หน้า 1 จากทั้งหมด 2

พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 1:43 pm
โดย billa-bong
วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม 2012
นักบุญโยเซฟ กรรมกร


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 3:14-15,17,23-24

พี่น้อง สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งใดก็คือ ความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สันติสุขของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านทั้งหลายให้รวมเป็นกายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด
ท่านจะพูดเรื่องใดหรือทำกิจการใด ก็จงพูดจงทำในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระองค์เถิด ไม่ว่าทำสิ่งใด จงทำจากใจประหนึ่งว่าทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ ท่านรู้แล้วว่า ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล



พระวรสาร มธ 13:54-58

เวลานั้นพระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่น มายังถิ่นกำเนิดของพระองค์ ทรงสั่งสอนในศาลาธรรมของชาวยิว ประชาชนต่างประหลาดใจและพูดว่า “คนนี้เอาปรีชาญาณและอำนาจทำอัศจรรย์มาจากที่ใด เขาเป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาหรือ พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ เขาไปได้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด” คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิดและในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่มากนัก เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ



ข้อคิด

ถ้าเราไม่มีความรักเป็นสิ่งสำคัญกว่าสิ่งใด เราจะแบ่งแยกบุคคล เราจะค่อยๆดูถูกคน เราจะแยกคนตามอาชีพของเขา ใครมีอาชีพต้อยต่ำ เช่นกรรมกร คนใช้ คนรับจ้างรายวัน และอื่นๆ หรือถ้าไม่ใช่อาชีพก็เป็นเรื่องความฉลาดกับความโง่ บางคนก็ดูถูกคนอื่นโดยเข้าใจว่าตนฉลาดกว่าและดูถูกคนอื่นว่าโง่เสียเหลือเกิน ถ้าเรามีความรัก เราจะพบว่าทุกอาชีพสุจริตมีเกียรติของตนเอง พระวรสารวันนี้สอนให้เราอย่าดูถูกคนใดเลย ครอบครัวของพระเยซูเจ้าและนักบุญยอแซฟถูกพูดถึงและถูกมองเช่นนี้มาแล้ว การให้เกียรติกันและกันเป็นเครื่องหมายแห่งความรักจริงๆ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 1:44 pm
โดย billa-bong
วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2012
ระลึกถึง น.อาทานาส พระสังฆราชและนักปราชญ์



บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 12:24-13:5ก

ในครั้งนั้น พระวาจาของพระเจ้าแผ่ขยายมากขึ้น และผู้มีความเชื่อก็เพิ่มจำนวนขึ้นด้วย บารนาบัสและเซาโลปฏิบัติภารกิจที่กรุงเยรูซาเล็มแล้ว จึงกลับมาที่เมืองอันทิโอกโดยพายอห์น ที่รู้จักในนามว่า มาระโก มาด้วย
ในพระศาสนจักรที่เมืองอันทิโอก มีประกาศกและอาจารย์ คือบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกกันว่าคนดำ ลูสิอัสชาวไซรีน มานาเอนซึ่งได้รับการศึกษาอบรมมาด้วยกันกับกษัตริย์เฮโรดอันทิปาส และคนสุดท้ายคือเซาโล ขณะที่เขาร่วมพิธีนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและจำศีล อดอาหาร พระจิตเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงแยกบารนาบัสและเซาโลไว้ปฏิบัติภารกิจที่เราเรียกเขาให้มาปฏิบัติเถิด” เมื่อเขาจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนาแล้ว จึงปกมือเหนือบารนาบัสและเซาโล แล้วส่งเขาทั้งสองคนออกไป
เมื่อบารนาบัสและเซาโลได้รับมอบภารกิจจากพระจิตเจ้าแล้ว จึงเดินทางไปยังเมือง เซลูเคียและจากที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส ครั้นถึงเมืองซาลามิส ทั้งสองคนประกาศ พระวาจาของพระเจ้าในศาลาธรรมของชาวยิวมียอห์นเป็นผู้ช่วย


พระวรสาร ยน 12:44-50

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเสียงดังว่า “ผู้ที่เชื่อในเรา ไม่ได้เชื่อในเราเท่านั้น แต่ยังเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามาด้วย ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เราเข้ามาในโลกเป็นแสงสว่าง เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อในเราไม่อยู่ในความมืด ผู้ใดได้ยินวาจาของเรา แล้วไม่ปฏิบัติตาม เราไม่ตัดสินลงโทษเขา เพราะเราไม่ได้มาเพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่มาเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้น ผู้ที่ไม่ยอมรับเรา และไม่ยอมรับวาจาของเรา ก็มีผู้ตัดสินลงโทษเขาแล้ว วาจาที่เราได้กล่าวนั้น จะตัดสินลงโทษเขาในวันสุดท้าย เพราะเรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้ทรงส่งเรามา ได้ทรงบัญชาว่าเราต้องพูดอะไร และพูดอย่างไร เรารู้ว่า พระบัญชาของพระองค์เป็นชีวิตนิรันดร ดังนั้น สิ่งที่เราพูดนั้น เราก็พูดดังที่พระบิดาทรงบอกกับเรา


ข้อคิด

ชอบพระวาจาที่ว่า เรามิได้มาเพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่มาเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้น ไม่ใช่แค่เราที่หวังว่าวันหนึ่งเราจะรอดพ้น พระเจ้าเองก็หวังเช่นนั้นด้วย เผลอๆ หวังให้เรารอดพ้นมากกว่าเราเองเสียอีก แสดงว่าพระทรงรักเราเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ ถ้าเราเข้าใจความรักของพระขนาดยอมตายเพื่อเราแบบนี้ เราก็ไม่ต้องคอยระแวงพระแบบผู้มีอำนาจ แต่เราจะมองพระแบบลูกมองดูพ่อแม่ เกรงใจพ่อแม่เวลาที่จะทำผิดต่างๆ พูดง่ายๆก็คือรักตอบพระ แทนที่จะกลัวพระองค์ ในโลกนี้พระไม่เคยลงโทษเรา พระองค์เพียงเตือนเราเท่านั้น เราอย่าบังคับให้พระต้องลงโทษเราในวันสุดท้ายเลย

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 1:45 pm
โดย billa-bong
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2012
ฉลองนักบุญฟิลิป และ นักบุญยากอบ อัครสาวก



บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:1-8

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ ท่านกำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเราตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระ ชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์ และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคน หลังจากนั้นทรงแสดงองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว ต่อมาพระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์กับข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย



พระวรสาร ยน 14:6-14

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสตอบโธมัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดาของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว
ฟิลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว”
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟิลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำรงอยู่ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดา ผู้สถิตในเรา ทรงกระทำกิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วย และจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำให้”



ข้อคิด

ฟิลิปและยากอบ อัครสาวกและมรณะสักขี เป็นเสาหลักแห่งความเชื่อของเราครัสตังดังที่นักบุญเปาโลเตือนสอนเราวันนี้ว่า ถ้าท่านไม่ยึดมั่นในข่าวดี ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ทั้งสองท่านยึดมั่นจนตาย เราไม่ทราบว่าฟิลิปเป็นมรณะสักขีอย่างไร ยากอบถูกชาวยิวผลักลงมาจากระเบียงพระวิหาร อาการปางตายและถูกทุ่มหินซ้ำจนตายขณะที่ภาวนาอภัยให้ผู้ที่ฆ่าท่านตามแบบอย่างพระอาจารย์เจ้า พระเยซูเจ้าสอนว่า ผู้ที่เชื่อในเราก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วยและจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก ความเชื่อของเราสามารถทำอะไรได้มากมายเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ สำคัญที่ว่าเรายึดมั่นในข่าวดีของพระองค์เพียงใด ขอท่านทั้งสองเป็นกำลังและบันดาลใจเราให้ยึดมั่นในความเชื่อเสมอ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 1:47 pm
โดย billa-bong
วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา




บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 13:26-33

พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นบุตรจากเชื้อสายของอับราฮัมและท่านที่เคารพยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา ชาวเยรูซาเล็มและบรรดาหัวหน้าไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าจึงตัดสินลงโทษพระองค์ ทำให้ข้อความของบรรดาประกาศกที่อ่านทุกวันสับบาโตเป็นจริง แม้ว่าเขาไม่พบเหตุผลที่จะประหารพระองค์ได้ เขาก็ยังขอปีลาตให้ประหารพระองค์ เมื่อทำให้ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์เป็นจริงแล้ว เขาจึงปลดพระองค์ลงจากไม้กางเขนและนำไปวางไว้ในพระคูหา แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ตลอดเวลาหลายวัน พระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ผู้ที่เดินทางจากแคว้นกาลิลีมายังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์ และบัดนี้เขาทั้งหลายเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ต่อหน้าประชาชน
เราขอประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า พระสัญญาที่ประทานแก่บรรดาบรรพบุรุษนั้น พระเจ้าทรงกระทำให้เป็นจริงสำหรับเราทั้งหลายผู้เป็นลูกหลาน โดยทรงบันดาลให้ พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังที่มีเขียนไว้ในเพลงสดุดีบทที่สองว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำเนิดท่านในวันนี้”



พระวรสาร ยน 14:1-6

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“ใจของท่านทั้งหลายจงอย่าหวั่นไหวเลย จงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย ในบ้านพระบิดาของเรา มีที่พำนักมากมาย ถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้ว เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน และเมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย ที่ที่เราจะไปนั้น ท่านรู้จักหนทางแล้ว”
โทมัสทูลว่า “พระเจ้าข้า พวกเราไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด แล้วจะรู้จักหนทางได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา”


ข้อคิด

ต่อให้เราเป็นคนบาปเพียงใด พระเจ้าก็ยังต้องการให้เราไปสวรรค์ พระเยซูเจ้า แม่พระ นักบุญทั้งหลายก็เช่นกัน พระองค์ทรงทำทุกทางที่จะบอกทางไปสวรรค์แก่เรา ทำจนกระทั่งยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อบอกเราว่าเราต้องตายต่อโลกนี้ ถ้าพระทำถึงขนาดนี้แล้ว พระองค์ก็คงทำทุกสิ่งเพื่อช่วยเราไปสวรรค์ ยกเว้นพระองค์ไม่อุ้มเราไปเท่านั้นเอง หนทางที่พระเยซูเจ้าบอกเราง่ายๆก็คือ ในโลกนี้เราต้องมีชีวิตด้วยความจริง มีพระเยซูเจ้าเป็นแสงสว่างเพื่อเราจะได้เห็นทางที่ถูกต้อง ถ้าเราต้องการไปสวรรค์เราได้ไปแน่เพราะบนสวรรค์มีที่มากมาย เราจะตายต่อตนเองบนโลกนี้ได้หรือ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 1:48 pm
โดย billa-bong
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา



บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 13:44-52

วันสับบาโตต่อมา ชาวเมืองเกือบทั้งหมดมาชุมนุมฟังพระวาจาของพระเจ้า เมื่อชาวยิวเห็นประชาชนมากมายเช่นนี้ ก็เกิดความอิจฉาอย่างมาก จึงคัดค้านคำพูดของเปาโลและด่าว่าเขา
เปาโลและบารนาบัสตอบเขาอย่างกล้าหาญว่า “จำเป็นที่เราจะต้องประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้ท่านฟังก่อนผู้อื่น แต่เมื่อท่านปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่คิดว่าตนเหมาะสมจะรับชีวิตนิรันดร เราจึงหันไปหาคนต่างศาสนา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระบัญชาแก่เราดังนี้ว่า“เราแต่งตั้งท่านให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติเพื่อท่านจะได้นำความรอดพ้นไปจนสุดปลายแผ่นดิน”
เมื่อคนต่างศาสนาได้ยินดังนี้ ก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวาจาของพระเจ้า และทุกคนที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับชีวิตนิรันดร ก็มีความเชื่อ
พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแผ่ไปทั่วแคว้นนั้น แต่ชาวยิวยุยงบรรดาสตรีชั้นสูงที่เลื่อมใสในศาสนายิวและบรรดาผู้นำของเมือง ให้เบียดเบียนเปาโลและบารนาบัส และขับไล่ทั้งสองคนออกไปจากดินแดนของตน เขาทั้งสองคนจึงสะบัดฝุ่นจากเท้าเป็นเครื่องหมายตัดความสัมพันธ์ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองอิโคนิยุม บรรดาศิษย์ต่างมีความชื่นชมและได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม



