"... จะโทษตัวเราเอง หรือจะโทษคนอื่นดี.." จะเอาไงดีครับ

สมาชิกกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้า และผู้สนใจกลุ่มลูกแกะของพระองค์
ตอบกลับโพส
Divine Mercy

จันทร์ ส.ค. 29, 2005 3:45 pm

จะโทษใครดีครับ...เอ...เราเป็นแบบไหนกันแน่

คนโรคประสาทเมื่อเกิดความขัดแย้งกับสภาพภายนอกจะโทษแต่ตัวเองและทำให้ตัวเองขมขื่นตกต่ำ แต่คนมีบุคลิกภาพผิดปกติ เมื่อเกิดความขัดแย้งกับสภาพภายนอกจะโทษคนอื่นและทำให้ทุกคนขมขื่นไปหมด

ลักษณะดังกล่าวมิได้พบแต่ในพวกคนมีโรคประสาทหรือบุคลิกภาพที่ผิดปกติเท่านั้น แต่เราเห็น พฤติกรรมเช่นนี้ในคนทั่วไปด้วย แต่ความเข้มข้นอาจจะมีไม่มากเหมือนคนมีโรค บางคนชอบแต่โทษตัวเอง (อาจจะมีน้อยหน่อย) หลายคนชอบแต่โทษคนอื่น (อันนี้น่าจะมีมาก) เราล่ะเป็นคนประเภทไหน?

หรือเราเป็นคนที่สามารถมองเห็นและรับความเป็นจริงได้ตามที่มันเกิดขึ้น?

ที่มา : หนังสือข้อคิดสกิดใจ

หากเราเป็นแบบไหนก็ปรับเปลี่ยนตัวเองซะ ขออภัยโทษต่อพระเจ้า และขอพระองค์ให้ช่วยเราดำเนินชีวิตที่ดี ไม่ต้องโษตัวเอง หรือโทษคนอื่น สังคมจะได้น่าอยู่ไง...
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 29, 2005 10:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
fizzy vippie
โพสต์: 371
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 26, 2005 10:58 am

จันทร์ ส.ค. 29, 2005 8:55 pm

ถ้าเป็นคนที่มีภาวะทางจิตไม่ปกติ ... เขาจะทำได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะโทษตัวเองหรือโทคนอื่นๆ
เพราะเขาไม่สามารถรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ตามสภาพความเป็นจริงและตามลักษณะที่ควรจะเป็น

ถึงตัวเราจะเป็นปกติ บางครั้งก็ต้องยอมรับว่า เราผิดเอง เพราะเราทำผิดไปจริงๆ

คนที่ภาวะทางจิตไม่ปกติน่ะ เค้าจะโทษตัวเองหรือคนอื่นๆ มากกว่าที่ควรจะเป็นและเกินขีดความพอดี
อย่างที่ศัพท์ทางวิชาการเค้าเรียกว่า exceeding the healthy limitation น่ะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ส.ค. 29, 2005 11:23 pm

นั่นสิ.....แหมๆๆ

ปกติ...นิสัยคน
ของไม่ดีมันก็ต้องโยนไปให้คนอื่นก่อนอ่ะนะ
ถ้าไม่ผิดโต้งๆ จับได้คาหนังคาเขาก็ไม่ยอมรับ

บางคนหลักฐานคามือยังบอกว่า ไม่ได้ทำ



ใครจะเป็นเหมือนพระเยซูเจ้าของเราอีก

แม้ไม่ได้ทำ...แต่ก็ทรงรับโทษแทนคนอื่น (ทั้งโลก) *sob
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อังคาร ส.ค. 30, 2005 12:17 am

ไม่โทษใครทั้งนั้นแหละ :) ไม่มีใครอยากให้เกิดข้อผิดพลาด ถ้าเกิดแล้วเขาก็ไม่ตั้งใจ ต้องปลอบโยนเขา *ok
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อังคาร ส.ค. 30, 2005 5:27 am

เราต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า "โรคประสาท" กับ "โรคจิต" เป็นคนละชนิดกัน คนไทยมักเข้าใจกลับกันว่า "โรคประสาท" คือ คนบ้า คนสติไม่ดี หรือมีปัญหาด้านสมอง แต่ที่จริงแล้วผิดครับ นั้นคืออาการของคน "โรคจิต" โรคประสาท คือคนปกติอย่างที่พวกเราเป็นนั้นแหละครับทุกคนมีสิทธิ์เป็นโรคประสาทได้ทั้งนั้นแหละครับ ไม่ได้เกี่ยวกับสมองหรือพันธุกรรมแต่อย่างไร ซึ่งต่างกับคน "โรคจิต" เพราะคนโรจิตเกิดจากการผิดปกติที่สมองครับ อย่างคนเมายาบ้าก็ถือว่าเป็น "โรคจิต" เหมือนกัน เพราะคนโรคจิตจะทำอะไรไปโดยที่เข้าไม่รู้ตัว ส่วนคนโรคประสาทรู้ตัวเป็นปกติทุกอย่างแต่อารมณ์ของเข้าบางอย่างไม่ปกติ

