++พยานปากเอก++
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 11, 2007 6:23 am
พยานปากเอก
โปรดปราน ( พีพี )
เมื่อหลายปีมาแล้ว ฉันได้ขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานคดีหนึ่งที่ฉันอยู่ในเหตุการณ์เมื่อพบหน้าจำเลยในชุดนักโทษและมีโซ่พันธนาการที่มือและเท้า นักโทษชายรายนี้ ก็ค่อนข้างสนิทกับฉัน เราเจอกันที่ศาลเขายกมือไหว้ด้วยท่าทีสุภาพ และสายตาเศร้าสร้อย แต่ฉันต้องพูดตามที่เห็น เชื่อว่าคำพยานของฉันก็มีส่วนให้ศาลพิพากษาตัดสินจำคุกเขากว่าสิบปี นับว่าเป็นเรื่องเศร้ามากที่ฉันได้เป็นพยานเรื่องนี้สมองของฉันยังจดจำเรื่องของเขาและยังเจ็บปวดในหัวใจเสมอ
คำว่า พยาน น่าจะเป็นคำที่คริสตชนคุ้นเคย โดยเฉพาะพี่น้องคริสเตียนกลุ่มคริสตจักรที่เน้นการใช้พระพรฝ่ายพระจิต หรือคณะที่เข้ามาใหม่จะเน้นการแพร่ธรรม การเป็นพยานประกาศข่าวดีของพระเยซู พยาน หมายถึง “ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ หรือบุคคลซึ่งให้การในเรื่องที่ตนได้เห็น ได้ยิน หรือได้รับรู้มา ” ในพระวรสารนักบุญยอห์นใช้คำว่าพยาน 47 ครั้ง พยานที่ ท่านยอห์นผู้เขียนตั้งใจจะให้รู้ว่า เรื่องราวของพระเยซูคริสต์คือความจริง และมีหลักฐานพร้อม และอีกจุดประสงค์หนึ่งของพยานที่ยอห์นได้ทำทั้งหมดคือ เพื่อให้คนเชื่อและได้รับความรอด ( ดู ยอห์น 4.39/5.34 ) หลังจากฉันได้ต้อนรับพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ฉันก็ชอบเป็นพยานเกี่ยวกับพระองค์ ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงอวยพรฉันรวมทั้งบุคคลที่ฉันรู้จักมากมาย เรื่องราวของพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องเดียวที่ฉันชอบพูดชอบเล่า สัก กี่พัน กี่หมื่นครั้งไม่รู้สึกเบื่อ ฉันพยายามใช้วิธีที่อัครทูตเปาโลสั่งท่านทิโมธีศิษย์รักว่า “…ให้เป็นพยานทั้งที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส...” ( ดู 2 ทิโมธี 4.2 )ซึ่งในช่วงคริสตสมภพ และอีสเตอร์ (ปัสกา ) ฉันได้โพสต์เรื่องคริสตสมภพ ที่เว็บพันทิป ติดต่อกันมา 5 ปีแล้ว ปีนี้ Login ของตัวเองใช่ไม่ได้ จึงใช้ของน้องโพสต์ที http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 87640.html แล้วก็ขอให้เพื่อนๆคริสตชน ที่ห้องศาสนา ช่วยโหวต เป็นกระทู้แนะนำ เพราะ ต้องการให้สะดุดตา และดึงดูดความสนใจ เพื่อนสมาชิกจะได้เข้าไปอ่าน เขาจะได้รับความรู้ ความเข้าใจ และนำไปถึงความรัก ความศรัทธาต่อ พระมหาไถ่ของโลก หรือผู้ที่กำลังแสวงหาความจริงก็จะได้พบกับพระองค์ ผู้เป็นของขวัญแก่ชาวโลก
