+ข้าพเจ้าและครอบครัวอยู่ฝ่ายพระเจ้า+

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ต.ค. 13, 2008 11:46 pm

ข้าพเจ้าและครอบครัวอยู่ฝ่ายพระเจ้า
               โปรดปราน (พีพี )


“...แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า   เราจะปรนนิบัติพระเจ้า”  (โยชูวา 24:15)

ขณะนี้ชาวไทยเราอยู่ในยุคที่ผู้นำประเทศท้าทายให้ประชาชนเลือกข้าง  ในแวดวงเพื่อนฝูงฉันก็ถูกถามว่า เธอจะอยู่ฝ่ายไหน เมื่อถูกถามให้เลือกข้างฉันกลับคิดถึงพระคัมภีร์เก่าที่เพิ่งอ่านคือเรื่องของโยชูวา เมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตท่านเองก็ท้าทายให้คนอิสราเอลเลือกข้างเหมือนกัน ซึ่งตัวโยชูวาเองได้เลือกข้างไว้แล้ว ดังที่ท่านประกาศอย่างมั่นคงว่า ตัวท่านและครอบครัวเลือกฝ่ายพระเจ้า

          โยชูวา โยชัว เยชูวา ยะโฮชูอะ เยซู ต่างมีความหมายเดียวกันคือพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด โยชูวาเป็นบุตรนูน เกิดในตระกูลเอฟราอิม ในสมัยที่อิสราเอลตกเป็นทาสในอียิปต์ มีชีวิต 110 ปี (ยชว.24:29) โยชูวามีประสบการณ์ชีวิตในหลายๆ ด้านดังนี้

1. ด้านการก่อสร้าง : ในช่วงที่เป็นทาสในอียิปต์ เขาต้องทำงานหนักเหมือนชายฉกรรจ์ชาวยิวอื่นๆ ในการทำอิฐ ทำปูนเพื่อการก่อสร้าง

2. ด้านการทหาร :ในช่วงที่โมเสสพาชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ อยู่ในถิ่นทุรกันดาร อิสราเอลทำสงครามกับอามาเลข โยชูวาถูกส่งให้เป็นผู้นำเหล่าทัพออกไปสู้รบจนได้ชัยชนะ  (อพยพ17:9-16) ต่อมาเขาเป็น 1 ใน 12 คนที่โมเสสส่งไปสอดดินแดนคานาอัน (กดว.13:1-16)

3. ด้านความเชื่อ : ได้เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้าทรงทำงานผ่านโมเสส ได้รับการสอนเรื่องการรักษาพระบัญญัติกฎเกณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่เยาว์วัย เขามีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงประทานแผ่นดินคานาอันซึ่งเป็นแผ่นดินแห่งพระสัญญาสำหรับอิสราเอล

4. ด้านการรับใช้ : เป็นผู้รับใช้ของโมเสสตั้งแต่หนุ่มๆ (กดว.11:28) มักอยู่เคียงข้างโมเสสตลอดเวลา ไม่ว่าโมเสสจะไปไหน ข้างหนึ่งคืออาโรน และอีกข้างหนึ่งคือโยชูวา

5. ด้านการเป็นผู้นำ : ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำอิสราเอลต่อจากโมเสส เพราะเป็นผู้มีความสามารถ มีความสัตย์ซื่อ ประกอบด้วยพระจิตเจ้า (กดว.27:16-23,ฉธบ.1:34-40,3:23-27)

           โยชูวา คือผู้นำอิสราเอลคนใหม่ เมื่อพระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้โมเสสเข้าไปในแผ่นดินแห่งพระสัญญา เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระเจ้า และไม่ให้เกียรติแก่พระองค์ (กดว.20:1-20) รวมทั้งชาวอิสราเอลที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป กลุ่มชนที่ออกจากอียิปต์ที่มีชีวิตในถิ่นทุรกันดาร พวกหัวดื้อและขี้บ่นก็ไม่สามารถเข้าในแผ่นดิน ยกเว้นโยชูวา คาเลบ และชนรุ่นใหม่ที่เกิดในถิ่นทุรกันดารที่มีอายุ 20 ปีลงมาจึงได้เข้าแผ่นดินนั้น (กดว.14:26-35)

