@@ ลูกแกะ อิ่มบุญ แสวงบุญ @@
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 16, 2005 1:19 pm
มาแล้ว มาแล้ว
ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในการแสวงบุญมากจริงๆคะ
น้องๆที่ไป LL เชื่อว่าได้รับพระพรทุกคน
และทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตภายในมากบ้างน้อยบ้าง
แต่ทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
คณะที่ไปมีทั้งหมด 50 ชีวิต
แต่กลุ่มลูกแกะน้อย ประกอบไปด้วย
Holy / LL1 / good nanny / Nihil
บองบอง ( ญาติผู้น้องของ LL) / พี่เบริ์ด ( ญาติผู้พี่ของLL )
เจ๊ทา Princess of wand / น้องแป้ง (น้องสาวเจ๊ทา)
คุณโรส ลูกทูนหัวมาม๊า (ผู้ซ่อมแม่พระ)
(มาม๊า / เพื่อนมาม๊า ที่ไปแต่ไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่ม)
+++++++++++++++++++++++++++
คืนวันออกเดินทาง
จริงๆแล้วไม่มีอะไรมากมายเลย
เป็นช่วงเวลาแห่งการทำความรู้จัก และ เรียนรู้กันและกันมากกว่า
พวกเราโชคดีที่หัวหน้าทัวร์จัดให้เรานั่งชั้นล่าง
ซึ่งมีเก้าอี้พอกันจำนวนคนเลย
จริงๆแล้วเพราะพวกผู้ใหญ่และป้าๆทั้งหลาย
มักไม่พอใจถ้าถูกจัดให้นั่งชั้นล่าง
เพราะเป็นที่แน่นอนว่า จะต้องถูกตัดขาดจากกิจกรรมทั้งหลาย
ที่ชั้นบนเขาทำกัน ไม่ว่าจะเล่นเกม ร้องเพลง สวด ฯลฯ
หัวหน้าทัวร์เลยบอกLLว่า..ให้พวกเรานั่งข้างล่างได้มั๊ย
ซึ่งLL ก็ไม่ซีเรียส พี่Holyก็ยินดี
เพราะเป็นส่วนตัวดี และ พอดีจำนวนคน
คืนนั้น พวกเราก็กินแหลก และ คุยแหลก
ยิ่งดึกยิ่งเป็นเรื่องเสริมศรัทธา
กว่าจะได้นอนกันจริงๆก็ปาเข้าไป ตี3
เจ๊ทาและน้อง ตี 4 ละมั๊ง
++++++++++++++++++++++++++++++
วันศุกร์ที่ 13 เมื่อเราไปถึง ซ่งแย้ ตอนประมาณ 7 โมงเช้า
เด็กๆชั้นล่างก็แจ้นไปห้องน้ำก่อนเพื่อน
เพราะขึ้นลงรถง่ายสุดๆ (จริงๆแล้วทุกครั้งเด็กๆถึงก่อนตลอด อิอิ)
ล้างหน้า แปรงฟัน (สาวๆก็โบะ Sun block กัน UV อย่างแรง)
รีบๆทานอาหารเช้าที่ทางวัดเตรียมไว้
เพื่อที่จะรีบไปแห่แม่พระตอน ประมาณ 8 โมงเช้าได้ทัน
เรามั่วแต่ล้างหน้าแปรงฟัน เลยไม่ได้เห็นว่า
พวกชาวบ้านเขามีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อตอนที่
เห็นแม่พระครั้งแรก แต่เมื่อเราไปถึงศาลาที่ตั้งแม่พระเตรียมแห่เข้าวัด
ชาวบ้าน 60-70 คน ก็นั่งกับพื้นปูนอยู่ในโรงยิม
นั่งมองแม่พระด้วยดวงตาซื่อๆอ่ะนะ
ป้าๆยายๆ ลูกเล็กเด็กแดง
