รักแม่พระ

สมาชิกกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้า และผู้สนใจกลุ่มลูกแกะของพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 1:00 pm

ไม่ทราบว่าเจ้าของกระทุ้ได้อ่านหนังสือ "ชิวิตแท้ในพระเจ้า" หรือเปล่า ที่วาสสลาไรเด็น ได้บสารจากทั้งพระเยซู แม่พระ และได้นำออกมาเผยแผ่ให้ได้อ่านกัน ซึ่งวาสสุลาก็เป็นเครื่องมือของพระเจ้าเช่นกัน แต่เราก็อ่านรับทราบและปฏิบัติตตามไม่ใช่ไปยึดติดที่ตัวบุคคลนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 2:20 pm

Buddy เขียน:
angel2009 เขียน: 1. ใช่ครับพวกผมและคนฟิลิปปินส์ที่อะโกโอ้จะเรียกจูเดียลว่าMasterหรือTeacherทุกคน สาเหตุที่พวกเขาเรียกอย่างนี้ก็มาจากความเคารพที่พวกเขาและตัวผมมีต่อจูเดียล หรือสิ่งที่จูเดียลได้สอน
2. ผมยึดทั้งแม่พระ พระเยซู และจูเดียลครับ
3. ความรู้เรื่องแม่พระ และพระเยซู รวมถึงพระศาสนาจักรคาทอลิกของผมเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา
4. มนุษย์ทุกคนตกอยู่ในบาป เพียงแต่ว่าเราจะมีวิธีการยังไงในการที่จะช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น
5. การประกาศสิ่งต่างๆ ก็จะเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าและแม่พระ พระจิตเป็นคนนำทางเราเอง
6. ไม่มีใครเห็นอะไรสำคัญไปกว่ากันและกัน ทุกอย่างต้องไปคู่กัน ต่างกันตรงสิ่งที่เราได้รับ ได้เรียนรู้ ได้สัมผัส ซึ่งพระเป็นเจ้าและแม่พระก็ให้เราแต่ละคนได้รู้ ได้สัมผัส ได้รับแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งทำให้เราต้องมีการแบ่งปันไงครับ
7. คำว่าพระเมตตาของพระเจ้าไม่ได้หมายถึงการให้อภัยมนุษย์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการลงฑัณท์ต่อมนุษย์บนโลกด้วย
8. การสวดสายประคำนั้น ทุกครั้งที่ส่วนเราต้องmentionสิ่งต่างๆ เสมอ ถ้าเราไม่ mention การสวดสายประคำก็ไม่มีความหมายใดๆ เราต้องสวดให้เทวดาบนสวรรค์ด้วย เพื่อพวกเขาจะได้มีพลังในการต่อสู้กับปีศาจ ซึ่งทุกวันนี้เทวดาก็ต่อสู้อยู่กับปีศาจทุกๆนาที
9. ต้องพยายามช่วยคนที่หลงทาง คนที่ต้องการความช่วยเหลือ ห้ามละทิ้งพวกเขาเป็นอันขาด
10. อย่าใช้มือรับศีลเป็นอันขาด การใช้มือรับศีลถือว่าเป็นบาป นี่คือสิ่งที่แม่พระบอกแก่เรา ซึ่งเมื่อสมัยก่อนคาทอลิกจะไม่ใช้มือในการรับศีล แต่เนื่องจากการประชุมสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ที่ทำให้คาทอลิกเริ่มอ่อนแอ มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ หลายอย่างเช่น การเอารูปเทวดามีคาแอลออกจากหน้าโบสถ์ การนำตู้ศิลมหาสนิทไปไว้ด้านข้าง การไม่มีมหากางเขนอยุ่หลังพระแท่น เป็นต้น
11. พระเยซูเจ้าจะยืนรอเราอยู่หน้าประตูสวรรค์ ถ้าวิญญาณของเราได้เข้าสู่สวรรค์
12. แม่พระเป็นเพียงผู้เดียวที่จะช่วยเราให้รอดพ้นจากไฟนรก โดยผ่านสายประคำ
13. สิ่งที่เป็นแก่นแท้ที่สุดของคาทอลิกคือ ความเชื่อ และความศรัทธา เพราะถ้าปราศจากสองสิ่งนี้แล้วสิ่งที่คุณทำ เช่น การสวดสายประคำ การสวดภาวนา การพลีกรรม การไปโบสถ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ก็จะไม่มีประโยชน์
14. ถ้าคุณBuddyบอกว่าการที่เราเห็นพระคัมภีร์สำคัญน้อยกว่าสารของแม่พระ เราจะต้องระวังวิญญาณของเรา แล้วทำไมคุณ Buddy ถึงถามเกี่ยวกับสารแม่พระหล่ะครับ
15. สนใจเถอะครับเรื่องของจูเดียล แล้วคุณจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นจากเขา
มีหลายอย่างไม่ตรงกับคำสอนพระศาสนจักรนะคะ  รบกวนผู้ดูแลบอร์ดช่วยตรวจสอบด้วยค่ะ

2. ผู้นำสารและคนที่ทำงานพระทั่วโลก  เป็นเพียงเครื่องมือพระนะคะ  เราเห็นเค้าเป็นเพื่อนเราได้ แนะนำเราได้ แต่ไม่ใช่ยึด
3. ก็มาลองดูกันค่ะว่า  เพิ่มขนาดไหน  ::001::
4. Yes...  we are sinners...  and only Christ can save us...  it is not that we can decide our salvation..
5. ใช่ค่ะ  ซึ่งถ้าพระจิตเจ้านำ  คนที่เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าจะจำได้  และจะรู้ว่า  นี่คือพระจิต  แต่ถ้าไม่ใช่  ก็จะรู้เช่นกัน...   ::001::
6. ใช่ค่ะ
7. พระเมตตาที่พูด  หมายถึง Divine Mercy ค่ะ  พระเมตตาที่อยู่เหนือความยุติธรรม
8. สวดให้เทวดานี่  ขอตรวจสอบความสอดคล้องทางเทววิทยาค่ะ  และสายประคำ  เป็นการสวดเพื่อเป็นหนึ่งเดียว  การ สิ่งต่างๆ อาจเกิดจิตแตกแยกได้  ประเด็นนี้ก็ขอตรวจสอบค่ะ
9. Yes... 
10. ไม่นบนอบต่อพระศาสนจักร!! 
11. รู้แต่ว่า  นักบุญเปโตรเป็นผู้ถือกุญแจสวรรค์  อันนี้ขอตรวจสอบ  (ยังไม่เห็นว่ารุนแรง  ถ้าเชื่อแบบนี้)
12. แม่พระนำเราไปหาพระเยซูเจ้า  พระเยซูเจ้าเท่านั้นที่ช่วยเราให้รอด  แม่มาสอนเราอีกทีว่า  ทำยังไงถึงจะรอดได้  ถึงจะรักพระได้อย่างแม่รักพระ
13. ความรัก สำคัญที่สุดในคริสตศาสนาค่ะ  ที่จริงคือ Joy, Faith and Love ...  but Love สำคัญสุด
14. อ่านเป็นหนังสือศรัทธาค่ะ
15. คุณไม่ผ่านการ discern the spirit ของดิฉันนะคะ  จะให้สนใจได้ยังไงคะ  ให้สนใจคนหรือคำสอนที่ไม่นบนอบต่อพระศาสนจักรเหรอคะ

อย่าคิดว่าจับผิดนะคะ  คนที่เค้าได้รับพระพรแบบนี้  โดนทุกคนแล้ว (ถ้าเป็นของจริง) เค้าผ่านทุกคน  ไม่มีใครได้เรียนเทววิทยาสูงๆ  แต่สิ่งที่เค้าพูดออกมาสอดคล้องหมด  ถ้าแค่นี้ไม่ผ่าน  ไม่มีใครฟังนะคะ  เพราะทุกคนรักพระและนบนอบกับพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า

อ่า... ครับ มีหลายข้อที่ขัดหลักข้อเชื่อพื้นฐาน และขัดหลักคำสอนของพระศาสนจักรจริงๆครับ ถ้าที่ คุณ angel2009 กล่าวมา เกิดจากความผิดพลาดทางการสื่อสาร ก็ยังถือว่าโอเคอยู่ในระดับหนึ่งครับ แต่ถ้าผู้รับสารยืนยันแบบนั้นจริงๆ ผมขอพิจารณา อาศัยพระจิตเจ้า และการทรงนำว่า อาจต้องระมัดระวังการเผยแพร่ในเวบบอร์ดนี้มากขึ้น และอาจต้องขอตัดทอนบางส่วนออกนะครับ

ข้อที่ผิดหลักข้อเชื่อพื้นฐานที่รุนแรงคือ

12. แม่พระเป็นเพียงผู้เดียวที่จะช่วยเราให้รอดพ้นจากไฟนรก โดยผ่านสายประคำ


อันนี้ผิดตั้งแต่บทข้าพเจ้าเชื่อที่เราท่องกันทุกวันเลยด้วยซ้ำครับ เพราะพระศาสนจักรทุกนิกาย ถือว่าพระผู้ไถ่มีคนเดียวคือพระเยซู แม่พระถือเป็นผู้ร่วมงานไถ่ ดังนั้น ถ้าตัดพระเยซูออกไปเหลือแม่พระคนเดียวอันนี้ผิดหลักความเชื่อคริสตชนและเรียกตัวเองว่าคริสต์ไม่ได้ครับ แม้แต่สัญญา15ข้อของการสวดสาบประคำ ยังออกมาทำนองว่า เป็นการช่วยโดยประทานพระหรรษทานแห่งการกลับใจ ทำให้วิญญาณสามารถรับการทรงไถ่ของพระเยซูคริสต์ได้ ไม่ใช่สายประคำจะไถ่ได้โดยตัวมันเอง