           หลังจากโมเสสเสียชีวิต โยชูวาต้องทำหน้าที่นำชนชาติอิสราเอลออกจากถิ่นทุรกันดาร บุกเข้ายึดครองคานาอันดินแดนแห่งพระสัญญา โยชูวามีความวิตกกังวล มีความกลัว และขาดความมั่นใจเพราะ คนอิสราเอล มีนิสัยทั้งดื้อด้านและขี้บ่น ด้านจำนวนประชากรมีมาก ส่วนในแผ่นดินคานาอันประกอบด้วยชนชาติเดิม 7 ชนชาติ คนพวกนี้เป็นคนตัวใหญ่แข็งแกร่ง มีกำลังมากและกราบไหว้รูปเคารพ ดูน่ากลัวจริงๆที่จะเข้าไปยึดครอง   บทเรียนที่เราได้รับจากชีวิตของโยชูวา ดังนี้

รูปภาพ

1.  ก้าวออกจากถิ่นทุรกันดาร…ด้วยความวางใจในพระเจ้า (ยชว.1:3-9)

             พระเจ้าทรงให้โยชูวามองเห็นปัจจุบัน แม้ว่าท่านยังอยู่ท่ามกลางปัญหา ท่านต้องเคลื่อนพลออกจากที่ราบโมอับ ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมุ่งสู่คานาอัน แต่พระเจ้าทรงสัญญากับโยชูวา ว่า “เราอยู่กับโมเสสมาแล้วฉันใด เราจะอยู่กับเจ้าฉันนั้น เราจะไม่ละเลยหรือละทิ้งเจ้าเสีย จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะเจ้าไปถิ่นฐานใด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้า” จากพระสัญญาของพระเจ้าทำให้โยชูวาเพิ่มความมั่นใจและมีความกล้าหาญพร้อมทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของโมเสส สืบสานน้ำพระทัยของพระเจ้าให้สำเร็จ

            ความเชื่อคือความแน่ใจในที่สิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง ชีวิตคริสตชนต้องเริ่มต้นด้วยความเชื่อด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า และสิ้นสุดลงด้วยความเชื่อและความวางใจในพระเจ้าเช่นกัน เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อในการรักษาคำมั่นสัญญา ทรงเปี่ยมด้วยความรักความเมตตาความเอ็นดูที่มีต่อบุตรของพระองค์ ทรงฤทธานุภาพที่เราสามารถวางใจและมอบทั้งชีวิตให้กับพระองค์
พระเจ้าทรงให้โยชูวามองไปข้างหน้า มองดูอนาคตคือที่ แผ่นดินคานาอัน ซึ่งเป็นแผ่นดินแห่งพันธสัญญา ที่อุดมไปด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม แม้โยชูวาจะยังไม่ได้ยึดครอง แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นแผนการของพระองค์ที่ทรงเตรียมไว้ก่อนแล้ว เป็นพันธสัญญาที่พระองค์ทรงกระทำต่ออับราฮัมว่าอิสราเอลจะเป็นชนชาติใหญ่ จะเป็นชนชาติที่มีชื่อเสียง  อิสราเอลจะเป็นชนชาติพระพร ที่นำพระพรของพระเจ้าไปสู่ชาวโลก ดังนั้นโยชูวามีหน้าที่ทำตามพระบัญชาของพระเจ้า เพราะความสำเร็จก็วางอยู่ข้างหน้าแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ต.ค. 14, 2008 12:05 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ต.ค. 13, 2008 11:50 pm


2.   ก้าวสู่แผ่นดินพันธสัญญา…ด้วยการเชื่อฟังพระวจนะ (ยชว.1:7-8)


