อยากฟังเรื่องราวกระแสเรียกนักบวชค่ะ

สมาชิกกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้า และผู้สนใจกลุ่มลูกแกะของพระองค์
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 9:52 am

รู้สึกในนี้มีหลายคนทั้งที่เป็นนักบวชแล้ว  และกำลังพิจารณากระแสเรียกตัวเองอยู่ ก็อยากฟัง  แลกเปลี่ยนเรื่องราวกระแสเรียกน่ะค่ะ  ทั้งชายและหญิง  รู้ตัวได้ยังไงว่า ถูกเรียก  หรือตัวเองเป็นเจ้าสาวพระคริสตเจ้านะ  อะไรแบบนี้  : xemo017 :

ไม่เคยเข้า่ค่ายกระแสเรียกเมืองไทย  แต่ที่นี่ก็มีการแบ่งปันเืรื่องราวกระแสเรียกตัวเองในค่าย  ซึ่งมีืทั้งพระสงฆ์  บราเดอร์ และซิสเตอร์  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนว  ก็เข้ามาสัมผัสระยะนึง  จากนั้นก็ออกไป  กำลังจะแต่งงาน  สุดท้ายแต่งไม่ได้  ซิสเตอร์คนนึงบอก  เค้าก็คุยกับแฟนตัวเองว่า  เค้ามีพลังและความรักมากจนเกินที่จะใส่ได้ในคนๆเดียว  แต่ความรักนั้นต้องกระจายและเผื่อแผ่ไปให้กับทุกคน  สุดท้ายก็ต้องบอกเลิกกับแฟน  และก็มาเข้าคณะ  ::001::

อยากคุยกับคนมีกระแสเรียกนะคะ  IM  มาก็ได้ค่ะ  : emo045 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 10:05 am

เพิ่มเติม   : xemo017 : 

และเค้าก็ให้คุณสมบัติคร่าวๆมาด้วยนะ  ประมาณว่า  เป็นตัวของตัวเอง  รักอิสระ  (independent)  สามารถมีความสุขได้ทั้งเวลาที่กับตัวเองและผู้อื่น  (อย่าคิดลึก)  มีความรักแบบ  univeral love   สามารถหัวเราะได้กับความผิดพลาดของตัวเอง เวลาเศร้าก็ปลอบใจตัวเองได้  มีอารมณ์ขัน   : emo045 :  ไม่เป็นโรคกลัวเำพศตรงข้าม  ไม่สะทกสะท้านมากนักทั้งยามถูกด่าและถูกชม (คิดว่า  อันนี้คงเป็นผลจากความนบนอบ)  : xemo017 :

ใครมีอะไรจะแบ่งปันก็เชิญนะจ้า   : emo045 :
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 10:14 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 1:02 pm

การเรียกของพระเจ้าสำหรับผมนั้นยากที่จะเข้าใจได้ทันที ต้องแสวงหา จนบัดนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ และคิดว่ายังไม่พบคำตอบที่ชัดเจน ผมรู้แต่เพียงว่า พระองค์ทรงเรียกให้ตามพระองค์ไปและรับใช้พระองค์ แต่จะในแบบไหนผมยังไม่รู้ แม้เวลานี้ผมก็ทำงานรับใช้พระองค์อยู่แล้ว แต่ที่แน่ ๆ ผมรู้สึกว่า ตัวผมเองไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเลยที่พระองค์จะมาสนใจและเลือกผมให้ทำงานของพระองค์ที่พิเศษไปมากกว่านี้ แต่ผมก็ไม่กล้าปฎิเสธเสียงของพระองค์ ขณะเดียวกันก็รู้สึกยำเกรง รู้ว่าตนเองไม่คู่ควรเลย ก็เลยทำให้รู้สึกยังไม่ชัดเจนที่จะตอบรับหรือปฏิเสธดี  ผมก็จึงขอเครื่องหมายจากพระองค์ และพระองค์ก็ประทานให้ สิ่งนั้นคือ ผมได้ตั้งใจกับตนเองว่า "ผมจะเข้าคณะนักบวชก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ของคณะนั้นมาเชิญเท่านั้น ผมจะไม่เสนอตัวเข้าไปเองเด็ดขาด" ซึ่งก็มีผู้ใหญ่คณะนักบวชคณะหนึ่งที่ผมเคยติดต่อด้วย ได้เดินทางมาเพื่อพบกับผม และเร่งรัดขอให้ผมไปเข้าคณะในสินปีนี้ แต่ผมเองก็ยังลังเลใจ ก็จึงคิดว่ากำลังจะขอเครื่องหมายอีกอย่างหนึ่งจากพระเจ้า ว่าพระองค์ทรงเรียกผมจริง ๆ หรือไม่ ดังนั้นโปรดติดตามต่อไปครับ......
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 7:46 pm

ผมจะเข้าคณะนักบวชก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ของคณะนั้นมาเชิญเท่านั้น ผมจะไม่เสนอตัวเข้าไปเองเด็ดขาด


: emo038 : เพราะอะไรคะ
sabachthani

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 7:51 pm

Buddy เขียน: รู้สึกในนี้มีหลายคนทั้งที่เป็นนักบวชแล้ว  และกำลังพิจารณากระแสเรียกตัวเองอยู่ ก็อยากฟัง  แลกเปลี่ยนเรื่องราวกระแสเรียกน่ะค่ะ  ทั้งชายและหญิง  รู้ตัวได้ยังไงว่า ถูกเรียก  หรือตัวเองเป็นเจ้าสาวพระคริสตเจ้านะ  อะไรแบบนี้   : xemo017 :

ไม่เคยเข้า่ค่ายกระแสเรียกเมืองไทย  แต่ที่นี่ก็มีการแบ่งปันเืรื่องราวกระแสเรียกตัวเองในค่าย  ซึ่งมีืทั้งพระสงฆ์  บราเดอร์ และซิสเตอร์  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนว  ก็เข้ามาสัมผัสระยะนึง  จากนั้นก็ออกไป  กำลังจะแต่งงาน  สุดท้ายแต่งไม่ได้  ซิสเตอร์คนนึงบอก  เค้าก็คุยกับแฟนตัวเองว่า  เค้ามีพลังและความรักมากจนเกินที่จะใส่ได้ในคนๆเดียว  แต่ความรักนั้นต้องกระจายและเผื่อแผ่ไปให้กับทุกคน   สุดท้ายก็ต้องบอกเลิกกับแฟน  และก็มาเข้าคณะ   ::001::

อยากคุยกับคนมีกระแสเรียกนะคะ  IM  มาก็ได้ค่ะ   : emo045 :
พี่ดูอย่างพี่โจเซฟสิคะ พี่เขาโพสต์ในกระทู้อื่นบอกว่า พี่เขาต้องการความรัก อยากให้ความรักสาวๆ อยากเป็นสามีที่ดีเหมือนนักบุญยอแซฟ เห็นไหมคะ อย่างนี้ก็พอจะเห็นแล้วว่าพี่โจเซฟมีกระแสเรียกของการเป็นพ่อบ้าน

ถ้าพี่มีความรู้สึกไม่อยากใช้ชีวิตเป็นฆราวาส แต่อยากอุทิศตัวเพื่อรับใช้พระเจ้าเต็มเวลาเช่นเดียวกับนักบุญเปาโล ไม่ต้องการมีห่วงกังวลเรื่องคู่ชีวิตและบุตรธิดา หนูว่าก็น่าจะเป็นกระแสเรียกนักบวชในขั้นต้นแล้วนะคะ ที่เหลือพี่ก็กลั่นกรองต่อไป discern ค่ะพี่ discern

วิธีหนึ่งที่น่าจะพอช่วยได้ พี่ก็ลองไปสัมผัสชีวิตนักบวช งานที่นักบวชทำ และที่สุดก็ลองหาเวลาไปใช้ชีวิตหมู่คณะกับนักบวชที่พี่คิดว่าน่าจะเป็นกระแสเรียกของพี่เพื่อพิสูจน์กระแสเรียกของตัวพี่เองน่ะค่ะ

พระอวยพรค่ะพี่  ::001::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 8:46 pm