ยน 14:5
โทมัสทูลว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ ม.ค. 26, 2008 2:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 7:52 pm

อธิบายง่ายๆครับ
2. ผมเรียนรู้จากเขา ผมเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ความรู้ใหม่ๆครับ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าพวกคุณรู้จักจูเดียลมากน้อยแค่ไหน อย่าเพิ่งตัดสินอะไรลงไปครับ
4. ถ้าพวกเราไม่เริ่มช่วยเหลือวิญญาณของตัวเราเอง พระเจ้าจะช่วยเราได้อย่างไรครับ
7. โลกที่เกิดสงครามอยู่ทุกวันี้ ภัยธรรมชาติ ที่ทำให้ทั้งคนดีและคนเลวได้ตายลง คือพระยุติธรรม และพระเมตตาครับ
10. คุณต้องไปลองถามพระสงฆ์เก่าแก่ดูน๊ะครับ ท่านจะอธิบายเรื่องนี้ได้ หรือไปอ่านในสารแม่พระแห่งฟาติมาก็ได้น๊ะครับ เกี่ยวกับการรับศีลด้วยมือ
12. อ่านดีๆครับ ความหมายคือ แม่พระคือผู้เดียวที่ใช้สายประคำช่วยให้เรารอดจากไฟนรก
13. ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากความเชื่อและศรัทธาครับ คุณจะเริ่มทำตามสิ่งที่พระเยซูสอนหรือแม่พระสอนได้อย่างไรถ้าคุณไม่มีความเชื่อและศรัทธา คุณจะเริ่มรักได้อย่างไรถ้าคุณไม่มีความเชื่อและศรัทธา
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 8:28 pm

แต่เหนือสิ่งอื่นใดครับเราเป็นคาทอลิกเหมือนกัน แค่คุยกัน เล่าสู่กันฟัง แชร์ประสบการณ์ เรียนรู้สิ่งต่างๆซึ่งกันและกันครับ ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือไปกว่านี้
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 8:56 pm

angel2009 เขียน: อธิบายง่ายๆครับ
2. ผมเรียนรู้จากเขา ผมเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ความรู้ใหม่ๆครับ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าพวกคุณรู้จักจูเดียลมากน้อยแค่ไหน อย่าเพิ่งตัดสินอะไรลงไปครับ
4. ถ้าพวกเราไม่เริ่มช่วยเหลือวิญญาณของตัวเราเอง พระเจ้าจะช่วยเราได้อย่างไรครับ
7. โลกที่เกิดสงครามอยู่ทุกวันี้ ภัยธรรมชาติ ที่ทำให้ทั้งคนดีและคนเลวได้ตายลง คือพระยุติธรรม และพระเมตตาครับ
10. คุณต้องไปลองถามพระสงฆ์เก่าแก่ดูน๊ะครับ ท่านจะอธิบายเรื่องนี้ได้ หรือไปอ่านในสารแม่พระแห่งฟาติมาก็ได้น๊ะครับ เกี่ยวกับการรับศีลด้วยมือ
12. อ่านดีๆครับ ความหมายคือ แม่พระคือผู้เดียวที่ใช้สายประคำช่วยให้เรารอดจากไฟนรก
13. ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากความเชื่อและศรัทธาครับ คุณจะเริ่มทำตามสิ่งที่พระเยซูสอนหรือแม่พระสอนได้อย่างไรถ้าคุณไม่มีความเชื่อและศรัทธา คุณจะเริ่มรักได้อย่างไรถ้าคุณไม่มีความเชื่อและศรัทธา
ขอบคุณมากๆค่ะ  พี่ Holy  ::001::

2. ไม่จำเป็นต้องรู้จักนะคะ  และไม่ได้บอกว่า  เป็นคนไม่ดี  ผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าจะบอกว่า  ตัวเองต่ำต้อยเสมอ  ดูอย่างแม่พระในบท Magnificat นะคะ  ผู้ที่ต่ำต้อย  จะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เสมอในสายตาพระเป็นเจ้า  เพราะพระองค์เองจะเป็นผู้ยกเขาขึ้นมา  ไม่ใช่เป็นเราที่เป็นคนยก

(Lk 1:46-55) "My soul proclaims the greatness of the Lord; my spirit rejoices in God my savior. For he has looked upon his handmaid's lowliness; behold, from now on will all ages call me blessed. The Mighty One has done great things for me, and holy is his name. His mercy is from age to age to those who fear him. He has shown might with his arm, dispersed the arrogant of mind and heart. He has thrown down the rulers from their thrones but lifted up the lowly. The hungry he has filled with good things; the rich he has sent away empty. He has helped Israel his servant, remembering his mercy, according to his promise to our fathers, to Abraham and to his descendants forever."

ที่เราต้องไม่ยึดติดเค้า  ส่วนนึงเพราะพระเป็นเจ้าปกป้องเค้าไว้จากความจองหอง  ยิ่งถ้าเราไปยึดเค้า  จะกระตุ้นให้เค้าเกิดความจองหองได้  ถ้าเรารักเค้าจริง  จริงใจกับเค้าจริง  เราต้องคอยปกป้องเค้าจากบาป  ไม่ใช่เอาโอกาสบาปไปให้เค้านะคะ ...  คิดดูนะคะ  มีคนสรรเสริญมากๆ  จากคนดีๆ สุภาพถ่อมตน ก็หลงไปได้เหมือนกันนะคะ  เพราะมนุษย์เราอ่อนแอ  เรารักเค้า  ตั้งใจให้สิ่งที่ดีกับเค้า  แต่หลายครั้งเราก็เป็นเครื่องมือปีศาจโดยไม่รู้ตัวนะคะ ...  แต่ถ้าเรายึดพระ เราจะให้สิ่งดีกับเค้าแบบที่พระเป็นเจ้าให้เค้า  คิดดูนะคะว่า ทำไมพระองค์ถึงไปเลือกเด็กชายจนๆให้มารับใช้พระองค์  เพราะพระองค์รักความยากจนของเค้า  เพราะพระองค์เองก็เกิดมาอย่างยากจน ...  แม่พระเองก็ยากจน  เรียบง่าย และสมถะ  พระต้องปกป้องคนของพระองค์ด้วยความยากจน  เพื่อที่เขาจะได้ร่ำรวยภายในค่ะ   ::001::

ถามตัวเองนะคะว่า  เรารักเค้าจริงมั้ย  หรือว่า สิ่งที่เราให้กับเค้ามันแค่เป็นอะไรที่ออกมาจาก insecurities ภายในของเรา

4. ใช่ค่ะ  เราต้องร่วมมือกับพระหรรษทานของพระองค์  (อันนี้สื่อสารผิดพลาด  ขอโทษค่ะ)
7. เพราะบาปของเราค่ะ  สาเหตุคือ "บาป"   ที่พระองค์ต้องทำแบบนั้นเพื่อช่วยให้เรารอด  พระเป็นเจ้าสร้างโลกของเรามาดี  แต่เพราะความบาป  โลกเราจึงเพี้ยนไป
10. จะแก่แค่ไหน  ก็ต้องนบนอบต่อพระศาสนจักรค่ะ   ::001::  คนเราความเห็นต่างกันได้  แต่ที่สุดแล้ว  เราก็ต้องนบนอบต่อพระศาสนจักร   ::001::
12. พระหรรษทานทุกอย่างที่แม่พระให้กับเราผ่านสายประคำมาจากพระเป็นเจ้าค่ะ  ดังนั้นผู้ช่วยเราให้รอดแต่ผู้เดียวคือ  พระเป็นเจ้า  พระองค์เองเสด็จมายังโลก  เพื่อให้เรารอด  เหมือนเราสวดให้ใครกลับใจน่ะค่ะ  ถามว่า  เราได้ช่วยวิญญาณเค้ามั้ย  เราช่วย  ช่วยให้เค้ารอดมั้ย  ก็มีส่วน  แต่ความรอดไม่ได้มาจากเรา  มาจากพระเยซูเจ้า
13. การจะรักใคร  เราเริ่มจากการรู้จักเค้าก่อนค่ะ  ถ้าจะเรียกการรู้จักว่า  เป็นการศรัทธา  ก็อาจจะทั้งใช่และไม่ใช่  แต่เราต้องรู้จักเค้า (แต่บางที  เราก็อาจจะไม่รู้จักเค้าด้วยซ้ำ  เพราะพระเป็นเจ้ารู้จักและรักเราก่อนที่เรารู้จักและรักพระองค์  บางที  เราตกหลุมรักคนที่เราไม่รู้จักเค้า  แต่เค้ารู้จักเราดี) จากนั้นเราจะไว้ใจเค้า เชื่อในเค้าและรักเค้า  พระเป็นเจ้าคือองค์ความรัก  พระองค์คือแอลฟาและโอเมก้า  คือจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้าย  ความศรัทธาและความเชื่อเป็นสิ่งที่ต้องมี  (ซึ่งอันนี้พูดยาก  เพราะเรามีศรัทธาต่างกัน  คนเป็นพุทธเค้าก็ศรัทธาของเค้า  แต่ละศาสนามีศรัทธาของเค้า ...  ความศรัทธาไม่ใช่เอกลักษณ์ของคริสตชนน่ะค่ะ  เอกลักษณ์เราคือ  ความรัก)  แต่ความรักคือ สิ่งที่สำคัญที่สุด  ::001::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 8:59 pm

angel2009 เขียน: แต่เหนือสิ่งอื่นใดครับเราเป็นคาทอลิกเหมือนกัน แค่คุยกัน เล่าสู่กันฟัง แชร์ประสบการณ์ เรียนรู้สิ่งต่างๆซึ่งกันและกันครับ ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือไปกว่านี้
เราเป็นคาทอลิก  เราต้องช่วยกันดูแลวิญญาณของกันและกันด้วยความรักค่ะ  ::001::
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 9:23 pm