พระเจ้าทรงรู้ดีว่าดินแดนคานาอันมีชนชาติที่กราบไหว้รูปเคารพ คนอิสราเอลได้รับอิทธิพลเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่ในอียิปต์และในถิ่นทุรกันดาร ด้วยว่าชนชาติอื่นๆนั้นกราบไหว้รูปเคารพมากมาย ด้วยเหตุนี้พระเจ้าทรงกำชับให้พวกเขายึดพระคำของพระเจ้าเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต พวกเขาต้องไตร่ตรอง รำพึงภาวนาพระคำทั้งกลางวันและกลางคืน

บ่อยครั้งที่เราคริสตชนมักเข้าใจผิดว่าการเตรียมตัวสำหรับอนาคต เป็นการเตรียมเรื่องเงินทอง เรื่องวัตถุ เรื่องฐานะการงาน  เรื่องเกียรติยศชื่อเสียง แต่พระเจ้าทรงให้เราเตรียมชีวิต(อนาคต)ให้อุดมด้วยพระวาจาของพระเจ้า เราจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ถ้าเรามองไม่เห็นทางสว่างของเบื้องหน้า พระวจนะของพระเจ้าจะเป็นโคมส่องเท้านำวิถีชีวิตของเรา (สดด.119:105) หรือ“บุคคลใดที่ติดสนิทกับพระเจ้าด้วยการยึดพระธรรม วิถีชีวิตของเขาจะเหมือนแสงอรุณซึ่งฉายสุกใส่ยิ่งๆ ขึ้น” (สภษ.4:18) พระเยซูเจ้าทรงมีชัยชนะต่อการทดลองของมารซาตานด้วยการใช้พระวจนะ (มธ.4:1-11) ซึ่งเสมือนดาบที่คมกริบ ใช้ในการต่อสู้มารร้าย

          ก่อนที่โมเสสจะนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ ในค่ำคืนนั้นพระเจ้าตรัสสั่งให้อิสราเอลทำพิธีปัสกา เอาเลือดแกะทาวงกบประตูบ้าน กินเนื้อแกะปิ้ง กินขนมปังไร้เชื้อ และเตรียมพร้อมสำหรับการออกเดินทาง สิ่งที่ไม่ลืมคือการเตรียมก้อนแป้งดิบที่ไม่ใส่เชื้อห่อใส่บ่าเอาไปด้วย เพื่อเป็นเสบียงอาหารระหว่างทางในช่วงแรก (อพย.12:1-3,12:34) โยชูวาก็กระทำเช่นเดียวกัน เขาสั่งให้ประชาชนเตรียมเสบียงอาหารให้เพียงพอสำหรับในครอบครัว ฝูงสัตว์และพลทหาร ใช้กินระหว่างการเดินทางจากที่ราบโมอับข้ามแม่น้ำจอร์แดนสู่เมืองเยรีโค ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 3 วัน  นี่เป็นวิธีการของผู้นำที่ชาญฉลาดที่มีการวางแผนงาน มนุษย์ต้องบำรุงชีวิตด้วยอาหารทั้งฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ “มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (มธ.4:4) ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมเสบียงที่พรักพร้อมทั้งฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ เพื่อชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์และสมดุล

รูปภาพ

3.  ก้าวสู่แผ่นดินพันธสัญญา…ด้วยชีวิตที่บริสุทธิ์ (ยชว.3:1-6)

ดินแดนคานาอันเต็มไปด้วยชนพื้นเมืองเดิม 7 ชนชาติที่กราบไหว้นับถือรูปเคารพ บูชาเทพเจ้า ล่วงประเวณี ผิดศีลธรรม มีชีวิตที่ไม่บริสุทธิ์ พระเจ้าทรงเลือกสรรชนชาติอิสราเอลให้เป็นประชาชาติที่ทรงเรียกไว้โดยเฉพาะ เป็นชนชาติที่บริสุทธิ์ เป็นประชากรของพระเจ้า ชีวิตของอิสราเอลจึงต้องมีความแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ คือชีวิตที่บริสุทธิ์เหมือนดังพระเจ้าที่ทรงบริสุทธิ์

