++หลั่งโลหิตกับพระเยซูคริสต์ด้วยคำภาวนา++

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ก.ย. 30, 2005 5:46 am

หลั่งโลหิตกับพระเยซูคริสต์ด้วยคำภาวนา
โดย: โปรดปราน ( พีพี )


“หลั่งโลหิตกับพระเยซูคริสต์ด้วยคำภาวนา” วลีทองนี้โดนใจผู้เขียนมากเมื่อได้ฟัง “มิสซิส วาสสุลา ไรเด็น” ฆราวาส นักฟื้นฟูจิตวิญญาณ นิกายกรีก ออทอดอกซ์ ฉันได้ ฟังการเทศนา ฟื้นฟูหัวข้อชีวิตแท้ในพระเจ้า ที่วัดพระมหาไถ่ เมื่อ ปลายปี 2002 มิส ซิส ไรเด็น เป็นพยานว่า พระเยซูเจ้า ตรัสกับเธอถึงการภาวนาให้ผู้อื่น ว่า เป็นการหลั่งโลหิตให้คนอื่น เหมือนพระเยซู ที่ทรงหลั่งโลหิตให้คนบาปบนไม้กางเขนโดยไม่สนใจตัวเอง เพราะการภาวนาเพื่อผู้อื่น นั้นเป็น การแสดงออกถึงความรัก ที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆที่เราจะอดทนอธิษฐานภาวนาให้ใครสักคน อย่างใจจดจ่อ อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความร้อนรน ด้วยความทุ่มเท และจะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ภาวนาคนนั้นมีความรักความสงสาร ( compassion )ต่อคนที่เขามีภาระใจอธิษฐานภาวนาให้และยิ่งกว่านั้นเขาต้องเข้าใจเรื่องการภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน นั่นหมายถึงมีใจจดจ่อระลึกถึงพระเจ้า พระเยซู และวางใจฤทธิ์เดชของพระจิตตลอดเวลา

รูปภาพ

ไม่มีสูตรสำเร็จ สำหรับการภาวนาอธิษฐาน อัครทูตเปาโลก็คาดหวังให้การสวดภาวนาเป็นส่วนสำคัญมากต่อชีวิตคริสตชน โดยเหตุนี้ท่านเปาโลได้จำย้ำเตือนในจดหมายฝากของท่านว่า “จงภาวนาอย่างสม่ำเสมอ” (๑ ธส.๕.๑๗ ) “จงภาวนาโดยพระจิตเจ้าทุกเวลา” (อฟ.๖.๑๘ ) หรือ “จงภาวนาในทุกที่ทุกแห่ง” ( ๑ ทธ.๒.๘ ) “ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลายให้วิงวอนอธิษฐานทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อคนทั้งปวง” ( ๑ ทธ.๒.๑ ) เมื่อมนุษย์ได้คืนดีกับพระเจ้า โดยพระโลหิตของพระบุตรแล้วเขาต้องมีธรรมชาติใหม่ เพราะเขาเป็นผู้ที่ถูกสร้างใหม่แล้ว ดังนั้นคริสตชนที่มีชีวิตแท้ในพระเจ้า ต้องมีความหิวกระหายอยากจะพูดคุยกับพระเจ้าตลอดเวลา การพูดคุยกับพระบิดาเจ้านั้นคือการอธิษฐานภาวนา

ในหนังสือนักบุญยากอบบทที่ ๕.๑๓-๑๕ เป็นตอนที่คริสตชน คุ้นเคยมากทีเดียว และหลายๆคนได้ นำไปใช้ในชีวิตจริง การอธิษฐานภาวนาดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องลงทุนด้วยเงินทองเลย แต่กลับพบความจริงว่าการภาวนากลับกลายเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่งของชาวคริสต์ มีคริสตชนจำนวนมากยินดีทำงานหนักเพื่อให้ได้เงินมาทำบุญให้วัด หรือถวายโบสถ์ หรือให้ความช่วยเหลือคนที่ขัดสน แต่เรามักจะขาดความอดทน ใน การภาวนาให้กันและกัน ฉันเข้าใจว่าการอธิษฐานภาวนาต้องสำคัญมาก “ เพราะพระเยซูเจ้า ยังเป็นนักอธิษฐาน ทรงสอนการอธิษฐาน” จนวาระสุดท้ายของชีวิตที่สวนเกสมานี ก็ทรงอธิษฐานต่อพระบิดาเจ้า และบนกางเขน ๗ พระวาทะสุดท้าย ก็เป็นการพูดกับพระบิดา