2. ไม่จำเป็นต้องรู้จักไม่เป็นไรครับ แต่อย่าไปว่าเค้าเลยครับ ผมแค่แชร์ประสบการณ์ แต่ดูถ้าว่าคุณจะไม่ค่อยพอใจจูเดียลเท่าไหร่ อันนี้เนื่องจากอะไรผมไม่ทราบ แต่ 15 ปีที่รู้จักกันมาเค้าก็ไม่เคยเปลี่ยนไป
10. ผมแค่เล่าให้คุณฟัง ให้คุณลองไปอ่านในสารแม่พระแห่งฟาติมาดู ไม่เกี่ยวกับเรื่องนบนอบหรือไม่
12. ลองไปเปิดสารแม่พระดูครับ แม่พระพูดอะไรเกี่ยวกับการสวดสายประคำไว้บ้าง
13. ความรักที่คุณพูดถึงนั้น มันเป็นคนละเรื่องกับความเชื่อความศรัทธาครับ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 10:12 pm

angel2009 เขียน: 2. ไม่จำเป็นต้องรู้จักไม่เป็นไรครับ แต่อย่าไปว่าเค้าเลยครับ ผมแค่แชร์ประสบการณ์ แต่ดูถ้าว่าคุณจะไม่ค่อยพอใจจูเดียลเท่าไหร่ อันนี้เนื่องจากอะไรผมไม่ทราบ แต่ 15 ปีที่รู้จักกันมาเค้าก็ไม่เคยเปลี่ยนไป
10. ผมแค่เล่าให้คุณฟัง ให้คุณลองไปอ่านในสารแม่พระแห่งฟาติมาดู ไม่เกี่ยวกับเรื่องนบนอบหรือไม่
12. ลองไปเปิดสารแม่พระดูครับ แม่พระพูดอะไรเกี่ยวกับการสวดสายประคำไว้บ้าง
13. ความรักที่คุณพูดถึงนั้น มันเป็นคนละเรื่องกับความเชื่อความศรัทธาครับ
2. ไม่ได้ว่า  เค้าซักคำนะคะ และไม่เข้าใจว่า  อ่านยังไงถึงดูว่า  ไม่พอใจ  เค้าไม่ได้ทำอะไรให้ซะหน่อย  จะไม่พอใจได้ไง ... ที่จริงรักและห่วงเค้าด้วย  กลัวเค้าตกในบาป  ทำไมคุณไม่รักไม่ห่วงเค้าบ้างคะ  ทำไมไม่คิดที่จะปกป้องวิญญาณเค้าอย่างที่พระเป็นเจ้าปกป้องเค้าคะ  ...  ไม่ได้ไม่พอใจจูเดียล  แต่ไม่พอใจคุณที่คุณไม่รักเค้า  อย่างที่พระเป็นเจ้ารัก
10. หามาให้อ่านหน่อยสิคะ  (ถือว่า  รับใช้เพื่อนมนุษย์นะคะ  ทำได้มั้ยคะ)  ::001::  ความนบนอบที่พูดถึงคือ  ความนบนอบต่อพระศาสนจักรนะคะ 
12. สารไหนคะ มีหลายสาร  ก็สวดสายประคำอยู่นะคะ  ไม่ใช่ไม่สวด  ::001::
13. ก็ใช่ไงคะ  ก็มันคนละเรื่อง  ความรัก กับ  ความศรัทธา ไม่เหมือนกัน  แต่ความรักสำคัญที่สุด

คุณมีโอกาสได้สัมผัสจูเดียล เพื่อให้คุณได้รักเค้า พระให้เราได้มีโอกาสได้รู้จักใคร  เพื่อให้เราได้รักเค้า  ได้มีความสัมพันธ์กับเค้า  เพื่อไปหาพระด้วยกัน  ให้เราได้สวดให้กันและกัน  พึ่งพาช่วยเหลือ  แบ่งปันความรักแบบคริสตชน  อันนี้แหละคือ  สวรรค์บนดินเลยล่ะ  แต่ถ้าเรารู้จักใคร  และไม่ดูแลกัน  เอาโอกาสบาปไปให้กัน  ไม่สวดให้กัน  อันนี้คือ ความรักแบบคริสตชนเหรอคะ  .... 
ภาพประจำตัวสมาชิก
yuki
โพสต์: 681
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 01, 2006 5:02 am

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 11:13 pm

ปีศาจมันกำลังหัวเราะร่า.. : xemo023 :
อย่าให้มันเข้ามาทำกิจการของมันใบบอร์ดของเราเลยค่ะ
Nativity
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 3:31 pm
ที่อยู่: Peace in sinner

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 2:01 am

งั้นผมขอ แม่พระฟาติมาละกันคับหุหุ  :grin:
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 4:12 am

Buddy เขียน:
angel2009 เขียน: แต่เหนือสิ่งอื่นใดครับเราเป็นคาทอลิกเหมือนกัน แค่คุยกัน เล่าสู่กันฟัง แชร์ประสบการณ์ เรียนรู้สิ่งต่างๆซึ่งกันและกันครับ ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือไปกว่านี้
เราเป็นคาทอลิก  เราต้องช่วยกันดูแลวิญญาณของกันและกันด้วยความรักค่ะ  ::001::
มาอ่านใหม่แล้ว  ก็ต้องขอโทษมากๆเลยที่ไม่ยอมรับคุณเอามากๆ  คือรู้สึกอะไรรู้มั้ยคะ รู้สึกเหมือนน้องชายพาแฟนมาบ้าน  แล้วเราไม่ยอมรับแฟนน้องชายอ่ะค่ะ  ความรู้สึกของน้องคือ  เราไม่ยอมรับตัวเค้า  ไม่ใช่ไม่ยอมรับแฟน  แล้วเค้าเจ็บปวดตรงนั้น  เพราะแฟนเค้า  ก็เหมือนเป็นชีวิตเค้า  เป็นหัวใจเค้า  ถ้าเราไม่ยอมรับหัวใจเค้า  ก็คือเราไม่ยอมรับเค้านั่นเอง  และนั่นคือ  ความเจ็บปวด  พระเยซูเจ้าไม่ได้ให้เราตัดใครออกไป  แต่ให้เรารับทุกคนไว้ด้วยหัวใจของพระองค์

การที่เราสนิทกับใคร เป็นเพื่อนกับใคร  เค้าคือส่วนนึงของเรา  เวลาเรารู้จักใคร  เราก็อยากเล่าให้คนอื่นฟังว่า  เพื่อนเราเป็นอย่างไร น่ารักอย่างไร  ในสายตาคนอื่น  เค้าอาจมองเพื่อนเราไม่เหมือนเรา  แต่เรายังมองเค้าเป็นเพื่อนเราเสมอ  และความน่ารักหรือความดีหรืออะไรซักอย่างที่เราเห็นหรือสัมผัสในเค้า  ส่วนนึงก็คือตัวตนของเรานั่นแหละ  คนที่ไม่รับเพื่อนเรา  ก็เหมือนไม่รับเราด้วย

It's the pain when people don't even listen to you..
It's the pain when being rejected..
And it's the pain when people don't accept who you are..

I'm sorry I didn't see your pain. I realize it's hard to live with the feeling of being rejected for a long time. I know it's not easy. It's not all about Judiel or anything. It's the pain because you feel people don't accept you the way you are. You've been in touch with Judiel for long. ...  No matter this apparition is genuine or fake, the most important thing is your friendship that will remain forever...  And that's the beauty.  ::001::

It's good that you are comfortable enough to share with us. I'm sorry if I offend you or destroy your comfort. Please forgive me.

So, can you let us know who Judiel is? ... not as a visionary but as a person..  as your friend..  ::001:: How did you meet him? Share with us your friendship with him so that we'll know you and the main part of your life..  ::001:: I know you've been changed a lot from what you were before you met Judiel...  ::001::

สัญญานะคะว่า  จะรับฟังด้วยหัวใจ  ไม่ใช่ด้วยสมอง   ::001::

แต่ขอให้เข้าใจสิ่งที่ทำเรื่องการปกป้องคำสอนพระศาสนจักรนะคะ  งานอภิบาลก็อภิบาล  แต่คำสอนพระศาสนจักรก็ต้องปกป้อง  สองอย่างนี้อาจเดินคู่กันลำบาก  แต่ก็พยายามให้ดีที่สุดค่ะ   ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 4:23 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 7:23 am

Dear Buddy
why you are speaking with bitterness in your heart
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 7:41 am

angel2009 เขียน: Dear Buddy
why you are speaking with bitterness in your heart
:huh:  I didn't say with bitterness in my heart..  :huh:  How come did you say that??