โยชูวาสั่งให้ประชาชนชำระตนให้บริสุทธิ์เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้า และเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนพลข้ามแม่น้ำจอร์แดน เมื่อเราอ่านในคัมภีร์เก่า ทุกครั้งที่ประชาชนเข้าเฝ้าพระเจ้า พวกเขาต้องชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้งเสื้อผ้าและจิตใจ แม้กระทั่งปุโรหิตที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าในพลับพลา   ในอภิสุทธิสถานจะต้องนำเครื่องบูชามาถวายสำหรับความผิดของตนก่อนแล้วจึงถวายสำหรับความผิดของประชาชน (ฮบ.7:27) นี่เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นชัดเจนว่า พระเจ้าทรงประสงค์ให้ชีวิตของผู้ที่เข้าเฝ้าพระองค์มีความบริสุทธิ์ ต้องการให้ลูกของพระองค์ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ (1 ปต.1:15-16) หลังจากที่ประชาชนได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์พร้อมที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็ได้เห็นฤทธานุภาพความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

อัครทูตเปาโลได้วิงวอนให้คริสตชนทั้งหลายถวายชีวิตเป็นเครื่องบูชาที่บริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า (รม.12:1-2) ผู้ที่ถวายตัวเช่นนี้ต้องถวายทั้งร่างกายจิตใจความคิดและความปรารถนาของตนมอบแด่พระเจ้า และจำนนต่อพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าแล้วเราจะเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าว่าทรงดียอดเยี่ยมเพียงไร

พระเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้ชาวอิสราเอลก้าวออกจากถิ่นทุรกันดารโดยไม่มีเป้าหมายและไร้ทิศทาง ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าทรงนำเราทั้งหลายก้าวออกจากความแห้งผากของชีวิต ความร้อนระอุของชีวิต ความสับสนของชีวิต เพื่อเราจะเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตและสัมผัสถึงการทรงอยู่ของพระองค์ตลอดเวลา รวมถึงการทรงนำเราทั้งหลายก้าวสู่แผ่นดินที่อุดมด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม และเรากำลังอยู่บนเส้นทางนั้น


รูปภาพ

4.  ก้าวไปกับพระเจ้าทุกเวลา…ด้วยชีวิตที่สัตย์ซื่อ (ยชว.19:49-51)

        โยชูวาแบ่งดินแดนให้แก่ เผ่าต่างๆ ด้วยความเป็นธรรม มิได้ใช้อำนาจหน้าที่หรือตำแหน่งของการเป็นผู้นำเลือกเอาดินแดนที่ใหญ่โตที่สุดสำหรับตน แต่แบ่งโดยการจับฉลากตามความเหมาะสม ตระกูลใดมีคนมากก็ได้ดินแดนผืนใหญ่ไปปกครอง โยชูวาสัตย์ซื่อต่อคำมั่นสัญญาที่โมเสสได้ให้กับคาเลบว่าจะยกดินแดนส่วนหนึ่งให้แก่คาเลบ และโยชูวาก็กระทำตามนั้นอย่างชาญฉลาด (ยชว.14:6-15) ส่วนดินแดนสำหรับตน โยชูวามิได้ใช้อำนาจได้มา ท่านอยู่ในเผ่าเอฟราอิม เผ่าเอฟราอิมเมื่อได้ดินแดนแล้วก็แบ่งให้คนในตระกูลรวมถึงโยชูวาด้วยผู้นำที่ดีไม่ใช่เก่งแค่พูดแต่ต้องเก่งในการปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นคนพูดเก่งแต่ต้องรักษาคำพูด ไม่ใช่เป็นคนทำงานเก่งแต่ต้องทำงานอย่างสัตย์ซื่อด้วย พระองค์ทรงสัตย์ซื่อไม่ผันแปรเปลี่ยนไป (2 ทธ.2:13) ดังนั้นเราจึงต้องสัตย์ซื่อต่อการปฏิบัติตามพระคำของพระเจ้า สัตย์ซื่อในทางวาจา เงินทอง เรื่องเพศ และสัตย์ซื่อในทุกเรื่อง “คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กน้อยที่จะซื่อสัตย์ในของมากด้วยและคนที่อสัตย์ในของเล็กน้อย ก็จะอสัตย์ในของมากเช่นกัน” (ลก.16:10)


