บัทเชบา:สตรีที่โลกลืม
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 14, 2010 10:56 pm
บัทเชบา...สตรีที่โลกลืม
โปรดปราน (พีพี )
เพื่อนรักของฉันได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนของเราคนหนึ่ง บอกว่าอยากฝากเด็กสาวพม่าคนหนึ่งให้ทำงานด้วยเพื่อนเลยถามว่าทำไมไม่เอาไว้เอง เพื่อนบอกว่า เด็กอยู่กับเธอเกือบสองปีแล้วยังทำงานไม่ได้มาก เพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง และเธอต้องออกจากบ้านเช้ามืด กลับบ้านมืดอีก เด็กอยู่บ้านเฝ้าสุนัข และคุยแต่โทรศัพท์กับเพื่อนๆ เพื่อนที่ถูกขอร้องให้ช่วยรับเด็ก ถามว่าแล้วทำไมไม่ปล่อยให้ไปอยู่ที่อื่นเลย เพราะหลายๆที่เขาก็ต้องการเด็กทำงานบ้าน เพื่อนเลยบอกว่า “ฉันไม่ไว้ใจคนที่ไม่รู้จัก เพราะเด็กคนนี้หน้าตาดีมาก กลัวจะถูกขายซ่อง หรือนายผู้ชายจะลวนลาม” ฟังแล้วเพื่อนรักของฉันก็มีคุณธรรม จริยธรรม ยอดเยี่ยม สมกับเป็นคนที่ศรัทธาพระเยซูเจ้า
ประเด็นสตรี ยังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะ สตรีตกเป็นเหยื่อทุกยุคทุกสมัย เช่นเราคงได้ฟังข่าวจากประเทศเฮติ ผู้ประสบภัยต้องใช้ชีวิตในเต็นท์ของศูนย์พักพิง ก็ยังไม่วายเหยื่อสตรีถูกเหยื่อบุรุษ ลวนลาม ข่มขืน พวกนักค้ามนุษย์ของทุกประเทศก็ได้ใช้สตรีเป็นสินค้า ยามศึกสงครามโดยเฉพาะปัจจุบันมีระเบิดฆ่าตัวตายเป็นเครื่องมือของผู้ก่อการร้าย สตรีและเด็กได้รับภัยจากระเบิดเหล่านี้มากมายในแต่ละปี ส่วนทางภาคใต้ของไทย บางช่วงผู้ไม่หวังดี ก็ใช้สตรีเป็นโล่มนุษย์ หรือประเทศเพื่อนบ้านเราทำสงครามกันเองในประเทศเป็นเวลาหลายปีพวกทหารต้องจากบ้านจากครอบครัวมานาน เขาก็จับสตรีชนเผ่าไปใช้ต่างโสเภณีก็มากมาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเรา เด็กผู้หญิง ได้ข้ามชายแดนเข้ามาหางานทำในประเทศไทยมากมาย บางคนกว่าจะข้ามเขตแดนมาได้ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายข่มขืนจนสะใจ เมื่อมาทำงานก็โดนนายจ้างข่มขืนต่อ เป็นต้น
คริสตชนส่วนใหญ่คุ้นเคย กับ กษัตริย์ดาวิด กษัตริย์ซาโลมอน แต่ไม่ค่อยรู้จัก มเหสี บัทเชบา หรือสงสัยว่าบัทเชบานี่คือใคร มาทำความรู้จักกับบัทเชบาเล็กน้อย บัทเชบา แปลว่าบุตรแห่งต้นก่อหลวง เป็นลูกสาวคนที่ 7 ของเอลีอัม ความจริงแล้วเรารู้จักชีวิตของนางผ่านพระราชาดาวิด ชื่อของนางได้บันทึกในพระคัมภีร์เพราะดาวิดหลงใหลนางมาก ทั้งๆที่นางมีสามีอยู่แล้ว แต่เธอตกเป็นเหยื่อทางเพศให้ผู้มีอำนาจนั่นคือพระราชา ต่อมาชื่อของเธอกลับถูกลืมไปเลย …ต่อไปนี้ขอพิจารณาเรื่องราวของบัทเชบาสตรีที่โลกลืมดังนี้