พยานปากเอก ( อ้างอิง ยอห์น 1.6-8 ) พยานคนสำคัญนี้คือยอห์นผู้ให้บัพติศมา เขาเป็นพยานปากเอกที่พระเจ้าทรงใช้ให้เข้ามาในโลกท่านเป็นผู้เตรียมทางสำหรับพระเยซูเจ้าพยานคนนี้สำคัญมากเพราะถูกส่งมาจากพระเจ้า ยอห์นได้เป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าตั้งแต่ยังอยู่กันในครรภ์ ( ดู ลูกา 1.39-45 ) เพราะเมื่อพระนางมารีย์ไปเยี่ยมนางเอลีซาเบธ ที่แถบยูเดีย แค่เอลีซาเบธได้ฟังการทักทายของมารีย์ ทารกยอห์นซึ่ง อยู่ในครรภ์ ดิ้น และเอลีซาเบธก็เต็มไปด้วยพระจิตเจ้า จึงร้องเสียงดังว่า “ในบรรดาสตรีท่านได้รับพระพรมาก และทารกในครรภ์ของท่านก็ได้รับพระพรด้วย เป็นไฉนที่ข้าพเจ้าได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ คือมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้ามาหาข้าพเจ้า เพราะดูเถิดแค่เสียงปราศรัยของท่านเข้าหูข้าพเจ้าทารกในครรภ์ของข้าพเจ้าก็ดิ้นด้วยความยินดี” (ลก.1.41-44) ซึ่งคำพยานนี้ทำให้พระนางมารีย์มีความชื่นชมยินดียิ่ง เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้น พระจิตเจ้าทรงให้ทารกยอห์นเป็นพยานไปแล้ว ดังนั้น สาวน้อยมารีย์ จึงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า รำพึง ถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ได้ทรงกระทำการใหญ่กับพระนาง ( ดู ลูกา 1.46-56 ) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมายให้ ท่านยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าดังนี้
1.เป็นพยานว่า พระเยซูคือความสว่างแท้ ( ยอห์น 1. 9 )
พระเยซูคริสต์คือความสว่างแท้ที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่มนุษย์ เพราะ เมื่อมนุษย์คู่แรกทำบาปตกจากมาตรฐานของพระเจ้า จุดหมายปลายทางของมนุษย์นั้นคือ ความตาย มนุษย์เสื่อมทราม สูญเสียความบริสุทธิ์ จึงถูกแยกจากพระเจ้า เพราะความบาปนำไปสู่ความตาย คือตายทั้งฝ่ายกายและจิตวิญญาณ ตายนิรันดร์ แต่เพราะความรักของพระเจ้าจึงส่งพระบุตร ( ยอห์น.3.16 )เพื่อนำมนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้า
อันที่จริงยุคแล้วยุคเล่า ก็มีคนอ้างตัวเองว่าเป็นแสงสว่าง เป็นผู้นำทางไปสู่เป้าหมายสูงสุดของชีวิตหลังจากความตาย พวกเขา จึงขันอาสาเพื่อนำคนออกจากความมืด ด้วยลัทธิศาสนา/ ด้วยความเชื่อ/ด้วยศรัทธา ต่างๆ นาๆ จึงนำไปสู่การปฏิบัติ หลากหลายที่แตกต่างกัน เพื่อจะไปถึงความสว่างแท้นั่น ในชีวิตของพวกเราคงได้เห็น คงเคยฟังเรื่องราวของผู้นำลักษณะนี้มากมาย ที่ใช้ชื่อว่าคริสตชนเอง ( ขอเรียกว่าพวกลัทธิเท็จเทียม ) และบางลัทธิเมื่อนำสาวกไม่สำเร็จ หรือผิดเพี้ยนไป ก็จบลงด้วยการฆ่าตัวตายหมู่กัน เช่น ในปี 1978 ลัทธิมรณะ นำโดย สาธุคุณ จิม โจนส์ ได้ฆ่าตัวตายหมู่กว่า 900 ศพ ด้วย ไซยาไนท์ ที่ประเทศ กายอานา ในปี 1993 ที่สหรัฐอเมริกา รัฐเท็กซัส ลัทธิดาวิเดียน นำโดย Koresh ตายหมู่ในกองเพลิง (เผาอาคาร ) กว่า 80 ศพ ในปี 1994 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สมาชิกของกลุ่ม Solar Temple ฆ่าตัวตาย 48 ศพ ด้วยปืน ต้นปี 1997 ที่สหรัฐอเมริกา สมาชิกของลัทธิ เฮเวนเกต หรือ Higher Source คนกลุ่มนี้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี่ ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อ พวกเขาเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว เชื่อว่าการปรากฏตัวของดาวหาง คือการเปลี่ยนผัน ของยุค .....