ทุกคนถือดอกไม้ ดอกเข็มใหญ่ สารพัดสีที่เด็ดมาจากบ้าน หรือ ข้างทาง
นั่งมองแม่พระกันนิ่งๆ เป็นความซื่อๆของชาวบ้านจริงๆคะ
ในขณะที่พวกเรา ถือดอกกุหลาบสีแดงเข้ม สวยสด ที่เตรียมมาจากกรุงเทพฯ
แต่LL กลับเห็นว่า ดอกไม้ถูกๆที่ชาวบ้านถือกันมาเอง
กลับดูน่ารักกว่าดอกกุหลาบในมือ LL ( แอบอิจฉา และ แอบชื่นชม )
เราสวด เราเดินแห่แม่เข้าวัด
ท่ามกลางแดดยามเช้า ที่เริ่มจะร้อนนิดๆ พิธีมิสซานานถึง 2 ชั่วโมงกว่า
เพราะเราให้ชาวคณะ แบ่งปันพระพรที่ได้รับจากพระเจ้าผ่านทางแม่พระ
ให้ชาวซ่งแย้ได้รับฟัง รวมถึงพระพรที่ชาวซ่งแย้ได้รับ
หลังจากที่แม่พระไปกรุงเทพฯ แล้วนำมาให้ชาวซ่งแย้
ซ่งแย้กลายเป็นที่รู้จัก มีหลายคนตั้งใจมาเยือนซ่งแย้
และช่วยเหลือวัดซ่งแย้ที่กำลังอยู่ในระหว่างบูรณะวัด
ชาวบ้านทุกคนดีใจ เข้ามาจับไม้จับมือยิ้ม
พูดขอบอกขอบใจชาวคณะเป็นภาษาอีสานน่ารักมากๆคะ
จากนั้นเราก็ไป สองคอนกัน มีลูกแกะหลายคนไม่รู้จักสองคอน ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
LL เลยเล่าประวัติ พร้อมพาทัวร์ บริเวณรอบๆ ชมป่าศักดิ์สิทธิ์ และ บ้านซิสเตอร์บุญราศี
กลุ่มเราตะลุยสวดถึงป่าศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่พวกผู้ใหญ่
ไม่มีใครไปเลย โดนลูกแกะทุกคนเต็มใจไป
จากนั้นเราก็ไปอาสนวิหารดวงหทัยคู่ ที่พระคุณเจ้าคายน์อยู่
และวันนี้เองที่ลูกแกะทุกตัวขอแก้บาป
(น่าภูมิใจจริงๆ ลูกแกะทุกตัวขอคืนดีกับพระเจ้า)
คืนนั้นเราไปพักที่โรงแรมMJ
แต่พวกความที่ลูกแกะหลายตัวปอดแหก
จึงได้ไปหาคุณพ่อ พร้อมกับนำรูปพระที่ได้มา
(หัวหน้าทัวร์ไปฟาติมา แล้วซื้อรูปพระมาแจกบนรถ)
เอารูปพระไปให้พ่ออวยพร พ่อเลยนำอธิษฐาน ภาวนา
และอวยพรพระจิต พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ศรัทธา
จนเที่ยงคืน ถึงแยกย้ายกันกลับห้อง
++++++++++++++++++++++++++++++
วันเสาร์ที่ 14 ที่วัดแม่พระกวาดาลูเป้
วัดยังสร้างไม่เสร็จดี ผนังยังไม่มี หลังคายังไม่ได้ตีฝ้าเพดาน
เก้าอี้นั่งมีที่คุกเข่าแต่ 2 แถวแรก นอกนั้นมีแต่เก้าอี้
(ยังขาดเงินทุนอยู่มากคะ)
แต่ที่เด่น และเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดของวัด
ก็คือรูปแม่พระกวาดาลูเป้ ที่ถ่ายมาจากผ้าของนักบุญ ยวง ดิเอโก้
ด้วยขนาดเท่าผืนจริงที่เม็กซิโก อยุ่ข้างพระแท่นอย่างสง่าเลยคะ
เมื่อมิสซาจบ ทาข้าวกลางวันได้สักพักฝนก็ตกกระหน่ำเลย ชุ่มฉ่ำจริงๆ
