รักแม่พระ

สมาชิกกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้า และผู้สนใจกลุ่มลูกแกะของพระองค์
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ ม.ค. 28, 2008 3:25 am

angel2009 เขียน: 2. ผมถึงได้พยายามบอกคุณไงว่าเมื่อสมัยก่อนโบสถ์คาทอลิกเป็นอย่างไร
3. ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าคุณไม่มีทางรู้สึกหรือรู้ความคิดของพระเป็นเจ้า คุณแค่มนุษย์คนหนึ่งเหมือนผม ไม่มีทางทีคุณจะรู้สึกถึงความรู้สึก ความคิดของพระองค์ เหมือนกับที่คุณเคยพูดว่าคุณไม่พอใจทีผมรักจูเดียล เหมือนที่พระเป็นเจ้ารัก คุณไม่สามารถยั่งถึงความรักของพระองค์ได้ครับ คุณสามารถเข้าใจได้ว่าพระองค์รักคุณ แต่คุณไม่สามารถทราบได้ว่าพระองค์รักคุณอย่างไร ไม่มีใครทราบได้ครับ อย่าเอาความคิดของมนุษย์มาเปรียบเทียบกับพระองค์ครับ
4. อย่าโมโหครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ดูว่าก่อน ในมิสซาเมื่อถึงภาคถวายทำไมพระสงฆ์ยังต้องล้างมือก่อนที่จะจับศีลหล่ะครับ คิดดูให้ดีน๊ะครับ
5. เขามีทางเดินที่แตกต่างกันครับ มีวิธีการสอนที่แตกต่างกันครับ มีวิธีการภาวนาที่แตกต่างกันครับ มีวิธีที่จะสละชีวิตที่แตกต่างกันครับ ถูกต้องครับว่าทุกคนรักในพระเจ้า แต่การเดินทางของแต่ละคนก็แต่ละเส้นทางครับ ศึกษาดูลึกๆ

ใช่ครับอะไรในที่ลับหรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นจะได้พัฒนาความเชื่อ เหมือนกับสิ่งที่เราไม่เคยเรียนรุ้หรือไม่ทราบมาก่อนไงครับ เมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆแล้วเราจะได้พัฒนาความเชื่อให้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณเชื่อแต่ในสิ่งที่คุณเรียนมา ที่คุณเข้าใจ ถ้าผิดไปจากนี้คุณก็ว่าผิด แล้วคุณจะพัฒนาความรู้คุณได้ยังไงหล่ะครับ โรงเรียนก้มีครูคอยสอนเราแต่ก็ยังต้องมีห้องสมุดให้เราค้นคว้าหาความรู้กันเองเลย นั่นคือความจริงครับ ทำใจให้สบายครับอย่าสับสน แค่แลกเปลี่ยนความคิดกันเท่านั้นเอง
2. แล้วทำไมคิดว่า  คนอื่นไม่รู้ล่ะคะ

3. เรารับรู้ความรู้สึกนึกคิดของพระได้ไม่ทั้งหมด  แต่เราก็รับรู้และเข้าใจในแบบของเรา  และเราไปหาพระในแบบที่เราเป็น  ถ้าพระองค์ไม่ให้เรามีความรู้สึกถึงพระองค์  พระองค์จะมาเกิดเป็นมนุษย์ทำไมคะ  พระเป็นเจ้าสร้างเรามาตามฉายาของพระองค์  เราก็มีอะไรที่เหมือนกันบ้างล่ะ  อย่างน้อย  เราก็มีหัวใจที่รักได้เหมือนพระองค์  เรามีลมปราณของพระองค์เป็นชีวิตเรา  ถ้าเราไม่เข้าใจพระองค์  เราจะมีความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์  รับรู้แบ่งปันความทุกข์ได้ยังไง  เราจะสวดเดินรูป  ภาคไปทำไม  ถ้าพระไม่ให้เรารับรู้ความรู้สึกของพระองค์  และรู้ว่า  พระองค์ร่วมทุกข์กับเรา  จริงอยู่ว่า  เรารับได้ไม่หมด  เพราะถ้ารับหมด  หรือรู้หมด  ก็คงตาย  แต่เราก็รับได้และรู้ได้  เท่าที่เราสามารถทำได้อย่างสุดหัวใจ