Andreas เขียน: การเรียกของพระเจ้าสำหรับผมนั้นยากที่จะเข้าใจได้ทันที ต้องแสวงหา จนบัดนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ และคิดว่ายังไม่พบคำตอบที่ชัดเจน ผมรู้แต่เพียงว่า พระองค์ทรงเรียกให้ตามพระองค์ไปและรับใช้พระองค์ แต่จะในแบบไหนผมยังไม่รู้ แม้เวลานี้ผมก็ทำงานรับใช้พระองค์อยู่แล้ว แต่ที่แน่ ๆ ผมรู้สึกว่า ตัวผมเองไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเลยที่พระองค์จะมาสนใจและเลือกผมให้ทำงานของพระองค์ที่พิเศษไปมากกว่านี้ แต่ผมก็ไม่กล้าปฎิเสธเสียงของพระองค์ ขณะเดียวกันก็รู้สึกยำเกรง รู้ว่าตนเองไม่คู่ควรเลย ก็เลยทำให้รู้สึกยังไม่ชัดเจนที่จะตอบรับหรือปฏิเสธดี  ผมก็จึงขอเครื่องหมายจากพระองค์ และพระองค์ก็ประทานให้ สิ่งนั้นคือ ผมได้ตั้งใจกับตนเองว่า "ผมจะเข้าคณะนักบวชก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ของคณะนั้นมาเชิญเท่านั้น ผมจะไม่เสนอตัวเข้าไปเองเด็ดขาด" ซึ่งก็มีผู้ใหญ่คณะนักบวชคณะหนึ่งที่ผมเคยติดต่อด้วย ได้เดินทางมาเพื่อพบกับผม และเร่งรัดขอให้ผมไปเข้าคณะในสินปีนี้ แต่ผมเองก็ยังลังเลใจ ก็จึงคิดว่ากำลังจะขอเครื่องหมายอีกอย่างหนึ่งจากพระเจ้า ว่าพระองค์ทรงเรียกผมจริง ๆ หรือไม่ ดังนั้นโปรดติดตามต่อไปครับ......
อย่างนึงที่ได้จากค่ายกระแสเรียกคือ  จงมองดูสัญญาณจากภายในมากกว่าสัญญาณจากภายนอก  พระเรียกเราในแบบที่เราเป็น  บางครั้งเราเองยังไม่รู้เลยว่า  เราเป็นอะไร  พระองค์สร้างเรามาเพื่ออะไร  เรื่องต่ำต้อยนั้น  ไม่ต้องคิดมากค่ะ  ต่ำกันทุกคนแหละ  คนเราต้องมี self-esteem และ self-esteem  นี่สำคัญกับชีวิตนักบวชมาก  เพราะเราต้องอยู่คนเดียวให้ได้  ถ้าไม่มี  self-esteem  เราจะอยู่ลำบาก  self-esteem ไม่ใช่ให้เราจองหอง  แต่ให้เรารู้ว่า  เราสำคัญกับพระอย่างไร 

ขออนุญาตแนะนำให้คุณ Andreas  ลองหาพ่อวิญญาณดูำก่อนนะคะ  ตอนแรกที่มีคนแนะนำแบบนี้ก็คิดหนักเหมือนกันว่า  จะไปหาที่ไหน  แต่สุดท้ายพระก็ส่งมาให้  เป็นพระสงฆ์หนุ่ม  ติงต๊อง  แต่ศักดิ์สิทธิ์  : xemo017 : ซึ่งพ่อเข้าใจเรามาก  และช่วยเราค้นพบตัวเองที่แท้จริง  และวิญญาณรู้สึกเป็นอิสระขึ้นมากๆ     : emo027 :

คุณ Andreas ยังดูเป็นนักบวชมากกว่าเราอีก  เราเองไม่เคยคิดว่า  พระองค์จะมาเลือกผู้หญิงที่ไม่เรียบร้อยอย่างเราไปเป็นซิสเตอร์  ปกติเค้าต้องเรียบร้อยๆ กัน  แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับหัวใจ  และแรงผลักดันในตัวเรา  ขึ้นกับว่า  พระสร้างเรามาทางไหน  สำหรับตัวเอง  พระอาจสงสารผู้ชายที่ต้องมาแต่งงานด้วยมั้ง  พระองค์เลยเรียก   ::011::

เราว่าคุณเจอพระแล้วล่ะ  และก็มีกระแสเรียกนักบวช  แต่คุณยังไมเจอตัวเองแค่นั้นเอง   ::001::

ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ  มีอะไรก็มาคุยกันได้  อยากคุยด้วยเหมือนกัน  : emo045 :
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 8:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 9:19 pm

Ms.BIG เขียน: พี่ดูอย่างพี่โจเซฟสิคะ พี่เขาโพสต์ในกระทู้อื่นบอกว่า พี่เขาต้องการความรัก อยากให้ความรักสาวๆ อยากเป็นสามีที่ดีเหมือนนักบุญยอแซฟ เห็นไหมคะ อย่างนี้ก็พอจะเห็นแล้วว่าพี่โจเซฟมีกระแสเรียกของการเป็นพ่อบ้าน

ถ้าพี่มีความรู้สึกไม่อยากใช้ชีวิตเป็นฆราวาส แต่อยากอุทิศตัวเพื่อรับใช้พระเจ้าเต็มเวลาเช่นเดียวกับนักบุญเปาโล ไม่ต้องการมีห่วงกังวลเรื่องคู่ชีวิตและบุตรธิดา หนูว่าก็น่าจะเป็นกระแสเรียกนักบวชในขั้นต้นแล้วนะคะ ที่เหลือพี่ก็กลั่นกรองต่อไป discern ค่ะพี่ discern

วิธีหนึ่งที่น่าจะพอช่วยได้ พี่ก็ลองไปสัมผัสชีวิตนักบวช งานที่นักบวชทำ และที่สุดก็ลองหาเวลาไปใช้ชีวิตหมู่คณะกับนักบวชที่พี่คิดว่าน่าจะเป็นกระแสเรียกของพี่เพื่อพิสูจน์กระแสเรียกของตัวพี่เองน่ะค่ะ

พระอวยพรค่ะพี่  ::001::
ขอบคุณมากค่ะที่แนะนำ  : emo045 :  ตอนนี้อยู่ระหว่าง discernment process ค่ะ  ร่วมกิจกรรมกับ vocation ministry  ของสังฆมณฑล และก็มีพ่อนำวิญญาณ  ตอนแรกอยากเป็นชีลับ  แต่หนทางมืดบอดมากๆ  แสวงหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ  แต่ชีสว่างนี่  ขนาดวิ่งหนียังเจอ  ทางเปิดสุดๆ    ::001::  เืำำพิ่งไปสัมผัสคณะ Salvotorians มา  http://www.sdssisters.org/Aug06Site2/index.html  ก็ชอบที่เค้าให้เราเป็นตัวของตัวเองดี  งานคณะก็หลากหลาย  และเค้าก็ไม่ใส่เครื่องแบบ  คือมีแค่สัญลักษณ์คณะติดเป็น pin หรือ เป็นสร้อยคอเท่านั้น  ซึ่งก็ชอบเหมือนกัน  เพราะตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องแต่งตัวเป็นเำพนกวิน  ::011::  อยากใส่เสื้อยีด กางเกงยีนส์อยู่  เดี๋ยวเืดือนตุลาก็จะไปสัมผัสอีก 4 คณะ  เรียก Nun Run  ค่ะ http://www.archmil.org/events/ShowEvent.asp?ID=3898

พ่อวิญญาณก็เพิ่งเป็นหมอลักษณ์ฟันธงมา   ::012::  ซึ่งก็มีความสุขและอิ่มเืิอิบมาก  : emo027 : แต่ก็บอกพ่อนะว่า  ทำไมรีบฟันธงแบบนั้น  หนูยังอยากมี sex อยู่นะพ่อ พ่อไม่คิดว่าหนูจะเป็นแม่ที่ดี เป็นภรรยาที่ดีได้เหรอคะ   : xemo017 : แต่พ่อก็บอก  เธอไม่รอดหรอก  หัวใจเธอไม่ได้ถูกสร้างมาให้รักผู้ชายบนโลก และจิกซอชีวิตเธอไม่ได้เป็นไปเพื่อรู้จักผู้ชายบนโลก  และเค้าก็บอกว่า  พูดแบบนี้แล้วอย่าแอบไปยิ้มหวานคนเดียวล่ะ  : xemo017 : ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ  ยิ้มหวานทั้งคืนจริงๆ  : emo045 : และช่วงนี้ก็เหมือนคนมีความรัก  หน้าตาผิวพรรณอิ่มเอิบสดใส  มีน้ำมีนวล  ความกลัวและความกังวลที่เคยมีอยู่ลึกๆในใจ  หายไปโดยสิ้นเชิง   : emo045 :

ก็แบ่งปันนะคะ  เดี๋ยวจะหาว่า  จะฟังแต่เรื่องของคนอื่น  เรื่องตัวเองไม่เล่า   : xemo017 :
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 7:55 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 11:42 pm

เอ่อ ช่วยส่งพ่อคนนั้น เอ้ย องค์นั้น มาชี้นำวิญญาณพี่หน่อยได้มั๊ย เผื่อจะรอดบ้าง

จริง ตอนแรก ก็คิดว่า ตัวเองจะต้องไปเป้นนักบวช ก็ยังคิดอยู่แค่ ซิสเตอร์อ่ะนะ ก็ดูไว้ บางคณะที่เรา สนใจงานของเขามานาน แต่ หนทางไม่เปิดกว้างเท่าไหร่ เนื่องจากอายุ และเราเอง ก็ยังไม่แน่ชัดด้วย ว่าจะยังไง เพราะว่ายังมีภาระทางบ้างอยู่ ก็คิดว่า ถ้าหนทางมันใช่ เราก็คงจะได้เอง