พระวรสาร ยน 14:7-14

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดาของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว”ฟิลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟิลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำรงอยู่ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดา ผู้สถิตในเรา ทรงกระทำกิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วย และจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำให้”


ข้อคิด

ถ้าเราเชื่อในพระเยซูเจ้า เราก็จะทำกิจการที่พระองค์กระทำอยู่ เป็นคำสอนที่ชัดเจนมาก เราเห็นคนที่เชื่อพระองค์สวดภาวนาเสมอ เราเคยเห็นคนที่เชื่อช่วยเหลือคน ช่วยเหลือเพื่อนพี่น้อง ให้อภัยเพื่อนพี่น้อง และอื่นๆที่มีสอนเราในพระวรสาร บางทีเราก็คิดว่ามีแต่เราที่สามารถทำเช่นนั้นได้ อันที่จริงมีพี่น้องต่างศาสนามากมายที่ได้ทำกิจการเหล่านี้เช่นเดียวกัน หลายคนทำได้ดีกว่าพวกเราด้วยซ้ำ นี่ย่อมบอกเราได้ว่า น่าเสียดายไม่น้อยหากเราไม่ได้มีกิจการแห่งความเชื่อ หรือเราไม่พยายามทำให้มากกว่าที่กำลังกระทำอยู่ เราคริสตชนควรทำสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นอีก

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 04, 2012 1:50 pm
โดย billa-bong
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา



บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 9:26-31

เมื่อเซาโลมาถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ก็พยายามเข้าร่วมกับบรรดาศิษย์ แต่ทุกคนกลัวเขา เพราะไม่เชื่อว่าเขาเป็นศิษย์ที่แท้จริง บารนาบัสจึงพาเขาไปพบบรรดาอัครสาวก และเล่าให้ฟังว่าเซาโลได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าระหว่างทาง พระองค์ได้ตรัสกับเขาและเขาได้เทศน์สอนอย่างกล้าหาญที่เมืองดามัสกัสเดชะพระนามของพระเยซูเจ้า ตั้งแต่เวลานั้น เซาโลจึงอยู่กับบรรดาศิษย์ ไปมาในกรุงเยรูซาเล็มอย่างอิสระ เทศน์สอนอย่างกล้าหาญเดชะพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาพูดและโต้เถียงกับชาวยิวที่พูดภาษากรีก แต่คนเหล่านี้พยายามจะฆ่าเขา บรรดาพี่น้องทราบเรื่องนี้ จึงพาเขาไปยังเมืองซีซารียาแล้งส่งเขาไปยังเมืองทาร์ซัส
ขณะนั้น พระศาสนจักรมีสันติภาพทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลีและสะมาเรีย พระศาสนจักรเติบโต มีความเคารพยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า และได้รับกำลังใจจากพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม


บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์น ฉบับที่หนึ่ง 1 ยน 3:18-24

ลูกๆที่รักทั้งหลาย เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เราจงรักกันด้วยการกระทำ จากการกระทำนี้ เราจะทราบว่าเราอยู่ในความจริง เราจะมั่นใจเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ แม้ใจของเราอาจจะยังกล่าวโทษเราอยู่ก็ตาม เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจของเรา และทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง

ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าใจของเราไม่กล่าวโทษเรา เราย่อมมั่นใจได้เมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และถ้าเราวอนขอสิ่งใด เราย่อมจะได้รับสิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราปฏิบัติตามบทบัญญัติ และกระทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย นี่เป็นบทบัญญัติของพระองค์ คือ ให้เราเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ และให้เรารักกัน ดังที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ให้เรา ผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าทรงดำรงอยู่ในผู้นั้น เราทราบว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา จากองค์พระจิตเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เรา



พระวรสาร ยน 15:1-8

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่น ที่แท้จริง และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว เพราะวาจาที่เราได้กล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งก้านองุ่นย่อมไม่สามารถเกิดผลได้ด้วยตนเอง ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าไม่มีเรา ท่านก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้าน และจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟ เผาเสีย ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่านแล้ว ท่านอยากได้อะไร ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา



ข้อคิด

สำหรับเราคริสตชน พระเยซูเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในการดำเนินชีวิต พระองค์เป็นผู้หล่อเลี้ยงเราด้วยพระวาจาทรงชีวิต ด้วยคำสอนแห่งความรัก ด้วยแบบอย่างจากชีวิตแท้ๆ เราจะมีชีวิตได้อย่างไรหากเราไม่ยึดติดกับลำต้นอันประเสริฐนี้ ยังมีอีก พระองค์ยังบอกกับเราหลายต่อหลายครั้งว่าพระองค์ยังเป็นแสงสว่าง เป็นพละกำลัง เป็นผู้บรรเทาใจเรายามเหน็ดเหนื่อย เป็นผู้ให้อภัยเรายามที่เราผิดพลาด สอนให้เราภาวนาหรือแม้แต่ภาวนาวอนขอ ยังมีอีก พระองค์ทรงเป็นเป็นหนทาง ความจริงและชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตทางกายหรือทางจิต พระเยซูเจ้าเป็นแหล่งพลังที่แท้จริงของเรา คิดดูหากเราไม่ยึดติดกับพระองค์ เราจะมีชีวิตได้อย่างไร เป็นศิษย์พระคริสต์ก็ได้ชีวิตทุกอย่าง

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 06, 2012 8:31 pm
โดย belive13
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะที่นำมาโพส :s002:
กำลังเครียด เพราะต้องอ่านบทอ่านครั้งแรก
ได้เอาพระวาจาไปซ้อมก่อน ดีมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:19 am
โดย billa-bong
ขอบคุณครับ ผมขอยกตวามดีให้พระเยซูนะครับ อิอิ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:24 am
โดย billa-bong
วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก
กจ 14:5-18

เมื่อคนต่างศาสนาและชาวยิวร่วมกับบรรดาผู้ปกครองเมืองวางแผนจะทำร้ายและใช้ก้อนหินขว้างเปาโลและบารนาบัส ทั้งสองคนรู้เรื่อง จึงหลบหนีไปที่เมืองลิสตรา เมืองเดอร์บีและชนบทรอบ ๆ ในแคว้นลิคาโอเนีย ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่นั่นด้วย ที่เมืองลิสตราชายคนหนึ่งยืนไม่ได้ เพราะเป็นง่อยมาแต่กำเนิด เขานั่งอยู่กับที่ไม่เคยเดินเลยเขากำลังฟังเปาโลพูด เปาโลจ้องมองดูเขา เห็นว่าเขามีความเชื่อ พอจะรับการรักษาให้หายจากโรคได้ จึงพูดเสียงดังว่า “จงลุกขึ้นยืนเถิด” ชายคนนั้นก็กระโดดขึ้นและเริ่มเดินไป เมื่อประชาชนเห็นสิ่งที่เปาโลกระทำจึงร้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า “พระเจ้าทรงแปลงเป็นมนุษย์เสด็จลงมาหาเราแล้ว” เขาเรียกบารนาบัสว่า “พระซุส” และเรียกเปาโลว่า “พระเฮอร์เมส”
เพราะเปาโลเป็นคนพูดเก่งกว่าสมณะจากพระวิหารของพระซุสที่อยู่ใกล้ประตูเมืองจูงวัวหลายตัวประดับพวงมาลัยมาที่ประตูเมืองและพร้อมใจกับประชาชนต้องการถวายบูชาแก่เปาโลและบารนาบัส
เมื่ออัครสาวกบารนาบัสและเปาโลรู้เช่นนี้ ก็ฉีกเสื้อผ้าของตนวิ่งผลุนผลันเข้าไปกลางกลุ่มชนร้องว่า “เพื่อนเอ๋ยทำไมท่านจึงทำเช่นนี้เล่า เราทั้งสองคนเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนท่านทั้งหลาย
เรากำลังประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายละทิ้งสิ่งที่ไร้สาระเหล่านี้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ผู้ทรงสร้างฟ้า สร้างแผ่นดิน สร้างทะเล และสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ในอดีตพระเจ้าทรงยอมให้นานาชาติดำเนินไปตามทางของตนพระองค์ทรงแสดงพระองค์ทรงกระทำดีอยู่เสมอ ประทานฝนจากฟ้าและประทานพืชผลตามฤดูกาลแก่ท่าน ประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์และทรงบันดาลให้ใจของท่านเปี่ยมด้วยความยินดี” ทั้ง ๆ ที่พูดเช่นนี้ บารนาบัสและเปาโลก็ห้ามประชาชนถวายเครื่องบูชาแก่ตนเกือบไม่ได้


พระวรสารนักบุญยอห์น
ยน 14:21-26

เวลานั้น
พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“ผู้ที่มีบทบัญญัติของเรา และปฏิบัติตามผู้นั้นรักเรา และผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา”ยูดาส มิใช่ยูดาส อิสคาริโอท ทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้าทำไมพระองค์ทรงต้องการแสดงพระองค์แก่พวกเรา แต่ไม่แสดงพระองค์แก่โลก” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเรา วาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเราแต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟังขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน

ข้อคิด
ยูดาส อิสคาริโอทถามคำถามที่ดีมาก ทำไมพระองค์ถึงเลือกสอนเรา บอกอะไรๆให้เรารู้ทำไมไม่สอนโลกให้รู้ไปซะเลย พระเยซูเจ้าแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอีกไม่นานยูดาสผู้นี้ก็จะทรยศพระองค์ พระองค์ก็ยังคงตอบคำถามนี้ของเขา พระเยซูเจ้าไม่เคยหยุดหวังที่จะให้คนหลงผิดกลับมาสู่หนทางที่ถูกต้อง
ให้โอกาสคนบาปเสมอ เชิญชวนให้ทุกคนให้ปฎิบัติตามบัญญัติ โดยเฉพาะบัญญัติแห่งความรัก นอกจากนี้ยังส่งพระจิตเจ้ามาเป็นผู้ช่วยเหลือเราอีกด้วย ดังนั้นแม้เราจะเป็นคนบาป แต่ก็มีค่าสำหรับพระ เรายังมีโอกาสและก็อาจเป็นได้ที่ผ่านทางเรา :s002: โลกจะรู้ถึงความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:27 am
โดย billa-bong
วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 14:19-28

ชาวยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนิยุม เกลี้ยกล่อมประชาชนให้เป็นฝ่ายของตนได้ เขาเหล่านั้นใช้ก้อนหินขว้างเปาโลแล้วลากออกไปนอกเมืองเพราะคิดว่าเปาโลตายแล้ว บรรดาศิษย์มาห้อมล้อมเขา เปาโลลุกขึ้น เข้าไปในเมือง วันรุ่งขึ้นเปาโลก็ออกเดินทางกับบารนาบัสไปยังเมืองเดอร์บี ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่เมืองนั้น ได้ศิษย์เป็นจำนวนมาก แล้วจึงกลับไปเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียุมและเมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสีเดีย เขาทั้งสองคนให้กำลังใจบรรดาศิษย์ตักเตือนให้มั่นคงอยู่ในความเชื่อ พูดว่า “พวกเราจำเป็นต้องฟันฝ่าความทุกข์ยากเป็นอันมากจึงจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้” เปาโลและบารนาบัสแต่งตั้งผู้อาวุโสในกลุ่มคริสตชนแต่ละกลุ่ม เขาอธิษฐานภาวนาพร้อมกับจำศีลอดอาหาร แล้วฝากบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเขาทั้งหลายมีความเชื่อ ทั้งสองคนเดินทางผ่านแคว้นปิสิเดีย มาถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกาศพระวาจาที่เมืองเปอร์กา แล้วจึงไปยังเมืองอัตตาเลีย จากนั้น เขาลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขาทั้งสองจะออกเดินทางจากเมืองอันทิโอก บรรดาคริสตชนเคยฝากเขาไว้กับพระหรรษทานของพระเจ้าเพื่องานที่เขาเพิ่งกระทำสำเร็จ เมื่อไปถึง เปาโลและบารนาบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำโดยผ่านตน ว่าพระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คนต่างศาสนา เขาทั้งสองคนพักอยู่กับบรรดาศิษย์เป็นเวลานาน

พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 14:27-31ก

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเรากับท่าน เราให้สันติสุขกับท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยินที่เราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชื่อ เราจะพูดกับท่านต่อไปอีกไม่ได้นาน เพราะซาตานเจ้านายแห่งโลกนี้กำลังมา มันไม่มีอำนาจอันใดเหนือเรา แต่โลกจะต้องรู้ว่าเรารักพระบิดา และรู้ว่าพระบิดาทรงบัญชาให้เราทำอย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น”

ข้อคิด

พระเยซูเจ้าไม่เคยจากเราไปไหนเลย พระองค์อยู่กับเราจนสิ้นพิภพ พระองค์ประทับอยู่กับเราทุกวันในศีลมหาสนิท พระองค์อยู่กับเราในคนยากจนข้นแค้น ในผู้ที่ต้องการความรักและความช่วยเหลือ ต่อให้มีอำนาจของผีปีศาจอยู่บนโลกนี้ก็ไม่สามารถชนะพระองค์ได้ พระองค์ให้เราฝากและมอบสันติสุขของเรากับพระองค์ เป็นสันติสุขที่พระองค์มอบให้แก่เรานั่นเอง เราอย่าหวั่นไหว เราอย่ากลัวที่จะต้องต่อสู้กับอำนาจชั่วร้ายที่มีอยู่ในโลกของเรา แต่จงกลัวอำนาจชั่วร้ายที่มีอยู่ในใจของเราเอง อย่าลืมว่าสันติที่โลกให้นั้นไม่ใช่สันติที่พระองค์มอบให้เรา มีบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงอยู่ในสันติที่โลกให้ สันติที่แท้มาจากพระ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:29 am
โดย billa-bong
วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 15:1-6

ในครั้งนั้น คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดีย และสอนบรรดาพี่น้องว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” เปาโลและบารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกันให้เปาโลและบารนาบัสพร้อมกับพี่น้องบางคนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อปรึกษาปัญหานี้กับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส เมื่อพระศาสนจักรจัดให้เขาเหล่านั้นออกเดินทางไปแล้ว เขาเดินทางผ่านแคว้นเฟนีเซียและสะมาเรีย เล่าเรื่องการกลับใจของคนต่างศาสนา ทำให้พี่น้องทุกคนชื่นชมอย่างยิ่ง เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเขาได้รับการต้อนรับจากพระศาสนจักร บรรดา อัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส บารนาบัสและเปาโลเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำโดยผ่านตน

ผู้มีความเชื่อบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มชาวฟาริสีลุกขึ้นกล่าวว่า “ต้องให้คนต่างศาสนาเข้าสุหนัต และปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสส” บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาปัญหานี้


พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 15:1-8

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว เพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้าน และจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา”

ข้อคิด

ความสำคัญของการเป็นคริสตชน ไม่ใช่อยู่ที่การได้รับความเชื่อ ไม่ใช่อยู่ที่การรับฟังคำสอนของพระเยซูเจ้า ไม่ใช่อยู่ที่ว่าเราเข้าใจคำสอนนั้นมากและลึกซึ้งเพียงใด แต่อยู่ที่การบังเกิดผล ถ้าเราเข้าใจความหมายนี้ เราจะเป็นศิษย์พระคริสต์ ไม่ใช่เพียงแต่สวดภาวนา หรือไปวัดวันอาทิตย์ หรือทำบุญให้ทานเท่านั้น แต่เราจะมีกิจการอื่นๆอีกมากมาย จนกระทั่งว่าใครๆที่เห็นเราจะรู้ทันทีว่าเราเป็นศิษย์ของพระองค์ เราจะบังเกิดผลเมื่อเรารักพระสุดหัวใจ เมื่อเรารักพี่น้องของเรา อภัยให้ทุกคนได้ คำสอนของพระเยซูเจ้าไม่เหมือนใคร ผลที่ได้ก็ย่อมยิ่งใหญ่ พยายามให้ชีวิตของเราบังเกิดผลที่ดีเสมอ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:29 am
โดย billa-bong
วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 15:7-21

ในครั้งนั้น หลังจากโต้เถียงกันมากแล้ว เปโตรลุกขึ้นกล่าวแก่ที่ประชุมเปโตรกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้แล้วว่า ตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงเลือกสรรข้าพเจ้าในหมู่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้คนต่างศาสนาได้ฟังพระวาจาที่เป็นข่าวดี จากปากของข้าพเจ้าและมีความเชื่อ พระเจ้าผู้ทรงล่วงรู้จิตใจ ทรงเป็นพยานยืนยันแก่คนต่างศาสนาโดยประทานพระจิตเจ้าให้เขาเหมือนกับที่ประทานให้พวกเรา พระองค์มิได้ทรงลำเอียง แต่ทรงชำระจิตใจของเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความเชื่อ บัดนี้ ทำไมท่านทั้งหลายจึงทดลองพระเจ้า นำแอกที่ทั้งบรรพบุรุษของเราและพวกเราแบกไม่ไหวมาวางบนคอของบรรดาศิษย์ เราเชื่อว่าเราได้รับความรอดพ้นอาศัยพระหรรษทานของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียวกับคนต่างศาสนาด้วย”

ทุกคนในที่ประชุมนิ่งเงียบ ฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรื่องเครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าทรงกระทำในหมู่คนต่างศาสนาโดยผ่านตน

เมื่อทั้งสองคนเล่าจบแล้ว ยากอบจึงพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ซีโมนเล่าแล้วว่า ตั้งแต่แรกพระเจ้าทรงพระกรุณาเลือกสรรประชากรชาติหนึ่งจากนานาชาติให้เป็นประชากรของพระองค์ การกระทำเช่นนี้สอดคล้องกับถ้อยคำของบรรดาประกาศก ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘หลังจากนี้ เราจะกลับมา และจะซ่อมแซมกระโจมที่พังลงของกษัตริย์ดาวิด จะซ่อมแซมสิ่งปรักหักพังของกระโจมนี้ และจะตั้งใหม่ให้ตรง เพื่อให้มนุษย์อื่น ๆ แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับนานาชาติที่เราเรียกว่าเป็นของเรา’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเช่นนี้ และทรงกระทำสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันตลอดมาแล้ว

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าไม่ควรก่อความยุ่งยากแก่คนต่างศาสนาที่กลับใจมาหาพระเจ้า ควรเขียนจดหมายไปบอกเขาให้งดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายแก่รูปเคารพแล้ว ให้งดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และงดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอให้ตาย กฎเหล่านี้ของโมเสสเป็นที่รู้จักกันทั่วทุกเมืองตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เพราะมีผู้ประกาศในศาลาธรรมทุกวันสับบาโต”


พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 15:9-11

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์”

ข้อคิด

เคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ทำไมนักบุญเปโตร นักบุญยากอบ ซึ่งเป็นเพียงชาวประมงไร้การศึกษาจึงสามารถให้ความคิดเห็นในที่ประชุม วิเคราะห์ปัญหาสำคัญๆของพระศาสนจักรด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยเหตุผล ได้อ้างพระคัมภีร์ตอนสำคัญๆได้อย่างแม่นยำเพื่อมิไห้คนต่างศาสนาเวลานั้นรับแบกภาระแบบชาวยิว นี่คืองานของพระโดยแท้ งานของพระจิตเจ้าโดยแท้ พระใช้และเลือกคนบางคนที่มีความรักต่อพระองค์มาทำงานแทน ถ้าเราดำรงอยู่ในความรักของพระ พระองค์ก็สามารถใช้เราทำงานบางอย่างได้ แต่ถ้าเรามีมีความรัก เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่สามารถถูกใช้ให้ทำอะไรได้ด้วย

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:30 am
โดย billa-bong
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 15:22-31

ในครั้งนั้น บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนที่ชุมนุมกันตกลงใจเลือกสมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส คือยูดาส ที่เรียกกันว่า บารซับบัสกับสิลาส ทั้งสองคนนี้เป็นคนเด่นในบรรดาพี่น้อง ที่ประชุมเขียนจดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปเนื้อความว่าจาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และแคว้นซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด

เนื่องจากเรารู้ว่า พวกเราบางคนทำให้ท่านสับสนโดยกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ท่านวุ่นวายใจ โดยไม่ได้รับคำสั่งจากเราเลย เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่านพร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรื่องที่เขียนนี้ให้ท่านฟังโดยตรง พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงที่จะไม่บังคับให้ท่านแบกภาระอื่นอีก นอกจากสิ่งที่จำเป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำเหล่านี้ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด

เมื่อล่ำลากันแล้ว คณะผู้แทนก็เดินทางมาถึงเมืองอันทิโอก เขาเรียกบรรดาคริสตชนมาประชุมกันและมอบจดหมายให้ เมื่ออ่านจดหมายนั้นแล้ว ทุกคนต่างยินดีเพราะได้รับกำลังใจ


พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 15:12-17

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่ กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”

ข้อคิด

เราคงรู้สึกเป็นเกียรติมากๆหากพระเจ้าจะทรงใช้เราทำอะไรสักอย่าง เราอาจคิดไปถึงว่าถ้าเราเป็นพระสงฆ์ได้ เป็นนักบวชได้ หรือเป็นผู้ที่ทำงานให้พระได้ก็คงเป็นบุญมากๆ พระวรสารวันนี้มอบอภิสิทธิ์ให้เรามากกว่านั้นอีก คือให้เราเป็นเพื่อนของพระองค์เลย เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแต่เป็นเพื่อนที่สามารถยอมตายแทนเราด้วย จะหาเพื่อนแบบนี้ได้ที่ไหน พระรักเรามากขนาดนี้ก็เพื่อมอบสิทธิพิเศษอีกประการหนึ่งให้เรา นั่นคือ ให้เรารักเป็น รักแบบที่พระรักเรา ในโลกนี้ไม่มีใครสอนความรักแบบที่พระอาจารย์เราสอนแน่นอน ความรักที่พระองค์สอนเรา มอบให้เรา ยิ่งใหญ่จริงๆ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:30 am
โดย billa-bong
วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2012
น.เนเรโอ น.อาคิลเลโอ และ น.ปันกราส มรณสักขี


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 16:1-10

ในครั้งนั้น เปาโลเดินทางมาถึงเมืองเดอร์บีและเมืองลิสตรา ที่เมืองนี้ศิษย์คนหนึ่งชื่อทิโมธี มารดาของเขาเป็นคริสตชนชาวยิว แต่บิดาเป็นชาวกรีก เขาเป็นที่นับถือของบรรดาพี่น้อง คริสตชนที่เมืองลิสตราและเมืองอิโคนิยุม เปาโลต้องการให้เขาร่วมเดินทางไปด้วย จึงให้เขาเข้าสุหนัตเพื่อเอาใจบรรดาชาวยิวที่อยู่ในที่ต่าง ๆ แถบนั้น เพราะทุกคนรู้ว่า บิดาของเขาเป็นชาวกรีก เมื่อคณะของเปาโลผ่านไปตามเมืองต่าง ๆ ก็แจ้งให้บรรดาคริสตชนรู้ข้อกำหนดที่บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสตกลงกันที่กรุงเยรูซาเล็ม เตือนเขาให้ปฏิบัติตาม บรรดากลุ่มคริสตชนจึงมีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้นและมีจำนวนคริสตชนเพิ่มขึ้นทุกวัน