รูปภาพ

๑.ภาวนา เมื่อทุกข์ยาก และเมื่อชื่นชมยินดี

“ มีผู้ใดในพวกท่านทนทุกข์หรือ จงให้ผู้นั้นอธิษฐาน” (ข้อ ๑๓ ) ในยุคของท่านยากอบคริสตชนเป็นชนกลุ่มน้อย และได้รับการเบียดเบียนทั้งจากชาวยิวด้วยกันเอง และจากการปกครองของโรมัน เช่นการขูดรีดภาษี คริสตชนกลุ่มน้อยนี้ทุกข์ยากจนเลือดตากระเด็น แล้วเขาจึงพบวิธีแก้ปัญหานั่นคือ ทูลขอต่อพระเจ้าพระบิดา ด้วยสำนึกว่าตัวเองเป็นลูกเล็กๆ เป็นที่รักของพระเจ้า จึงทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ สำหรับพวกเราเชื่อว่าพระเจ้าคือ “พ่อ หรือบิดา” เมื่อเราทุกข์ลำบาก เราควรบอกพ่อมิใช่หรือ ตามที่ศึกษาประวัติศาสตร์พระศาสนจักรช่วงไหนที่คริสตชนทุกข์ลำบาก ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก ช่วงนั้นพระศาสนจักร และชุมชนผู้เชื่อเติบโตอย่างรวดเร็ว และเข้มแข็งด้วย เพราะพระเจ้าทรงทำงานในชีวิตคริสตชนแต่ละคน พวกเขาจนมุม จึงต้องพึ่งพาพระเจ้า เพราะเขารู้ว่าไม่สามารถช่วยตัวเองได้ เขาจึง ทูลขอพระเจ้าผู้ที่เขาเชื่อและวางใจ

เมื่อไม่นานมานี้ฉันมีโอกาสสอนศิษยาภิบาลจากประเทศลาว และได้ข้ามฝั่งโขงไปเยี่ยมคริสตจักรและชุมชนคริสเตียนภายในกำแพงนครเวียงจันทน์ จึงพบว่าขณะนี้คริสเตียน ในประเทศลาว เติบโตมาก มีผู้ถวายตัวมอบใจให้พระเยซูคริสต์มากมายทั้งๆที่ รัฐบาลเบียดเบียนและจำกัดเสรีภาพในการนมัสการพระเจ้า คริสตชนที่นั่นพบเคล็ดลับว่า ไม่มีใครหรือ อำนาจใดจะขวางกั้น เสียงอธิษฐานคร่ำครวญต่อพระบิดาที่รัก ฉันจึงไม่แปลกใจเลย ที่พี่น้องคริสตชนในประเทศลาวได้เห็น การอัศจรรย์อย่างมากมาย และมีคนรับเชื่อพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ทุกๆวัน นั่นเพราะพวกเขาขะมักเขม้นภาวนาด้วยใจจดจ่อ ดังนั้น พระเจ้าทรงเทพระพรแก่พวกเขาอย่างล้นเหลือพระเจ้าทรงนำผู้ทุกข์ยากด้านจิตวิญญาณมาพักสงบกับพระองค์

การอธิษฐานเมื่อชื่นชมยินดี ในข้อที่ ๑๓ เช่นกัน ท่านยากอบหนุนใจ ให้คริสตชนอธิษฐานเมื่อชื่นชมยินดี ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ทำไมท่านยากอบพูดเช่นนี้ เพราะท่านเตือนคริสตชนให้ตระหนักว่า สิ่งดีๆทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิตของเราแต่ละวันนั้น ไม่ใช่เพราะความสามารถ หรือเพราะความเก่ง ความดีของเราเอง แต่เพราะพระเมตตาของพระเจ้าต่างหาก ดังนั้นเราก็ต้องภาวนาขอบคุณพระเจ้า คือการบอกพ่อว่า เราผู้เป็นลูกขอบคุณพ่อที่ให้สิ่งที่ดีๆในชีวิต จึงสมควรที่ลูกต้องสรรเสริญ ชื่นชมคุณพ่อ ที่แสนดีของเรา ในพระคัมภีร์ได้บันทึกบุคคลมากมายที่มีชีวิตด้วยการสรรเสริญพระเจ้า เช่น โมเสส ได้ให้แบบอย่างที่ดีในการขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อผ่านพ้นวิกฤติ ( ดู อพยพ ๑๕ ) นางฮันนาห์ ได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงประทานบุตรชายให้ ( ๑ซามูเอล ๒.๑-๑๐ ) และพระนางมารีย์ เมื่อได้รับการยืนยันจากพี่สาวอลิซาเบธว่าเป็นมารดาของพระผู้เป็นเจ้า พระนางจึงภาวนาสรรเสริญพระเจ้า ด้วยความชื่นชมยินดี ( ลูกา ๑.๔๖-๕๕ ) นอกจากนี้แล้ว ในหนังสือสดุดีเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการอธิษฐานสรรเสริญด้วยความชื่นชมยินดี