I was just trying to understand you.. but if you don't want me to understand you, that's fine... I had no problem with that..  ::001::
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 8:19 am

You Know Buddy each of us have different of our own believe and faith to God, no one right or no one wrong just only a different opinion, that why we have internet because we can share our own thought. It's not that we must force someone to believe what we believe. Even the priest, they have there own believe and faith to god also, It's does not mean that some priest are right and some are wrong, get my point. Judiel is notthing to do with our topic so don't take it personal to him or may be u have known story of me or judiel from someone els and sorry again if my believe or my faith and my knowledge is far more different than u or other person in this web but that it's mine. Actually i not feel like what u said cos i'm just share and i'm not expect u or other people to believe also. it's only some exchange of our knowledg nothing more than that. You see if u are a really devotee of blessed mother you should know the message in fatima even in medjugloria about the communion,blessed mother told that. That's why i told u to ask the priest because in some country if u go to mass the priest will not give a communion to hand. The point is if we know something that is different from what catholic church had told us it's doesn't mean that we don't respect the catholic church. that's it it simple as that
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 9:04 am

Dear Buddy
If u really know what is the love of God, Please explain to me and i'll explain to u also
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 9:06 am

Don't worry Yuki the evil can not laugh cos we are talking about god and blessed mother
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 10:04 am

angel2009 เขียน: You Know Buddy each of us have different of our own believe and faith to God, no one right or no one wrong just only a different opinion, that why we have internet because we can share our own thought. It's not that we must force someone to believe what we believe. Even the priest, they have there own believe and faith to god also, It's does not mean that some priest are right and some are wrong, get my point. Judiel is notthing to do with our topic so don't take it personal to him or may be u have known story of me or judiel from someone els and sorry again if my believe or my faith and my knowledge is far more different than u or other person in this web but that it's mine. Actually i not feel like what u said cos i'm just share and i'm not expect u or other people to believe also. it's only some exchange of our knowledg nothing more than that. You see if u are a really devotee of blessed mother you should know the message in fatima even in medjugloria about the communion,blessed mother told that. That's why i told u to ask the priest because in some country if u go to mass the priest will not give a communion to hand. The point is if we know something that is different from what catholic church had told us it's doesn't mean that we don't respect the catholic church. that's it it simple as that
::010:: ::010:: ::010::

คือ  เอางี้นะคะ  ลองอ่านกระทู้นี้ http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7603.0  อันนี้คือตัวอย่างคนที่ไม่นบนอบต่อพระศาสนจักร  คิดไม่ตรงกัน  ถามว่า  ทำได้มั้ย  ก็ทำได้นะคะ เพราะพระให้อิสระเรา  แต่ทำแล้วเป็นไง  ก็เป็นแบบนี้  ถามว่า  เค้าเคารพมั้ย  เค้าก็บอกว่า  เค้ายังอยากกลับมาอยู่เสมอ

เคารพกับนบนอบไม่เหมือนกันนะคะ ถ้าเราเคาพ  เราจะแค่ฟัง  ทำไม่ทำอีกเรื่อง  แต่ถ้านบนอบ  เราจะทำ  ต่างกันนะคะ

ความนบนอบ  ไม่จำเป็นต้องเป็นคน conservative ถึงจะนบนอบได้ liberal ก็นบนอบได้  ::001::

อย่างกรณีแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจ  ส่วนตัวเชื่อ และทำตามสารแม่พระ  แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงความนบนอบด้วยการปรึกษาพระสงฆ์  บอกท่านไว้ว่า  ตอนนี้ลูกเชื่อและลูกทำตามนี้นะคะ  แต่ถ้ามีอะไรที่ขัดต่อข้อความเชื่อแม้แต่นิดเดียว  ขอให้บอกทันที ห้ามปล่อยให้ลูกหลงไปเป็นอันขาด ลูกพร้อมที่จะเลิกเชื่อ  แม้ลูกจะผูกพันแค่ไหนก็ตาม  ซึ่งที่ผ่านมา  ไม่เคยมีใครบอกว่า  ขัดกับข้อความเชื่อเลย ...  และก็เคยมีความศรัทธาในสายจำพวกเขียว  จนเกือบจะเกิน limit ของความเป็นสิ่งคล้ายศีล  มีพระสงฆ์ท่านนึงเตือน  ท่านเอาคำสอนพระศาสนจักรมาเตือน  (คือท่านเองไม่เชื่อ  แต่ถ้าเราศรัทธา  ท่านก็ไม่ได้ว่า  แต่ถ้าเกินขอบเขต  ท่านเตือน)  ตอนนั้นงอน  คิดว่า  พ่อไม่เข้าใจ  พ่อไม่เห็น  ไม่มีประสบการณ์แบบเรา  แต่ต่อมาก็สวด  และก็พยายามนบนอบ  ทั้งที่งอนนั่นแหละ  สุดท้าย  พอกลับมาได้  ถึงได้รู้ตัวว่า  ตอนนั้นเราหลงไปจริงๆ  โชคดีที่พ่อเตือนเราเอาไว้

ความนบนอบเป็นฤทธิ์กุศลที่เราต้อง practice นะคะ

ความเชื่อย่อยๆอาจต่างกันได้  แต่ความเชื่อหลักต้องตรงกันนะคะ  (ที่ต่างได้คือในประเด็นที่ไม่เป็นอันตรายต่อความรอด)  ไม่งั้นจะมานั่งเรียนคำสอนทำไมคะ  และคนที่รักแม่พระ ไม่จำเป็นต้องรู้สารทุกสารของแม่พระ  และอันนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อบังคับของพระศาสนจักรที่เราต้องรู้ ....  หรือว่า  ถ้างั้นถามกลับว่า  แม่พระเมดจูกอเรจ์มีสารล่าสุดว่าไง  คุณตอบได้มั้ย ... คือตรรกะมันไม่ใช่นะคะ  (ดิฉันตอบได้นะ)  คุณรักและศรัทธาแม่พระ  ทำไมไม่รู้ล่ะค่ะ 

Another scenario: ความรักสามารถแสดงออกด้วยการรับใช้  ดูพี่ Holy และอีกหลายๆคนนะคะ  นั่งค้นคว้า  นั่งพิมพ์  นั่งสวดเพื่อนำความรู้มาให้คนอื่น  อย่างนี้เรียกรักและรับใช้  แต่พอคุณเนี่ย  กลับรับใช้ไม่ได้  แถมยังมาว่าอีกว่า  ถ้าศรัทธาจริงต้องรู้  แน๊  แค่นี้ช่วยกันยังไม่ได้เลย  จะไปหวังอะไรกับเรื่องใหญ่ๆ  ...  (อันนี้เป็นตัวอย่างของการเอาตัวเองตัดสินนะคะ  ใครไม่รับใช้  ไปว่าเค้าไม่รัก  ซึ่งจริงๆมันแสดงออกได้หลายแบบ  คงจะพอเห็นภาพนะคะ)

และอีกอย่าง  ที่เคยอ่านๆมาเนี่ย  อย่างพวก church doctrine ต่างๆเนี่ย  เอกสารอ้างอิงจะมีพระคัมภีร์และข้อเขียนปิตาจารย์  ไม่เคยเห็นใครเอาสารแม่พระมาอ้างนะคะ  (หรือว่ามี  อันนี้ขอผู้รู้อธิบายด้วยค่ะ)

ไม่มีใครคิดว่า  คุณไปบังคับให้เชื่อนะคะ  แต่ทุกคนเค้าห่วงคุณ  (ทำไมถึงได้ comfortable นักกับความเชื่อที่ไม่เหมือนห้องเรียนคำสอน  มันตื่นเต้นเร้าใจกว่าเหรอคะ)  กลัวคุณหลงไป  และก็กลัวไปพาคนอื่นหลง  จริงอยู่  คุณไม่ได้บังคับ  (ปีศาจมันก็ไม่เคยบังคับใครเหมือนกัน  แค่ล่อลวง  ยั่วยวนไปวันๆ  จู่ๆมนุษย์ก็เชื่อเอง)  แต่คนที่ไม่เข้าใจและความเชื่ออ่อนแอ  ก็อาจหลงไปได้เหมือนกัน  ....  คือถ้าความเชื่อหลักๆคุณยังตรงอยู่  ไม่ได้ขัด  อันนี้ไม่มีใครว่าอะไรนะคะ  จะมีประสบการณ์  ได้หอมแม่  ได้อะไร  ไม่ใครว่าอะไร  แต่ความเชื่อหลักที่เราควรเชื่อต้องอยู่  อันนี้ที่เค้าห่วงกัน

ตกลงเข้าใจแล้วหรือยังคะว่า  ไม่ควรยึดติดผู้นำสาร  เพราะมันจะเป็นอันตรายต่อวิญญาณของเราและเค้ายังไง 

angel2009 เขียน: Dear Buddy
If u really know what is the love of God, Please explain to me and i'll explain to u also
ความรักของพระเป็นเจ้า  ขอสรุปด้วยรูปนี้ละกันค่ะ

รูปภาพ
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 11:43 am

As i said buddy in this world we can learn from everything it's not just in the book think of it why blessed mother appear in different place and different time because blessed mother want to teach us how to survive in this world want to tell us what to do to help our soul and other also to warn us what gonna happen to this world and also blessed mother have her devotee in the differnt group of people, It's the same as you believe in blessed mother in ลำไทร so u are the devotee of blessed mother in ลำไทร also. that why u know what i don't know and i know what u don't know, so we just sharing what we know only. I think u just not get my point about the communion, Why don't u just ask some old priest, I'm sure he can explane this to u. More than ten years ago I've talked to one Bishop here in thailand about this and he knows what i'm saying and he knows that how the church look like before.I use this example to try to tell u that there is no end to learn more about god and blessed mother and the catholic church. 