พวกเขาเชื่อว่าการตายคือการปลดปล่อย วิญญาณให้สามารถเข้าสู่ประตูสวรรค์ มาเชื่อมต่อว่าพระเจ้า คือพระเยซูคริสต์ เป็นมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง และ เราจะได้ยินเรื่องทำนองนี้อีกมากมาย
สิ่งที่ยอห์น ผู้ให้บัพติศมาบอกความจริงคือ พระเยซูคือความสว่างแท้ ( ข้อ 9 ) พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพื่อเป็นแสงสว่างแก่มนุษย์ พระองค์ทรงขจัดความมืดบอดของโลก ที่เป็นผลจากความบาป ซึ่งทำให้มนุษย์ตามืดมัว หลงผิดไป ความสว่างของพระเยซูเจ้าจะทำให้มนุษย์ฉลาด ทำให้เข้าใจพระวจนะ ทำให้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า ความสว่างของพระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยความจริง ให้ชีวิตและนิมิตใหม่ “ เราเป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” ( ยอห์น 14.6 ) ความสว่างแท้ ช่วยให้มนุษย์พ้นจากอำนาจ และทาสของความบาป มุ่งไปสู่อาณาจักรนิรันดร์ พระเยซูตรัสว่า“เราเข้ามาในโลกนี้เพื่อเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด” (ยอห์น 12.46 )
โปรดปราน ( พีพี )
เมื่อหลายปีมาแล้ว ฉันได้ขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานคดีหนึ่งที่ฉันอยู่ในเหตุการณ์เมื่อพบหน้าจำเลยในชุดนักโทษและมีโซ่พันธนาการที่มือและเท้า นักโทษชายรายนี้ ก็ค่อนข้างสนิทกับฉัน เราเจอกันที่ศาลเขายกมือไหว้ด้วยท่าทีสุภาพ และสายตาเศร้าสร้อย แต่ฉันต้องพูดตามที่เห็น เชื่อว่าคำพยานของฉันก็มีส่วนให้ศาลพิพากษาตัดสินจำคุกเขากว่าสิบปี นับว่าเป็นเรื่องเศร้ามากที่ฉันได้เป็นพยานเรื่องนี้สมองของฉันยังจดจำเรื่องของเขาและยังเจ็บปวดในหัวใจเสมอ
คำว่า พยาน น่าจะเป็นคำที่คริสตชนคุ้นเคย โดยเฉพาะพี่น้องคริสเตียนกลุ่มคริสตจักรที่เน้นการใช้พระพรฝ่ายพระจิต หรือคณะที่เข้ามาใหม่จะเน้นการแพร่ธรรม การเป็นพยานประกาศข่าวดีของพระเยซู พยาน หมายถึง “ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ หรือบุคคลซึ่งให้การในเรื่องที่ตนได้เห็น ได้ยิน หรือได้รับรู้มา ” ในพระวรสารนักบุญยอห์นใช้คำว่าพยาน 47 ครั้ง พยานที่ ท่านยอห์นผู้เขียนตั้งใจจะให้รู้ว่า เรื่องราวของพระเยซูคริสต์คือความจริง และมีหลักฐานพร้อม และอีกจุดประสงค์หนึ่งของพยานที่ยอห์นได้ทำทั้งหมดคือ เพื่อให้คนเชื่อและได้รับความรอด ( ดู ยอห์น 4.39/5.34 ) หลังจากฉันได้ต้อนรับพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ฉันก็ชอบเป็นพยานเกี่ยวกับพระองค์ ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงอวยพรฉันรวมทั้งบุคคลที่ฉันรู้จักมากมาย เรื่องราวของพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องเดียวที่ฉันชอบพูดชอบเล่า สัก กี่พัน กี่หมื่นครั้งไม่รู้สึกเบื่อ ฉันพยายามใช้วิธีที่อัครทูตเปาโลสั่งท่านทิโมธีศิษย์รักว่า “…ให้เป็นพยานทั้งที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส...” ( ดู 2 ทิโมธี 4.2 )ซึ่งในช่วงคริสตสมภพ และอีสเตอร์ (ปัสกา ) ฉันได้โพสต์เรื่องคริสตสมภพ ที่เว็บพันทิป ติดต่อกันมา 5 ปีแล้ว ปีนี้ Login ของตัวเองใช่ไม่ได้ จึงใช้ของน้องโพสต์ที http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 87640.html แล้วก็ขอให้เพื่อนๆคริสตชน ที่ห้องศาสนา ช่วยโหวต เป็นกระทู้แนะนำ เพราะ ต้องการให้สะดุดตา และดึงดูดความสนใจ เพื่อนสมาชิกจะได้เข้าไปอ่าน เขาจะได้รับความรู้ ความเข้าใจ และนำไปถึงความรัก ความศรัทธาต่อ พระมหาไถ่ของโลก หรือผู้ที่กำลังแสวงหาความจริงก็จะได้พบกับพระองค์ ผู้เป็นของขวัญแก่ชาวโลก
พยานปากเอก ( อ้างอิง ยอห์น 1.6-8 ) พยานคนสำคัญนี้คือยอห์นผู้ให้บัพติศมา เขาเป็นพยานปากเอกที่พระเจ้าทรงใช้ให้เข้ามาในโลกท่านเป็นผู้เตรียมทางสำหรับพระเยซูเจ้าพยานคนนี้สำคัญมากเพราะถูกส่งมาจากพระเจ้า ยอห์นได้เป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าตั้งแต่ยังอยู่กันในครรภ์ ( ดู ลูกา 1.39-45 ) เพราะเมื่อพระนางมารีย์ไปเยี่ยมนางเอลีซาเบธ ที่แถบยูเดีย แค่เอลีซาเบธได้ฟังการทักทายของมารีย์ ทารกยอห์นซึ่ง อยู่ในครรภ์ ดิ้น และเอลีซาเบธก็เต็มไปด้วยพระจิตเจ้า จึงร้องเสียงดังว่า “ในบรรดาสตรีท่านได้รับพระพรมาก และทารกในครรภ์ของท่านก็ได้รับพระพรด้วย เป็นไฉนที่ข้าพเจ้าได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ คือมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้ามาหาข้าพเจ้า เพราะดูเถิดแค่เสียงปราศรัยของท่านเข้าหูข้าพเจ้าทารกในครรภ์ของข้าพเจ้าก็ดิ้นด้วยความยินดี” (ลก.1.41-44) ซึ่งคำพยานนี้ทำให้พระนางมารีย์มีความชื่นชมยินดียิ่ง เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้น พระจิตเจ้าทรงให้ทารกยอห์นเป็นพยานไปแล้ว ดังนั้น สาวน้อยมารีย์ จึงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า รำพึง ถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ได้ทรงกระทำการใหญ่กับพระนาง ( ดู ลูกา 1.46-56 ) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบหมายให้ ท่านยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าดังนี้
1.เป็นพยานว่า พระเยซูคือความสว่างแท้ ( ยอห์น 1. 9 )