ชาวบ้านดีใจกันมากเพราะแล้งมานาน
จากนั้นเราก็ไปทานข้าวกันที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ที่กาฬสินธ์
ขณะที่ผู้ใหญ่กินข้าว ร้องคาราโอเกะ กันอย่างสนุกสนาน
กลุ่มลูกแกะ กลับไปที่วัดน้อยของโรงเรียน
ที่ที่ซิสเตอร์คณะรักกางเขนใช้สวดภาวนากัน
ทุกคนไปโดยสมัครใจ ค่อยๆเดินกันมาเอง เหมือนพระนำจริงๆ
เพราะบางคนที่ไม่ได้มาด้วยกัน แต่ก็เดินตามมาทีหลัง
เหมือนใจตรงกัน มาถึงก็ต่างคนต่างสวด อ่านพระคัมภีร์ อ่านหนังสือศรัทธา
แม้แต่LL เอง..ก็ไม่คิดว่ากลุ่มเราจะทำแบบนี้
คือไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะมาสวดในวัดน้อย ท่ามกลางสายฝน มันเงียบสงบจริงๆ
เราอยู่กันเป็นชั่วโมง จนคุณพ่อวิจิตรเดินมา
คุณพ่อเห็นพวกเราก็ยิ้มแป้นเลย พ่อพูดว่า
พ่อภูมิใจที่พวกเราศรัทธาอย่างนี้ สมัยนี้หายากเหลือเกิน
เราอยู่ด้วยกันอีกพักใหญ่จึงเดินกลับไปที่ห้องอาหาร
คืนนั้นเราดูVCD แม่พระเหรียญอัศจรรย์กัน
ก่อนจะสวดสายประคำถึง ตี 1 ครึ่ง
จึงแยกย้ายกันไปนอน
+++++++++++++++++++++++++++++++
วันอาทิตย์ที่ 15 สมโภชพระจิตเจ้า
ระหว่างนั่งรถเดินทางต่อไป
พวกเราก็แบ่งปัน เรื่องเสริมศรัทธากันตลอด
คุยแต่เรื่องพระทั้งวัน
พวกเราทำพิธีมิสซาที่วัดแม่พระฟาติมาที่เมืองพล
เนื่องจากมีแต่พวกเรา และเป็นโอกาสพิเศษ
คุณพ่อจึงให้รับทั้งพระกายและพระโลหิต
ลูกแกะหลายตัวซึ้งจนร้องไห้ เป็นความตื้นตันใจ
ต่อจากนั้น คุณพ่อก็ให้รับพรพระจิต ซึ่งหลายคนสัมผัสได้ถึงการทรงประทับ
ลูกแกะหลายตัว ร้องไห้อีกด้วยความซาบซึ้ง
สุดท้ายคุณพ่อก็อวยพรศีลมหาสนิท
โดยนำรัศมีศีลมาอวยพรพวกเราทีละคน
และก็เป็นอีกครั้งที่ลูกแกะสัมผัส และ ร้องไห้ด้วยความซาลซึ้ง
(มีมากกว่านี้แต่ให้เจ้าตัวมาเล่าดีกว่า LL แค่เกริ่นๆนะคะ)
จากนั้นเราก็เดินทางกลับ ถึงกรุงเทพฯประมาณ 3 ทุ่ม
โดยสวัสดิภาพ~~~~~~~~~
การเปลี่ยนแปลง และ ความชิดสนิทกับพระที่มากขึ้นของพวกเรา
ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งรถถึงกับออกปากชื่นชม
หลายคนบอกว่าอยากให้ลูกหลานเป็นแบบพวกเรา
LL ไม่ได้พูดยกหางตัวเอง หรือ น้องๆ
แต่เพราะชีวิตภายในของน้องๆที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห้นได้ชัด
จากการมาแสวงบุญครั้งนี้ ทำให้ผู้ใหญ่หลายท่านรู้สึก
ซึ่งLL ก็รู้สึกว่าน้องๆสัมผัสพระได้ลึกซึ่งขึ้นทุกคน