The love of God is 100% love, In this world no one has 100% love.If we have 100% love we will feel nothing except only a happiness.if we have 100% love we don't have a bad side of ourself.if we have 100% love we don't have a war in this world.if we have 100% love we don't have divorce.God give us a freedom to choose our own way.It's up to us to decide where to go and we are a pilot of ourself.So God will know who is his real children.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 12:30 pm

angel2009 เขียน: As i said buddy in this world we can learn from everything it's not just in the book think of it why blessed mother appear in different place and different time because blessed mother want to teach us how to survive in this world want to tell us what to do to help our soul and other also to warn us what gonna happen to this world and also blessed mother have her devotee in the differnt group of people, It's the same as you believe in blessed mother in ลำไทร so u are the devotee of blessed mother in ลำไทร also. that why u know what i don't know and i know what u don't know, so we just sharing what we know only. I think u just not get my point about the communion, Why don't u just ask some old priest, I'm sure he can explane this to u. More than ten years ago I've talked to one Bishop here in thailand about this and he knows what i'm saying and he knows that how the church look like before.I use this example to try to tell u that there is no end to learn more about god and blessed mother and the catholic church. 

The love of God is 100% love, In this world no one has 100% love.If we have 100% love we will feel nothing except only a happiness.if we have 100% love we don't have a bad side of ourself.if we have 100% love we don't have a war in this world.if we have 100% love we don't have divorce.God give us a freedom to choose our own way.It's up to us to decide where to go and we are a pilot of ourself.So God will know who is his real children.
ทำไมต้องไปถามพระแก่ด้วย  พระหนุ่มกับพระแก่ Theology ไม่เหมือนกันเหรอคะ  ก็รู้ว่า  ก่อนวาติกัน 2 รับศีลด้วยปาก  และหล้งจากนั้น  ก็เปลี่ยน  ในเมื่อเค้าเปลี่ยนกันแล้ว  ทำไมไม่เปลี่ยนล่ะคะ  อันนี้ค่ะ  ที่เรียกว่า  ไม่นบนอบ  (และยังมาว่า  สังคายนาวาติกัน 2 อีก  ::010::)  ถึงพ่อแต่ละท่าน  ความเห็นเค้าจะไม่ตรง  แต่สุดท้ายเค้าก็ต้องนบนอบต่อพระศาสนจักร  ความเห็นเค้าก็ส่วนความเห็น

แก่นี่ต้องแก่ขนาดไหนคะ 62 นี่แก่มั้ย  คือถาม 62 แล้ว เค้าว่า  ไม่บาปอ่ะค่ะ  และก็สนับสนุนให้รับศีลด้วยมือ  รึว่า  ต้องไปถามให้แก่กว่านี้คะ 

จริงค่ะที่ว่า We can find God in all things... แต่ก็ไม่ใช่ว่า  อยากเชื่ออะไรก็เชื่อ  อย่างงั้นก็จะเป็นแบบตอนจบเรื่อง DaVinci Code ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่า ประเด็นนั้นน่ากลัวกว่าเรื่องรูปภาพอีก  คือ  เค้าบอกว่า  ทุกอย่างอยู่ที่เราเชื่อ  ความจริงคืออะไร  ก็คือสิ่งที่เราเชื่อ  คนเชื่อแบบนี้นี่ faith จะ lukewarm มากๆเลยนะคะ  อันตรายสุดๆ

สังฆราชองค์ไหนคะ  อยากรู้  เรื่องรับศีลด้วยปากด้วยมือนี่  คงไม่ถึงกับเป็นอันตรายอะไรมาก  แต่ที่มากคือ  เรื่องความเชื่ออื่นของคุณน่ะค่ะ  คุณไปเช็คกับท่านทุกอันรึยัง  (ซึ่งถ้าท่านเห็นด้วยนี้  คุณจะโชคดีมากเลยนะ  เพราะบาปอยู่ที่ท่าน  ไม่อยู่ที่คุณ) 

จริงอยู่ที่แม่พระสัมผัสคนต่างกลุ่มต่างแบบ  ก็เหมือนพระเป็นเจ้าที่มาสัมผัสเราด้วยวิธีต่างๆกัน  แต่สุดท้ายทุกอย่างจะสอดคล้องกัน  ไม่ใช่ขัดกัน ไปกันคนละทิศละทาง  และมันจะเสริมซึ่งกันและกัน  นั่นคือพระปรีชาญาณของพระเป็นเจ้า  และที่สำคัญ  จะไม่ขัดต่อพระศาสนจักร

The love of God is 100% love, In this world no one has 100% love.If we have 100% love we will feel nothing except only a happiness.
--> อันนี้ต้องถามก่อนว่า happiness คืออะไร  ถ้า happiness คือการอยู่กับพระ  ก็คงใช่  แต่ถ้า happiness คือการไม่ทุกข์  ไม่เศร้าเลยนั้น  ไม่แน่ใจ  อย่างแม่พระเนี่ย  รักเรามากนะคะ  ให้ไปเลย 100% ละกัน  ถามว่า แม่ทุกข์มั้ย  หัวใจมหาทุกข์ของแม่พระน่ะค่ะ  ทุกข์แค่ไหน  แม่พระที่อโกโกหลั่งน้ำตาออกมาเป็นเลือด  ทุกข์มั้ยคะ  พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน  เจ็บปวดทรมานมั้ยคะ  นี่คือตัวอย่างของ100% LOVE  นะคะ  ถึงได้ถามว่า happiness คืออะไร  แต่จริงนะคะที่ negative thought มาจากปีศาจ  และpositive thought มาจากพระ

พระเป็นเจ้ารักเรามาก  จนสามารถมาทนทุกข์ร่วมกับเราได้  และตายเพื่อเราได้  เพื่อให้เราได้รอด  ถามว่า  ความรักนี้  ไม่ 100% เหรอคะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 1:01 pm

เดี๋ยวนะคะ ที่ไม่ยอมรับใช้ผู้อื่น  เพราะกลัวทุกข์  กลัวลำบากเหรอคะ  กลัวว่า  มันจะไม่สุข  เดี๋ยวไม่ใช่รัก 100% ไม่ใช่ลูกพระเหรอคะ  อันนี้กุญแจ7ดอกไขประตูสวรรค์ของแม่พระอโกโกนะคะ 


31 มีนา 1992

แม่พระตรัสถึงกุญแจ7ดอกไขประตูสวรรค์

1.ร่วมมิซซาทุกวัน
2.เฝ้าศีลบ่อยๆ
3.สวมสายจำพวก
4.สวดสายประคำ3สายครบทั้ง15ข้อรำพึง สวดบทเร้าวิงวอน และวันทาพระราชินี
5.เดินรูป14ภาคบ่อยๆเท่าที่สามารถ
6.แก้บาปอย่างน้อยเดือนละครั้ง
7.รับศีลมหาสนิท พลีกรรมใช้โทษบาป ศุกร์-เสาร์ต้นเดือน

แม่ก็พูดเรื่องการพลีกรรมนะคะ  ...  รึว่า  พลีกรรมนี่ต้องทำด้วยความศรัทธา  ไม่ได้ทำเพราะรักคะ
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 2:06 pm

1. Yes, their is a different theology to learn some priest learn more on jesus and some priest learn more on blessed mother.
2. All of us has a holy spirit to guide us what is true or false
3. As i said i belive what i believe wheather some priest agree with me or not but there is no sin at all about that.And my believe has no offence to the church
4. yes, recieve a communion by hand is not a sin but it not appropriate
5. There is a lot of road go to heaven not only one road
6. I said that the love of god is different from us
7. Don't mix up the reality and the movie
8. Penance has to do with believe and faith and love to gether try to think of it that how can u love god if u not believe there is a god, why u praying a rossary if u not believe that the rosary can save u, it start from believe in ur heart that god is exist then u start to love god. it start from believe in ur heart that pray a rosary can save u then u start to love to pray the rosary, it start from believe in ur heart that Blessed mother love us and try to help us then u start to love Blessed mother and love to pray to the blessed mother
Dis volentibus

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 7:53 pm

อะเเฮ่ม....