ใจลึก ๆน่ะ มีความรู้สึกว่า เราต้องมีหน้าที่ สละตัวเอง(sacrifice myself) แต่ไม่รู้ว่าสละตัวเองไปใช้ชีวิตนักบวช หรือสละตัวเองในงานทางโลกก็ไม่รู้  ไม่ใช่แค่รู้สึกว่า เรามีหน้าที่นะ มันเป็นปรารถนา และรักที่จะทำเลย ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะว่า ไม่ใช่ว่าอยากจะบวช เลยดื้อเดิน เข้าไปได้เลย ก็จะดู อีก 2 ปีอ่ะค่ะ เห็นว่า ถ้าชีลับ เนี่ยต้องล้างบาปไม่น้อยกว่า ปี หรือ สองปี ก็ให้ตัวเองได้ทบทวนดู ว่าชอบชีวิตแบบไหนกันแน่ ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตทางโลกอย่างดี ก็อุทิศ ให้กับงานเพื่อสังคม

บางที ยังคิดเล่น ๆเลยว่า น่าจะไปตั้งคณะนักบวช เน้นจิตารมณ์ เพื่องานสันติภาพ จาริกไปในดินแดนขัดแย้ง เพื่อนำความรักและสันติไปให้ คนที่มาอยู่คณะนี้ ต้องพร้อมเสียสละตัวเองจริง ๆ อย่างมีสติ นะคะ คิดเล่น ๆ นะ ฝัน ๆไว้เฉยๆ   
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 12:53 am

จอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: เอ่อ ช่วยส่งพ่อคนนั้น เอ้ย องค์นั้น มาชี้นำวิญญาณพี่หน่อยได้มั๊ย เผื่อจะรอดบ้าง

จริง ตอนแรก ก็คิดว่า ตัวเองจะต้องไปเป้นนักบวช ก็ยังคิดอยู่แค่ ซิสเตอร์อ่ะนะ ก็ดูไว้ บางคณะที่เรา สนใจงานของเขามานาน แต่ หนทางไม่เปิดกว้างเท่าไหร่ เนื่องจากอายุ และเราเอง ก็ยังไม่แน่ชัดด้วย ว่าจะยังไง เพราะว่ายังมีภาระทางบ้างอยู่ ก็คิดว่า ถ้าหนทางมันใช่ เราก็คงจะได้เอง

ใจลึก ๆน่ะ มีความรู้สึกว่า เราต้องมีหน้าที่ สละตัวเอง(sacrifice myself) แต่ไม่รู้ว่าสละตัวเองไปใช้ชีวิตนักบวช หรือสละตัวเองในงานทางโลกก็ไม่รู้  ไม่ใช่แค่รู้สึกว่า เรามีหน้าที่นะ มันเป็นปรารถนา และรักที่จะทำเลย ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะว่า ไม่ใช่ว่าอยากจะบวช เลยดื้อเดิน เข้าไปได้เลย ก็จะดู อีก 2 ปีอ่ะค่ะ เห็นว่า ถ้าชีลับ เนี่ยต้องล้างบาปไม่น้อยกว่า ปี หรือ สองปี ก็ให้ตัวเองได้ทบทวนดู ว่าชอบชีวิตแบบไหนกันแน่ ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตทางโลกอย่างดี ก็อุทิศ ให้กับงานเพื่อสังคม

บางที ยังคิดเล่น ๆเลยว่า น่าจะไปตั้งคณะนักบวช เน้นจิตารมณ์ เพื่องานสันติภาพ จาริกไปในดินแดนขัดแย้ง เพื่อนำความรักและสันติไปให้ คนที่มาอยู่คณะนี้ ต้องพร้อมเสียสละตัวเองจริง ๆ อย่างมีสติ นะคะ คิดเล่น ๆ นะ ฝัน ๆไว้เฉยๆ   
พี่เอาจริงป่าว  ถ้าสนใจจริงๆก็ลองทิ้งเบอร์ หรือ อีเมล์ไว้ก็ได้  เดี๋ยวจะบอกพ่อให้  เค้าจะใช่พ่อวิญญาณของเรารึเปล่า  ขึ้นกับพระค่ะ  : emo038 :

จริงๆคริสตชนทุกคนต้องหากระแสเรียกตัวเองนะ  จะได้รู้ว่า  พระจะให้เรารับใช้พระองค์แบบไหน  และจริงๆแล้วเราคือใคร เราควรต้องแสวงหาน้ำพระทัยพระว่า  พระองค์สร้างเรามาบนโลกนี้เพื่ออะไร  ตอนแรกที่ไปค่ายกระแสเรียกกลัวมาก  กลัวถูกเรียก  เพราะคิดตลอดว่า  ถ้าเรียกแล้วเราจะทำไง  กลัวเป็นแบบนักบุญอัลฟอนโซที่ต้องทิ้งงานทางโลก  กลัวเรียนไม่จบ  กลัวไปหมด  แต่ก็ไม่รู้ว่าไปค่ายกระแสเรียกทำไม  ::010::  สุดท้ายก็ได้นักบุญอัลฟอนโซนี่แหละที่ช่วย  ท่านสอนเรื่อง ความนบนอบและการทำตามน้ำพระทัยพระเป็นเจ้า  ก็เลยถึงได้สงบและวางใจขึ้น  และสุดท้ายก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด  ::001::  พระรักเรามาก  พระองค์เติมเต็มเรา  ไม่ใช่ทำลายเรา  : emo045 :

หนูมีบทภาวนาที่ช่วยให้เรารู้จักตัวเองจากค่ายกระแสเรียก  พี่อยากได้มั้ยคะ  : emo045 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 1:36 am

เอาเพลงไปฟังก่อน  ยังหาทำนองให้ไม่ได้นะคะ  แต่เพลงนี้เพราะ  ร้องในค่ายกระแสเรียกและที่วัดเวลามี social justice ministry ..  ::001::

We Are Called

1. Come! Live in the light!
Shine with the joy and the love of the Lord!
We are called to be light for the Kingdom,
to live in the freedom of the city of God!

Refrain: We are called to act with justice,
we are called to love tenderly,
we are called to serve one another;
to walk humbly with God!

2. Come! Open your heart!
Show Your mercy to all those in fear!
We are called to be hope for the hopeless
so all hatred and blindness will be no more!

3. Sing! Sing a new song!
Sing of that great day when all will be one!
God will reign, and we'll walk with each other
as sisters and brothers united in love!

http://www.godtouches.org/cathhymns.html#called
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 4:09 am

พี่คิดว่าอะไรก็ตามที่เป็นภาระใจของเราคือการะแสเรียก เราปรารถนาอะไรแล้วอยากเห็นอะไรที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะมาฉุดเราออกจากสิ่งนั้นเราก็ไม่อาจที่จะออกจากสิ่งนั้นได้  ลองถามใจเราดูสิว่าเราเห็นสิ่งใดแล้วเราเกิดภาระใจ เช่น เห็นคนพุธมากที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าอยากให้เขาเป็นคาทอลิกนี้ก็คือกระแสเรียกแพร่ธรรม เห็นคนจนไม่มีจะกินอยากช่วยให้ทานคนจนนี่ก็กระแสเรียกช่วยเหลือคนจน กระแสเรียกแต่ละชนิดอยู่ที่ภาระใจของเรา ไม่ใช้ทำเพราะเป็นหน้าที่ ถ้าเรารับใช้พระแล้วไม่เกิดความสุขเหมือนถูกปังคับแสดงว่าเราไม่มีกระแสเรียกตรงนั้น 

การบวชเป็นพระสงฆ์หรือฆรวาสก็เช่นกัน ถ้าเราไม่รู้สึกชอบชีวิตพระสงฆ์เลย ไม่อยากอยู่เป็นโสดอยากแต่งงานมีครอบครัวก็แสดงว่านั้นไม่ใช้กระแสเรียก
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 4:46 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 7:53 am

Joseph เขียน: พี่คิดว่าอะไรก็ตามที่เป็นภาระใจของเราคือการะแสเรียก เราปรารถนาอะไรแล้วอยากเห็นอะไรที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะมาฉุดเราออกจากสิ่งนั้นเราก็ไม่อาจที่จะออกจากสิ่งนั้นได้  ลองถามใจเราดูสิว่าเราเห็นสิ่งใดแล้วเราเกิดภาระใจ เช่น เห็นคนพุธมากที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าอยากให้เขาเป็นคาทอลิกนี้ก็คือกระแสเรียกแพร่ธรรม เห็นคนจนไม่มีจะกินอยากช่วยให้ทานคนจนนี่ก็กระแสเรียกช่วยเหลือคนจน กระแสเรียกแต่ละชนิดอยู่ที่ภาระใจของเรา ไม่ใช้ทำเพราะเป็นหน้าที่ ถ้าเรารับใช้พระแล้วไม่เกิดความสุขเหมือนถูกปังคับแสดงว่าเราไม่มีกระแสเรียกตรงนั้น 

การบวชเป็นพระสงฆ์หรือฆรวาสก็เช่นกัน ถ้าเราไม่รู้สึกชอบชีวิตพระสงฆ์เลย ไม่อยากอยู่เป็นโสดอยากแต่งงานมีครอบครัวก็แสดงว่านั้นไม่ใช้กระแสเรียก
แสดงว่านิยามกระแสเรียกของพี่โจคือการรู้จัก passion ของตัวเอง  : emo045 : 
ภาพประจำตัวสมาชิก
Florian
โพสต์: 1513
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 31, 2006 12:05 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 2:16 pm

