สมาธิจิตภาวนาแห่งพระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ (Contemplative Prayer)
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 20, 2022 3:08 am
สมาธิจิตภาวนาแห่งพระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ
1. ประวัติ
สมาธิจิตภาวนา มีความลึกซึ้งตามชื่อเรียก สมาธิ หมายถึงวิธีการรวมกาย รวมอารมณ์ รวมใจ จิต หมายถึง การใช้สมรรถนะของวิญญาณได้แก่ ปัญญาและน้ำใจ ให้บรรลุถึงเป้าหมายของการภาวนา ในที่นี้หมายถึง หัวใจ โดยเฉพาะซึ่งเป็นศูนย์รวมของความรัก ความปรารถนา และความตั้งใจ ภาวนา หมายถึง การพิศเพ่งและสนทนาอยู่กับพระ ในที่นี้หมายถึง การเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ รวมความหมายง่ายๆ ว่า สมาธิจิตภาวนา คือ การเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ ด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่จะรักและสนทนากับพระบิดา
สมาธิจิตภาวนานี้ มีประวัติมาจากหนทางของวิญญาณในหนังสือ “แม่รักลูก” ทั้ง 3 เล่ม ซึ่งแสดงถึงบทสอนต่างๆ ของแม่พระให้เตรียมจิตวิญญาณให้ถึงพร้อมเพื่อต้อนรับความรักของพระบิดา และเมื่อถึงวันเวลาพร้อมพอสมควรตามพระปรีชาญาณของพระบิดาแล้ว พระบิดาก็ประทานวิธีการภาวนาจากหัวใจอย่างแท้จริงให้ พร้อมกับทรงประทับอยู่เสมอในการฝึกตั้งแต่ต้น
พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ
แม่พระมาประจักษ์ที่หน้าถ้ํา วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2531 ในพระนามของ “พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแก่ผู้ที่น่าสงสาร” แม่พระได้มอบสารที่มีคุณค่าต่อจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 6 ปี ตั้ง
แต่วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2547 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน 2553 อันเป็นที่มาของ หนังสือแม่รักลูก เล่ม 1-3 นั่นเอง
2. เป็นพระเมตตาคุณ
สมาธิจิตภาวนาทางสายนี้ เป็นพระเมตตาคุณโดยแท้จริงจากพระทัยของพระบิดา เพราะไม่ใช่เป็นเพียงการสอนวิธีภาวนาเท่านั้น แต่มากกว่านั้น เพราะในวิธีทางสายนี้ ทุกครั้งที่ทําการฝึกพระบิดาทรงประทับอยู่ด้วยเสมอ แม้ภายนอกเราจะไม่เห็นความ
น่าเกรงขามใดๆ แต่ภายในใจ เรารับรู้ถึงการหลั่งเทพระพร การหนุนกําลังใจ และการบรรเทาใจอันยิ่งใหญ่ พระพรเหล่านี้ คําสอนคาทอลิกเรียกชื่อว่าพระหรรษทานปัจจุบัน (Actual Graces) ซึ่งพระบิดาย่อมประทานทุกเวลาแก่ผู้ฝึกที่เต็มใจ ซื่อๆ นอบน้อมในจิตใจว่านอนสอนง่าย ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งในการฝึกฝน
3. เหมาะกับสามัญชน
การภาวนา หรือการทําสมาธิจิตภาวนาทางสายนี้ เป็นวิธีภาวนาที่พระบิดาพอพระทัยเปิดทางเอื้อเฟื้อให้เราเข้าถึงพระองค์เท่าที่ทรงพอพระทัย เหมาะสําหรับสัตบุรุษสายกลาง หรือสามัญชนที่พร่ําเพียรภาวนาอยากให้เข้าถึงพระองค์ ทําให้ชีวิตได้พบพระสุขใจ เกิดความสว่างและพลังใจ สําหรับเยียวยาชีวิตที่ต้องร่ําไห้ในเหวน้ําตานี้
พระบัญญัติความรัก
จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 6:5) จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง (เลวีนิติ 19:18)
ความรักสูงสุดคือความรักที่พระบิดา(พ่อ)มีต่อเราซึ่งทำให้พ่อส่งพระบุตรลงมาเพื่อมาช่วยเราซึ่งเป็นคนบาปได้กลับคืนดีกับพ่อ
ความรักของพ่อนั้นมีมากเกินกว่าที่เราผู้เป็นมนุษย์จะเข้าใจ การที่เราได้สัมผัสกับความรักของพ่อนั้นเป็นความสุขที่เปี่ยมล้นหัวใจจนเราไม่สามารถเก็บเอาความรักของพ่อนี้ไว้คนเดียวได้ เราอยากให้คนอื่นได้สัมผัสด้วยเช่นกัน
สมาธิจิตภาวนา