กระทู้นี้ชื่อดูดี "รักเเม่พระ"
เเต่เนื้อหาในกระทู้ตอนนี้เริ่มออกเเนว (ขอโทษนะคะ)กัดกันไปกัดกันมา ยังไงๆ
ข้าพเจ้าเองความรู้ก็ไม่ค่อยจะมี ตอนนี้ก็เรียนคำสอนไปเรื่อยๆ
ไม่ทราบใครผิดใครถูกเหมือนกันค่ะ

จึงขอเเนะนำมานิดหน่อยว่า
เจ้าของกระทู้ หรือ คุณ angel2009 ช่วยเขียนเรื่องราวทั้งหมด มาเป็นบทความ(เรียงความ)ได้ไหมคะ
เอาเเบบ บทความล้วนๆเหมือนประมาณว่าจะเขียนไปส่งสำนักพิมพ์น่ะค่ะ
เพราะว่าตอนนี้อ่านเเล้วจับประเด็นไม่ได้ อ่านไปเเป๊ปนึงก็ทะเลาะกันด้วยความรักอีกเเล้ว
ดูๆเเล้ว ไม่เกิดสันติสุข

พี่น้องนิกายอื่นที่เข้ามาอ่านอาจจะรู้สึกเเปลกๆได้ค่ะ

ขอพระเจ้าอวยพร :angel:
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 8:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 8:13 pm

Dear Ecclesia
My point is only to share and to tell my experince and my believe and my knowledge about god, blessed mother and catholic church. There is nothing more than that really. It's is just it not the same that another believe or known. That is why we have an internet, just to share, do not judge. that is simply as that. I think i'll will tell some story to u throug your email is better than post it here cos someone can not accept what i say. see u
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 9:07 pm

angel2009 เขียน: 1. Yes, their is a different theology to learn some priest learn more on jesus and some priest learn more on blessed mother.
2. All of us has a holy spirit to guide us what is true or false
3. As i said i belive what i believe wheather some priest agree with me or not but there is no sin at all about that.And my believe has no offence to the church
4. yes, recieve a communion by hand is not a sin but it not appropriate
5. There is a lot of road go to heaven not only one road
6. I said that the love of god is different from us
7. Don't mix up the reality and the movie
8. Penance has to do with believe and faith and love to gether try to think of it that how can u love god if u not believe there is a god, why u praying a rossary if u not believe that the rosary can save u, it start from believe in ur heart that god is exist then u start to love god. it start from believe in ur heart that pray a rosary can save u then u start to love to pray the rosary, it start from believe in ur heart that Blessed mother love us and try to help us then u start to love Blessed mother and love to pray to the blessed mother
1. มันก็มีทั้ง Christology กับ Marianology แล้วแต่เค้าจะเน้น แต่ว่า  จะสอดคล้องกัน  ไม่ใช่ไปกันคนละทิศละทาง ... ไม่เกี่ยวกับแก่หรือหนุ่ม  ถึงได้ถามไงคะว่า  ทำไมต้องไปหาพ่อแก่ๆด้วย
2. ใช่  แต่เราก็ต้องมี discerning heart เพื่อฟังว่า  เสียงไหนคือเสียงพระ  เสียงไหนเสียงปีศาจ  ไม่ใช่ฟังมันทุกเสียง  หรือเลือกฟังเฉพาะเสียงที่ชอบ ... เราต้องมีการพิจารณา  คิดเองไม่ได้ก็ต้องปรึกษาว่า  เออ  อันนี้เสียงพระหรือปีศาจ  ไม่ใช่ได้ยินอะไรมาก็เชื่อ
3. เออ  แต่มันก็มีบางอันที่ offensive to the church นะคะ  อาจไม่แรง  แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้น  ค่อยๆเบี่ยงไป
4. พ่อ 62 สนับสนุนให้รับศีลด้วยมือ  และบอกด้วยว่า  เหมาะสม  แต่ใครจะรับด้วยปาก  พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร ...
5. ทางไหนที่ไม่ใช่ทางของพระเยซูเจ้า  ก็ไม่ใช่อ่ะค่ะ  เพราะพระองค์คือ  หนทาง  ความจริง และชีวิต  แม่พระช่วยชี้ทางให้เราไปหาพระเยซูเจ้า ...  แต่ก็มีเหมือนกัน  คนที่อ้างว่า  ทางนั้นคือทางของพระ และชี้เราไปไหนไม่รู้ ไม่งั้นพระเยซูเจ้าจะพูดเรื่องประกาศกเท็จเทียมเหรอคะ  
6. ใช่ค่ะ   
7. ไม่ได้เอามาปนกัน ยกตัวอย่างเฉยๆค่ะ ... ไอเดียจากเรื่องนั้นที่ทำให้คนเชื่อ  เรื่องรูปอะไรนั่น  คนเชื่อมีส่วนนึง  แต่ก็มีกลุ่มคนที่ยึดตัวเอง  เชื่อตัวเองและเหตุผล  ที่เค้าแยกออกว่า  เรื่องรูปอะไรต่างๆในหนังเป็นเรื่องแต่ง  แต่เค้าเห็นด้วยกับไอเดียตอนสุดท้ายว่า  ความจริงน่ะ  คืออะไรที่เราเชื่อ ... ซึ่งบางครั้ง  ในแง่ของจิตวิญญาณนั้น  มันจะทำให้จิตเราเย็นชา
8. บอกเองนะคะว่า  คนเราเชื่อได้ต่างกัน  และมีทางเดินที่ต่างกัน ...  คือ Buddy ไม่ได้เริ่มแบบนั้นน่ะค่ะ  เริ่มสวดเพราะรักแม่  อยากทำอะไรให้แม่ และมีคนบอกให้สวดสายประคำ ไม่รู้ด้วยว่า  สวดแล้วได้อะไร หรือสวดแล้วช่วยวิญญาณอย่างไรบ้าง มารู้ทีหลังเอง
angel2009 เขียน: Dear Ecclesia
My point is only to share and to tell my experince and my believe and my knowledge about god, blessed mother and catholic church. There is nothing more than that really. It's is just it not the same that another believe or known. That is why we have an internet, just to share, do not judge. that is simply as that. I think i'll will tell some story to u throug your email is better than post it here cos someone can not accept what i say. see u
พระเยซูเจ้าสอนในที่แจ้งนะคะ  ไม่ใช่ที่ลับ

ไม่ตอบแล้วนะคะ  อ่าน broken English แล้วปวดหัวค่ะ   ::010::
+Ecclesia+ เขียน: อะเเฮ่ม....

กระทู้นี้ชื่อดูดี "รักเเม่พระ"
เเต่เนื้อหาในกระทู้ตอนนี้เริ่มออกเเนว (ขอโทษนะคะ)กัดกันไปกัดกันมา ยังไงๆ
ข้าพเจ้าเองความรู้ก็ไม่ค่อยจะมี ตอนนี้ก็เรียนคำสอนไปเรื่อยๆ
ไม่ทราบใครผิดใครถูกเหมือนกันค่ะ

จึงขอเเนะนำมานิดหน่อยว่า
เจ้าของกระทู้ หรือ คุณ angel2009 ช่วยเขียนเรื่องราวทั้งหมด มาเป็นบทความ(เรียงความ)ได้ไหมคะ
เอาเเบบ บทความล้วนๆเหมือนประมาณว่าจะเขียนไปส่งสำนักพิมพ์น่ะค่ะ
เพราะว่าตอนนี้อ่านเเล้วจับประเด็นไม่ได้ อ่านไปเเป๊ปนึงก็ทะเลาะกันด้วยความรักอีกเเล้ว
ดูๆเเล้ว ไม่เกิดสันติสุข

พี่น้องนิกายอื่นที่เข้ามาอ่านอาจจะรู้สึกเเปลกๆได้ค่ะ

ขอพระเจ้าอวยพร :angel:

พี่เองก็พยายามแบ่งปัน  และก็พยายามทำหน้าที่นะคะ  (คือถ้าเราเห็นอะไร  แล้วเราไม่ทำสิ่งที่ควรทำเนี่ย  มันจะเหมือนประกาศกที่ไม่ทำหน้าที่มั้ย) แต่ถ้าน้องเจนเห็นว่า  เริ่มมีความไม่สงบ หรือว่า  การแบ่งปันครั้งนี้  ไม่ได้เกิดผลดีกับวิญญาณ (บางครั้งเราไม่รู้ตัวนะ  แต่คนนอกจะเห็น  ซึ่งเราต้องฟัง) ... พี่ก็จะถือว่า  เป็นเสียงนึงนะคะ  ก็จะหยุดละกัน  และก็สวดอย่างเดียว  ทำอะไรได้ไม่มาก
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 10:05 pm

ใช้ภาษาไทยก็ดีครับ เพราะตอนแรกเห็นตอบมาเป็นภาษาอังกฤษ
1. ที่ผมให้ถามพระสงฆ์เก่าๆ นั้นก็เพื่อที่คุณจะได้ทราบว่าเมื่อก่อนนั้นโบสถ์คาทอลิกเป็นอย่างไร รับศีลกันอย่างไร **คุณถามพ่อหรือเปล่าที่คุณถามหรือเปล่าว่าเมื่อสมัยก่อนโบสถ์เป็นอย่างไร**
2.การพิจารณาว่าเสียงไหนเป็นของพระหรือของปีศาจคุณใช้อะไรพิจารณาครับและใครเป็นคนตัดสินว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของปีศาจหรือของพระครับ
3.เพียงแค่ไม่เหมือนกันก็เป็นการoffenceงั้นเหรอครับ
4.งั้นก็แสดงว่าที่ผมพูดก็ถูกซิครับว่าเมื่อก่อนรับศีลด้วยปาก ไม่ลองถามพ่อ 62 หรือครับว่าสารแม่พระที่ฟาติมาพูดเรื่องการรับศีลด้วยมืออย่างไร
5.มันมีหลายทางที่ไปสวรรค์ได้ครับ พระเจ้าไม่ได้กำหนดให้เราต้องเดินเพียงทางเดียว ไม่งั้นจะมีนักบุญ มีมรณะสักขี มีบุญราศีหรือครับ
7.มันอยู่ที่ความมั่นคงของความศรัทธาและความเชื่อครับ
8.คุณสวดเพราะรักแม่ คุณรักแม่เพราะคุณเชื่อว่าแม่มีจริงใช่ไหมครับ
ตอบกันเถอะครับ เราแค่แลกเปลี่ยความคิดเห็นกัน และถ้าสังเกตุให้ดี จะค่อยๆ เข้าใจกันทีละข้อทีละข้อ
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 10:31 pm