ตามมาตอบกระทู้พี่บัดดี้ตามคำขอครับ

เรื่องกระแสเรียกนักบวชนั้น ถ้าจำกระทู้เรื่องที่ผมเคยโพสต์ว่าผมไม่เหลืออะไรอีกแล้วนั้นได้ ผมก็รู้สึกว่าพระเจ้าจะทรงสงวนตัวผมไว้เฉพาะพระองค์นะครับ ดูสิ ไม่มีอะไรสักอย่าง เงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง ไม่มีทั้งนั้นเลยครับ  สาขาวิชาที่ผมจบมา ชาวบ้านเขาหางานได้ทั้งงานประจำและงานพิเศษ เงินทองไหลมาเทมา แต่ผมไม่มีสักอย่าง ผมจึงคิดว่าสงสัยพระองค์จะสงวนผมไว้เฉพาะพระองค์กระมัง เพราะถ้าผมมีเงินมาก ผมก็อาจเสียศูนย์ยึดติดกับลาภยศสรรเสริญก็เป็นได้ เพราะพระองค์อาจทอดพระเนตรเห็นว่าผมมีความอ่อนแอในเรื่องนี้น่ะครับ

จริงๆเรื่องกระแสเรียกนักบวชนี้ ผมก็คงเหมือนหลายๆคนที่เริ่มต้นจากความสนใจในชีวิตนักบวช เริ่มจากความสนใจ ในระหว่างนี้ก็มีคนมาทักตลอด ไม่ไปบวชเหรอ (ในขณะที่ทางโลกไม่ค่อยเห็นมีใครมาชวนมาชี้ให้ไปทำงานหาเงินตรงนั้นตรงนี้เลยครับ) มีมาตลอด เร็วๆนี้ก็มีพ่อคนหนึ่งก็เอ่ยปากชวนไปสัมผัสกระแสเรียกนักบวช เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าผมไปถามพ่อคนหนึ่งว่า "พ่อครับ ผมทราบว่าพ่อไปสัมมนามาริมทะเล พ่อได้เจอพระเยซูเจ้ามากวักมือเรียกพ่อไปเป็นชาวประมงจับมนุษย์ไหม" พ่อหัวเราะแล้วตอบว่า "พ่อเจอพระเยซูเจ้า แต่พระองค์ไม่ได้ชวนพ่อไปเป็นชาวประมงจับมนุษย์ แต่บอกพ่อว่าให้ชวนลูก(หมายถึง"ผม")ไปสัมผัสชีวิตนักบวช"  ผมโดนเชิญและโดนชวนอย่างนี้บ่อยมากเลยครับ

ก่อนเป็นนักบวชจริง ไม่ว่าคณะใดๆก็ตาม ต้องมีการสัมผัสชีวิตนักบวช ผมก็ได้ไปที่สิงคโปร์เหมือนที่เพชรไปครับ ที่นั่นผมมีความสุขใจมาก เหมือนนักบุญเปโตรได้ตามพระเยซูเจ้าขึ้นไปบนภูเขาทาบอร์ที่ซึ่งพระองค์ทรงจำแลงพระกาย ท่านบอกว่าไม่อยากกลับลงไปพื้นราบอีกเลย อยากทำกระโจมขึ้นและอยู่บนนั้นตลอดไป  ที่บ้านคาร์เมไลท์ที่สิงคโปร์นั้น ผมมีความสุขใจมาก ทุกคนรักกัน สามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่แสวงหาทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศอย่างบ้าคลั่ง ผมรู้สึกเหมือนที่นั่นเป็นสวรรค์จริงๆนะครับ  โดยส่วนตัวผมไม่เคยมีความคิดสะสมทรัพย์สมบัติ ไม่ต้องการเกียรติยศชื่อเสียง  แล้วผมจะไปเหน็ดเหนื่อยอย่างคนในโลกวัตถุนิยมทำไมล่ะครับ  ผมเริ่มคิดว่าชีวิตนักบวชนี่ดีจริง งานและการภาวนาไปด้วยกันอย่างสมดุลย์(ถ้าเราสัตย์ซื่อต่อกระแสเรียกและพระวินัยของคณะนักบวช) น่าสนใจมาก เพราะไม่ต้องเป็นห่วงกังวลกับสิ่งใดๆในโลกนี้อีกแล้วครับ รับใช้พระอย่างซื่อสัตย์อย่างเดียวตามกระแสเรียกผ่านจิตตารมณ์ของคณะนักบวช แล้วพระองค์ก็จะทรงดูแลผมเอง ผมอยากมอบตัวผมแด่พระเจ้าทั้งครบ ทั้งนี้ในความดูแลของพระนางพรหมจารีมารีอา มารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์น่ะครับ

ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่อยากสะสมทรัพย์สินเงินทองและชื่อเสียงเกียรติยศเหมือนเดิมครับ  เรื่องทรัพย์สินเงินทองนี้บางคนอาจบอกว่าคณะนักบวชก็ต้องใช้เงินในการใช้จ่ายเพื่อกิจการของคณะ หลีกไม่พ้นหรอก ก็จริงอยู่ครับ แต่การครอบครองทรัพย์สินนี้ไม่ได้เป็นไปในลักษณะปัจเจกบุคคล คือทรัพย์สินทั้งหลายไม่ได้เป็นของนักบวชคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของกลางร่วมกัน ทำให้ผมสามารถปฏิบัติฤทธิ์กุศลความยากจนได้ครับ  ชื่อเสียงเกียรติยศหรือ ผมก็ไม่ต้องการ จะเป็นคนต่ำต้อยที่สุดในคณะนักบวชก็ไม่ใช่ปัญหาอันใดสำหรับผมนะครับ ผมยินดีเป็นคนต้อยต่ำ เพราะผมเห็นว่าชื่อเสียงเกียรติยศเป็นของจอมปลอมสำหรับผมน่ะครับ

ทุกๆวันที่ผ่านมาและจะผ่านไป ผมไปในหลายๆที่หลายๆแห่ง ผมเห็นคนในยุคนี้ตกเป็นทาสวัตถุ รักการบริโภค และมีความเป็นปัจเจกสูง(สนใจแต่ตัวเอง)  ผมอดถามพวกเขาในใจไม่ได้ว่า พวกคุณจะแสวงหาไปถึงเมื่อไร จะแสวงหาไปถึงไหนถึงจะพอ ไม่เหนื่อยเหรอ ไม่คิดจะหยุดบ้างเหรอ  ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง แต่ก่อนก็เห็นไปวัดดีๆ พอเริ่มทำงานเธอก็ห่างวัด ไปวัดปีละครั้งสองครั้งตามเทศกาลสำคัญๆประจำปีพิธีกรรม  ชีวิตทางโลกเธอรุ่งเรืองมาก แต่ชีวิตทางธรรมมันรุ่งริ่งอย่างไรก็ไม่รู้ครับ เธอมีชื่อเสียง มีเงินทอง (ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้นครับ) แต่ทางธรรมมันหงอยเหงาเศร้าสร้อยมาก  ผมนึกถึงพระพุทธเจ้า ก่อนพระองค์จะออกผนวช พระองค์พบเทวดา 4  องค์จำแลงกายมาเป็นคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกเบื่อหน่ายโลกและเสด็จออกผนวช  ผมนึกถึงว่าตัวผมที่ได้เห็นคนติดวัตถุ คลั่งการบริโภค สนใจแต่ตัวเอง ก็เหมือนเป็นสิ่งที่แสดงให้ผมได้ใคร่ครวญว่า คนเรา ชีวิตนี้มีแค่นี้เองเหรอ มีแค่นี้จริงๆเหรอ ความสุขที่ได้รับ แม้บางครั้งจะอิ่มเอมเปรมใจ แต่มันยั่งยืนถาวรเหรอ  ทำไมวัตถุมันมีบทบาทมากถึงเพียงนี้ มากจนคนหลงลืมจิตใจ ฯลฯ  พอได้ใคร่ครวญเช่นนี้ ก็ทำให้ผมอยากทิ้งโลกนี้ไป ผมเคยปรารภกับพ่อบางคนว่า ผมไม่รู้ว่าตัวผมเองจะทนมีชีวิตอยู่ในโลกเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน  นอกจากนี้ ผมได้ศึกษาชีวิตของท่านพุทธทาส ท่านว่าท่านสนุกกับพระธรรม และมีความสุขกับการสอนธรรมะเพื่อช่วยคนให้พ้นจากการเป็นทาสของวัตถุและการบริโภค ตลอดจนตั้งปณิธานในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาด้วย  ผมประทับใจมาก และรู้สึกว่าอยากอุทิศตนเพื่อพระศาสนาอย่างท่านบ้าง และให้พระศาสนาเป็นที่หนึ่งในชีวิตครับ