พระจิตเจ้าทรงห้ามคณะของเปาโลประกาศพระวาจาในแคว้นอาเซีย เขาจึงเดินทางผ่านแคว้นฟรีเจียและแคว้นกาลาเทีย มาถึงแคว้นมิเซีย เขาพยายามเข้าไปในแคว้นบิธีเนีย แต่พระจิตของพระเยซูเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้เข้าไป เขาจึงเดินทางผ่านแคว้นมิเซียไปถึงเมืองโตรอัส เวลากลางคืนเปาโลเห็นนิมิต ชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอยู่ อ้อนวอนเปาโลว่า “โปรดข้ามมาในแคว้นมาซิโดเนียและช่วยพวกเราด้วยเถิด” เมื่อเปาโลเห็นนิมิตนี้แล้ว พวกเราก็หาโอกาสที่จะไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะเชื่อแน่ว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้ไปประกาศข่าวดีแก่ชาวแคว้นนั้นด้วย


พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 15:18-21

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“ถ้าโลกเกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ไว้เถิดว่า โลกเกลียดชังเราก่อนแล้ว ถ้าท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายโลก โลกก็คงรักสิ่งที่เป็นของตน แต่เพราะท่านมิได้เป็นฝ่ายโลก และเราเลือกท่านออกมาจากโลก โลกจึงเกลียดชังท่าน จงจำวาจาที่เราบอกแล้วเถิดว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ถ้าเขาเบียดเบียนข่มเหงเรา เขาก็จะเบียดเบียนข่มเหงท่านทั้งหลายด้วย ถ้าเขาปฏิบัติตามวาจาของเรา เขาก็จะปฏิบัติตามวาจาของท่านทั้งหลายด้วย แต่เขาจะทำทุกอย่างเช่นนี้แก่ท่าน ก็เพราะนามของเรา เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”

ข้อคิด

คำทำนายของพระเยซูเจ้าที่ว่าโลกจะเกลียดชังเราเป็นจริงเสมอ เรามีมรณะสักขีมากมายในสมัยที่มีการเบียดเบียนศาสนาในอาณาจักรโรมัน แต่เมื่อรวบรวมจำนวนของมรณะสักขี เราพบว่าจำนวนมรณะสักขีในสมัยศตวรรษที่ 19 และ 20 มีมากกว่าสมัยอาณาจักรโรมันหลายเท่า แสดงว่าคำทำนายของพระเยซูเจ้ายังเป็นจริงอยู่เสมอ ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดก็จะรอด มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราคริสตชนจะต้องยืนหยัด มีความเชื่อของเรา ความรักของเรา คำสอนของเรา พระเยซูเจ้ายังย้ำเตือนด้วยว่าเรายังคงต้องสอนเรื่องเหล่านี้ให้คนทั้งหลายได้รู้ด้วยชีวิตคริสตชนของเราเอง อย่าย่อท้อ แต่ให้มั่นคงใว้เสมอ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 13, 2012 3:38 am
โดย billa-bong
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2012
น.เนเรโอ น.อาคิลเลโอ และ น.ปันกราส มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก ( กจ 10:25-26,34-35,44-48 )

เมื่อ เปโตรเข้าไปในบ้าน โครเนลิอัสออกมาต้อนรับ กราบลงแทบเท้าของเปโตรด้วยความเคารพ แต่เปโตรพยุงเขาให้ลุกขึ้น กล่าวว่า “จงลุกขึ้นเถิด ข้าพเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนท่าน!”

เปโตรเริ่มปราศรัยว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้าไม่ทรงลำเอียง ทุกคนที่ยำเกรงพระองค์และปฏิบัติความชอบธรรม จะมีเชื้อชาติใด ย่อมเป็นที่พอพระทัยของพระองค์
ขณะที่เปโตรกำลังกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือทุกคนที่กำลังฟังพระวาจาอยู่ ชาวยิวผู้มีความเชื่อที่มากับเปโตรรู้สึกประหลาดใจที่คนต่างศาสนาได้รับ พระพรของพระจิตเจ้าด้วย เพราะชาวยิวเหล่านี้ได้ยินคนต่างศาสนาพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และสรรเสริญพระเจ้า เปโตรกล่าวว่า “ใครเล่าจะห้ามมิให้คนเหล่านี้รับศีลล้างบาปด้วยน้ำ ในเมื่อเขาได้รับพระจิตเจ้าเหมือนกับพวกเราแล้ว?” เปโตรจึงสั่งให้คนเหล่านั้นรับศีลล้างบาปเดชะพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า หลังจากนั้นเขาทั้งหลายขอให้เปโตรพักอยู่กับเขาอีกสองสามวัน

บทอ่านจากจดหมายนักยุญยอห์น ฉบับที่หนึ่ง ( 1 ยน 4:7-10 )

ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรัก ย่อมบังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ที่ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น ความรักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อชดเชยบาปของเรา มิใช่อยู่ที่เราได้รักพระเจ้า




พระวรสารนักบุญยอห์น ( ยน 15:9-17 )

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราได้ทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนดังที่เราได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราได้บอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เราได้รักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่ กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย

ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราได้แจ้งให้ท่านทราบทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะได้ประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน

ข้อคิด

วันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของเราคือวันที่แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมาเป็นครั้งแรกในปี 1917 ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ คริสตังชาวโปรตุเกสมากกว่าห้าแสนคนเดินเท้าจาริกแสวงบุญไปที่ฟาติมาทุกปีเพื่อบอกกับแม่พระว่าพวกเขารักและวางใจพระนางมากเพียงใด พระวรสารอาทิตย์ที่ผ่านมานี้พระเยซูเจ้าบอกกับเราเกือบทุกวันถึงความรักที่พระองค์มีต่อเราและถึงความรักที่เราพึงมีต่อพระและต่อกันและกัน แม่พระเป็นเครื่องหมายพิเศษสุดที่พระเจ้าแสดงถึงความรักสุดพิเศษที่มีต่อชาวเรา ให้เราเข้ามาพึ่งพิงแม่พระกันเถิด เราไม่ต้องเดินเท้าจาริกแสวงบุญ ให้หัวใจของเราเดินหน้าไปหาพระและแม่พระของเราทุกวัน อย่าลืมสวด วันทามารีย์ ก่อนนอนทุกคืน

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2012 10:34 pm
โดย billa-bong
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2012
ฉลองนักบุญมัทธีอัส อัครสาวก


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 1:15-17,20-26

ในระหว่างนั้น เปโตรยืนขึ้นในหมู่พี่น้องที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณ 120 คน กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย จำเป็นที่พระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระจิตเจ้าทรงใช้พระโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดตรัสล่วงหน้าถึงยูดาส ผู้นำคนมาจับกุมพระเยซูเจ้า ยูดาสผู้นี้ เคยเป็นคนหนึ่งในคณะของเราและร่วมภารกิจกับเรา

เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือเพลงสดุดีว่า “ขอให้ที่อยู่ของเขาถูกทิ้งร้าง อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย” และอีกตอนหนึ่งว่า “ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา”

ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเรา เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์นั้น จำเป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์”

ผู้ที่มาชุมนุมกันเสนอชื่อชายสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบาร์ซับบัสหรือยุสทัส และอีกคนหนึ่งชื่อมัทธีอัส เขาทั้งหลายอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวกแทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปตามวิถีทางของตน”เขาจึงจับสลากระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้มัทธีอัส มัทธีอัสจึงได้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน

พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 15:9-17

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับอัครสาวกว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่ กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจน เกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”

ข้อคิด

ฉลองนักบุญมัทธีอัส อัครสาวกซึ่งเป็นอัครสาวกมาแทนยูดาส อิสคาริโอท บรรดาอัครสาวกเลือกด้วยการภาวนาและการจับฉลาก ในอดีตพระสังฆราชซึ่งปกครองมิสซังสยามของเราองค์แรกคือพระสังฆราช หลุยส์ ลาโนก็ได้รับเลือกด้วยการสวดภาวนาและการจับฉลากเหมือนกัน ในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาก็ใช้วิธีการรวบรวมจำนวนฉลากที่บรรดาพระคาร์ดินัลได้เขียนชื่อที่เลือก สมดังคำสอนที่พระเยซูเจ้าสอนเราวันนี้ มิใช่ท่านทั้งหลายที่ได้เลือกเรา แต่เป็นเราได้เลือกท่าน ผู้รับใช้ของพระจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะจองหอง แต่ต้องสุภาพถ่อมตน ชีวิตของบรรดาอัครสาวกสอนเราเป็นอย่างดีว่าเป็นชีวิตที่อุทิศตนแด่ประชากรของพระ ไม่ทำเพื่อชื่อเสียงของตนเอง พวกท่านเลือกที่จะตายต่อตนเอง ตายต่อโลกนี้ คนจองหองรับใช้ได้แค่ตนเองเท่านั้น

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2012 10:35 pm
โดย billa-bong
วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 16:22-34

ในครั้งนั้น ประชาชนกลุ้มรุมกันจะทำร้ายเปาโลและสิลาส บรรดาผู้พิพากษาจึงสั่งให้เปลื้องเสื้อผ้าและเฆี่ยนเขาทั้งสองคน เมื่อได้เฆี่ยนหลายทีแล้ว ก็นำไปขังคุก สั่งให้ผู้คุมควบคุมไว้อย่างกวดขัน เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนี้ ผู้คุมก็นำเปาโลและสิลาสไปขังไว้ในคุกชั้นในสุด และใส่โซ่ตรวนที่เท้าอย่างแน่นหนา

เวลาประมาณเที่ยงคืน เปาโลและสิลาสกำลังอธิษฐานภาวนาและขับร้องสรรเสริญพระเจ้า นักโทษคนอื่นกำลังฟังอยู่ ทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนฐานคุกสั่นสะเทือน ประตูคุกทุกบานเปิดออกทันที โซ่ตรวนของผู้ถูกจองจำทุกคนก็หลุด ผู้คุมตื่นขึ้น เห็นว่าประตูคุกเปิด จึงชักดาบจะฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่า บรรดาผู้ถูกจองจำหนีไปหมดแล้ว แต่เปาโลร้องตะโกนว่า “อย่าทำร้ายตนเองเลย พวกเรายังอยู่ที่นี่กันทุกคน”

ผู้คุมสั่งให้จุดตะเกียง กระโดดเข้าไปในคุก ตัวสั่นกราบลงแทบเท้าของเปาโลและสิลาส พาคนทั้งสองออกมาข้างนอกพูดว่า “ท่านขอรับ ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะรอดพ้น”

เปาโลและสิลาสตอบว่า “จงเชื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านและครอบครัวจะได้รอดพ้น” ทั้งสองคนประกาศพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ผู้คุมและทุกคนในครอบครัวฟัง เวลาดึกคืนนั้นผู้คุมพาเขาทั้งสองคนแยกไปล้างแผล ทันทีหลังจากนั้น เขาได้รับ ศีลล้างบาปพร้อมกับทุกคนในครอบครัว เขาเชิญทั้งสองคนขึ้นไปบนบ้าน จัดโต๊ะเลี้ยงอาหาร และมีความยินดีพร้อมกันทั้งครอบครัวที่ได้มีความเชื่อในพระเจ้า

พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 16:5-11

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“บัดนี้เรากำลังไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ไม่มีผู้ใดถามเราว่า “พระองค์จะเสด็จไปไหน” แต่เพราะเราได้บอกเรื่องเหล่านี้กับท่าน ใจของท่านจึงมีแต่ความทุกข์ เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ที่เราไปนั้นก็เป็นประโยชน์กับท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป พระผู้ช่วยเหลือก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะส่งพระองค์มาหาท่าน เมื่อพระองค์เสด็จมา พระองค์จะทรงแสดงให้โลกเห็นความหมายของบาป ของความถูกต้อง และของการตัดสิน บาปของโลกคือ เขาไม่ได้เชื่อในเรา ความถูกต้องคือ เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา และท่านจะไม่เห็นเราอีก การตัดสินคือ ซาตานเจ้านายแห่งโลกนี้ถูกตัดสินลงโทษแล้ว”