แสวงบุญครั้งนี้ เพิ่มพูนความเชื่อให้ลูกแกะอย่างมากมายจริงๆ
ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในการแสวงบุญมากจริงๆคะ
น้องๆที่ไป LL เชื่อว่าได้รับพระพรทุกคน
และทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตภายในมากบ้างน้อยบ้าง
แต่ทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
คณะที่ไปมีทั้งหมด 50 ชีวิต
แต่กลุ่มลูกแกะน้อย ประกอบไปด้วย
Holy / LL1 / good nanny / Nihil
บองบอง ( ญาติผู้น้องของ LL) / พี่เบริ์ด ( ญาติผู้พี่ของLL )
เจ๊ทา Princess of wand / น้องแป้ง (น้องสาวเจ๊ทา)
คุณโรส ลูกทูนหัวมาม๊า (ผู้ซ่อมแม่พระ)
(มาม๊า / เพื่อนมาม๊า ที่ไปแต่ไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่ม)
+++++++++++++++++++++++++++
คืนวันออกเดินทาง
จริงๆแล้วไม่มีอะไรมากมายเลย
เป็นช่วงเวลาแห่งการทำความรู้จัก และ เรียนรู้กันและกันมากกว่า
พวกเราโชคดีที่หัวหน้าทัวร์จัดให้เรานั่งชั้นล่าง
ซึ่งมีเก้าอี้พอกันจำนวนคนเลย
จริงๆแล้วเพราะพวกผู้ใหญ่และป้าๆทั้งหลาย
มักไม่พอใจถ้าถูกจัดให้นั่งชั้นล่าง
เพราะเป็นที่แน่นอนว่า จะต้องถูกตัดขาดจากกิจกรรมทั้งหลาย
ที่ชั้นบนเขาทำกัน ไม่ว่าจะเล่นเกม ร้องเพลง สวด ฯลฯ
หัวหน้าทัวร์เลยบอกLLว่า..ให้พวกเรานั่งข้างล่างได้มั๊ย
ซึ่งLL ก็ไม่ซีเรียส พี่Holyก็ยินดี
เพราะเป็นส่วนตัวดี และ พอดีจำนวนคน
คืนนั้น พวกเราก็กินแหลก และ คุยแหลก
ยิ่งดึกยิ่งเป็นเรื่องเสริมศรัทธา
กว่าจะได้นอนกันจริงๆก็ปาเข้าไป ตี3
เจ๊ทาและน้อง ตี 4 ละมั๊ง
++++++++++++++++++++++++++++++
วันศุกร์ที่ 13 เมื่อเราไปถึง ซ่งแย้ ตอนประมาณ 7 โมงเช้า
เด็กๆชั้นล่างก็แจ้นไปห้องน้ำก่อนเพื่อน
เพราะขึ้นลงรถง่ายสุดๆ (จริงๆแล้วทุกครั้งเด็กๆถึงก่อนตลอด อิอิ)
ล้างหน้า แปรงฟัน (สาวๆก็โบะ Sun block กัน UV อย่างแรง)
รีบๆทานอาหารเช้าที่ทางวัดเตรียมไว้
เพื่อที่จะรีบไปแห่แม่พระตอน ประมาณ 8 โมงเช้าได้ทัน
เรามั่วแต่ล้างหน้าแปรงฟัน เลยไม่ได้เห็นว่า
พวกชาวบ้านเขามีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อตอนที่
เห็นแม่พระครั้งแรก แต่เมื่อเราไปถึงศาลาที่ตั้งแม่พระเตรียมแห่เข้าวัด
ชาวบ้าน 60-70 คน ก็นั่งกับพื้นปูนอยู่ในโรงยิม
นั่งมองแม่พระด้วยดวงตาซื่อๆอ่ะนะ
ป้าๆยายๆ ลูกเล็กเด็กแดง
ทุกคนถือดอกไม้ ดอกเข็มใหญ่ สารพัดสีที่เด็ดมาจากบ้าน หรือ ข้างทาง