ขอยกโรคต่างๆ เหล่านี้มาแบ่งปันให้ดูกัน เพื่อพี่น้องพบจะได้ช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ถูก

1. โรคแมนเนีย(Mania)
ผู้เป็นมักมีอารมณ์ครึกครื้น หรือ หงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายโดยไม่มีเหตุผลเท่าที่ควร มักอยู่ไม่สุข ต้องเดิน เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มักพูดมาก พูดเร็ว พูดรัว จนไม่สามารถหยุดรับฟังคนอื่นพูดด้วยได้ สามารถเปลี่ยนเรื่องพูดได้เร็วอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

2. โรคเมลันคอเลีย(Melancholia)
อาการคือ ซึมๆ เบื่อๆ เศร้าๆ คนที่เป็นรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต ใจคอหดหู่ เศร้าหมอง ไม่อยากทำอะไร เอาแต่นอนอย่างเดียว รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า โรคนี้จัดว่า เป็นได้ทั้ง "โรคจิต" และ "โรคประสาท" ถ้าอาการเช่นนี้เกิดจากเคมีในสมองมากเกินไปทำให้เกิดอาการซึมเศร้า คือ "โรคจิต" แต่ถ้าเกินจากปัญหา เช่น แฟนทิ้ง หรือคนที่รักจากไปเสียใจมากๆ ไม่อาจจะแก้ไขรักษาให้หายได้ง่ายๆ เรียกว่า "โรคประสาท"

3. โรคดีเมนเชีย(Dementia)
ความจำเสีย เชาว์ปัญญาเสื่อม ขาดความสนใจในชีวิตประจำวัน ขาดความคิดริเริ่ม หรือความมานะพยายามที่จะประกอบกิจกรรมใดๆ

4. โรคฮิสทีเรีย (Hysteria)คนไทยมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคเกี่ยวกับ เซ็กส์จัดควบคุมความต้องการทางเพศไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วคือโรคที่ป่วยทางกายเป็นๆ หายๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดแขนปวดขา ตาพร่า หรือหู่อื้อ แต่พอหมอตรวจก็ไม่พบว่าเป็นโรคอะไร

5. โรคนิวรัสทีเนีย แปลว่า เส้นประสาทอ่อน โรคนี้เกิดจากการทำงานหักโหมเกินไป หรืออาจจะทำตัวเองให้ตื่นเต้นบ่อยเกินไป หรือเกิดจากอารมณ์เครียดนานไป หรือชอบสำเร็จความใคร่มากเกินไป อาการคือ ตึงเครียดกล้ามเนื้อของร่างกาย เช่น มึนเวียนศีรษะ ปวดเอว ปวดคอ ใจสั่น ตัวสั่น กินไม่ได้ นอนไม่หลีบ เป็นต้น

6. โรคไซคาสทีเนีย ปัจจุบันเรียกแยกออกเป็นชนิดต่างๆ ตามอาการสำคัญของแต่ละชนิด

1. ความกลัวฝังใจอย่างไม่มีเหตุผล เช่น กลัวความสูง กลัวที่กว้าง กลัวอยู่คนเดียว กลัวที่แคบ กลัวสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

2. โรคชอบย้ำคิดย้ำทำ ทั้งที่ไม่อยากคิดไม่อยากทำ เช่น จัดข้าวของก็ต้องวางให้เท่ากันให้เป็นระเบียบจะห่างกันครึ่งเซนก็ไม่ได้ ที่นอนก็ทำความสะอาดแล้วทำความสะอาดอีกจึงจะนอนได้ ปิดประตูก็ตรวจแล้วตรวจอีก อย่างนี้เป็นต้น

ข้อมูลค้นคว้าจากหนังสือเรื่องโรคประสาท ของ ดร. วัลลภ ปิยะมโนธรรม
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อังคาร ส.ค. 30, 2005 6:55 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อังคาร ส.ค. 30, 2005 5:28 am

ทฤษฎีทางจิตวิทยา Transactional Analysis หรือเรียกย่อๆ ว่า T.A.

T.A. ให้ทัศนะในชีวิตไว้ 4 ทัศนะคือ

I
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ เสาร์ ก.ย. 03, 2005 8:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ส.ค. 30, 2005 6:48 am

ว้าว จิตแพทย์ อยู่ใกล้ตัวนี่เอง Thanks ค่ะ พี่โจเซฟ ;D
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อังคาร ส.ค. 30, 2005 7:06 am

ไม่เป็นไรครับยินดีเผยแพร่ครับ พี่เป็นคนชอบศึกษาเท่านั้นแหละเพี่อจะได้นำไปพัฒนาตัวเองและช่วยเหลือคนอื่นได้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว ;D