ผมจะอุทิศตัวเพื่อพระศาสนาได้อย่างไร ถ้าผมยังต้องหาเช้ากินค่ำ อาบเหงื่อต่างน้ำ ต้องสาละวนอยู่กับการกินการอยู่ของตัวผมเอง  แม้ว่าหลายคนทำได้ และทำได้ดี แต่สิ่งนี้ไม่ใช่หนทางสำหรับผมน่ะครับ  ซึ่งถ้าพระเจ้าเรียกผมไปบวช ผมคงได้ไปสักวันหนึ่งครับ

ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ถ้าพระเจ้าทรงทำให้ผมไม่เหลืออะไร ก็คงจะทรงมีแผนการณ์เพื่อช่วยให้ผมมีอะไรในแนวทางของพระองค์ สิ่งนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

ผมรู้สึกลึกๆว่าโลกชิงชังผม เพราะผมไม่ได้รับการเอื้อประโยชน์ใดๆจากโลกเลยครับ ถ้าพระเจ้าเรียกผมจริง ผมก็จะหันหลังให้กับโลกแห่งวัตถุนิยม บริโภคนิยม และปัจเจกนิยมนี้ และจากโลกนี้ไป เพื่อที่จะหันกลับมารักโลกได้อย่างดีและมากยิ่งครับ

แบ่งปันแค่นี้ก่อนนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลัง"สงสัย"ว่าตนเองมีกระแสเรียกนักบวชด้วยครับ แล้วเราอาจเจอกันในอารามนะครับ  ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 2:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Little Puppet
โพสต์: 100
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 12:25 pm
ที่อยู่: กรุงเทพ

ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 4:53 pm

ไม่รู้ของผมจะเป็นกระแสเรียกแบบไหนนะ

ตอนเด็กๆ เป็นพุทธ ก็อ่านหนังสือศาสนาเปรียบเทียบ อ่านศาสนาคริสต์ตั้งหลายรอบ ภาพพระเยซูยังติดใจอยู่
มีมอร์มอนมาเสริม เอาพระคัมภีร์มอร์มอนมาให้
เราก็อธิษฐานตามแบบของเราทั้งวัน..
ยืมหนังสือพระคัมภีร์มาอ่าน เราก็จดพระคำที่ชอบไว้เสมอ ๆ
และเขียนให้เพื่อนเป็นของขวัญวันเกิด
จากนั้นไดอะรี่ส่วนตัว ก็เด็มไปด้วยคำอธิษฐาน คำวิงวอน และคำขอบคุณพระเจ้า
ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นคริสต์เลย โบสถ์ยังไม่เคยเห็น เคยเข้าตอนนั้น

พอ เรียนปวช.  แอบโกหกเพื่อนว่าเราเป็นคริสต์ ยังไม่รู้ว่าคริสตังคริสเตียนเป็นไงนะ
คืนคริสตมาสอีฟ ดูรายการพระเยซูจบ ก็ถูกแรงอะไรไม่รู้ตื่นมากลางดึก เที่ยงคืนพอดี

เห็นพระเยซูอยู่ตรงหน้า ตรัสว่า "จงตามเรามาเถิด"

จากนั้นถึงเริ่มแสวงหาโบสถ์เข้า ...ก็เป็นคริสเตียนก่อน
ตอนเป็นปีแรก ๆ ก็ได้เข้าร่วมฟื้นฟู... ตื่นมากลางดึกวันนั้น เห็นแสงอยู่นอกบ้าน สว่างจ้า อบอุ่น
แล้วพอจะเรียกแม่มาดูข้างๆ ก็หายไป...

ทุกครั้งที่อธิษฐาน  หรือฟังบทเทศน์ตอนพระทรมาณ หรือเกี่ยวกับแม่พระ จะมีอาการสั่นๆ ขนลุก
วันที่รับบัพติสมาในน้ำ
ตั้งใจจะรับใช้พระและซื่อสัตย์ตลอดชีวิต
ได้เรียนรับใช้จนเป็นรองประธานกลุ่มหนุ่มสาวของคริสตจักร
และเรียนพระคัมภีร์จนเป็นผู้รับใช้นอกเวลา ทำกลุ่มเซลล์ตามบ้านอยู่ 2 ปี

เขียนบทความพระคัมภีร์มากมายเก็บไว้ไม่หวาดไม่ไหว... และใช้แบ่งปันในคริสตจักร
แทบเถียงกับศิษยาภิบาลเรื่องพระคัมภีร์ที่ตีความต่างกัน และเรื่องแม่พระ...
ประกาศในเน็ตและเว็บพันธ์ทิพย์อีกพอสมควร จนได้เจอพี่พีพีและเพื่อนๆ ที่อิสระดอตคอมสมัยรุ่งเรือง
แล้วแม่พระก็เรียกให้เจอเพื่อนที่อยากเป็นคาทอลิก..เราเลยหาวัดพาไปอยู่.. ขอบใจจิงนะที่แนะนำ...
จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติมาทางคาทอลิกมากขึ้น..

พาเพื่อนมาวัดนี้.. แต่เรากลับมาอยู่เอง.. และเรียนคำสอน 1รอบ ต่อรอบ 2 ด้วยความต้องการรู้ลึกๆ
จนตัดสินใจล้างบาปอีกรอบ...
พระให้มารับใช้ช่วยงานสภาอภิบาล และได้ช่วยงานนักขับร้อง
และครั้งแรกที่ไปเข้าเงียบ ที่บ้านผู้หว่าน...นอนคนเดียวในห้อง จำได้แม่น..
ไม้กางเขนเหนือห้องนอน เปล่งแสงแวบ ๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีไฟเปิดเลย ทั้งข้างนอกข้างใน
เปิดไฟไม่เห็น แต่ปิดไฟก็ไม่มีแสง หลับไปสักพัก ตื่นมา มีอีกแล้ว
แต่รู้สีกอบอ่นๆ ..เลยสวดถวายตัวเองซะอย่างนั้น...

จากนั้นทุกคำอธิษฐานก็เหมือนจะได้รับคำตอบเสมอๆ ไม่ช้าก็เร็ว อัศจรรย์มากมายนับไม่ถ้วน
นับพระพรไม่หวาดไม่ไหว...
จนได้มีโอกาสคุยกับพ่อเรื่องกระแสเรียก ได้เห็นคณะเยสุอิตก็ประทับใจมากๆ และคิดว่าสักวันจะต้องไปเป็นภราดาหรือพ่อคณะนี้ให้ได้...

คราวสิ้นพระสันตปาปาจอห์นปอล คืนเลือกตั้ง ชื่อเดียวที่เข้าในหัว คือ โจเซฟ รัตซิงเกอร์...
แล้วรุ่งขึ้น.. ก็ประกาศว่าท่านได้รับเลือกเป็นพระสันตปาปา... ขนลุกอีกแล้วว

วันหนึ่งพ่อบวชใหม่คณะเยสุอิตก็มาที่วัด และได้คยกันอย่างบังเอิญ ได้พ่อเป็นพ่อวิญญาณพิจารณากระแสเรียกจนทุกวันนี้..

แต่ผมก็มีความรักเป็นนะ...แต่รักใครไม่เคยอยากคิดแต่งงานกับเขาเลย...แปลกจัง
จะให้จีบเขา มันทำไม่ลงจริงๆ ก็เลยไม่มีใครจนวันนี้...
มีแต่เพื่อนสนิทๆ ที่ห่วงมากๆ เรียกว่ามีใจให้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้สิ
หากมีใจให้ใครก็อยากแต่เฝ้าดูชีวิตเขา ให้เขามีความสุขกับใครก็ได้.. ไม่จำเป็นต้องเรา
มีความสุขที่ได้สวดให้เขา คนที่เรารักได้มีความสุข...
แต่มีความสุขมากกว่าที่ได้รับใช้พระ...และได้โมทนาพระคุณพระในชีวิต..

ในวันอาทิตย์แทบจะไม่อยากไปไหน อยากคุกเข่าสวดหน้าถ้ำแม่พระทังวัน...
ไม่อยากกลับสู่โลกความจริงเลย...

แต่เมื่อกลับมาสู่โลกความจริง...ก็ได้แต่ใช้ทุกเวลาเป็นคำภาวนา...เท่าที่จะทำได้..

...++

อย่างนี้พระเรียกพี่มาเป็นฆราวาสหรือนักบวชละนี่... งงดีมั๊ยเพื่อนๆ พี่น้อง..

แต่ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนา ว่า เมื่อไรลูกเป็นภาชนะที่พร้อมใช้ โปรดใช้ลูกเถิด...
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม....