ถ้าพระเยซูเจ้าสอนในที่แจ้ง แล้วเวลาที่พระองค์สอนสานุศิษย์ของพระองค์ทำไมบางครั้งถึงสอนในที่ลับหล่ะครับ
ทำไมสมัยเยรูซาเล็มพวกฟารือสีถึงไม่ยอมรับคำสอนของพระเยซู ซึ่งมันก็แตกต่างจากคำสอนของพวกเขาไม่ใช่เหรอ
Dis volentibus

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 10:53 pm

angel2009 เขียน: ถ้าพระเยซูเจ้าสอนในที่แจ้ง แล้วเวลาที่พระองค์สอนสานุศิษย์ของพระองค์ทำไมบางครั้งถึงสอนในที่ลับหล่ะครับ
จริงๆเรื่องนี้ เท่าที่สังเกตุมา พระเยซูเองทรงออกเทศนาสั่งสอนเเละเรียกอัครสาวก
- บนภูเขา
- ริมทะเล
- ศาลาธรรม
เป็นต้น ซึ่งสถานที่พวกนี้น่าจะจัดอยู่ในที่ๆเปิดเผยพอสมควรนะคะ มีคนเดินไปมาบ้าง เเต่ก็สงบไม่วุ่นวายเหมือนในเมือง
เเต่ที่พระเยซูสั่งสอนในที่ลับ ในความคิดข้าพเจ้าเปรียบเหมือนการ "ประชุมรวม" มากกว่า "การประกาศ"
ดังนั้น ถ้าเราจะประกาศอะไรซักอย่าง ต้องไปในที่เปิดเผยค่ะ เชื่อว่าตอนที่พระเยซูประกาศในที่นั้นมีทั้งคนเชื่อ เเละคนไม่เชื่อปะปนกัน
เราไม่ใช่พระเยซูเเต่เป็นมนุษย์ธรรมดา จึงไม่สามารถตัดสินได้ ว่าคนที่มาฟังนั้น "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ"
angel2009 เขียน: ทำไมสมัยเยรูซาเล็มพวกฟารือสีถึงไม่ยอมรับคำสอนของพระเยซู ซึ่งมันก็แตกต่างจากคำสอนของพวกเขาไม่ใช่เหรอ
จริงๆเเล้วฟาริสีไม่ยอมรับตั้งเเต่พระเยซูไม่ได้เป็นเหมือนกษัตริย์เดวิดเเล้วค่าๆๆๆๆ เเละชาวฟาริสีเองชอบยึดกฎระเบียบ ธรรมประเพณีมากเกินไป ไม่ยอมรับในสิ่งใหม่ๆที่พระเยซูคอยบอกสอน เเต่ในธรรมประเพณีที่พวกฟาริสีถือ มันก็ไม่ได้มอบความรักที่เเท้จริงแก่ใครเลยค่ะ
เป็นกฏที่เหมือนกับเป็นกฏเฉยๆ เช่น สับบาโต ไม่ทำงาน ก็เลยไม่รักษาคนซะเลย... กฏพวกนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้เเลดูเคร่งเฉยๆค่ะเลยเก็บกด(กฏ) มากไป
จนขนาดพระเยซูพระผู้กอบกู้...มาอธิบายให้ฟัง เหตุผลก็กระจ่างดี พวกฟาริสียังไม่เข้าใจกันเลยค่า

ป.ล. นีดส์นึงคร่ะ บังเอิญเรื่องนี้ข้องใจเล็กน้อย อาทิตย์ที่ผ่านๆมาเพิ่งเรียนเกี่ยวกับเรื่องการประกาศพระวรสาร เเห่ะๆ ::010::
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 11:03 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

อาทิตย์ ม.ค. 27, 2008 11:02 pm

ถูกต้องแล้วครับนั่นคือประเด็น
คำสอนที่พระเยซูเจ้าสอนบางครั้งก็ไม่ได้ร้บการยอมรับ
แต่อย่าลืมน๊ะครับ มีช่วงเวลาที่เรียกว่า ความลับในชีวิตของพระเยซูที่ในไบเบิ้ลไม่เคยกล่าวถึง ซึ่งจะเห็นได้ว่าจะหายไปในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ประมาณอายุ 12 จนถึง 30 ปีครับ ลองสังเกตุดู
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ ม.ค. 28, 2008 12:09 am

angel2009 เขียน: ใช้ภาษาไทยก็ดีครับ เพราะตอนแรกเห็นตอบมาเป็นภาษาอังกฤษ
1. ที่ผมให้ถามพระสงฆ์เก่าๆ นั้นก็เพื่อที่คุณจะได้ทราบว่าเมื่อก่อนนั้นโบสถ์คาทอลิกเป็นอย่างไร รับศีลกันอย่างไร **คุณถามพ่อหรือเปล่าที่คุณถามหรือเปล่าว่าเมื่อสมัยก่อนโบสถ์เป็นอย่างไร**
2.การพิจารณาว่าเสียงไหนเป็นของพระหรือของปีศาจคุณใช้อะไรพิจารณาครับและใครเป็นคนตัดสินว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของปีศาจหรือของพระครับ
3.เพียงแค่ไม่เหมือนกันก็เป็นการoffenceงั้นเหรอครับ
4.งั้นก็แสดงว่าที่ผมพูดก็ถูกซิครับว่าเมื่อก่อนรับศีลด้วยปาก ไม่ลองถามพ่อ 62 หรือครับว่าสารแม่พระที่ฟาติมาพูดเรื่องการรับศีลด้วยมืออย่างไร
5.มันมีหลายทางที่ไปสวรรค์ได้ครับ พระเจ้าไม่ได้กำหนดให้เราต้องเดินเพียงทางเดียว ไม่งั้นจะมีนักบุญ มีมรณะสักขี มีบุญราศีหรือครับ
7.มันอยู่ที่ความมั่นคงของความศรัทธาและความเชื่อครับ
8.คุณสวดเพราะรักแม่ คุณรักแม่เพราะคุณเชื่อว่าแม่มีจริงใช่ไหมครับ
ตอบกันเถอะครับ เราแค่แลกเปลี่ยความคิดเห็นกัน และถ้าสังเกตุให้ดี จะค่อยๆ เข้าใจกันทีละข้อทีละข้อ
1. อ๋อ  ที่วัดยังเป็นแบบเก่าอยู่ค่ะ  มีที่คุกเข่ารับศีลอยู่  ชั้นล่างนะ  แต่ชั้นบนใหม่
2. discernment of the spirit เป็นอะไรที่ศึกษามากนะคะ  แต่หลักๆก็คงตามนี้  ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่านี้นะคะ  คนที่เค้าเรียนเป็น  ต้องทั้งรู้และทั้งภาวนา  ฝึกที่จะฟังเสียงพระ  ถ้าเราไม่รู้เรื่อง  ไม่ภาวนา  การพิจารณาที่ปลอดภัยสุดคือ  คำสอนพระศาสนจักร  ถ้าไม่เข้าใจ  ก็ถามพระสงฆ์  (แต่ถามแล้วต้องฟังนะคะ  ไม่ใช่ไม่ฟัง  เพราะถ้าท่านสอนผิด  แต่เรานบนอบท่าน  บาปจะอยู่ที่ท่าน  ไม่ใช่เรา)

(Gal 5:13-23) --> ภาษาไทยคงเป็น  กาลาเทียมั้ง
For you were called for freedom, brothers. But do not use this freedom as an opportunity for the flesh; rather, serve one another through love. For the whole law is fulfilled in one statement, namely, "You shall love your neighbor as yourself." But if you go on biting and devouring one another, beware that you are not consumed by one another. I say, then: live by the Spirit and you will certainly not gratify the desire of the flesh. For the flesh has desires against the Spirit, and the Spirit against the flesh; these are opposed to each other, so that you may not do what you want. But if you are guided by the Spirit, you are not under the law. Now the works of the flesh are obvious: immorality, impurity, licentiousness, idolatry, sorcery, hatreds, rivalry, jealousy, outbursts of fury, acts of selfishness, dissensions, factions, occasions of envy, drinking bouts, orgies, and the like. I warn you, as I warned you before, that those who do such things will not inherit the kingdom of God. In contrast, the fruit of the Spirit is love, joy, peace, patience, kindness, generosity, faithfulness, gentleness, self-control. Against such there is no law.

และถ้าทางเยซูอิตก็จะมีเรื่อง consolation กับ desolation มาประกอบ  เพราะเป็นประสบการณ์ฝ่ายจิตของ St. Ignatius ซึ่งเป็นอะไรที่อธิบายยาก  ต้องเป็นคนที่ภาวนาถึงจะเข้าใจ

อันนี้เป็นอีก guideline นึงนะคะ  http://www.spirithome.com/discrnmt.html

When the Spirit is on the move, it's characterized by:

-Christ-centered spirituality in every aspect of life;
-Rejection of all prejudice, class/ethnic/educational barriers, exclusiveness, and denominational warfare. When it follows the Spirit, the Body of Believers knowingly chooses to counter-model prejudices by living without regard to them.
-bringing attention and worship to Jesus Christ, and awareness of God's/Jesus'/Spirit's work.
-an unusual level of passion, energy, or impact.