พระเยซูคริสต์คือความสว่างแท้ที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่มนุษย์ เพราะ เมื่อมนุษย์คู่แรกทำบาปตกจากมาตรฐานของพระเจ้า จุดหมายปลายทางของมนุษย์นั้นคือ ความตาย มนุษย์เสื่อมทราม สูญเสียความบริสุทธิ์ จึงถูกแยกจากพระเจ้า เพราะความบาปนำไปสู่ความตาย คือตายทั้งฝ่ายกายและจิตวิญญาณ ตายนิรันดร์ แต่เพราะความรักของพระเจ้าจึงส่งพระบุตร ( ยอห์น.3.16 )เพื่อนำมนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้า
อันที่จริงยุคแล้วยุคเล่า ก็มีคนอ้างตัวเองว่าเป็นแสงสว่าง เป็นผู้นำทางไปสู่เป้าหมายสูงสุดของชีวิตหลังจากความตาย พวกเขา จึงขันอาสาเพื่อนำคนออกจากความมืด ด้วยลัทธิศาสนา/ ด้วยความเชื่อ/ด้วยศรัทธา ต่างๆ นาๆ จึงนำไปสู่การปฏิบัติ หลากหลายที่แตกต่างกัน เพื่อจะไปถึงความสว่างแท้นั่น ในชีวิตของพวกเราคงได้เห็น คงเคยฟังเรื่องราวของผู้นำลักษณะนี้มากมาย ที่ใช้ชื่อว่าคริสตชนเอง ( ขอเรียกว่าพวกลัทธิเท็จเทียม ) และบางลัทธิเมื่อนำสาวกไม่สำเร็จ หรือผิดเพี้ยนไป ก็จบลงด้วยการฆ่าตัวตายหมู่กัน เช่น ในปี 1978 ลัทธิมรณะ นำโดย สาธุคุณ จิม โจนส์ ได้ฆ่าตัวตายหมู่กว่า 900 ศพ ด้วย ไซยาไนท์ ที่ประเทศ กายอานา ในปี 1993 ที่สหรัฐอเมริกา รัฐเท็กซัส ลัทธิดาวิเดียน นำโดย Koresh ตายหมู่ในกองเพลิง (เผาอาคาร ) กว่า 80 ศพ ในปี 1994 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สมาชิกของกลุ่ม Solar Temple ฆ่าตัวตาย 48 ศพ ด้วยปืน ต้นปี 1997 ที่สหรัฐอเมริกา สมาชิกของลัทธิ เฮเวนเกต หรือ Higher Source คนกลุ่มนี้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี่ ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อ พวกเขาเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว เชื่อว่าการปรากฏตัวของดาวหาง คือการเปลี่ยนผัน ของยุค .....พวกเขาเชื่อว่าการตายคือการปลดปล่อย วิญญาณให้สามารถเข้าสู่ประตูสวรรค์ มาเชื่อมต่อว่าพระเจ้า คือพระเยซูคริสต์ เป็นมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง และ เราจะได้ยินเรื่องทำนองนี้อีกมากมาย
สิ่งที่ยอห์น ผู้ให้บัพติศมาบอกความจริงคือ พระเยซูคือความสว่างแท้ ( ข้อ 9 ) พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกนี้เพื่อเป็นแสงสว่างแก่มนุษย์ พระองค์ทรงขจัดความมืดบอดของโลก ที่เป็นผลจากความบาป ซึ่งทำให้มนุษย์ตามืดมัว หลงผิดไป ความสว่างของพระเยซูเจ้าจะทำให้มนุษย์ฉลาด ทำให้เข้าใจพระวจนะ ทำให้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า ความสว่างของพระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยความจริง ให้ชีวิตและนิมิตใหม่ “ เราเป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” ( ยอห์น 14.6 ) ความสว่างแท้ ช่วยให้มนุษย์พ้นจากอำนาจ และทาสของความบาป มุ่งไปสู่อาณาจักรนิรันดร์ พระเยซูตรัสว่า“เราเข้ามาในโลกนี้เพื่อเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด” (ยอห์น 12.46 )