5. ก้าวไปกับพระเจ้า…จนวาระสุดท้ายของชีวิต (โยชูวา บทที่ 23-24 )

        คำกำชับสุดท้ายของโยชูวา: ท่านโยชูวาได้กำชับประชาชนในโยชูวาบทที่ 23-24 ซึ่งเป็นคำอำลาของโยชูวา ซึ่งท่านได้ปฏิบัติหน้าที่สำเร็จแล้ว ในการนำชนชาติอิสราเอลออกจากถิ่นทุรกันดารเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา ได้แบ่งดินแดนให้เผ่าทั้ง 12 ตระกูล มีการทำพิธีสุหนัต พิธีปัสกาและการนมัสการพระเจ้า ท่านกำชับประชาชนว่า “มาถึงทุกวันนี้ ทุกสิ่งที่เรามองเห็นและจับต้องทุกสิ่งที่เราผ่านมาในอดีตและสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงที่จะมีมาในอนาคต ล้วนเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงตระเตรียมไว้ให้แก่เรา ขอให้พวกท่านตัดสินใจเอาว่าจะนมัสการผู้ใด…แต่สำหรับข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้ารวมถึงลูกหลานเหลนทุกชั่วอายุสืบไป เราจะปรนนิบัติพระเยโฮวาห์ไปตลอดชีวิตของเรา” ประชาชนพร้อมใจกันตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายจะละทิ้งพระเจ้า ไปปรนนิบัติพระอื่นนั้น ขอให้ห่างไกลจากข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด”  โยชูวาจึงได้ทำพันธสัญญากับประชาชนและจารึกถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า เอาก้อนหินใหญ่ตั้งไว้ที่ต้นก่อหลวงในสถานนมัสการแห่งที่เชเคม ตลอดระยะเวลาที่โยชูวาอยู่กับชนชาติอิสราเอลจนกระทั่งสิ้นชีวิตและตลอดสมัยของผู้ใหญ่ที่มีอายุยืนนานกว่าโยชูวา พวกเขาก็รักษาพันธสัญญาของพระเจ้าและตระหนักซาบซึ้งในพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่ออิสราเอล (โยชูวา 24:31)

ผู้อ่านที่รักคะ ท่านกล้ายืนอย่างท่านโยชูวาไหม โดยเลือกฝ่ายพระเจ้า กล้าที่จะเปล่งวาจาว่า “แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระเจ้าตลอดชีวิต” …อาแมน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

( หมายเหตุ: ตีพิมพ์ในอิสระ นิตยสารคาทอลิกรายเดือน ประจำเดือน กันยายน ๒๐๐๘ หน้า.....)
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ต.ค. 14, 2008 12:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Viridian
โพสต์: 2762
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:40 pm

พุธ ต.ค. 15, 2008 1:26 pm

ขอบคุณพี่โปรดปรานมากค่ะ ::001::
KuRapiKa
โพสต์: 383
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ส.ค. 30, 2008 10:49 am
ติดต่อ:

ศุกร์ ต.ค. 17, 2008 2:02 pm

หุหุ กว่าจะอ่านจบ

ขอบคุณมากครับผม
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ต.ค. 18, 2008 1:32 pm

น่าจะทำที่ตบ เป็น รูปนกพิราบ เราเลือกข้างที่สร้างสันติภาพ โดยองค์พระเยซูเจ้า องค์สันติราชา ทรงเป็นแกนนำของเรา :cheesy:
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ ต.ค. 19, 2008 11:05 pm

อยู่ฝ่ายพระเจ้าครับ  แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มคำว่าอยู่ฝ่ายพระเจ้าถ้าละเลยการตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน(ตามวิถีแห่งพระเจ้า)
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

อังคาร ต.ค. 21, 2008 11:38 pm

ขอบคุณนะครับ
ตอบกลับโพส