1.เป็นหญิงที่จงรักภักดีต่อกษัตริย์และประเทศชาติ
ติดตามอ่านในพระคัมภีร์เก่า 2 ซามูเอลบทที่ 11-12.25 เราจะเห็นภาพของนางบัทเชบาว่า เป็นภรรยาของอุรียาห์ ซึ่งเป็นทหารที่สัตย์ซื่อ และกล้าหาญในกองทัพของดาวิด ในยามที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงคราม อุรียาห์ยอมอุทิศชีวิตเพื่อบ้านเมือง ไม่ยอมกลับไปเสวยสุขกับครอบครัว เขาเฝ้าประตูพระราชวังเพื่อคุ้มครองกษัตริย์และป้องกันประเทศ เชื่อว่าความภักดีของสามีมีอิทธิพลต่อภรรยา เมื่อพระราชาดาวิดได้ส่งมหาดเล็กไปเชิญนางมาเฝ้าเธอไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเป็นการตอบสนองพระบรมราชโองการ ดาวิดได้เข้าหาหลับนอนกับนาง แต่บัทเชบาไม่ได้ขัดขืนเพราะเชื่อว่าเป็นการถวายความภักดีต่อพระราชา เมื่ออ่านพระคัมภีร์มาถึงตรงนี้ ฉันเคยฟังคริสตชนผู้ชายบางคนที่ชอบมีภรรยาเกินหนึ่งบอกว่าเขาได้ทำตามแบบของดาวิด และเมื่อผิดพลาดก็สารภาพบาปกันได้ หรือสุภาพสตรีคริสตชนบางคนยอมเป็นภรรยาน้อย อาจจะอ้างว่า “ฉันทำตามบัทเชบา เพื่อทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ” ความจริงแล้วพระคัมภีร์ได้บันทึกเรื่องราวด้านลบอย่างตรงไปตรงมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ เตือนสติพวกเราไม่ให้ทำผิดพลาดพลั้งหรือพ่ายแพ้ต่อการทดลองเรื่องเพศ เราสามารถทดแทนพระคุณผู้มีพระคุณด้วยวิธีต่างๆมากมาย แม้แต่การอธิษฐานภาวนาให้พวกเขาทุกวัน หรือดำเนินชีวิตให้เป็นท่อพระพรแก่ทุกคน หากเราได้ศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจัง ความผิดของดาวิดที่มีต่อบัทเชบา พระเจ้าทรงผิดหวังมาก เพราะเป็นการทำชั่ว
ดังนั้นพระเจ้าทรงส่งประกาศกนาธันไปเฝ้าพระราชาดาวิดเพื่อเล่าคำอุปมาเรื่องเศรษฐีมีแกะมากมายแต่ไปฆ่าแกะคนยากจนที่เขามีแค่ตัวเดียวเพื่อเลี้ยงแขกของเขา ดาวิดได้ฟังเรื่องนี้ก็โกรธมาก จึงประกาศว่าใครทำเช่นนั้นต้องมีโทษถึงตาย ประกาศกนาธันจึงทูลว่าเศรษฐีคนนั้นคือพระราชาดาวิดเอง เพราะแย่งนางบัทเชบาจากทหารชั้นผู้น้อยที่ภักดีต่อพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง ได้ส่งเขาไปรบแนวหน้าจนเขาถูกศัตรูฆ่า พระเจ้าทรงต่อว่าดาวิดเพราะพระองค์ทรงยกย่องเด็กเลี้ยงแกะให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงปกป้องเขาจากการมุ่งร้ายของพระราชา
ซาอูล การกระทำต่อนางบัทเชบาเช่นนั้นคือการดูหมิ่นพระเจ้า ในที่สุดกษัตริย์ดาวิดยอมจำนนสารภาพบาปต่อพระเจ้า พระองค์ทรงยกโทษให้ไม่ถึงตาย แต่ผลของบาปครั้งนี้จะมีสิ่งร้ายเกิดขึ้นมากมายกับดาวิดและครอบครัว ( ดู 2 ซมอ.12.1-23 )