พระเป็นเจ้าพยายามให้เราเข้าใจพระองค์  สื่อสารกับเราในภาษาของเราในแบบที่เราเข้าใจได้ 

devotion ของอโกโกจะคล้ายกับฟาติมา  ตรงที่มี devotion of the two hearts (Immaculate Heart of Mary and Sacred Heart of Jesus) นะคะ  สิ่งที่พระพยายามแสดงให้เราเห็นดวงใจที่ร้อนรน  ลุกเป็นไฟของพระองค์น่ะค่ะ  อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็น  แต่เป็นสิ่งที่พระองค์พยายามสื่อกับเราได้  เหมือนเราคุยกับเด็กเล็กๆน่ะค่ะ  เราก็จะ baby talk ใช่มั้ย  คุยกับคนหูหนวก  เราก็พยายามพูดภาษามือกับเค้า  ถามว่า  มันสื่อทั้งหมดได้มั้ย  ก็ไม่ได้หรอก  แต่เราก็พยายามให้เค้าเข้าใจ และให้เค้าเข้าใจเราในแบบที่เค้าเป็น  ตามความสามารถของเค้า ...  ไม่งั้นพระเยซูเจ้าไม่สอนเราให้เรียกพระเป็นเจ้าว่า  "พ่อ"  หรอกค่ะ  เพราะพระองค์คือพ่อของเราทุกคนจริงๆ  เมื่อเรามีความสัมพันธ์กับพ่อ  เราก็คุยกับพ่อ  พยายามเข้าใจพ่อ  ที่จริงคนเป็นพ่อคนเนี่ย  เป็น gift อย่างนึงนะคะในการเข้าใจความรักต่อพระบิดาเจ้าสวรรค์ที่มีต่อเรา

คุณเชื่อและเข้าใจใช่มั้ยคะว่า  พระเยซูเจ้าคือพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ (Divinity and Humanity of Jesus) ...  และความเป็นมนุษย์แท้ของพระองค์คืออะไรคะ

สิ่งที่ปีศาจกลัวมากที่สุด  คือกลัวคนจะมาสนิทกับพระ  มันพยายามทุกทางเพื่อให้คนออกห่างพระ  การที่มันเพิ่มข้อจำกัดให้คนไปหาพระได้มากเท่าไหร่  มันยิ่งสำเร็จมากเท่านั้น  พระเยซูเจ้าบอก  พระเจ้าคือพระบิดา  คือพ่อเรา  ให้เราเรียกพ่อ  แต่ปีศาจบอก  อย่าไปเรียก  เดี๋ยวสนิทเกินไป

4. ไม่ได้โมโห  แต่รำคาญค่ะ  รับใช้แค่นี้ก็ไม่ได้  ...  น่าเบื่อ  ที่เราหาโน่นนี่ให้  ขอให้หาหน่อยแค่นี้ก็ไม่ได้ แต่สอนนะว่า  เราต้องช่วยวิญญาณ  นี่หรือคือการช่วย  ตัวเองไม่เห็นทำเลย  (และแถมมาคะยั้นคะยอว่า ต้องรู้ให้ได้อีกนะ  มันน่ารำคาญมั้ยละ)

อันนั้นคือ washing rite นะคะ  ทำหลังจากภาคถวาย  และพ่อก็สวดระหว่างล้างว่า 
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