These are the main things to look for in discerning about something:

-it is governed by love, for if it is not, it's worthless ( 1 Corinthians 13:1-3);
-it centers us onto Jesus the Christ and Lord ( 1 Cor 12:3), and His good news;
-it directs us to Scripture, not away from it ( Isaiah 8:19, 20);
-it builds up the church and its members ( Ephesians 4:11-12), giving it power, wisdom, character, boldness, and unity.
-it helps create in us a love of righteousness, a heightened sense of sin, and a turning away from known evil.

3.  อันนี้เอามาจาก Act of Contrition นะคะ  พระเป็นเจ้าเหมือนพ่อแม่เรานะคะ  ไม่แน่ใจคุณมีลูกมั้ย  และรู้สึกยังไงเวลาลูกไม่ฟังคุณ  พระเป็นเจ้ารู้สึกแบบเดียวกัน  เคยโดนลูกเถียงแบบพูดไม่ออกมั้ยคะ  จะตีมัน  มันก็ยังเด็กแค่หลงผิดไป  จะเตือน มันก็ไม่ฟัง  อันนี้ล่ะค่ะ เรา offend พระ เพราะมันทำให้หัวใจพระเจ็บปวด

O my God,
I am heartily sorry for
having offended Thee,
and I detest all my sins,
because I dread the loss of heaven,
and the pains of hell;
but most of all because
they offend Thee
, my God,
Who are all good and
deserving of all my love.
I firmly resolve,
with the help of Thy grace,
to confess my sins,
to do penance,
and to amend my life.
Amen.

4. หาให้แค่นี้ก็ไม่ได้  เรื่องมากจริง  หาเองก็ได้  (ชอบให้เหนื่อยอยู่เรื่อยเลย)
http://www.fatimacrusader.com/cr37/cr37pg20.asp

"Out of reverence towards this Sacrament, nothing touches It but what is consecrated." ... Saint Thomas Aquinas

เค้าอ้างคำพูดปิตาจารย์ St. Thomas Aquinas นะคะ  และที่น่าสังเกตุคือ  ไม่ใช่พระสงฆ์นะ  คือ ถ้าจะอ้างว่า  ทุกอย่างที่จับ host ต้อง consecrated แล้วเนี่ย  ตัวเราเองทั้งครบก็ consecrated นะคะ  ในมิสซา movement มิสซาคือ  เราทุกคนร่วมในมิสซาและถวายบูชาแด่พระบิดาไปด้วยกัน  ระหว่างปากกับมือเนี่ย  ก็อวัยวะเหมือนกัน  เป็นเราเหมือนกัน  consecrated เหมือนกัน  ไม่น่าต่างนะคะ

5. นักบุญ  มรณสักขี  เค้าเดินตามพระเยซูเจ้าค่ะ  เค้าไปตามทางของพระเยซูเจ้า  ไม่ใช่เดินไปเอง  ทางใคร ทางมัน
angel2009 เขียน: ถูกต้องแล้วครับนั่นคือประเด็น
คำสอนที่พระเยซูเจ้าสอนบางครั้งก็ไม่ได้ร้บการยอมรับ
"แกะของเรา  ฟังเสียงของเรา"
angel2009 เขียน: แต่อย่าลืมน๊ะครับ มีช่วงเวลาที่เรียกว่า ความลับในชีวิตของพระเยซูที่ในไบเบิ้ลไม่เคยกล่าวถึง ซึ่งจะเห็นได้ว่าจะหายไปในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ประมาณอายุ 12 จนถึง 30 ปีครับ ลองสังเกตุดู
อะไรที่ลับๆนี่  รู้สึกจะชอบนะคะ  ::001::  บางครั้งในความสัมพันธ์  เราต้องมีสิ่งที่มองไม่เห็น  เพื่อที่เราจะได้พัฒนาความเชื่อ  และความไว้ใจ  รู้ทุกอย่างแล้วเดินตามไปจะเรียกไว้ใจได้ไงคะ    ต้องรู้บ้างไม่รู้บ้างแล้วเดินตามสิ  ถึงเรียกว่า  ไว้ใจ  เรียกว่า  รักกันจริง
angel2009 เขียน: ถ้าพระเยซูเจ้าสอนในที่แจ้ง แล้วเวลาที่พระองค์สอนสานุศิษย์ของพระองค์ทำไมบางครั้งถึงสอนในที่ลับหล่ะครับ
ที่ลับอย่างในพระคัมภีร์  เช่นห้องชั้นบนที่ตั้งศีลมหาสนิท  นั่นก็เพราะเขาเหล่านั้นมีพันธกิจในการเป็นสงฆ์  ... 

การมีความสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้าแบบส่วนตัวนั้น  จะมีการเผยแสดงของพระองค์  พระองค์จะบอกว่า  เราคือใคร  และพระองค์คือใคร  เหมือนเปโตรน่ะค่ะ  ตอนแรกเปโตรเห็นเป็นประกาศก  ต่อมารู้ว่า  คนนี้คือ  อาจารย์เค้า ต่อมารู้ว่า  เป็น Son of God ต่อมารู้ว่า  คือพระผู้ช่วยให้รอด  ส่วนเปโตร  พระก็บอกว่า  ที่จริงเจ้าไม่ใช่ซีโมนนะ เจ้าคือเปโตร  คือศิลา  มันจะเป็นการรู้จักพระองค์มากขึ้นในพระคัมภีร์  ไม่ใช่นอกพระคัมภีร์ (หมายถึงไม่ขัดกับพระคัมภีร์)...  และการจะรู้จักพระองค์ได้นั้น  ขึ้นกับความสัมพันธ์ของเรากับพระ ถ้าเราใกล้ชิดมาก  เราก็จะรู้จักมาก ที่แม่พระช่วยเราได้มาก  เพราะแม่ใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้ามาก  เพราะแม่พระคือ  มารดาพระเป็นเจ้า

ลองไปเรียนคำสอนใหม่มั้ยคะ  หรือว่า  ลองไปเข้าเงียบที่สวนเจ็ดรินมั้ย  ::001::

จะมาตอบเมื่อพร้อมนะคะ  คือถ้าใจข้างในไม่สงบก็ไม่อยากตอบ  เพราะต้องรักษาความสงบภายในด้วย เพราะถ้าเริ่ม agitating แล้วเนี่ย  ต้องรีบดึงกลับ ... ขอให้เข้าใจนะคะ  ::001::
angel2009
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:26 pm

จันทร์ ม.ค. 28, 2008 1:01 am

2. ผมถึงได้พยายามบอกคุณไงว่าเมื่อสมัยก่อนโบสถ์คาทอลิกเป็นอย่างไร
3. ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าคุณไม่มีทางรู้สึกหรือรู้ความคิดของพระเป็นเจ้า คุณแค่มนุษย์คนหนึ่งเหมือนผม ไม่มีทางทีคุณจะรู้สึกถึงความรู้สึก ความคิดของพระองค์ เหมือนกับที่คุณเคยพูดว่าคุณไม่พอใจทีผมรักจูเดียล เหมือนที่พระเป็นเจ้ารัก คุณไม่สามารถยั่งถึงความรักของพระองค์ได้ครับ คุณสามารถเข้าใจได้ว่าพระองค์รักคุณ แต่คุณไม่สามารถทราบได้ว่าพระองค์รักคุณอย่างไร ไม่มีใครทราบได้ครับ อย่าเอาความคิดของมนุษย์มาเปรียบเทียบกับพระองค์ครับ
4. อย่าโมโหครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ดูว่าก่อน ในมิสซาเมื่อถึงภาคถวายทำไมพระสงฆ์ยังต้องล้างมือก่อนที่จะจับศีลหล่ะครับ คิดดูให้ดีน๊ะครับ
5. เขามีทางเดินที่แตกต่างกันครับ มีวิธีการสอนที่แตกต่างกันครับ มีวิธีการภาวนาที่แตกต่างกันครับ มีวิธีที่จะสละชีวิตที่แตกต่างกันครับ ถูกต้องครับว่าทุกคนรักในพระเจ้า แต่การเดินทางของแต่ละคนก็แต่ละเส้นทางครับ ศึกษาดูลึกๆ

ใช่ครับอะไรในที่ลับหรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นจะได้พัฒนาความเชื่อ เหมือนกับสิ่งที่เราไม่เคยเรียนรุ้หรือไม่ทราบมาก่อนไงครับ เมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆแล้วเราจะได้พัฒนาความเชื่อให้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณเชื่อแต่ในสิ่งที่คุณเรียนมา ที่คุณเข้าใจ ถ้าผิดไปจากนี้คุณก็ว่าผิด แล้วคุณจะพัฒนาความรู้คุณได้ยังไงหล่ะครับ โรงเรียนก้มีครูคอยสอนเราแต่ก็ยังต้องมีห้องสมุดให้เราค้นคว้าหาความรู้กันเองเลย นั่นคือความจริงครับ ทำใจให้สบายครับอย่าสับสน แค่แลกเปลี่ยนความคิดกันเท่านั้นเอง
ล็อคหัวข้อ