โปรดปราน (พีพี )
เพื่อนรักของฉันได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนของเราคนหนึ่ง บอกว่าอยากฝากเด็กสาวพม่าคนหนึ่งให้ทำงานด้วยเพื่อนเลยถามว่าทำไมไม่เอาไว้เอง เพื่อนบอกว่า เด็กอยู่กับเธอเกือบสองปีแล้วยังทำงานไม่ได้มาก เพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง และเธอต้องออกจากบ้านเช้ามืด กลับบ้านมืดอีก เด็กอยู่บ้านเฝ้าสุนัข และคุยแต่โทรศัพท์กับเพื่อนๆ เพื่อนที่ถูกขอร้องให้ช่วยรับเด็ก ถามว่าแล้วทำไมไม่ปล่อยให้ไปอยู่ที่อื่นเลย เพราะหลายๆที่เขาก็ต้องการเด็กทำงานบ้าน เพื่อนเลยบอกว่า “ฉันไม่ไว้ใจคนที่ไม่รู้จัก เพราะเด็กคนนี้หน้าตาดีมาก กลัวจะถูกขายซ่อง หรือนายผู้ชายจะลวนลาม” ฟังแล้วเพื่อนรักของฉันก็มีคุณธรรม จริยธรรม ยอดเยี่ยม สมกับเป็นคนที่ศรัทธาพระเยซูเจ้า
ประเด็นสตรี ยังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะ สตรีตกเป็นเหยื่อทุกยุคทุกสมัย เช่นเราคงได้ฟังข่าวจากประเทศเฮติ ผู้ประสบภัยต้องใช้ชีวิตในเต็นท์ของศูนย์พักพิง ก็ยังไม่วายเหยื่อสตรีถูกเหยื่อบุรุษ ลวนลาม ข่มขืน พวกนักค้ามนุษย์ของทุกประเทศก็ได้ใช้สตรีเป็นสินค้า ยามศึกสงครามโดยเฉพาะปัจจุบันมีระเบิดฆ่าตัวตายเป็นเครื่องมือของผู้ก่อการร้าย สตรีและเด็กได้รับภัยจากระเบิดเหล่านี้มากมายในแต่ละปี ส่วนทางภาคใต้ของไทย บางช่วงผู้ไม่หวังดี ก็ใช้สตรีเป็นโล่มนุษย์ หรือประเทศเพื่อนบ้านเราทำสงครามกันเองในประเทศเป็นเวลาหลายปีพวกทหารต้องจากบ้านจากครอบครัวมานาน เขาก็จับสตรีชนเผ่าไปใช้ต่างโสเภณีก็มากมาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเรา เด็กผู้หญิง ได้ข้ามชายแดนเข้ามาหางานทำในประเทศไทยมากมาย บางคนกว่าจะข้ามเขตแดนมาได้ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายข่มขืนจนสะใจ เมื่อมาทำงานก็โดนนายจ้างข่มขืนต่อ เป็นต้น
คริสตชนส่วนใหญ่คุ้นเคย กับ กษัตริย์ดาวิด กษัตริย์ซาโลมอน แต่ไม่ค่อยรู้จัก มเหสี บัทเชบา หรือสงสัยว่าบัทเชบานี่คือใคร มาทำความรู้จักกับบัทเชบาเล็กน้อย บัทเชบา แปลว่าบุตรแห่งต้นก่อหลวง เป็นลูกสาวคนที่ 7 ของเอลีอัม ความจริงแล้วเรารู้จักชีวิตของนางผ่านพระราชาดาวิด ชื่อของนางได้บันทึกในพระคัมภีร์เพราะดาวิดหลงใหลนางมาก ทั้งๆที่นางมีสามีอยู่แล้ว แต่เธอตกเป็นเหยื่อทางเพศให้ผู้มีอำนาจนั่นคือพระราชา ต่อมาชื่อของเธอกลับถูกลืมไปเลย …ต่อไปนี้ขอพิจารณาเรื่องราวของบัทเชบาสตรีที่โลกลืมดังนี้
1.เป็นหญิงที่จงรักภักดีต่อกษัตริย์และประเทศชาติ