:-)
TPP (The Prophet)
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ก.ย. 01, 2006 8:21 pm

ขอบคุณมากๆค่ะทั้งสองคน  การได้แบ่งปันเรื่องราวกระแสเรียกนี่ทำให้สะกิดใจและได้ทบทวนตัวเองมากเลย

คุณ Little Puppet กระแสเรียกชัดนะ  กระแสเรียกคุณนี่พระสงฆ์นะ  ชัดมากๆเลย  มี universal love ที่ชัดมากๆ  และมีความเป็นเยซูอิตมาก  ที่ำพูดได้แบบนี้เพราะเรียนมหาวิทยาลัยเยซูอิต  ก็พอจะรู้ว่าเป็นยังไง  โดยเฉพาะเรื่องศาสนาเปรียบเทียบ  และก็มีอย่างนึง  อันนี้คนที่ค่ายกระแสเรียกก็บอกมา Be careful for what you prayed ..  ::001::  ตอนที่คุณสวดถวายตัวน่ะค่ะ  ::001::  ตอนนั้นไปเข้าเงียบที่มหาำไถ่  ก็สวดถวายพรหมจรรย์แด่พระเยซูเจ้า  ไม่รู้ทำไมไปสวดแบบนั้น  ::010::

คุณ Fat Shepherd ก็เหมือนนักพรตเลย  สมแล้วที่เลือกคาร์เมลไลต์  ::014:: 

ดีจังเลย  ได้ฟังเรื่องของคนที่ถูกเรียกแล้วไม่กลัวที่จะตาม  ไม่เหมือนเรา  ::002::

แล้วพอรู้ว่าตัวเองมีกระแสเรียกแล้วรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกมั้ยคะ  สำหรับตัวเองนะ  หลายอย่างในชีวิตได้รับคำตอบ  เช่นเรื่องชอบปิ้ง ทุกครั้งเลยเวลาช้อบจะรู้สึกวุ่นวายใจ  บางครั้งต้องไปสารภาพบาป  หรือบางทีใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยก็วุ่นวายใจ  ไม่รู้ทำไม  เคยสงสัยว่า  ก็เคยเห็นคนที่เค้าช้อบปิ้ง  ใช้ของแบรนด์แนม  แต่เค้าก็ยังศักดิ์สิทธิ์ก็มีนะ  ทำไมเราถึงได้วุ่นวายใจนักนะ 

อยากฟังของผู้หญิงบ้างจัง  พี่  kyrie อยู่ไหน  : emo045 :  ไปตามมาแล้วนะ  แต่ยังไม่มา  : xemo017 : 
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 2:04 am

พ่อวิญญาณบัดดี้ อยู่เมืองไทยหรือเมืองนอกเนี่ย เดี่ยวเกิดพระเรียกจริงทำไง ไม่แน่ใจว่าจะกล้าปฏิเสธไหว

พี่ยิ่งเป็นพวกไม่ค่อยผูกพันอะไรซะด้วย ทิ้งได้ทันที เดี่ญวเกิดทิ้งจริง พ่อแม่จะลำบาก ต้อง ช่วยจัดการภาระที่บ้านให้เรียบร้อยก่อน ก็ภายในสองปีเนี้ยแหละ เอ พูด ไปพูดมา ก็งง ตัวเองนะ ว่าจะไปเข้าเงียบ ก็ปรากฏงานรุม

จริง ๆแล้วคุณสมบัติพี่อาจจะไม่เหมาะ แต่ก็ยังมีคนให้กำลังใจ ว่า บางทีก็มีกรณีพิเศษเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับเราและพระ

จริง ๆเวลาคุยเรื่องกระแสกเรียกนักบวชเนี่ย พี่ไม่ค่อยอยากคุย กลัวจะเป้ฯเรื่องหลอกตัวเอง แต่เคนคิดอยากเป็นซิสเตอร์ตั้งแต่เด็กแล้ว  แต่ความที่พ่อแม่เป็นพุทธ ก็คงเข้าใจอ่ะนะ ว่าเกิดอะไรขึ้น

จริง ๆตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าว่ามีกระแสเรียกเรื่องอะไร แต่ก็พยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับกระแสเรียกนักบวชให้มาก เพราะเหมิอนใจจะหวั่นไหวไปทางนั้นกว่าครึ่ง เพราะว่าชอบชีวิตแบบหมู่คณะเล็ก ๆ ที่รวมคนที่มีความคิด หรือ ปนิธาน หรือจิตารมณ์ คล้าย ๆกัน อยากอยู่ใกล้พระ (จริงๆ  ชีวิตคนเราก็มีพระอยู่แล้วอ่ะนะ แต่เหมิอนไม่พอใจ สงสัยเป็นโรคติดตู้ศีล)

แต่ปีสองปีที่ผ่านมา เวลาสวดภาวนาเงียบ ๆพี่จะนึกถึงคำภาวนาของนักบุญฟรังซิส อัสซีซี ทุกที  ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปบวช หรือไปอะไรดีเนี่ย เฮ้อ คิดแล้ว ก็สงบปากสงบคำดีกว่า เพราะเดี๋ยวหลายคนจะหมั่นไส้ เพราะถ้าดูบุคลิกแล้ว ไม่ได้ใกล้เคียงความเป็นนักบวชเลย ถ้าบอกว่าจะไปเป็นทหารหรือนักการเมือง คนอาจจะเชียร์มากกว่าอีก ที่แน่ ๆสองปีต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาของการขัดเกลาทางจิตใจให้นบนอบและสุภาพกว่านี้ แล้วจะตัดสินใจอีกทีค่ะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 2:32 am

จอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: พ่อวิญญาณบัดดี้ อยู่เมืองไทยหรือเมืองนอกเนี่ย เดี่ยวเกิดพระเรียกจริงทำไง ไม่แน่ใจว่าจะกล้าปฏิเสธไหว

พี่ยิ่งเป็นพวกไม่ค่อยผูกพันอะไรซะด้วย ทิ้งได้ทันที เดี่ญวเกิดทิ้งจริง พ่อแม่จะลำบาก ต้อง ช่วยจัดการภาระที่บ้านให้เรียบร้อยก่อน ก็ภายในสองปีเนี้ยแหละ เอ พูด ไปพูดมา ก็งง ตัวเองนะ ว่าจะไปเข้าเงียบ ก็ปรากฏงานรุม

จริง ๆแล้วคุณสมบัติพี่อาจจะไม่เหมาะ แต่ก็ยังมีคนให้กำลังใจ ว่า บางทีก็มีกรณีพิเศษเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับเราและพระ

จริง ๆเวลาคุยเรื่องกระแสกเรียกนักบวชเนี่ย พี่ไม่ค่อยอยากคุย กลัวจะเป้ฯเรื่องหลอกตัวเอง แต่เคนคิดอยากเป็นซิสเตอร์ตั้งแต่เด็กแล้ว  แต่ความที่พ่อแม่เป็นพุทธ ก็คงเข้าใจอ่ะนะ ว่าเกิดอะไรขึ้น

จริง ๆตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าว่ามีกระแสเรียกเรื่องอะไร แต่ก็พยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับกระแสเรียกนักบวชให้มาก เพราะเหมิอนใจจะหวั่นไหวไปทางนั้นกว่าครึ่ง เพราะว่าชอบชีวิตแบบหมู่คณะเล็ก ๆ ที่รวมคนที่มีความคิด หรือ ปนิธาน หรือจิตารมณ์ คล้าย ๆกัน อยากอยู่ใกล้พระ (จริงๆ  ชีวิตคนเราก็มีพระอยู่แล้วอ่ะนะ แต่เหมิอนไม่พอใจ สงสัยเป็นโรคติดตู้ศีล)

แต่ปีสองปีที่ผ่านมา เวลาสวดภาวนาเงียบ ๆพี่จะนึกถึงคำภาวนาของนักบุญฟรังซิส อัสซีซี ทุกที  ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปบวช หรือไปอะไรดีเนี่ย เฮ้อ คิดแล้ว ก็สงบปากสงบคำดีกว่า เพราะเดี๋ยวหลายคนจะหมั่นไส้ เพราะถ้าดูบุคลิกแล้ว ไม่ได้ใกล้เคียงความเป็นนักบวชเลย ถ้าบอกว่าจะไปเป็นทหารหรือนักการเมือง คนอาจจะเชียร์มากกว่าอีก ที่แน่ ๆสองปีต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาของการขัดเกลาทางจิตใจให้นบนอบและสุภาพกว่านี้ แล้วจะตัดสินใจอีกทีค่ะ
พี่เหมือนหนูอย่าง  คือตอนที่รับศีลใหม่ๆก็เรียนโทที่มหิดล  ศาลายา  : emo045 : ตอนนั้นก็คิดเรื่องบวช  แต่ไม่ชัดเจน  และคิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาด้วย  ก็ทำอย่างที่ควรทำนะคะ  ไปเข้าเงียบ  หลายอย่าง  แต่คิดว่าไม่ใช่  พ่อหลายท่านบอกไม่ต้องกังวล  ถ้าใช่จะกลับมาอีก 

และก็ชอบเฝ้าศีลเหมือนกันด้วย   : xemo017 :  พี่กินเหล้า  กินเบียร์ ใช่มั้ย  หนูก็กิน  หนูอยู่วิศวะ รุ่นที่ัยังกินเหล้าอยู่  (รุ่นใหม่เค้าไม่กินกันแล้ว)  ::015::

พี่เคยสวดภาวนาเพื่อกระแสเรียกมั้ยคะ  ตอนล้างบาปใหม่ๆ ภาวนาแล้วชอบรู้สึกว่ามันเข้าตัวเองยังไงไม่รู้  ตอนนั้นคิดว่าตัวเองคิดมาก   ::001::