ข้อคิด

พระเจ้ามิได้ใช้เทวดาของพระองค์มาช่วยเปาโลให้พ้นจากการจองจำ แต่เป็นหนทางให้เปาโลกลับใจผู้คุมและทุกคนในครอบครัวของเขา พระเจ้ามีหนทางของพระองค์เองเสมอ พระองค์มีวิธีที่จะช่วยเหลือเราเสมอ หลายครั้งมิได้ช่วยเหลือเราแบบที่เราคิดและต้องการ พระองค์ทรงทราบดีว่าพวกเราต้องการความช่วยเหลือจากพระจิตเจ้า เราจะได้มองเห็นและเข้าใจวิธีการของพระมากขึ้น เราต้องมั่นคงในสิ่งหนึ่งคือ พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์มาช่วยเราเสมอ ไม่เคยทอดทิ้งเราเลย หากเราเชื่อเช่นนี้พระเจ้าก็อยู่ฝ่ายเราตลอดเวลา บาปและซาตานก็ไม่มีทางที่จะมีอำนาจเหนือเรา

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:27 pm
โดย billa-bong
วันพุธที่ 16 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 17:15,22-18:1

ในครั้งนั้น เพื่อนร่วมทางพาเปาโลไปถึงกรุงเอเธนส์ แล้วเดินทางกลับพร้อมกับคำสั่งของเปาโลให้สิลาสและทิโมธีรีบเดินทางไปสมทบโดยเร็วที่สุด
เปาโลยืนอยู่ตรงกลางที่ประชุมอภิรัฐสภาพูดว่า “ชาวเอเธนส์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าพบว่าท่านมีความเลื่อมใสในศาสนามากจริง ๆ เมื่อข้าพเจ้าเดินชมเมืองสังเกตเห็นปูชนียวัตถุต่าง ๆ ของท่าน พบแท่นบูชาแท่นหนึ่งมีคำจารึกว่า “แด่พระเจ้าที่เราไม่รู้จัก” ข้าพเจ้ามาประกาศให้ท่านรู้จักพระเจ้าองค์นี้ที่ท่านเคารพทั้ง ๆ ที่ท่านไม่รู้จัก
พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกและทรงสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในโลก พระองค์ทรงเป็นเจ้านายของสวรรค์และแผ่นดิน พระองค์ไม่สถิตในวิหารที่มือมนุษย์สร้างขึ้น พระองค์ไม่ทรงต้องการการปรนนิบัติจากมือมนุษย์ ประหนึ่งว่าพระองค์ทรงขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิต ลมหายใจและทุกสิ่งให้แก่มนุษย์ทุกคน พระองค์ทรงทำให้มนุษย์ทุกชาติสืบเชื้อสายมาจากมนุษย์คนเดียว และทรงทำให้เขาทั้งหลายอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโดยทรงกำหนดช่วงเวลาและขอบเขตให้เขาอยู่ พระเจ้าทรงกระทำดังนี้ เพื่อให้มนุษย์แสวงหาพระเจ้า แม้จะต้องคลำหา เขาก็ยังพบพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงอยู่ไม่ห่างจากเราแต่ละคน เรามีชีวิต เคลื่อนไหวและมีความเป็นอยู่ ในพระองค์ ดังที่กวีบางคนของท่านกล่าวไว้ว่า “พวกเราเป็นบุตรของพระองค์”

เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่ควรคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นเหมือนรูปทองคำ เงินหรือหิน ซึ่งแกะสลักอย่างมีศิลปะตามจินตนาการของมนุษย์ บัดนี้ พระเจ้าทรงมองข้ามเวลาในอดีตเมื่อมนุษย์ไม่มีความรู้ พระองค์ทรงบัญชาให้มนุษย์ทุกคนทั่วทุกแห่งกลับใจ เพราะพระองค์ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้เมื่อจะทรงพิพากษาโลกด้วยความยุติธรรม โดยผ่านมนุษย์ผู้หนึ่งที่พระองค์ทรงแต่งตั้งและทรงรับรองต่อมนุษย์ทุกคนโดยทรงทำให้ผู้นี้กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตาย”
เมื่อเขาเหล่านั้นฟังคำพูดเรื่องการกลับคืนชีวิตของบรรดาผู้ตาย บางคนหัวเราะเยาะ บางคนพูดว่า “รอไว้ฟังเรื่องนี้จากท่านในคราวหน้าก็แล้วกัน” เปาโลจึงออกไปจากที่ประชุมสภา แม้กระนั้น บางคนก็ยังติดตามเปาโลและมีความเชื่อ คือ ดีโอนีซีอัส สมาชิกอภิรัฐสภา และสตรีคนหนึ่งชื่อดามารีส รวมทั้งคนอื่นอีกจำนวนหนึ่งด้วยหลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์


พระวรสาร ยน 16:12-15

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกท่าน แต่บัดนี้ท่านยังรับไว้ไม่ได้ เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล พระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่จะตรัสทุกสิ่งที่ทรงได้ฟังมา และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้เราได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ เพราะพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงได้รับจากเรา ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วย ดังนั้น เราจึงบอกว่า พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงรับจากเรา”


ข้อคิด

พระเจ้าทรงสร้างให้เราอยู่ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ด้วยสติปัญญาของมนุษย์ ด้วยเหตุด้วยผลเราสามารถรู้ได้ว่ามีพระเจ้า แม้อาจต้องคลำหาแต่ก็จะพบได้ในที่สุด การรู้ว่ามีพระเจ้าไม่ใช่เรื่องยาก แต่การรู้จักพระเจ้านั้นเป็นเรื่องเกินขอบเขตความเป็นมนุษย์ของเรา เราจึงต้องฟังพระเยซูเจ้าสอน เราจึงต้องวอนขอพระจิตเจ้าโปรดให้เรารู้ความจริงเพิ่มยิ่งขึ้น

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:28 pm
โดย billa-bong
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 18:1-8

หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์ เขาพบชาวยิวคนหนึ่ง ชื่ออาควิลา ชาวแคว้นปอนทัส เพิ่งมาจากอิตาลีพร้อมกับภรรยาชื่อปริสซิลลา เพราะพระจักรพรรดิคลาวดิอัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ชาวยิวทุกคนออกจากกรุงโรม เปาโลไปพบเขาทั้งสองคนพักอยู่และทำงานร่วมกัน เพราะมีอาชีพเดียวกันคือเป็นช่างทำกระโจม ทุกวันสับบาโตเปาโลถกเถียงในศาลาธรรม พยายามชักชวนชาวยิวและชาวกรีกให้มีความเชื่อ
เมื่อสิลาสและทิโมธีกลับมาจากแคว้นมาซิโดเนียแล้ว เปาโลอุทิศตนเต็มที่ในการประกาศพระวาจา เป็นพยานยืนยันแก่ชาวยิวว่า พระเยซูเป็นพระคริสตเจ้า แต่เมื่อชาวยิวเหล่านั้นต่อต้านและพูดดูหมิ่นพระเจ้า เปาโลก็สะบัดฝุ่นจากเสื้อผ้าเป็นการตอบโต้ พูดกับเขาว่า “ถ้าท่านไม่รอดพ้น ก็เป็นเรื่องของท่านข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบแล้วตั้งแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะไปหาคนต่างศาสนา”
เปาโลออกจากศาลาธรรมไปยังบ้านของทิธีอัส ยุสตัส ผู้เลื่อมใสในพระเจ้า บ้านของเขาอยู่ติดกับศาลาธรรม คริสปัสหัวหน้าศาลาธรรมและทุกคนในครอบครัวมีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชาวโครินธ์หลายคนที่ฟังเปาโล ก็มีความเชื่อและรับศีลล้างบาป ด้วย


พระวรสาร ยน 16:16-20

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “อีกไม่นาน ท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเรา และต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก”
ศิษย์บางคนจึงถามกันว่า ที่พระองค์ตรัสกับเราว่า “อีกไม่นาน ท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก” หมายความว่าอย่างไร และที่พระองค์ตรัสว่า “เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา” หมายความว่าอย่างไร เขาพูดกันอีกว่า ที่พระองค์ตรัสว่า “อีกไม่นาน” นั้นหมายความว่าอย่างไร เราไม่เข้าใจว่าพระองค์กำลังตรัสอะไร พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าบรรดาศิษย์ต้องการทูลถามพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านกำลังถามกันใช่ไหมถึงเรื่องที่เราบอกว่า อีกไม่นานท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นานท่านจะเห็นเราอีก เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ท่านจะร้องไห้ คร่ำครวญ แต่โลกจะยินดี ท่านจะเศร้าโศก แต่ความเศร้าโศกของท่านจะเปลี่ยนเป็นความยินดี”



ข้อคิด

เปาโลซึ่งเป็นฟาริสีที่เคร่งและมีความรอบรู้ในพระคัมภีร์เป็นอย่างดี เมื่อได้พบกับพระเยซูเจ้าในแสงสว่างเจิดจ้าขณะที่กำลังจะเดินทางเข้าเมืองดามัสกัสแล้ว ทำให้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งว่าคนที่ชื่อเยซูนั้นแท้จริงแล้วเป็นใคร ท่านจึงมั่นใจอย่างที่สุดในองค์พระคริสตเจ้า ท่านพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ชาวยิวและชาวกรีกเข้าใจตามที่ท่านเข้าใจ แต่พวกเขายังยึดมั่นในความคิดเดิม บางครั้งการยึดมั่นในความรู้ ความเชื่อ ทฤษฎีเดิมซึ่งไม่ถูกต้องก็ทำให้เสียโอกาสที่จะพบความจริง

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:28 pm
โดย billa-bong
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2012
น.ยอห์น ที่ 1 พระสันตะปาปาและมรณสักขี


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 18:9-18

คืนหนึ่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เปาโลในนิมิตว่า “อย่ากลัว จงพูดต่อไป อย่าเงียบเลย เพราะเราสถิตอยู่กับท่าน ไม่มีใครกล้าทำร้ายท่าน เพราะหลายคนในเมืองนี้เป็นประชากรของเราแล้ว” เปาโลพักอยู่ที่นั่นและสั่งสอนพระวาจาของพระเจ้าแก่เขาทั้งหลายเป็นเวลาหนึ่งปีหกเดือน
ขณะที่กัลลิโอเป็นผู้ว่าราชการแคว้นอาคายา ชาวยิวช่วยกันจู่โจมจับเปาโลและนำเขาไปขึ้นศาล กล่าวฟ้องว่า “ชายผู้นี้ชักชวนประชาชนให้นมัสการพระเจ้าอย่างผิดกฎหมาย”
เปาโลกำลังจะกล่าวตอบ กัลลิโอก็พูดกับชาวยิวว่า “ชาวยิวเอ๋ย ถ้าเป็นเรื่องอาชญากรรมหรือการฉ้อฉลเลวร้าย ข้าพเจ้ายินดีจะรับฟังคำร้องของท่านอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นเพียงปัญหาเรื่องคำสอน เรื่องถ้อยคำ เรื่องชื่อ และเรื่องธรรมบัญญัติของท่าน ท่านจงไปจัดการกันเองเถิด ข้าพเจ้าไม่ต้องการเป็นผู้พิพากษาตัดสินในเรื่องเช่นนี้” กัลลิโอจึงสั่งชาวยิวเหล่านั้นให้ออกไปจากศาล ทุกคนจับโสสเธเนส หัวหน้าศาลาธรรม และโบยตีต่อหน้าศาล แต่กัลลิโอมิได้สนใจเลย
เปาโลพักอยู่ในเมืองโครินธ์อีกหลายวัน แล้วลาบรรดาพี่น้องแล่นเรือไปยังแคว้นซีเรียพร้อมกับปริสซิลลาและอาควิลา ก่อนออกเรือที่เมืองเคนเครียเปาโลโกนศีรษะ เพราะได้บนขอไว้




พระวรสาร ยน 16:20-23ก

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ท่านจะร้องไห้ คร่ำครวญ แต่โลกจะยินดี ท่านจะเศร้าโศก แต่ความเศร้าโศกของท่านจะเปลี่ยนเป็นความยินดี หญิงที่กำลังจะคลอดบุตรย่อมมีความทุกข์ เพราะถึงเวลาของนางแล้ว แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็จำความทุกข์ไม่ได้อีกต่อไป เพราะความยินดีที่มนุษย์คนหนึ่งเกิดมาในโลก ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน บัดนี้ท่านมีความทุกข์ แต่เราจะเห็นท่านอีก และใจของท่านจะยินดี ไม่มีใครนำความยินดีไปจากท่านได้ วันนั้นท่านทั้งหลายจะไม่ถามสิ่งใดจากเราอีก”