ติดตามอ่านในพระคัมภีร์เก่า 2 ซามูเอลบทที่ 11-12.25 เราจะเห็นภาพของนางบัทเชบาว่า เป็นภรรยาของอุรียาห์ ซึ่งเป็นทหารที่สัตย์ซื่อ และกล้าหาญในกองทัพของดาวิด ในยามที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงคราม อุรียาห์ยอมอุทิศชีวิตเพื่อบ้านเมือง ไม่ยอมกลับไปเสวยสุขกับครอบครัว เขาเฝ้าประตูพระราชวังเพื่อคุ้มครองกษัตริย์และป้องกันประเทศ เชื่อว่าความภักดีของสามีมีอิทธิพลต่อภรรยา เมื่อพระราชาดาวิดได้ส่งมหาดเล็กไปเชิญนางมาเฝ้าเธอไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเป็นการตอบสนองพระบรมราชโองการ ดาวิดได้เข้าหาหลับนอนกับนาง แต่บัทเชบาไม่ได้ขัดขืนเพราะเชื่อว่าเป็นการถวายความภักดีต่อพระราชา เมื่ออ่านพระคัมภีร์มาถึงตรงนี้ ฉันเคยฟังคริสตชนผู้ชายบางคนที่ชอบมีภรรยาเกินหนึ่งบอกว่าเขาได้ทำตามแบบของดาวิด และเมื่อผิดพลาดก็สารภาพบาปกันได้ หรือสุภาพสตรีคริสตชนบางคนยอมเป็นภรรยาน้อย อาจจะอ้างว่า “ฉันทำตามบัทเชบา เพื่อทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ” ความจริงแล้วพระคัมภีร์ได้บันทึกเรื่องราวด้านลบอย่างตรงไปตรงมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ เตือนสติพวกเราไม่ให้ทำผิดพลาดพลั้งหรือพ่ายแพ้ต่อการทดลองเรื่องเพศ เราสามารถทดแทนพระคุณผู้มีพระคุณด้วยวิธีต่างๆมากมาย แม้แต่การอธิษฐานภาวนาให้พวกเขาทุกวัน หรือดำเนินชีวิตให้เป็นท่อพระพรแก่ทุกคน หากเราได้ศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจัง ความผิดของดาวิดที่มีต่อบัทเชบา พระเจ้าทรงผิดหวังมาก เพราะเป็นการทำชั่ว
ดังนั้นพระเจ้าทรงส่งประกาศกนาธันไปเฝ้าพระราชาดาวิดเพื่อเล่าคำอุปมาเรื่องเศรษฐีมีแกะมากมายแต่ไปฆ่าแกะคนยากจนที่เขามีแค่ตัวเดียวเพื่อเลี้ยงแขกของเขา ดาวิดได้ฟังเรื่องนี้ก็โกรธมาก จึงประกาศว่าใครทำเช่นนั้นต้องมีโทษถึงตาย ประกาศกนาธันจึงทูลว่าเศรษฐีคนนั้นคือพระราชาดาวิดเอง เพราะแย่งนางบัทเชบาจากทหารชั้นผู้น้อยที่ภักดีต่อพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง ได้ส่งเขาไปรบแนวหน้าจนเขาถูกศัตรูฆ่า พระเจ้าทรงต่อว่าดาวิดเพราะพระองค์ทรงยกย่องเด็กเลี้ยงแกะให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงปกป้องเขาจากการมุ่งร้ายของพระราชา
ซาอูล การกระทำต่อนางบัทเชบาเช่นนั้นคือการดูหมิ่นพระเจ้า ในที่สุดกษัตริย์ดาวิดยอมจำนนสารภาพบาปต่อพระเจ้า พระองค์ทรงยกโทษให้ไม่ถึงตาย แต่ผลของบาปครั้งนี้จะมีสิ่งร้ายเกิดขึ้นมากมายกับดาวิดและครอบครัว ( ดู 2 ซมอ.12.1-23 )