นั่งมองแม่พระกันนิ่งๆ เป็นความซื่อๆของชาวบ้านจริงๆคะ
ในขณะที่พวกเรา ถือดอกกุหลาบสีแดงเข้ม สวยสด ที่เตรียมมาจากกรุงเทพฯ
แต่LL กลับเห็นว่า ดอกไม้ถูกๆที่ชาวบ้านถือกันมาเอง
กลับดูน่ารักกว่าดอกกุหลาบในมือ LL ( แอบอิจฉา และ แอบชื่นชม )
เราสวด เราเดินแห่แม่เข้าวัด
ท่ามกลางแดดยามเช้า ที่เริ่มจะร้อนนิดๆ พิธีมิสซานานถึง 2 ชั่วโมงกว่า
เพราะเราให้ชาวคณะ แบ่งปันพระพรที่ได้รับจากพระเจ้าผ่านทางแม่พระ
ให้ชาวซ่งแย้ได้รับฟัง รวมถึงพระพรที่ชาวซ่งแย้ได้รับ
หลังจากที่แม่พระไปกรุงเทพฯ แล้วนำมาให้ชาวซ่งแย้
ซ่งแย้กลายเป็นที่รู้จัก มีหลายคนตั้งใจมาเยือนซ่งแย้
และช่วยเหลือวัดซ่งแย้ที่กำลังอยู่ในระหว่างบูรณะวัด
ชาวบ้านทุกคนดีใจ เข้ามาจับไม้จับมือยิ้ม
พูดขอบอกขอบใจชาวคณะเป็นภาษาอีสานน่ารักมากๆคะ
จากนั้นเราก็ไป สองคอนกัน มีลูกแกะหลายคนไม่รู้จักสองคอน ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
LL เลยเล่าประวัติ พร้อมพาทัวร์ บริเวณรอบๆ ชมป่าศักดิ์สิทธิ์ และ บ้านซิสเตอร์บุญราศี
กลุ่มเราตะลุยสวดถึงป่าศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่พวกผู้ใหญ่
ไม่มีใครไปเลย โดนลูกแกะทุกคนเต็มใจไป
จากนั้นเราก็ไปอาสนวิหารดวงหทัยคู่ ที่พระคุณเจ้าคายน์อยู่
และวันนี้เองที่ลูกแกะทุกตัวขอแก้บาป
(น่าภูมิใจจริงๆ ลูกแกะทุกตัวขอคืนดีกับพระเจ้า)
คืนนั้นเราไปพักที่โรงแรมMJ
แต่พวกความที่ลูกแกะหลายตัวปอดแหก
จึงได้ไปหาคุณพ่อ พร้อมกับนำรูปพระที่ได้มา
(หัวหน้าทัวร์ไปฟาติมา แล้วซื้อรูปพระมาแจกบนรถ)
เอารูปพระไปให้พ่ออวยพร พ่อเลยนำอธิษฐาน ภาวนา
และอวยพรพระจิต พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ศรัทธา
จนเที่ยงคืน ถึงแยกย้ายกันกลับห้อง
++++++++++++++++++++++++++++++
วันเสาร์ที่ 14 ที่วัดแม่พระกวาดาลูเป้
วัดยังสร้างไม่เสร็จดี ผนังยังไม่มี หลังคายังไม่ได้ตีฝ้าเพดาน
เก้าอี้นั่งมีที่คุกเข่าแต่ 2 แถวแรก นอกนั้นมีแต่เก้าอี้
(ยังขาดเงินทุนอยู่มากคะ)
แต่ที่เด่น และเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดของวัด
ก็คือรูปแม่พระกวาดาลูเป้ ที่ถ่ายมาจากผ้าของนักบุญ ยวง ดิเอโก้
ด้วยขนาดเท่าผืนจริงที่เม็กซิโก อยุ่ข้างพระแท่นอย่างสง่าเลยคะ
เมื่อมิสซาจบ ทาข้าวกลางวันได้สักพักฝนก็ตกกระหน่ำเลย ชุ่มฉ่ำจริงๆ
ชาวบ้านดีใจกันมากเพราะแล้งมานาน