ข้อคิด

เปาโลมีความร้อนรนในการประกาศพระศาสนามาก อาจกล่าวได้ว่ามีความกล้าบ้าบิ่นในการทำงานประกาศเลยทีเดียว ท่านใช้วิธีทางสติปัญญา หักล้าง ชี้ประเด็นให้เห็นแจ้งโต้เถียงเอาชนะ เรียกว่าเป็นการโต้ธรรมะ ซึ่งสุดท้ายจะต้องมีการแพ้ชนะเกิดขึ้น ฝ่ายแพ้อาจแพ้ด้วยเหตุผลแต่ไม่ยอมจำนน ยิ่งแพ้ยิ่งโมโห มองเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู อาจมีทางเลือกอื่นๆ อีกในการประกาศพระศาสนา แค่ยึดมั่นในความศรัทธา นำเสนอข่าวดีขององค์พระเยซูคริสต์ แล้วดำเนินชีวิตให้เห็น แบบนี้อาจจะเหมาะคนไทยและเหมาะกับยุคสมัยของเราอยู่กันได้อย่างสันติแม้จะมีความเชื่อที่แตกต่างกัน

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:29 pm
โดย billa-bong
วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 18:23-28

หลังจากอยู่ในเมืองอันทิโอกระยะหนึ่ง เปาโลออกจากที่นั่น เดินทางไปทั่วแคว้น กาลาเทียและฟรีเจีย เพื่อทำให้บรรดาศิษย์มีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้นในช่วงเวลานั้น ชาวยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล ชาวเมืองอาเล็กซานเดรีย มาที่เมือง เอเฟซัส เขารอบรู้พระคัมภีร์ มีวาทศิลป์ ได้รับการสั่งสอนเรื่องวิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า มีจิตใจกระตือรือร้นมากในการพูดและสอนเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าอย่างถูกต้อง แต่รู้จักเพียงพิธีล้างของยอห์นเท่านั้น เขาเริ่มเทศน์สอนอย่างกล้าหาญในศาลาธรรม ปริสซิลลาและ อาควิลาได้ฟังจึงเชิญเขาไปที่บ้านและอธิบายให้เขาเข้าใจวิถีทางของพระเจ้าอย่างละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่ออปอลโลต้องการไปยังแคว้นอาคายา บรรดาพี่น้องก็ให้กำลังใจและเขียนจดหมายถึงบรรดาศิษย์ที่นั่นให้ต้อนรับเขา เมื่ออปอลโลไปถึง เขาช่วยเหลืออย่างมากแก่ผู้ที่พระเจ้าทรงบันดาลให้มีความเชื่อ เขาตอบโต้อย่างแข็งขันกับชาวยิวต่อหน้าคนทั้งหลาย โดยอ้างข้อความจากพระคัมภีร์พิสูจน์ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้า


พระวรสาร ยน 16:23ข-28

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานให้กับท่านในนามของเรา จนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ เพื่อความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ เราใช้อุปมาบอกเรื่องเหล่านี้กับท่าน จะถึงเวลา ที่เราจะไม่ใช้อุปมาพูดกับท่านอีก แต่จะบอกถึงพระบิดาของเราให้ท่านรู้อย่างชัดแจ้ง วันนั้น ท่านจะขอในนามของเรา เราไม่บอกกับท่านว่า เราจะขอพระบิดาเพื่อท่าน พระบิดาทรงรักท่าน เพราะท่านรักเรา และเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรามาจากพระบิดา เข้ามาในโลกนี้ บัดนี้ เรากำลังจะละโลกนี้กลับไปเฝ้าพระบิดาอีก”


ข้อคิด

คำแนะนำของพระเยซูเจ้าในวันนี้สำคัญทีเดียว พระองค์ตรัสว่า “ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานให้กับท่านในนามของเรา” เราอาจจะขอบ่อยๆ แต่ทำในนามของตัวเองรึเปล่า ให้สังเกตุจากบทภาวนาของประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ จะเห็นว่าประธานต้องลงท้ายด้วยเดชะพระนามของพระเยซูคริสต์เสมอ เวลาเราภาวนาส่วนตัวก็คงต้องใช้แบบเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงแนะนำไว้

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:30 pm
โดย billa-bong
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2012
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 1:1-11

เธโอฟิลัสที่รัก ในหนังสือเล่มแรก ข้าพเจ้าได้เล่าถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำและทรงสั่งสอน เริ่มตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงวันที่พระองค์ทรงได้รับการยกขึ้นสู่สวรรค์ หลังจากที่ได้ทรงแนะนำสั่งสอนบรรดาอัครสาวกที่ทรงเลือกสรรโดยทางพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อัครสาวกเหล่านั้น และทรงพิสูจน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ ว่าหลังจากทรงรับทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ตลอดเวลาสี่สิบวันที่พระองค์ได้ทรงสำแดงพระองค์แก่เขาทั้งหลาย ทรงกล่าวถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า ขณะที่ทรงร่วมโต๊ะกับเขา พระองค์ทรงกำชับว่า “อย่าออกจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่จงคอยรับพระพรที่พระบิดาทรงสัญญาไว้ ดังที่ท่านได้ยินจากเรา ยอห์นทำพิธีล้างด้วยน้ำ แต่ภายในไม่กี่วัน ท่านจะได้รับพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า
ผู้ที่มาชุมนุมกับพระเยซูเจ้า ได้ทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงสถาปนาอาณาจักรอิสราเอลอีกครั้งหนึ่งในเวลานี้หรือ?” พระองค์ตรัสตอบว่า “ไม่ใช่ธุระของท่านที่จะทราบวันเวลาที่พระบิดาได้ทรงกำหนดไว้โดยอำนาจของพระองค์ แต่พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และท่านจะรับอานุภาพเพื่อจะเป็นพยานถึงเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน
เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ต่อหน้าเขาทั้งหลาย เมฆบังพระองค์ไปจากสายตาของเขา เขายังคงจ้องมองท้องฟ้าขณะที่พระองค์ทรงจากไป ทันใดนั้นมีชายสองคนสวมเสื้อขาวปรากฏแก่เขา กล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ท่านทั้งหลายยืนแหงนมองท้องฟ้าอยู่ทำไม? พระเยซูเจ้าพระองค์นี้ที่ได้ละท่านเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ จะเสด็จกลับมาเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์ทรงจากไปสู่สวรรค์”


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:17-23

พี่น้อง ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ประทานพระพรแห่งปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้าเพื่อท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ยิ่งๆขึ้น ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะได้ทราบว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร อีกทั้งทราบด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นล้ำเลิศเพียงใด พระอานุภาพและพละกำลังนี้ พระองค์ได้ทรงแสดงในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระองค์ท่านกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทั้งปวงที่อาจกล่าวได้ทั้งในภพนี้และในภพหน้า พระเจ้าได้ทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ท่าน เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่งและทรงกระทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์

พระวรสาร มก 16:15-20

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปรากฏองค์แก่พวกสาวกทั้งสิบเอ็ด แล้วตรัสกับเขาว่า ‘ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปิศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย’
เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็ได้แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา



ข้อคิด

แม้ว่าการเล่าเรื่องพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ของลูกาในหนังสือกิจการอัครสาวกกับเรื่องเล่าของมาระโกในบทพระวรสารไม่เหมือนกันก็ตาม แต่สิ่งที่ตรงกันก็คือพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ ซึ่งนั่นก็หมายถึงการเป็นพระเจ้าของพระเยซูเจ้า ที่สุดของชีวิตมนุษย์คือความตาย หลังจากนั้นก็เป็นความเปื่อยเน่าและคอยเวลา แต่พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นใครได้ชัดแจ้งก็หลังจากความตายนี่แหละ สำหรับพระองค์ความตายคือทางสู่การกลับคืนชีพ ความรุ่งโรจน์และชีวิตนิรันดร

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:30 pm
โดย billa-bong
วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม 2012
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 19:1-8

ขณะที่อปอลโลยังอยู่ที่เมืองโครินธ์ เปาโลเดินทางผ่านที่ราบสูงมาถึงเมืองเอเฟซัสพบกับศิษย์บางคน จึงถามว่า “เมื่อท่านทั้งหลายมีความเชื่อนั้น ท่านได้รับพระจิตเจ้าหรือไม่”เขาตอบว่า “พวกเรายังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไปว่า มีพระจิตเจ้า”
เปาโลจึงถามว่า “แล้วท่านได้รับพิธีล้างใดเล่า”เขาตอบว่า “พิธีล้างของยอห์น”
เปาโลจึงกล่าวว่า “ยอห์นทำพิธีล้างแสดงการกลับใจ โดยบอกประชาชนให้เชื่อผู้ที่จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซูเจ้า เมื่อเขาเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ได้รับศีลล้างบาปเดชะพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เปาโลปกมือเหนือเขา พระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาประทับอยู่ด้วย เขาจึงพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และกล่าวคำทำนาย คนกลุ่มนี้มีประมาณสิบสองคน
เปาโลเข้าไปในศาลาธรรมและเทศน์สอนอย่างกล้าหาญตลอดเวลาสามเดือน ใช้เหตุผลหว่านล้อมผู้ฟังให้เชื่อเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า


พระวรสาร ยน 16:29-33

เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ใช่แล้ว บัดนี้พระองค์ตรัสอย่างชัดแจ้ง มิได้ใช้อุปมาใด ๆ บัดนี้พวกเรารู้ว่าพระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง และไม่จำเป็นที่ใครจะทูลถามพระองค์อีก ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า”
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บัดนี้ ท่านทั้งหลายเชื่อแล้วหรือ จะถึงเวลา และเวลานั้นก็มาถึงแล้ว ที่ท่านทั้งหลายจะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง และจะทิ้งเราไว้คนเดียว แต่เราไม่อยู่คนเดียว เพราะพระบิดาทรงอยู่กับเรา เราบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เราชนะโลกแล้ว”



ข้อคิด

เนื้อหาคำสอนหลักที่นักบุญเปาโลพยายามทำให้ชาวยิวและผู้ที่ฟังท่านเทศน์สอนเป็นเรื่องของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระคริสต์พระผู้ไถ่ พระองค์เป็นผู้ที่มาทำให้พันธสัญญาของชาวอิสราเอลสมบูรณ์ วันนี้เราทราบว่ายังมีหัวข้อสำคัญอื่นอีกคือเรื่องพระอาณาจักรพระเจ้า ในสมัยก่อนเราเรียกว่าพระราชัยสวรรค์ พระอาณาจักรสวรรค์เป็นเรื่องสำคัญที่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผย เมื่อพระองค์เสด็จมาก็เป็นการเริ่มพระอาณาจักรนี้แล้ว และกำลังก้าวหน้าไปสู่ความสมบูรณ์ในอวสานกาล

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:32 pm
โดย billa-bong
วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 20:17-27

ในครั้งนั้น เปาโลส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส เพื่อเชิญบรรดาผู้อาวุโสของพระศาสนจักรมาพบ เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึง เปาโลพูดว่า “ท่านทั้งหลายรู้ว่า ตลอดเวลาตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นอาเชีย ข้าพเจ้าปฏิบัติตนต่อท่านอย่างไร ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมตนอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าต้องร่ำไห้เป็นทุกข์และเสี่ยงชีวิตจากการที่ชาวยิววางแผนปองร้ายข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายรู้ว่า ข้าพเจ้าไม่เคยละเลยสิ่งใดที่เป็นประโยชน์แก่ท่าน ไม่เคยหยุดเทศน์และสอนท่านในที่สาธารณะและตามบ้าน ข้าพเจ้าเชิญชวนทั้งชาวยิวและชาวกรีกอย่างแข็งขันให้กลับใจมาหาพระเจ้าและให้มีความเชื่อในพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังจะไปกรุงเยรูซาเล็มตามพระบัญชาของพระจิตเจ้า ไม่รู้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้เพียงว่า พระจิตเจ้าทรงเตือนข้าพเจ้าในทุก ๆ เมืองว่า โซ่ตรวนและความยากลำบากกำลังรอข้าพเจ้าอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าชีวิตของข้าพเจ้ามีค่า สำหรับข้าพเจ้าเท่ากับการที่ข้าพเจ้าได้วิ่งถึงปลายทางและทำให้ภารกิจที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายจากพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า สำเร็จไป คือการเป็นพยานประกาศข่าวดีแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า
ข้าพเจ้าผ่านมาประกาศพระอาณาจักรแก่ท่านทั้งหลาย บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้ว่า ท่านทุกคนจะไม่เห็นหน้าข้าพเจ้าอีก ดังนั้น วันนี้ข้าพเจ้าขอประกาศยืนยันแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านผู้ใดไม่รอดพ้น ข้าพเจ้าก็ไม่รับผิดชอบ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ละเลยที่จะประกาศพระประสงค์ทั้งหมดของพระเจ้าแก่ท่าน


