี้ อีก 3 ข้อ อาจจะเข้าใจดีขึ้น ( อพย.33.12-23 )

21 พระเจ้าตรัสอีกว่า "นี่แหละมีที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้เรา เจ้าจงไปยืนอยู่บนศิลานั้น
22 แล้วขณะเมื่อพระสิริของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในช่องศิลา และจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป
23 เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่หน้าของเราเจ้าจะมิได้เห็น"


��ึงมีการอธิบายการปรากฏองค์ของพระเจ้า ( Theophanies ) คือการทรงสำแดงพระองค์ในรูปลักษณะที่มนุษย์แลเห็นได้ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยาโคบกล่าวว่า "เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์พระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่" ( ปฐก.32.30 ) “ทูตของพระเจ้า” คือการปรากฏองค์ให้มนุษย์เห็นได้ในรูปแบบหนึ่ง ( ปฐก.16.7-14,18.13-33,22.11-18; อพย.3.2-5;วนฉ.6.11-23; 1 พกษ.19.35 ) เป็นที่น่าสังเกตว่า พระคัมภีร์กล่าวถึง “ทูตของพระเจ้า” ว่าเป็น “พระเจ้า”เอง ( ปฐก.16.11 เทียบข้อ 13 ; อพย.3.2 เทียบ กับข้อ 4 ; วนฉ.6.12 เทียบ ข้อ 16 )

11 ทูตพระเจ้ากล่าวแก่นางอีกว่า "นี่แน่ะเจ้ามีครรภ์แล้ว จะคลอดบุตรชาย และจะตั้งชื่อบุตรนั้นว่าอิชมาเอล* เพราะพระเจ้าทรงรับฟังความทุกข์ร้อนของเจ้า ( * แปลว่า พระเจ้าทรงรับฟัง * ) เทียบ
13 นางฮาการ์จึงเรียกพระนามพระเจ้าผู้ตรัสแก่ตนว่า "พระองค์เป็นพระเจ้า ผู้ให้เห็น" และพูดว่า "ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ที่นี่ แล้วยังมีชีวิตอยู่ได้อีกจริงหรือ"
ผู้วินิจฉัย 6.12 ทูตของพระเจ้าปรากฏแก่กิเดโอนพูดกับเขาว่า "เจ้าบุรุษผู้กล้าหาญเอ๋ย พระเจ้าทรงสถิตกับเจ้า" เทียบ ข้อ 16 พระเจ้าตรัสกับเขาว่า "แต่เราจะอยู่กับเจ้าแน่ และเจ้าจะได้โจมตีคนมีเดียนอย่างกับตีคนคนเดียว"
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2005 3:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Little Puppet
โพสต์: 100
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 12:25 pm
ที่อยู่: กรุงเทพ

อังคาร มิ.ย. 28, 2005 12:08 pm

สวัสดีครับ พั้พัพั
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

อังคาร มิ.ย. 28, 2005 7:00 pm

แฟนประจำ ตามมาอ่านคะ ^^
New lamb
~@
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 7:21 am
ที่อยู่: Florida U.S.A

อังคาร มิ.ย. 28, 2005 9:04 pm

ขอบคุณค่ะคุณ พี พี :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Q
โพสต์: 103
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 5:45 am

พุธ มิ.ย. 29, 2005 1:19 am

Numquam te vidi, Domine Deus meus, non novi faciem tuam!


ขอบคุณครับคุณพีพี
spirit

พุธ มิ.ย. 29, 2005 12:31 pm

มาอานแล้วรู้สึกพระองค์อยู่ไกลจัง พระเยซูทรงมีราชกิจยุ่งก็เลยไม่มีเวลามา ตามแกะให้เข้ามรรคาพระองค์ได้ :'(
SILA

พุธ มิ.ย. 29, 2005 4:42 pm

8)คุณพีพี ครับ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณต่างจากการรับบัพติศมาทั่วไปอย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าเรารับรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ ???
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 03, 2007 7:23 pm

เชิญ เบิ่ง คร้าบ :afro:
Rakkypoko!
โพสต์: 960
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm

พุธ ต.ค. 03, 2007 10:52 pm

SILA เขียน: 8)คุณพีพี ครับ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณต่างจากการรับบัพติศมาทั่วไปอย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าเรารับรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ ???
คนอื่นผมไม่รู้นะ แต่สำหรับผม เรารู้ได้เพราะความเชื่อไงครับ ถ้าเราไม่เชื่อว่าเราบัพติสมาด้วยพระวิญญาณ ต่อให้เราบัพติสมาสักกี่รอบก็ไม่มีอะไร
คห ส่วนตัวอะนะ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 5:21 am

ขอบคุณที่แบ่งปันฮะ
lordtole
โพสต์: 131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 14, 2006 12:38 am
ที่อยู่: Bangkok , St.JoHn Church & Fatima

พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 3:20 pm

พระเยซูเจ้าได้สำแดงความเป็นพระเจ้าให้ มนุษย์และคริสตชนได้เห็น  ดังนั้นผู้ที่ได้เห็นพระองค์ก็ได้เห็นพระบิดาด้วย  พระเจ้าก็เคยมีรูปกายให้มนุษย์เห็นครั้งหนึ่ง นั่นก็คือพระเยซูเจ้าของชาวคริสต์ ไงล่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 3:28 pm

เคยได้ยินเสียง กับ วาบๆๆที่ผิวลึกเข้าไปถึงกระดูกดำ
เคยวาบๆ จนหมดแรง 

เคยตัวชา เวลาอธิษฐาน สวดภาวนา ออกทางปาก อย่างไม่กั๊กอารมณ์ ชาจนฟันกระต่ายคู่หน้าหายไป

หุ้ย พูดไม่ถูก

ขอพระเจ้าประจักษ์กับพี่น้องของเราด้วย ให้เรามีประสบการณ์กับพระองค์
ขอบคุณพระเจ้า  :rolleyes:
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 6:06 pm

สัมผัสด้วยใจครับ :cheesy:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 6:59 pm

Invisible but Visible
Intangible but Tangible
Adorable always!!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 1:31 am

หมายความว่ามนุษย์ไม่สามารถมององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยตรงได้เลยสินะคะ

......แต่ถ้าได้ยินแค่เสียงแล้วยังไม่ตาย ก็อยากได้ยินเหมือนกัน

เดี๋ยวสิ แปลกใจอยู่อย่าง แล้วการที่พระเยซูคริสต์คืนพระชนม์แล้วปรากฎกายแก่สาวก 500 คนนั่น ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 1:36 am

Valkyrie Zero Number เขียน:หมายความว่ามนุษย์ไม่สามารถมององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยตรงได้เลยสินะคะ

......แต่ถ้าได้ยินแค่เสียงแล้วยังไม่ตาย ก็อยากได้ยินเหมือนกัน

เดี๋ยวสิ แปลกใจอยู่อย่าง แล้วการที่พระเยซูคริสต์คืนพระชนม์แล้วปรากฎกายแก่สาวก 500 คนนั่น ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ

อันนี้ไง
��ึงมีการอธิบายการปรากฏองค์ของพระเจ้า ( Theophanies ) คือการทรงสำแดงพระองค์ในรูปลักษณะที่มนุษย์แลเห็นได้ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยาโคบกล่าวว่า "เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์พระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่" ( ปฐก.32.30 )
Little Boy
โพสต์: 250
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am

ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 4:29 pm

เพราะไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้าเลยในเนื้อหนัง เว้นแต่จะถูกพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าเปลี่ยนแปลง

"ดังนี้แหละพระเจ้าเคยตรัสสนทนากับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน..."

โมเสสก็ยังเคยเห็นพระเจ้าและยังบอกว่า

"แต่บัดนี้ ตาของข้าพเจ้าเองเห็นพระเจ้าแล้ว แต่มิใช่ตาธรรมชาติของข้าพเจ้าแต่เป็นตาแห่งวิญญาณของข้าพเจ้า เพราะตาธรรมชาติของข้าพเจ้ามองเห็นไม่ได้ เพราะข้าพเจ้าจะเหี่ยวแห้งตายไปต่อพระพักตร์พระองค์ : แต่รัศมีภาพของพระองค์อยู่บนข้าพเจ้า และข้าพเจ้ามองเห็นพระพักตร์พระองค์ เพราะข้าพเจ้าถูกเปลี่ยนสภาพต่อพระพักตร์พระองค์"
ตอบกลับโพส