ด้วยรักในพระคริสต์
Divine Mercy

อังคาร ส.ค. 30, 2005 1:40 pm

โอ้... แทบไม่หน้าเชื่อเลยครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมตั้งเยอะ นึกว่าไม่มีใครสนใจกระทู้นี้ซะแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
fizzy vippie
โพสต์: 371
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 26, 2005 10:58 am

อังคาร ส.ค. 30, 2005 11:11 pm

นักจิตวิทยา ที่น่าจะไปคุยเพื่อหาความรู้ด้วยเนี่ย
ขอแนะนำ คุณพ่อ (ดร.) จีน แบร์รี่ ที่บ้านเซเวียร์
คุณพ่อเป็นอาจารย์สอนด้านจิตวิทยาของพี่เอง
และท่านเป็นผู้บุกเบิกภาควิชา จิตวิทยา ของจุฬาฯและของเมืองไทย
ท่านมาอยู่เมืองไทยร่วม 40 ปี แล้ว
เป็นชาวแคนาดา แต่พูด-อ่านภาษาไทย ได้อย่างคนไทยเลย
New lamb
~@
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 7:21 am
ที่อยู่: Florida U.S.A

อังคาร ส.ค. 30, 2005 11:46 pm

กระทู้นี้ได้ความรู้เยอะดีค่ะ ได้ความรู้เพี่ม ขอบคุณค่ะ :D
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อังคาร ก.ย. 06, 2005 6:39 am

น้องfizzy vippie พูดถึง คุณพ่อ จีน แบร์รี่ ที่บ้านเวียร์ พี่เคยไปขอให้คุณพ่อเป็นพ่อวิญญาณให้แทนคุณพ่อเกรียงยศคนเดิม แต่คุณพ่อบอกไม่ว่างงานคุณพ่อเยอะจริงๆ

เมื่องวันอาทตย์นี้พี่ไปคุยกับคุณพ่อ จีน แบร์รี่ อีกครั้ง คุณพ่อตอบตกลงจะไปพ่อวิญญาณให้ พี่รู้สึกดีใจมากที่ได้คุณพ่อที่เก่งๆ ด้านจิตวิทยามาเป็นคุณพ่อวิญญาณให้ แต่ติดตรงที่ว่าคุณพ่อบอกว่าช่วงนี้ท่านไม่ว่างเลย พี่คงต้องรออีกนานนะครับ

ด้วยรักในพระคริสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
fizzy vippie
โพสต์: 371
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 26, 2005 10:58 am

อังคาร ก.ย. 06, 2005 12:34 pm

คุณพ่อ งานยุ่งมากๆจริงแหละค่ะ ... เพราะไหนจะงานทางด้านศาสนบริการ
ไหนจะงานทางด้านการศึกษาที่มหาวิทยลัยต่างๆมาเชิญคุณพ่อไปสอนหนังสือ
คุณพ่อแทบจะไม่ต้องขยับตัวไปไหนเลย ถึงเวลาคนขับรถก็มารับไปส่งตามที่ต่างๆ

ตอนที่เรียนปริญญาโทกำลังจะจบ ได้ใหคุณพ่อช่วยตรวจการใช้ภาษา
ในการแปลแบบสอบถามจากภาษาอังกฤษเป็นไทย
ต้องนัดคุณพ่อล่วงหน้าตั้งหลายวันแน่ะกว่าจะได้เจอ
แบบว่าที่มหาวิทยาลัย มีเวลาไม่พอ เพราะคุณพ่อมาถึงก็ต้องเข้าสอนเลย
ทำให้ต้องมาดักรอที่บ้านเซเวียร์ แต่หลังตรวจงานเสร็จได้คุยกับคุณพ่อด้วย
เพราะให้แม่มาเป็นเพื่อน ฟังแม่กับคุณพ่อคุยกันสนุกมาก
เพราะสมัยเป็นเด็กคุณพ่อจากบ้านเซเวียร์หลายๆท่าน (คุณพ่อและแม่รู้จัก)
จะออกไปสอนคำสอนให้เด็กคาทอลิกตามโรงเรียนคอนแวนต์ต่างๆน่ะ

ฟังเรื่องสมัยก่อนแล้วสนุกมาก ชอบที่สุดเลย
แก้ไขล่าสุดโดย fizzy vippie เมื่อ อังคาร ก.ย. 06, 2005 12:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 9:52 pm

ได้รับความรู้อีกแล้ววว
ภาพประจำตัวสมาชิก
KaL 's Z
โพสต์: 149
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 5:30 pm

เสาร์ ก.ย. 24, 2005 2:49 am

ดีจังเลยค่ะ มีความรู้ดี เฟื่องอยากหายจากโรคโรคไซคาสทีเนีย จังเลย ค่ะ
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

ศุกร์ ต.ค. 21, 2005 3:36 pm

ไม่โทษใครเลยดีกว่า เหอๆ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ต.ค. 24, 2005 10:21 pm

โทษตัวเราเองครับ
แล้วต้องให้อภัยตัวเองด้วยครับ
ตอบกลับโพส