พระวรสาร ยน 17:1-11ก

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า“ข้าแต่พระบิดา ถึงเวลาแล้ว โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์กับพระบุตรของพระองค์เถิด เพื่อพระองค์จะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบุตร ดังที่พระองค์ได้ประทานอำนาจกับพระบุตรเหนือมนุษย์ทั้งมวล เพื่อพระบุตรจะได้ประทานชีวิตนิรันดรกับทุกคนที่พระองค์ทรงมอบไว้ให้ ชีวิตนิรันดรคือ การรู้จักพระองค์ พระเจ้าแท้จริงแต่พระองค์เดียว และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา คือพระเยซูคริสตเจ้า ข้าพเจ้าทำให้พระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในโลกนี้แล้ว โดยปฏิบัติภารกิจจนสำเร็จตามที่ทรงมอบหมายกับข้าพเจ้า บัดนี้ พระบิดาเจ้าข้า โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์กับข้าพเจ้า พระสิริรุ่งโรจน์ที่ข้าพเจ้าเคยมีร่วมกับพระองค์ ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก ข้าพเจ้าได้แสดงพระนามของพระองค์ กับมนุษย์ที่พระองค์ทรงนำจากโลกมามอบให้ข้าพเจ้า เขาทั้งหลายเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงมอบเขากับข้าพเจ้า เขาได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ บัดนี้ เขารู้แล้วว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้นมาจากพระองค์ เพราะพระวาจาที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามอบให้เขาแล้ว เขาได้รับไว้ และรู้แน่นอนว่า ข้าพเจ้ามาจากพระองค์ และเขาก็เชื่อว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาสำหรับเขาเหล่านี้ ข้าพเจ้ามิได้อธิษฐานภาวนาสำหรับโลก แต่สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้า เพราะเขาเป็นของพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของข้าพเจ้า เป็นของพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ ก็เป็นของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับสิริรุ่งโรจน์โดยทางเขา ข้าพเจ้าไม่อยู่ในโลกอีกต่อไป แต่เขายังอยู่ในโลก และข้าพเจ้ากำลังกลับไปเฝ้าพระองค์”



ข้อคิด

วิธีการประกาศพระศาสนาของนักบุญเปาโลมีความหลากหลายเทคนิค ที่กรุงเอเธนส์ก็แบบหนึ่ง ที่เอเฟซัสก็อีกแบบหนึ่ง นักบุญเปาโลยืนยันว่าไม่เคยหยุดเทศน์และสอนทั้งในที่ลานสาธารณะและตามบ้าน ตรงนี้เองที่พระศาสนจักรในประเทศไทยกำลังนำกลับมาใช้ใหม่ นานมาแล้วที่เราเทศน์สอนอยู่ในวัด ทุกอย่างอยู่ที่วัด มาในแผนอภิบาล 5 ปีนี้ เราจะนำสารแห่งความรอดมาสู่ลานสาธารณะและตามบ้านในรูปแบบของวิถีชุมชนวัด ให้ความเชื่อเป็นวิถีชีวิตของคริสตชนจริงๆ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:34 pm
โดย billa-bong
วันพุธที่ 23 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 20:28-38

ในครั้งนั้น เปาโลกล่าวกับบรรดาผู้อาวุโสของกลุ่มคริสตชนที่เมืองเอเฟซัสว่า“ท่านทั้งหลายจงดูแลตนเองและฝูงแกะที่พระจิตเจ้าทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นผู้ดูแล เพื่อเลี้ยงดูพระศาสนจักรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตร ข้าพเจ้ารู้ว่า เมื่อข้าพเจ้าจากไปแล้ว สุนัขป่าดุร้ายจะเข้ามาในกลุ่มของท่านและจะทำร้ายฝูงแกะ แม้ในกลุ่มของท่านก็จะมีบางคนลุกขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริงเพื่อโน้มน้าวบรรดาศิษย์ให้ติดตามตน เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังไว้เถิด จงระลึกว่าข้าพเจ้าไม่เคยหยุดเตือนท่านแต่ละคนด้วยน้ำตานองหน้าทั้งกลางวันกลางคืนตลอดเวลาสามปี
บัดนี้ ข้าพเจ้าฝากท่านทั้งหลายไว้กับพระเจ้า และกับพระวาจาแห่งพระหรรษทานของพระองค์ พระวาจานี้สร้างพระศาสนจักรและประทานมรดกให้ท่านรับร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ ข้าพเจ้าไม่เคยอยากได้เงินทองหรือเสื้อผ้าของผู้ใด ท่านก็รู้แล้วว่า ข้าพเจ้าทำงานด้วยมือทั้งสองนี้เพื่อสนองความต้องการของข้าพเจ้า และของผู้ที่อยู่ด้วย ข้าพเจ้าแสดงให้ท่านเห็นเสมอมาว่า เราต้องทำงานเช่นนี้เพื่อช่วยเหลือผู้อ่อนแอโดยระลึกถึงพระวาจาของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า “การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ”
เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว เปาโลคุกเข่าลงพร้อมกับทุกคนและอธิษฐานภาวนา ต่างร้องไห้ฟูมฟายเข้าสวมกอดและจูบลาเปาโล ทุกคนรู้สึกโศกเศร้า เพราะเปาโล พูดว่า เขาเหล่านั้นจะไม่ได้เห็นหน้าของเปาโลอีก แล้วทุกคนก็ไปส่งเปาโลถึงเรือ




พระวรสาร ยน 17:11ข-19

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า“ข้าแต่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผู้ที่ทรงมอบให้ข้าพเจ้าไว้ในพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับพระองค์และข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาเขาเหล่านั้นไว้ในพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาไว้ และไม่มีผู้ใดพินาศ เว้นแต่ผู้ที่ต้องพินาศ เพื่อให้เป็นจริงตามพระคัมภีร์ แต่บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังกลับไปเฝ้าพระองค์ ข้าพเจ้ากล่าววาจานี้ขณะที่ยังอยู่ในโลก เพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าจะมีความยินดีบริบูรณ์พร้อมกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้ว และโลกเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก แต่วอนขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย เขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก โปรดบันดาลให้เขาศักดิ์สิทธิ์โดย อาศัยความจริง พระวาจาของพระองค์คือ ความจริง พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาในโลกฉันใด ข้าพเจ้าก็ส่งเขาเข้าไปในโลกฉันนั้น ข้าพเจ้าถวายตนเป็นบูชาสำหรับเขา เพื่อเขาจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงด้วย”



ข้อคิด

นักบุญเปาโลสอนให้เราเห็นคุณค่าของการทำงานหาเลี้ยงชีพ ต้องทำงานด้วยมือทั้งสองเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่น ท่านได้อ้างคำของพระเยซูเจ้า “การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ” เรานำพระวาจามาเป็นหลักการในชีวิตของเราได้ดีทีเดียว ในที่อื่นก็มีกล่าวว่า “ใครไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน” คริสตชนต้องเห็นคุณค่าของการทำงาน อย่าเป็นคนว่างงาน รู้จักอาสาทำงานที่เป็นสาธารณะประโยชน์ ทำงานโดยไม่มีผู้จ้างก็สุขไปอีกแบบ

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 29, 2012 1:50 pm
โดย billa-bong
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 22:30,23:6-11

ผู้บัญชาการกองพันต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าเหตุใดชาวยิวจึงกล่าวหาเปาโล วันรุ่งขึ้นเขาจึงสั่งให้แก้โซ่ที่ล่ามเปาโล เรียกบรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภาซันเฮดรินทุกคนมาประชุม แล้วนำเปาโลไปยืนต่อหน้าเขา
เปาโลรู้ว่า สมาชิกส่วนหนึ่งของที่ประชุมเป็นชาวสะดูสีและอีกส่วนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี จึงตะโกนขึ้นในสภาว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นชาวฟาริสี เป็นบุตรของชาวฟาริสี ข้าพเจ้าถูกสอบสวนก็เพราะเรื่องความหวังในการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย” เมื่อเปาโลกล่าวเช่นนั้น ก็เกิดการถกเถียงกันระหว่างชาวฟาริสีกับชาวสะดูสี ที่ประชุมจึงแตกแยก เพราะชาว สะดูสียืนยันว่าไม่มีการกลับคืนชีพและไม่มีทั้งทูตสวรรค์และจิต แต่ชาวฟาริสีเชื่อว่ามี
เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรงในที่ประชุม ธรรมาจารย์บางคนที่เป็นชาวฟาริสีลุกขึ้นโต้แย้งว่า “เราไม่พบว่าชายผู้นี้มีความผิดอันใด เป็นไปได้มิใช่หรือ ที่จิตหรือทูตสวรรค์ได้พูดกับเขา” ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ผู้บัญชาการกองพันกลัวเปาโลจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จึงสั่งทหารให้ลงไปนำเปาโลออกจากที่ประชุมเข้าไปในค่ายทหาร
คืนต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาทรงยืนใกล้เปาโล ตรัสว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ เจ้าได้เป็นพยานยืนยันถึงเราที่กรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานที่กรุงโรมอย่างนั้นด้วย”


พระวรสาร ยน 17:20-26

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า“ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนามิใช่สำหรับคนเหล่านี้เท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่จะเชื่อในข้าพเจ้า ผ่านทางวาจาของเขาด้วย ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา พระสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้ให้กับเขา เพื่อให้เขาเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าพเจ้าอยู่ในเขา และพระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้า เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ โลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา และพระองค์ทรงรักเขาเช่นเดียวกับที่ทรงรักข้าพเจ้า ข้าแต่พระบิดา ผู้ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าปรารถนาให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าทุกแห่งที่ข้าพเจ้าอยู่ เพื่อเขาจะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ ซึ่งพระองค์ประทานแก่ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก ข้าแต่พระบิดา ผู้ทรงเที่ยงธรรม โลกไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ และคนเหล่านี้รู้ว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าบอกให้เขารู้จักพระนามของพระองค์ และจะบอกให้รู้ต่อไป เพื่อความรักที่พระองค์ทรงรักข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขา และข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขาด้วยเช่นกัน”



ข้อคิด

คำภาวนาของพระเยซูเจ้าตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์นตอนนี้เป็นหลักการสำคัญของการดำรงอยู่ของพระศาสนจักรและงานแพร่ธรรม ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของบรรดาศิษย์ในระหว่างหมู่คณะ นิกายหรือที่วัด ล้วนมีบทบาทสำคัญทั้งสิ้น การแตกแยกเป็นพรรคเป็นพวก การปฏิเสธไม่ยอมรับอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้พระศาสนจักรอ่อนแอ และการเป็นพยานถึงศาสนาแห่งความรักก็หมดพลัง ขอให้เรามีส่วนในการสร้างความเข้าใจและร่วมมือกัน

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 29, 2012 1:50 pm
โดย billa-bong
วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2012
น.เบดา ผู้น่าเคารพ พระสงฆ์และนักปราชญ์
น.เกรโกรี ที่ 7 พระสันตะปาปา น.มารีย์ มักดาเลนา เดปัสซี พรหมจารี