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม  พระจะบอกเองน่ะค่ะ  ตอนแรกก็กลัวเหมือนกัน  ถึงตอนนี้ก็ยังกลัวนิดๆ  ห่วงเรียนอยู่ 

พี่ถูกเรียกมาให้เสียสละ  ก่อนที่จะสละอะไรได้  เราต้องเติมเต็มก่อน  พี่รอให้พระเติมเต็มพี่ก่อนนะคะ  เมื่อวันนึงที่พี่พร้อม  พระจะบอก  ไม่ต้องรีบนะคะ   ::004::

อย่างหนูนี่  ถ้าอยู่เมืองไทยคงไม่รู้กระแสเรียกตัวเอง  เพราะไม่ใช่บุคลิกที่ต้องตาต้องใจแมวมอง   เค้ามองผู้หญิงเรียบร้อยกัน  นั่งด้วยกันสองคนเนี่ย  เค้ามองข้ามเราไปถามอีกคนอ่ะ  พี่คิดดู  : xemo017 : ...  พอได้มาเข้า process ที่นี่แล้วข้างในของเราถึงออกมา  แล้วทุกอย่างโล่งไปหมด  เหมือนจิกซอที่ต่อมันครบ  ทุกอย่างที่สงสัยเกี่ยวกับตัวเอง ว่าทำไมเราต้องเป็นแบบนี้  ทำไมเรามีปฏิกิริยาแบบนี้ ....  หายเกลี้ยง

ถึงตอนนี้หนูก็ยังต้องขัดเกลาอีกมากกว่าจะเข้าคณะได้  พระยังต้องทำงานอีกเยอะ  บุคลิกหนูก็ไม่ใช่บุคลิกนักบวช   ไม่ใช่คนเรียบร้อย  ไม่อ่อนหวาน  อ่อนโยน   ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า  ตัวเองจะเป็นซิสเตอร์แบบไหน   ::010::  ทุกอย่างต้องขึ่นกับพระ  ลำพังตัวเองคงไม่มีปัญญาทำอะไรได้แน่  ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ เสาร์ ก.ย. 02, 2006 2:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 3:02 am

อันนี้จากพ่อวิญญาณ  ที่กำลังนั่งขัดเกลากันอยู่  ::010::  คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ  : emo045 :

"จุดมุ่งหมายของกระแสเรียก    คือ  เพื่อคนอื่น..............ไม่ใช่เพื่อตัวเอง

ตัวเองกลับเป็นผลพลอยได้ของกระแสเรียก คือความอิ่มเอิบที่ได้เห็นคนอื่นมีความสุข จากการที่เขาได้สัมผัสกับพระเจ้าที่เราได้ให้เขา ผ่านทางกระแสเรียกของเรา....

ดังนั้น เราจึงต้องทำตัวให้ศักดิ์สิทธิ์ (คือ การทำตัวของเราให้ต่ำลง แต่พระองค์ต้องใหญ่ขึ้น เหมือนที่ น.ยอห์น บัปติส ได้พูด) เพื่อทุกคนที่สัมผัสกับเรา เขาจะได้สัมผัสกับพระ ไม่ใช่เรา  ..............เพราะตัวเราจะค่อย ๆ หายไป แต่เป็นเราที่มีวิธีคิด วิธีพูด วิธีปฏิบัติ เหมือนกับพระมากขึ้น ....."
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 3:14 pm

ขอบใจนะจ้ะ ที่ให้กำลังใจ เรื่องกฏเกณฑ์ของคณะ ก้คงต้องเป้นเรื่องที่จัดการต่อไป หลังจากตัดสินใจแน่แล้ว เมื่อตั้งใจและพยายาม พระเจ้าก็จะอวยพร แน่ ๆ 

ตอนนี้จะพยายามสงบอกสงบใจ ทำหน้าที่เฉพาะหน้าให้ดี ถ้าพระเรียกจริง ๆ คงจะมีการกระตุ้นกันอยู่เรื่อย ๆ พี่ก็เห็นด้วยกับที่พ่อเขาว่านะ คือ มันเป้นสละเพื่อให้กับคนอื่น พี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ ที่พี่มั่นใจตอนนี้ คือ พี่เกิดมาเพื่อคนอื่น ๆ ที่ทำงานมา เติบดตมาก็ด้วยจิตตารมณ์นี้ ไม่มีใครยากจนเกินกว่าจะให้อะไรใครได้ แต่ว่าจะสละตัวเองในลักษณะไหนยังไง ก็ค่อยว่ากันอีกที ถึงชีวิตพี่ก็ไม่เสียดายนะ ถ้ามันจะมีประโยชน์ต่อความสงบสุขอยู่บ้าง 
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 8:40 pm

จอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: ขอบใจนะจ้ะ ที่ให้กำลังใจ เรื่องกฏเกณฑ์ของคณะ ก้คงต้องเป้นเรื่องที่จัดการต่อไป หลังจากตัดสินใจแน่แล้ว เมื่อตั้งใจและพยายาม พระเจ้าก็จะอวยพร แน่ ๆ 

ตอนนี้จะพยายามสงบอกสงบใจ ทำหน้าที่เฉพาะหน้าให้ดี ถ้าพระเรียกจริง ๆ คงจะมีการกระตุ้นกันอยู่เรื่อย ๆ พี่ก็เห็นด้วยกับที่พ่อเขาว่านะ คือ มันเป้นสละเพื่อให้กับคนอื่น พี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ ที่พี่มั่นใจตอนนี้ คือ พี่เกิดมาเพื่อคนอื่น ๆ ที่ทำงานมา เติบดตมาก็ด้วยจิตตารมณ์นี้ ไม่มีใครยากจนเกินกว่าจะให้อะไรใครได้ แต่ว่าจะสละตัวเองในลักษณะไหนยังไง ก็ค่อยว่ากันอีกที ถึงชีวิตพี่ก็ไม่เสียดายนะ ถ้ามันจะมีประโยชน์ต่อความสงบสุขอยู่บ้าง   
พี่พูดถูกว่า  ไม่มีใครยากจนเกินกว่าจะให้ได้  แต่พี่เคยหยุดให้และรับบ้างมั้ยคะ  หนูรู้สึกว่า  พระอยากทำงานบางอย่างในตัวพี่  อยากบอกอะไรบางอย่างกับพี่  แต่พี่ยังไม่นิ่งที่จะฟัง ยังไมนิ่งที่จะรับ  พี่ลองเป็นผู้รับดูบ้างมั้ยคะ   : xemo017 :  พี่ทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว  ลองปล่อยให้คนอื่นทำเื่พื่อพี่ดีบ้างมั้ยคะ   : emo045 :

กว่าหนูจะนิ่งได้ห็ใช้เวลานะพี่  ทั้งถูกประจญด้วย  ก็  เข้าเงียบทุกครั้งก็เหมือนจะมีอะไรออกมา  แต่เราก็กลัว  ตอนแรกคิดมากพี่  คิดว่า ตัวเองมีความเก็บกดในวัยเด็ก  ฝังลึกภายใน  ถึงขนาดถามแม่เลยนะว่า ตอนเด็กเราเป็นอะไรรึเปล่า  ไปเข้ากลุ่มภาวนาแบบ Ignatian ก็ได้แม่พระมาบอก  ลูกเร็วเกินไป  ช้าๆกว่านี้หน่อยได้มั้ย   ล่าสุดก่อนไปค่ายกระแสเรียก  (ก่อนรู้ข่าวเรื่องค่ายด้วย)  ฝันเห็นแม่พระ  (เป็นคาทอลิกมา 5 ปี  ไม่เคยฝันเห็น)  ฝันว่าแม่พระเดินมาหา  และกำลังจะบอกอะไรเรา  พอเข้ามาใหล้ หนูทำไงรู้มั้ยพี่  หนูหลับตาปี๋ และปิดหูสองข้างอ่ะ  นี่ในฝันนะ  แทนที่จะดีใจว่า  แม่พระมาหา  กลับปิดหูปิดตาไม่ยอมฟัง  ติ่นมาก็มาพิจารณาตัวเองว่า  เรานี่แย่ว่ะ  พระจะบอกอะไรเราก็ไม่ฟัง  สุดท้ายมาค่ายกระแสเรียก  ไปทั้งที่กลัวๆนั่นแหละ  แต่ก็บอกพระว่า  ลูกจะำยายามเปิดใจฟัง  และในค่ายก็ดีที่เค้ามีกระบวนการและการภาวนาที่ทำให่เราวางใจและฟังพระ  แต่ตอนนั้นก็ไม่ชัด  แต่ก็มีเหตุการณ์และบุคคลต่างๆเข้ามา  เพื่อนำทางเรา  เราก็ไม่ได้คิดมาก  ก็ตามๆเค้าไปก่อน  จนค่อยๆเจอนี่แหละค่ะ

กระแสเรียกบางทีก็ต้องขุดกันนาน  เพราะพระไม่ได้เรียกเราตอนโต  พระไม่ได้เพิ่งมาเห็นเราแล้วเรียก  แต่พระเรียกเราตั้งแต่สร้างเรามา  บางครั้งต้องใช้เวลานานในการค้นหาตัวเองและรู้ว่า  ลึกๆในใจเราต้องการอะไร  พระสร้างเรามาเพื่ออะไร

พี่ยังมีศักยภาำพในการทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าหนูนะคะ  หนูเย็บผ้าไม่เป็น  เล่นดนตรีไม่เป็น  ไม่เคยทำงานสังคม  พี่่ยังทำงานสังคมช่วยเหลือผู้อื่นมามาก  เคยไปช่วยเค้าอยู่ทีนึง  ตอนที่ไปสัมผัสชีวิตซิสเตอร์น่ะค่ะ  ไปถึงก็เก้ๆกังๆ  ทำอะไรไม่ถูก  จนสุดท้ายเค้าต้องไล่ให้ไปเล่นกับเด็ก  ::011::

เป็นกำลังใจให้นะคะ  : xemo026 : อยากให้พี่ได้เจอตัวเองที่แท้จริงค่ะ   : emo045 :


 
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ เสาร์ ก.ย. 02, 2006 9:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 11:04 pm

ถูกต้องแล้วบัดดี้ น้องพูดถูกที่สุด พี่ต้องเงียบ และนิ่ง สิ่งที่พี่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ คือเวลาที่เงียบ และนิ่ง พี่พูดเรื่องการเข้าเงียบมานาน นี่ผลัดมาเรื่อย ๆ ก็ยังไม่มีโอกาสเสียที ชีวิตประจำวัน มันผลักมันดันให้ทำอะไรอยู่เรื่อย ๆ ไม่สามารถที่จะหาเวลาหยุดได้เลย แม้สักวันเดียว

แต่คงต้องมีสักวันแหละ พี่ต้องไปเข้าเงียบให้ได้ อยากพักเหมือนกัน ยิ่งเมืองไทยวุ่นวายขนาดนี้ ยิ่งอยากพัก เพื่อปัญญาจะเพิ่มพูน
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ก.ย. 03, 2006 4:38 am

จอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: ถูกต้องแล้วบัดดี้ น้องพูดถูกที่สุด พี่ต้องเงียบ และนิ่ง สิ่งที่พี่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ คือเวลาที่เงียบ และนิ่ง พี่พูดเรื่องการเข้าเงียบมานาน นี่ผลัดมาเรื่อย ๆ ก็ยังไม่มีโอกาสเสียที ชีวิตประจำวัน มันผลักมันดันให้ทำอะไรอยู่เรื่อย ๆ ไม่สามารถที่จะหาเวลาหยุดได้เลย แม้สักวันเดียว

แต่คงต้องมีสักวันแหละ พี่ต้องไปเข้าเงียบให้ได้ อยากพักเหมือนกัน ยิ่งเมืองไทยวุ่นวายขนาดนี้ ยิ่งอยากพัก เพื่อปัญญาจะเพิ่มพูน
เออ...  หนูก็ไม่ได้จะแนะนำพี่ซะทีเดียวนะคะ  : xemo017 : แค่เล่าประสบการณ์ตัวองให้ฟังเผิ่อมีอะไรคล้ายกันบ้าง  เพราะเราก็คล้ายกันหลายอย่างแล้ว  : xemo017 :

แต่ที่พี่พูดก็ถูกค่ะ  ที่ไม่อยากพูดเรื่องกระแสเรียกมากนัก  ดีแล้วค่ะ  ใจเราจะได้อืสระเต็มที่  : emo038 :  ได้รู้สิ่งที่อยู่ข้างในจริงๆ  ไม่ใช่จากพี่คนรอบข้างพูดกรอกหู  ::001::

ถ้าไม่มีเวลาเงียบ  ลองไปมิสซาวัดพระจิตกับพ่อวิจิตรก่อนก็ได้ค่ะ  ไปกับกลุ่มลูกแกะ  หรือไม่ก็อบรม PRH  กับพ่อวิเชียรก่อนก็ได้ค่ะ  (ฉันคือใคร)  http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=4037.0    รอให้จบ coursework ก่อนก็ได้  : emo027 :

ความเงียบไม่ได้หมายถึงไม่มีเสียงซะทีเดียว  แต่หนูรู้สึกว่า  เราเงียบ  เรานิ่งได้เมื่อเราเจอพระ  : emo038 :

: xemo026 : Be still and know that I AM GOD..  : xemo026 :

หนูจะสวดเพื่อให้พี่ได้รู้กระแสเรียกตัวเองนะคะ  : emo038 :  เป็นกำลังใจให้นะคะ  : xemo026 :
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

จันทร์ ก.ย. 04, 2006 9:57 pm

ขอบคุณจ้ะ บัดดี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Stephen
โพสต์: 117
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 07, 2006 2:07 pm

อาทิตย์ ก.ย. 10, 2006 9:27 pm

งานของพระเจ้าต้องกระทำด้วยพรของพระองค์ไม่สามารถกระทำด้วยความสามารถของมนุษย์เพียงอย่างเดียว ต้องอาศัยพระจิตนำและการทรงเรียก ด้วยความรักอันเร้าร้อนที่จะรับใช้บนความนอบน้อมถมตนและเสียสละ ชองพรของพระสถิตอยู่กับท่าน  ::017::  ::017::  ::017::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ก.ย. 10, 2006 9:58 pm

Stephen เขียน: งานของพระเจ้าต้องกระทำด้วยพรของพระองค์ไม่สามารถกระทำด้วยความสามารถของมนุษย์เพียงอย่างเดียว ต้องอาศัยพระจิตนำและการทรงเรียก ด้วยความรักอันเร้าร้อนที่จะรับใช้บนความนอบน้อมถมตนและเสียสละ ชองพรของพระสถิตอยู่กับท่าน  ::017::  ::017::  ::017::
ขอบพระคุณที่แบ่งปันปรีชาญาณจากพระจิตเจ้าค่ะ  : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
kyrie
โพสต์: 252
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 11:31 pm
ที่อยู่: chonburi
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 12, 2006 10:12 am

มาแล้วค่ะน้องบัดดี้ : xemo026 :

ก็ขอแบ่งปันเล็กๆน้อยๆนะคะ พี่เองก็สนใจการเข้าอาราม และสนใจพิเศษสำหรับการใช้ชีวิตแบบชีลับ แต่ถ้าถามว่าตอนนี้พี่มีกระแสเรียกไหม คงยังตอบไม่ได้นะคะ แต่คิดว่าจะลองไปใช้ชีวิตแบบนั้นดู และส่วนที่เหลือก็ฝากไว้กับพระเยซูเจ้าค่ะ

: emo045 :ส่วนทัศนคติของพี่เกี่ยวกับกระแสเรียก พี่คิดว่า พระเรียกก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่การที่เราเสนอตัว เสียสละตัวเองเพื่องานของพระสำคัญที่สุด เพราะว่าทรงให้เจตจำนงเสรีแก่เรา ฉะนั้นพี่เชื่อว่าพระองค์ไม่ทรงบังคับเราเพราะทรงรักเรา แต่ในทางกลับกันกระแสเรียกตคือการเชื้อเชิญเราให้มามาร่วมงาน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่การตัดสินของเราว่าจะไปร่วมงานสวนองุ่นของพระองค์หรือไม่ นี่ก็เป็นความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆของพี่นะค่ะ หวังว่าคงมีประโยชน์หรับพี่ๆน้องๆ และเพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจอยู่นะค่ะ  : emo045 :

ขอพระจิตเจ้าทรงนำทางทุกคนค่ะ : emo038 :
แก้ไขล่าสุดโดย kyrie เมื่อ อังคาร ก.ย. 12, 2006 10:14 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร ก.ย. 12, 2006 8:37 pm

ขอบคุณมากค่ะพี่ kyrie แล้วพี่จะไปสัมผัสเมื่อไหร่คะ    : emo045 :

เำพิ่มเติมเรื่องกระแสเรียกนิดนึง  ที่จริงจะมีอะกันที่เป็นกึ่งฆราวาส กึ่งนักบวช  เป็น secular institute  คนที่อยู่ในคณะ็ก็จะเป็น consecrated layperson  ก็เพิ่งไปสัมผัสมาอีนนึง  ของ Opus Dei ค่ะ  แต่รู้สึกตัวเองไม่ใช่  ก็ถ้าใครสนใจอาจลองพิจารณาเป็นอีกทางเลือกนึงนะคะ  ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
kyrie
โพสต์: 252
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 11:31 pm
ที่อยู่: chonburi
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.ย. 14, 2006 4:53 pm

: emo056 : ปี สองปีเจ้าค่ะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 12:53 am

kyrie เขียน: : emo056 : ปี สองปีเจ้าค่ะ
นั่นแน่  ระหว่างนี้ก็ว่างสิคะ  : emo045 :

ไปเที่ยวสองคอนด้วยกันมั้ยคะ  http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=3074.0

รีบๆเที่ยวก่อนเข้าอารามพี่  เดี๋ยวบวชแล้วไม่ได้ไปไหน  ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
kyrie
โพสต์: 252
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 11:31 pm
ที่อยู่: chonburi
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ย. 15, 2006 10:28 am

จะรับไว้พิจารณาสำหรับข้อเสนอนะคะ : emo027 :
ตอบกลับโพส