จันทร์ ม.ค. 28, 2008 9:35 am

จุดยืนของผมแค่แบ่งปันประสบการณ์ และสิ่งที่ผมรู้แค่นั้นเอง ผมก็เชื่อในสิ่งที่คุณเขียนมาไม่ใช่ไม่เชื่อและก็เป็นความรู้ใหม่ๆเหมือนกัน เพียงแต่ก็แค่แลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ซึ่งก็ไม่แปลกที่ความคิดจะไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าใครรู้มากกว่าใคร ไม่ได้หมายความว่าไม่นบนอบ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆไม่เคยรู้ในสิ่งที่เรารู้ จริงๆก็มีแค่นี้เองครับ อย่ารำคาญเลยครับ แลกเปลี่ยนกันดีกว่า เราไม่ได้ทะเลาะกัน นี่คือจุดยืนของผม
แล้วจุดยืนของคุณหล่ะคืออะไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ม.ค. 30, 2008 1:10 am

ความจริงแล้วจะจูเดียล หรือแม้แต่แม่พระ ก็เป็นผู้ตามเหมือนกับเรานะครับ ผู้นำของเรานั้นมีคนเดียว

แน่นอนว่า ผู้นำมีคนเดียวแต่คนตามอาจจะหลากหลาย ถ้าคนตามสามารถรู้ไปหมดว่าควรไปทางไหน ผู้นำก็ไม่ต้องมี แต่เรามีพระเยซูคริสต์เป็นพระเศียร และเป็นหนทาง



ดังนั้น เมื่อถึงจุดที่เราเริ่มขัดแย้งกันผมคิดว่า หันกลับไปดูว่าผู้นำ ไปทางไหน แล้วเราก็ไปทางนั้นจะดีกว่านะครับ

เรากลับมาดูพระอาจารย์ของเราเองว่าพระองค์เป็นอย่างไร เมื่อสมัยอยู่ในโลก ทั้งพระกายและพระเทวภาพแท้ๆนั้น มีคนมากมายที่เอามือจับได้ ทั้งล้างเท้า ทั้งสัมผัสสารพัด พระองค์ก็ไม่เคยถือตัวว่าจับพระกายพระองค์ไม่ได้ หลังกลับคืนชีพเคยทรงให้ลองแยงแผลเลยด้วยซ้ำ

ยิ่งกว่านั้นเมื่อทรงพระชนม์ชีพ ก็สอนเรามีบันทึกในพระคัมภีร์ว่า มลทินนั้น มาจากข้างในไม่ใช่ข้างนอก ดังนั้นคนรับศีลต่อให้เอามือล้วงลงไปวางถึงท้อง แต่ใจมีมลทินคือไม่เชื่อและมีบาป ก็ยังทุราจารเสียยิ่งกว่า นี่คือวิธีคิดแบบพระเยซูที่สอนเรามาตลอดในพระคัมภีร์ไม่ใช่เหรอครับ

นอกจากนั้นพระองค์ยังบอกเราว่า ให้สิทธิอำนาจแก่พระศาสนจักรในการเปลี่ยนแปลงกฎ

มธ 16:17
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

พุธ ม.ค. 30, 2008 10:43 am

งั้นคงไม่สามารถเสนออะไรในเว็บนี้ได้อีกแล้วมั้งครับ เนื่องจากสิ่งที่ผมได้เรียนรู้และสิ่งที่ผมกำลังประสบอยู่นั้นแตกต่างกับสิ่งที่พวกคุณถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กหรือเรียนมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเสนอความรู้ใหม่ๆ แต่ถ้าวันใดคุณเกิดค้นคว้าเจอในสิ่งที่ผมเคยเล่า ได้เห็นประสบการณ์ต่างๆ หรือความรู้หรือเรื่องราวต่างๆ แบบที่ผมเคยเสนอไปให้ทราบ ก็คิดถึงกันบ้างน๊ะครับ ขอบคุณครับ
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