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 25:13-21

สองสามวันต่อมา กษัตริย์อากริปปาและพระนางเบอร์นิสเสด็จมาถึงเมืองซีซารียา เพื่อเยี่ยมเยียนแสดงความยินดีต่อเฟสตัส ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่นั่นหลายวัน เฟสตัสทูลกษัตริย์เรื่องคดีของเปาโลว่า “เฟลิกซ์ทิ้งชายคนหนึ่งให้ถูกจองจำไว้ที่นี่ เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาหัวหน้ามหาสมณะและผู้อาวุโสของชาวยิวได้ฟ้องกล่าวโทษเขาและขอให้ลงโทษด้วย
ข้าพเจ้าตอบว่า “ธรรมเนียมของชาวโรมันจะไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดก่อนที่เขาจะมีโอกาสเผชิญหน้ากับผู้กล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหานั้น” บรรดาผู้กล่าวหามาพบข้าพเจ้าที่นี่ ข้าพเจ้าไม่รีรอ วันรุ่งขึ้นก็นั่งบัลลังก์ สั่งให้นำชายคนนั้นเข้ามา บรรดาผู้กล่าวหามารุมล้อมเขา แต่ไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องความผิดดังที่ข้าพเจ้าคาดไว้ เขาเพียงแต่ถกเถียงปัญหาเรื่องศาสนาของเขาและเรื่องชายคนหนึ่งชื่อเยซูที่ตายไปแล้ว แต่เปาโลยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าลังเลใจที่จะตัดสินเรื่องทำนองนี้ จึงถามว่า เขาอยากไปกรุงเยรูซาเล็มและรับการพิจารณาคดีที่นั่นไหม แต่เปาโลอุทธรณ์ขอสงวนคดีไว้ให้พระจักรพรรดิ เป็นผู้ตัดสิน ข้าพเจ้าจึงสั่งให้จองจำเขาไว้จนกว่าข้าพเจ้าจะส่งเขาไปเฝ้าพระจักรพรรดิได้


พระวรสาร ยน 21:15-19

เมื่อบรรดาศิษย์กินเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเรามากกว่าคนเหล่านี้รักเราไหม” เปโตรทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์”
พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เปโตรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พระองค์ตรัสถามตนถึงสามครั้งว่า “ท่านรักเราไหม เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่ม ท่านคาดสะเอวด้วยตนเอง และเดินไปไหนตามใจชอบ แต่เมื่อท่านชรา ท่านจะยื่นมือ แล้วคนอื่นจะคาดสะเอวให้ท่าน พาท่านไปในที่ที่ท่านไม่อยากไป”
พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าโดยตายอย่างไร เมื่อตรัสดังนี้แล้ว ทรงเสริมว่า “จงตามเรามาเถิด”


ข้อคิด

ดูเหมือนว่าพระเยซูเจ้าตั้งใจถามนักบุญเปโตร 3 ครั้ง เพื่อจะชดเชยกับการที่ท่านได้ปฏิเสธพระองค์ถึง 3 ครั้งก่อนหน้านั้น ถ้าตลอดชีวิตของท่านนักบุญเปโตรได้ปฏิเสธพระเจ้า 3 ครั้ง ก็ต้องถือว่าน้อยมากๆ ถ้าเป็นตัวเราก็คงปฏิเสธพระเจ้ามากกว่านั้น อาจจะปฏิเสธทุกวันก็เป็นไปได้ และทุกครั้งพระเจ้าก็จะถามเราว่า “เรายังรักพระองค์อยู่ไหม” เราต้องตอบเหมือนท่านเปโตร แต่เพราะความอ่อนแอในตัวเรา เราจึงปฏิเสธพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 29, 2012 1:51 pm
โดย billa-bong
วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2012
ระลึกถึง น.ฟิลิป เนรี พระสงฆ์


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 28:16-20,30-31

เรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำพังโดยมีทหารคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุมสามวันต่อมา เปาโลเรียกบรรดาผู้นำชาวยิวมาพบที่บ้าน เมื่อคนเหล่านี้มาชุมนุมกัน เปาโลพูดกับเขาว่า “พี่น้องทั้งหลาย แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อประชาชนชาวยิวหรือขัดกับธรรมประเพณีของบรรดาบรรพบุรุษ แต่ชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มก็ยังจับกุมข้าพเจ้าและมอบตัวให้ชาวโรมัน ชาวโรมันไต่สวนและต้องการจะปล่อยข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่มีความผิดที่สมควรต้องตาย แต่เมื่อชาวยิวคัดค้าน ข้าพเจ้าจำเป็นต้องยื่นอุทธรณ์ต่อพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่จะกล่าวหาเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้าเลย เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอพบเพื่อพูดคุยกับท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าถูกพันธนาการเช่นนี้ ก็เพราะความหวังของชาวอิสราเอลนั่นเอง”เปาโลพักอยู่ในบ้านเช่าเป็นเวลาสองปีเต็มและต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยม ประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าและสอนความจริงเรื่องพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างกล้าหาญโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ


พระวรสาร ยน 21:20-25

เวลานั้น เปโตรเหลียวไปดู ก็เห็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักตามมา เป็นคนที่เอนกายชิดพระอุระพระเยซูเจ้าในการเลี้ยงอาหารค่ำ และทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ผู้ที่ทรยศพระองค์เป็นใคร” เมื่อเปโตรเห็นเขา ก็ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “คนนี้จะเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ธุระอะไรของท่านเล่า ท่านจงตามเรามาเถิด”

ดังนั้น จึงมีเรื่องที่เล่าลือกันไปทั่วในกลุ่มบรรดาพี่น้องว่าศิษย์คนนี้จะไม่ตาย แต่พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสว่า “เขาจะไม่ตาย” แต่ตรัสว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ธุระอะไรของท่านเล่า”
นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น



ข้อคิด

วันนี้เราได้อ่านบทสุดท้ายของหนังสือกิจการอัครสาวกซึ่งเขียนโดยนักบุญลูกาและบทสุดท้ายของพระวรสารโดยนักบุญยอห์น เรื่องราวการเจริญเติบโตของพระศาสนจักรในยุคเริ่มต้น ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ และมาจบลงที่บั้นปลายชีวิตของเปาโลที่กรุงโรม พระวรสารโดยนักบุญยอห์นจบด้วยการที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกเปโตรผู้ที่ได้ปฏิเสธพระองค์ให้กลับมาติดตามพระองค์ต่อไป เรื่องราวในพระคัมภีร์นี้เกิดมาจากประสบการณ์ชีวิตของผู้เขียนทั้งสิ้น แต่เลือกเอาบางเรื่องมาเขียนไว้เพื่อให้ผู้อ่านมีความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเท่านั้น

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 29, 2012 1:51 pm
โดย billa-bong
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 2012
สมโภชพระจิตเจ้า


บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 2:1-11

เมื่อวันเปนเตกอสเตมาถึง บรรดาศิษย์ทุกคนได้มาชุมนุมในสถานที่เดียวกัน ทันใดนั้นมีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงลมพัดแรงกล้าทุกคนที่อยู่ในบ้านได้ยิน เขาได้เห็นเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้น แยกไปอยู่เหนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม และเริ่มพูดภาษาอื่น ๆตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด

ขณะนั้นที่กรุงเยรูซาเล็มมีชาวยิวผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระเจ้ามาจากทุกชาติทั่วโลก เมื่อประชาชนได้ยินเสียงนี้ จึงมาชุมนุมกันจำนวนมาก รู้สึกฉงนเพราะแต่ละคนได้ยินคนเหล่านี้พูดภาษาของตน และประหลาดใจอย่างยิ่งกล่าวว่า “ทุกคนที่กำลังพูดอยู่นี้เป็นชาวกาลิลีมิใช่หรือ? แล้วทำไมเราแต่ละคนจึงได้ยินเขาพูดภาษาท้องถิ่นของเราเล่า? เราชาวปาร์เธีย ชาวมีเดีย และชาวเอลาม บางคนอาศัยอยู่ในเขตเมโสโปเตเมีย แคว้นยูเดีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นปอนทัสและแคว้นเอเชีย แคว้นฟรีเจียและแคว้นปัมฟีเลีย บางคนมาจากประเทศอียิปต์และเขตของประเทศลิเบีย รอบๆเมืองไซรีน บางคนมาจากกรุงโรม ทั้งชาวยิวและผู้กลับใจเข้านับถือลัทธิยิว บางคนเป็นชาวเกาะครีตและชาวอาหรับ พวกเราได้ยินคนเหล่านี้ประกาศกิจการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเป็นภาษาของเรา”



บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 12:3ข-7,12-13

พี่น้องทั้งหลาย ไม่มีผู้ใดกล่าวว่า ‘พระเยซูจงถูกสาปแช่ง’ โดยที่พระจิตเจ้าทรงดลใจ และหากพระจิตเจ้ามิได้ทรงดลใจก็ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวได้ว่า ‘พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า’

พระพรพิเศษมีหลายอย่าง แต่มีพระจิตเจ้าองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงสำแดงองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆเหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้า ก็ฉันนั้น เดชะพระจิตเจ้าองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวมเข้าเป็นร่างกายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือไทยก็ตาม และเราทุกคนต่างได้รับพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน



พระวรสาร ยน 20:19-23

ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกายแก่บรรดาศิษย์ เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”

ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”



ข้อคิด

ไม่มีใครบังคับพระเจ้าให้อยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่ได้ พระจิตเจ้าทรงพัดไปที่ใดก็แล้วแต่พระองค์ ในวันเปนเตกอสเตเป็นวันที่พระจิตเจ้าทรงเลือกที่จะเสด็จมาอยู่กับอัครสาวก โดยที่พวกเขาเองไม่รู้จัก อีกทั้งไม่ได้วอนขอให้พระองค์เสด็จมาด้วย เราทราบดีถึงพระพรของพระจิตเจ้าซึ่งมีหลากหลายแต่ก็รวมเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้เราภาวนาขอพระจิตเจ้าโปรดเสด็จมาประทับอยู่กับพระศาสนจักร อยู่กับชุมชนคริสตชนด้วยเถิด

Re: พระคำภีร์รายวันประจำเดือน พฤษภาคม 2555

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 29, 2012 1:59 pm
โดย billa-bong
วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม 2012
สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง 1 ปต 1:3-9

ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระกรุณาอย่างยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงบันดาลให้เราบังเกิดใหม่และมีความหวังที่จะมีชีวิต อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าจากบรรดาผู้ตาย เพื่อรับมรดกที่ไม่เสื่อมสลายไร้มลทิน ไม่มีวันร่วงโรยซึ่งเก็บรักษาไว้ในสวรรค์เพื่อท่าน พระเจ้าทรงปกป้องท่านไว้ด้วยพระอานุภาพให้มีความเชื่อ จนกว่าจะประทานความรอดพ้นซึ่งกำลังจะได้รับการเปิดเผยในวาระสุดท้าย
ดังนั้น ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดสอบต่าง ๆ ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ รับสิริรุ่งโรจน์และรับเกียรติเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าจะทรงแสดงพระองค์ ความเชื่อนี้ประเสริฐยิ่งกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้ แต่ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ ท่านมีความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้าทั้ง ๆ ที่ยังมิได้เห็นพระองค์ แม้ว่าขณะนี้ท่านยังมิได้เห็นพระองค์ ท่านก็ยังเชื่อในพระองค์ ท่านจึงชื่นชมยินดีสุดที่จะพรรณนา เพราะท่านกำลังจะได้รับจุดมุ่งหมายของความเชื่อ คือความรอดพ้นของวิญญาณอยู่แล้ว



พระวรสาร มก 10:17-27

ขณะที่พระองค์กำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์
พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”



ข้อคิด

นักบุญเปโตรยืนยันถึงคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อ ความเชื่อนี้ประเสริฐกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้ แต่คนในโลกนี้ส่วนใหญ่คงจะบอกว่าทองคำประเสริฐที่สุด ความเชื่อต่างหากเป็นเรื่องรองตราบใดที่โลกนี้ยังไม่สิ้นก็ยังไม่อาจพิสูจน์ให้เห็นแจ้งชัดได้ ความเชื่อของคริสตชนจึงต้องถูกทดสอบอยู่เสมอ