จากนั้นเราก็ไปทานข้าวกันที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ที่กาฬสินธ์
ขณะที่ผู้ใหญ่กินข้าว ร้องคาราโอเกะ กันอย่างสนุกสนาน
กลุ่มลูกแกะ กลับไปที่วัดน้อยของโรงเรียน
ที่ที่ซิสเตอร์คณะรักกางเขนใช้สวดภาวนากัน
ทุกคนไปโดยสมัครใจ ค่อยๆเดินกันมาเอง เหมือนพระนำจริงๆ
เพราะบางคนที่ไม่ได้มาด้วยกัน แต่ก็เดินตามมาทีหลัง
เหมือนใจตรงกัน มาถึงก็ต่างคนต่างสวด อ่านพระคัมภีร์ อ่านหนังสือศรัทธา
แม้แต่LL เอง..ก็ไม่คิดว่ากลุ่มเราจะทำแบบนี้
คือไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะมาสวดในวัดน้อย ท่ามกลางสายฝน มันเงียบสงบจริงๆ
เราอยู่กันเป็นชั่วโมง จนคุณพ่อวิจิตรเดินมา
คุณพ่อเห็นพวกเราก็ยิ้มแป้นเลย พ่อพูดว่า
พ่อภูมิใจที่พวกเราศรัทธาอย่างนี้ สมัยนี้หายากเหลือเกิน
เราอยู่ด้วยกันอีกพักใหญ่จึงเดินกลับไปที่ห้องอาหาร
คืนนั้นเราดูVCD แม่พระเหรียญอัศจรรย์กัน
ก่อนจะสวดสายประคำถึง ตี 1 ครึ่ง
จึงแยกย้ายกันไปนอน
+++++++++++++++++++++++++++++++
วันอาทิตย์ที่ 15 สมโภชพระจิตเจ้า
ระหว่างนั่งรถเดินทางต่อไป
พวกเราก็แบ่งปัน เรื่องเสริมศรัทธากันตลอด
คุยแต่เรื่องพระทั้งวัน
พวกเราทำพิธีมิสซาที่วัดแม่พระฟาติมาที่เมืองพล
เนื่องจากมีแต่พวกเรา และเป็นโอกาสพิเศษ
คุณพ่อจึงให้รับทั้งพระกายและพระโลหิต
ลูกแกะหลายตัวซึ้งจนร้องไห้ เป็นความตื้นตันใจ
ต่อจากนั้น คุณพ่อก็ให้รับพรพระจิต ซึ่งหลายคนสัมผัสได้ถึงการทรงประทับ
ลูกแกะหลายตัว ร้องไห้อีกด้วยความซาบซึ้ง
สุดท้ายคุณพ่อก็อวยพรศีลมหาสนิท
โดยนำรัศมีศีลมาอวยพรพวกเราทีละคน
และก็เป็นอีกครั้งที่ลูกแกะสัมผัส และ ร้องไห้ด้วยความซาลซึ้ง
(มีมากกว่านี้แต่ให้เจ้าตัวมาเล่าดีกว่า LL แค่เกริ่นๆนะคะ)
จากนั้นเราก็เดินทางกลับ ถึงกรุงเทพฯประมาณ 3 ทุ่ม
โดยสวัสดิภาพ~~~~~~~~~
การเปลี่ยนแปลง และ ความชิดสนิทกับพระที่มากขึ้นของพวกเรา
ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งรถถึงกับออกปากชื่นชม
หลายคนบอกว่าอยากให้ลูกหลานเป็นแบบพวกเรา
LL ไม่ได้พูดยกหางตัวเอง หรือ น้องๆ
แต่เพราะชีวิตภายในของน้องๆที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห้นได้ชัด
จากการมาแสวงบุญครั้งนี้ ทำให้ผู้ใหญ่หลายท่านรู้สึก
ซึ่งLL ก็รู้สึกว่าน้องๆสัมผัสพระได้ลึกซึ่งขึ้นทุกคน
แสวงบุญครั้งนี้ เพิ่มพูนความเชื่อให้ลูกแกะอย่างมากมายจริงๆ