รูปภาพ

แล้วพวกเราล่ะ ได้รับสิ่งที่ดีมากมายจากพระเจ้าทุกๆวัน จึงสมควรขอบพระคุณพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี อย่างต่อเนื่อง มิใช่หรือ???
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 30, 2005 1:21 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ก.ย. 30, 2005 5:51 am

๒. การอธิษฐานเมื่อยามเจ็บป่วย

“มีผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าและการอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้เขาหายโรคและถ้าเขาได้กระทำบาปพระองค์ก็จะทรงโปรดอภัยให้” ( ยากอบ๕. ๑๔-๑๕ )

รูปภาพ

การเจ็บป่วย ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ความเจ็บป่วยฝ่ายกาย เท่านั้น พบว่าบ่อยครั้งการเจ็บป่วยฝ่ายกายทำให้ จิตวิญญาณอ่อนแอไปด้วย ข้อที่ ๑๔ ท้าทายให้เราอธิษฐานภาวนาเมื่อมีคนเจ็บป่วย คริสตชนจำนวนมากยังเข้าใจผิด เพราะเรามองแต่เจ็บป่วยฝ่ายกายคือการเจ็บป่วยภายนอกเท่านั้น

ความเจ็บป่วย: ความเจ็บป่วยที่ท่านยากอบ กล่าวถึงในภาษาเดิม ( กรีก ) ว่า astheneiความหมายตามตัวอักษร = ความอ่อนแอ ในด้านความเชื่อ อ่อนแอในจิตสำนึกผิดชอบ และในข้อที่ ๑๕ มาจากภาษากรีก kamnonta ( แคมมอนต้า ) = คนป่วย ถ้าตามอักษร หมายถึงอ่อนเพลีย เบื่อหน่าย ท้อถอย

ตามความเป็นจริง ใครก็ตามที่เจ็บป่วย ก็เบื่อหน่ายทั้งกายและฝ่ายจิตทั้งนั้น เมื่ออยู่ในภาวะเช่นนี้ เขาเบื่อหน่ายต่อการภาวนาอธิษฐาน ยิ่งกว่านั้นกลับสงสัยว่าพระเจ้าทอดทิ้งเขาเสียด้วย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ บาทหลวง หรือศิษยาภิบาล และบางคณะของวัด/โบสถ์ ในบทความนี้ฉันคิดว่า เป็นหน้าที่ของ คริสตชนทุกคน ต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระกันและกัน เพราะผู้ป่วยไม่ว่ากาย หรือจิต คือคนอ่อนแอ ต้องการการชูจิตใจ

รูปภาพ

ขอทำความเข้าใจว่า การอธิษฐานภาวนาเหมือนกับการหลั่งโลหิตกับพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ไม่ใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น เราต้องเปิดใจกว้าง แบบอัครทูตเปาโลสอนว่า “จงช่วยรับภาระของกันและกัน” ( ๕.๒ก ) ท่านเปาโลเอง ก็เป็นนักภาวนา เช่นท่านอธิษฐานให้ชาวฟิลิปปี “ทูลขอด้วยความยินดี” ท่านบอก ชาว โคโลสี ว่า “เราไม่ได้หยุด อธิษฐาน ขอเพื่อท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านเต็มเปี่ยม ด้วยความรู้เรื่องพระประสงค์ของพระองค์โดยสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณ” ( โคโลสี ๑:๙-๑๒ ) ท่านบอกชาวเธสะโลนิกาว่า “เราขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านทั้งหลาย และเมื่ออธิษฐานเราก็เอ่ยถึงท่านเสมอ” (๑ ธส.๑.๒ )