พุธ ม.ค. 30, 2008 10:59 am

นิดนึงครับ
1.เน้นที่สารแม่พระ และกิจศรัทธาต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเน้น หรือนำเสนอตัวผู้รับสาร เพราะไม่ว่าเขาจะดีแค่ไหน มันก็ไม่จำเป็น เพราะแม่พระมาประจักษ์ไม่ได้เพื่อให้ผู้รับสารได้เป็นที่รัก หรือเป็นนักบุญ แต่เพื่อจะบอกสารแก่มนุษยืทั้งหลาย ดังนั้นขอให้เราทำตามพระประสงค์ของแม่พระก็พอคือ เผยแผ่สาร ถ้าการพูดถึงผู้รับสารแล้วทำให้คนสะดุด ก็งดไปและพูดถึงสารก็พอครับ
**ผมว่าพวกคุณเอาความคิดของมนุษย์หรือของพวกคุณเองมาตอบทั้งนั้นเลยน๊ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าพวกคุณไปสะดุดอะไรกับจูเดียล ไว้วันหนึ่งพวกคุณก็จะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดให้ฟัง
**ความคิดคน**คนตัดสิน**คนเป็นคนทำ**คนรับกรรม**คนชดใช้**คนสวดขอ**ให้คนรอด**นิจนิรันด์**
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ม.ค. 30, 2008 3:34 pm

การต่างกันไม่แปลก แต่การขัดกันต่างหากที่เป็นปัญหา

และไม่มีใครสะดุดตัวผู้รับสาร แต่สะดุดการนำเสนอตัวผู้รับสารจนเด่นกว่าสารและเด่นกว่าแม่พระมากกว่าครับ ตัวอย่างที่นี่เราทำให้ดูที่สารของแม่พระลำไทรแล้วนะครับ ผู้รับสารจนทุกวันนี้ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นใคร รับมาเป็นปีแล้วเราปิดสนิทใครมาอยากรู้จักเขาเราก็ไม่เคยบอก เรานำเสนอสารแม่พระล้วนๆครับ แค่นั้นก็เกิดประโยชน์มากมายทางจิตวิญญาณต่อคนจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว

ผมอยากให้ทบทวนดีๆว่า ความคิดที่จะต้องนำเสนอตัวผู้รับสารให่สาธารณะชนรู้จักให้ได้ของคุณนี่มันมาจากไหน มาจากพระประสงค์ของพระเจ้า หรือมาจากความต้องการของคุณเอง ที่เห็นว่าเขาดีมากเหลือเกิน คุณหาว่าการที่เราเน้นการนำเสนอสารมากกว่าผู้รับสารเป็นการเอาความคิดมนุษย์มาตอบงั้นเหรอครับ แล้วงั้นการเน้นการนำเสนอตัวผู้รับสาร โดยการที่จะเสนอแค่สารก็หงุดหงิดยอมไม่ได้นี่ มันดูว่ามาจากพระเจ้ายังไงครับ

1คร 3:21
ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน  เปาโลก็ดี อปอลโล  เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของพวกท่าน  แต่พวกท่านเป็นของพระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า


1คร 1:27
แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย  และพระเจ้าทรงเลือกสรรสิ่งต่ำช้าน่าดูหมิ่นไร้คุณค่าในสายตาของชาวโลกเพื่อทำลายสิ่งที่โลกเห็นว่าสำคัญ  ทั้งนี้ เพื่อมิให้มนุษย์โอ้อวดเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้  เดชะพระองค์ ท่านจึงมีความเป็นอยู่ในพระคริสตเยซูผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งให้เป็นปรีชาญาณสำหรับเรา ทั้งยังทรงเป็นผู้บันดาลความชอบธรรม ความศักดิ์สิทธิ์และการไถ่กู้อีกด้วย  เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ ม.ค. 30, 2008 5:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

พุธ ม.ค. 30, 2008 5:53 pm

ผมก็หวังกับพวกคุณเหมือนกัน
ล็อคหัวข้อ