ประมาณต้นปี ๒๐๐๒ มีนักศึกษาสาวชั้นปีที่๓ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ตั้งกระทู้ ขอความช่วยเหลือบนเว็บบอร์ด ห้องศาสนา ว่า “ใครก็ได้ช่วยด้วย หนูอยากฆ่าตัวตาย” เมื่อฉันได้อ่านกระทู้นี้แล้ว เข้าใจว่า เธอกำลังมีปัญหาด้านจิตใจ จึงได้ภาวนาให้นักศึกษาคนนั้น แต่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้ ฉันทำมากกว่านั้น เพราะพระองค์ใส่ภาระใจ ที่รู้สึกห่วงใยเธอมาก ในที่สุดฉันได้ติดต่อ นักศึกษาสาวคนนี้ เราคุยกันทางอีเมล์ เกือบทุกวัน ฉันในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ มีความเข้าใจชีวิต และสังคมกว่าเด็ก จึงให้คำแนะนำเธอเป็นลำดับ พร้อมทั้งอธิษฐานให้เธอด้วยใจจดจ่อ ได้วิงวอนต่อพระเจ้าขอพระเมตตาทอดพระเนตรถึงความทุกข์ ท้อแท้ในจิตใจของเด็กคนนี้ ทูลวิงวอนขอพระเจ้าทรงสัมผัสจิตใจของเธอ ขอบคุณพระเจ้า เวลาผ่านไป หนึ่งเดือน จิตใจของนักศึกษาสาวคนนี้กลับมาอยู่ในภาวะปกติ เชื่อว่าเพราะพระเจ้าทรงสัมผัสรักษาเธอ และดลใจให้เธอรับคำแนะนำของฉันที่เป็นเครื่องมือของพระองค์ นักศึกษาคนนี้สามารถแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ได้ เธอ มีกำลังใจ มีเป้าหมายของชีวิต เธอรู้ว่าใครกำลังยืนเคียงข้างเธอ ดังนั้นเธอจึงก้าวต่อไปอย่างมั่นใจ เธอได้ส่งการ์ดขอบคุณฉัน ฉันบอกเธอว่าเราต้องขอบคุณพระเจ้าต่างหาก บัดนี้เธอได้สำเร็จการศึกษา และทำงานแล้ว ขอบคุณพระเจ้า จนถึงวันนี้เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน นี่ก็เป็นเคสหนึ่งที่พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานภาวนาให้กับคนเจ็บป่วยภายในจิตใจ จึงเป็นเหตุให้ฉันกล้าวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อคนอื่นเสมอ เพราะเชื่อว่าพระเจ้าทรงฟังพวกเรา

รูปภาพ

พี่น้องท่านใดรักที่จะหลั่งโลหิตกับพระคริสต์ในการอธิษฐานภาวนา ต้องมีความเชื่อว่า:

๑) การอธิษฐานภาวนาเป็นการสนทนากับพระเจ้าของบรรดาผู้เชื่อที่วางใจในพระเยซูคริสต์
๒) การอธิษฐานภาวนาเป็นการนมัสการสรรเสริญพระเจ้า เป็นการฟังพระสุรเสียงและทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงเปิดเผยกับผู้ภาวนาที่จะยอมเชื่อฟัง และประพฤติปฏิบัติตามที่พระเจ้าตรัสและใช้เขาในพันธกิจของพระองค์
๓) การอธิษฐานภาวนาเป็นลมหายใจของชีวิตคริสตชนเพราะพระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่างในการภาวนาและพระองค์ทรงสอนเหล่าสาวกให้อธิษฐานภาวนา (ดูมัทธิวบทที่ ๖.๙-๑๓ )
๔) การอธิษฐานภาวนาที่มีพลังและเกิดผลนั้นมาจากพระเจ้าและคนที่มาร่วมความเชื่อร่วมพลังภาวนาวิงวอนขอในสิ่งนั้นๆอย่างเจาะจง จริงจัง จริงใจ ต่อพระเจ้า
๕) การอธิษฐานภาวนา เป็นกุญแจทองของชีวิตคริสตชน ที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยการอธิษฐานนมัสการ สรรเสริญ ยกย่องพระนามพระองค์แต่ผู้เดียว

พระเจ้าตรัสว่า: “ และจงร้องทูลเราในวันทุกข์ยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายพระสิริแก่เรา” (สดุดี ๕๐.๑๕ )

( หมายเหตุ ตีพิมพ์ในอิสระรายปักษ์ ฉบับที่ 52 ปักษ์แรก เดือน กันยายน 2005 )
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 30, 2005 1:26 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
nipon_m
~@
โพสต์: 177
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร เม.ย. 12, 2005 6:18 pm

ศุกร์ ก.ย. 30, 2005 7:20 am

ขอบคุณครับพี่ ผมจะนำความรู้นี้ไปใช้เวลาพบผู้ป่วยครับ
chawannat

เสาร์ ต.ค. 01, 2005 9:34 am

จะพยายามภาวนาทุกๆวันเลยค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ต.ค. 01, 2005 11:57 pm

ขอบคุณค่ะ จะอธิษฐานให้มากขึ้นค่ะ
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

จันทร์ ต.ค. 03, 2005 6:55 pm

ตอนนี้ผมภาวนาทุกๆวันเลยครับ พระบิดาได้มอบสิ่งที่ผมต้องการและสิ่งที่ผมอยากได้มานานครับ

รักพระบิดาที่สุดเลย :)
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.ค. 27, 2010 7:46 am

หวังว่าพวกเราคงก้าวหน้า ในเรื่องคำภาวนา นะครับ :s002:
ตอบกลับโพส