เป็นการกำหนดจิตในการภาวนาด้วยความรักของพ่อจากหัวใจของเรา โดยที่เราจะภาวนา อย่างช้าๆปราศจากการรีบเร่ง ด้วยความเข้าใจในความหมายอันแท้จริงของบทภาวนานั้นๆ ในทุกๆ ถ้อยคำ
จิตภาวนามีขั้นตอนในการเตรียมจิตใจก่อนพอสมควร เพื่อให้จิตวิญญาณของเราได้รับการ ชำระให้สะอาดและนิ่งสนิทอยู่กับพ่อ จึงจำเป็นต้อมีการฝึกฝนในทุกๆขั้น ตอนก่อนเริ่มทำจิตภาวนา พ่อทรงรู้ดีว่ามนุษย์มักจะเลือก ร่อน และกลั่นกรองเอาเฉพาะแต่ในสิ่งที่ตนเอง ชอบเท่านั้น จึงสอนว่า “ผู้ใดทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย ผู้ที่ไม่ได้ทำนั้นจะหวังสิ่ง ใดเล่า” ดังนั้นความสำเร็จในการฝึกจิตภาวนานี้จึงขึ้นอยู่กับตัวของเราเองว่ามีความเพียรพยายามและสม่ำเสมอเพียงใด
การฝึกในแต่ละขั้นตอนต้องใช้เวลานานพอสมควรจนกว่าจิตจะนิ่งแล้วจึงไปเริ่มฝึกขั้น ตอนต่อไปจนครบ 7 ขั้นตอน จึงไม่ควรทำด้วยความรีบเร่ง แต่ในครั้งนี้เป็นการทบทวนจึงอาจไปเร็วกว่าปกติบ้างเพื่อให้เราได้เข้าใจถึงขบวนการฝึกทั้งหมดในเวลาอันจำกัด
การทำสมาธิ
“เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน”
1. เชิญพระจิตเจ้า
ขอให้เรานึกถึงภาพของพระจิตเจ้าองค์แห่งความสว่างเป็นแสงสีขาวนุ่มนวลกำลังลอยอยู่เหนือ ศีรษะของเราและวิงวอนขอพระองค์ดังนี้
บทเพลงเชิญพระจิต
1. เชิญพระจิตฤทธิเดชเสด็จมา เยือนวิญญาณ์ข้าพระองค์ที่ทรงสรรค์
เชิญประสิทธิ์โปรดพระพรวรานันต์ เป็นมิ่งขวัญแก่วิญญาณ์ข้าพระองค์
(รับ) เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า
2. พระเจ้าคือผู้บรรเทาเหล่าทุกข์ร้อน พระคือพรจากเจ้าฟ้าค่าสูงส่ง
พระท่อธารชูชีวีอัคคียง พระคือรักปักปลงใจให้ปรีดา (รับ)
3. พระประทานสัปตพรแก่มนุษย์ พระประดุจดัชนีพระหัตถ์ขวา
ของพระองค์ทรงนามาพระบิดา ตามสัญญาพระแจ้งไขไว้เด่นดี (รับ)
4. โปรดประทานแสงสว่างกระจ่างฟ้า โปรดนำมาซึ่งแรงรักประจักษ์ศรี
ให้มนุษย์ผู้ใจอ่อนหย่อนฤทธี ดับอัคคีคือกิเลสเผด็จไป (รับ)
5. ขอพระโปรดขับศัตรูหมู่อมิตร โปรดประสิทธิ์สันติสุขทุกสมัย
ขอพระโปรดได้นำทางให้ห่างภัย ใต้ร่มชัยวิญญาณรอดปลอดมลทิน(รับ)
6. ขอพระโปรดดวงใจเกล้าเข้ารู้จัก สามิภักดิ์พระบิดามหาศาล
อีกพระบุตรและพระจิตนิจกาล พระคือธารท่อความเชื่อเพื่อชีวัน (รับ)
7. สาธุการพระบิดาและพระบุตร พระประยุทธ์ทรงชัยในมรณา
อีกพระจิตพระทรงฤทธิ์ทรงศักดา เลื่องลือชาเกรียงพระยศปรากฏเทอญ (รับ)
2. เชิญอัครเทวดามีคาแอล
เพื่อป้องกันการวักแวกหรือการประจญที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างฝึกนั้นให้เราขอความคุ้มครองจากอัครเทวดามีคาแอลด้วยบทภาวนาดังต่อไปนี้
บทภาวนาของอัครเทวดามีคาแอล
ข้าแต่อัครเทวดามีคาแอล โปรดป้องกันข้าพเจ้าในการรบ โปรดพิทักษ์ข้าพเจ้าในยุทธนาการกับ ความชั่วและกลอุบายของปีศาจ ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระเป็นเจ้าทรงบังคับมันไว้ ข้าแต่จอมทัพ สวรรค์ จงอาศัยฤทธิ์ของพระเป็นเจ้ากักกันปีศาจและจิตชั่วร้ายอื่นๆ ที่กำลังสัญจรเที่ยวรังควาน วิญญาณในโลกนี้ โปรดขังมันไว้ในขุมนรกเถิด อาแมน
3. การกำหนดลมหายใจ
ให้ทุกคนหลับตาเบาๆสบายๆ เหมือนตอนที่เรากำลังจะหลับ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเบาๆสบายๆ ในเวลานี้ให้เรานึกถึงองค์พระจิตพระเจ้า ความดี ความสดชื่น ความสวยงาม ปกติเราจะหายใจเข้าถึงระดับอก แต่เวลาฝึกกำหนดลมหายใจให้เราหายใจออกให้หมดเสียก่อนแล้วจึงให้พยายามสูดลมหายใจเข้าให้ลึกมากที่สุดจนถึงกระบังลมซึ่งอยู่ใต้ชายโครง แล้วให้กลั้นหายใจไว้ประมาณห้าวินาทีเพื่อเป็นการฝึกขยายเนื้อที่ของปอดเพื่อรับลมปราณของพระเจ้าและออกซิเจนเพื่อเข้าไปช่วยในการฟอกโลหิต ทำให้ร่างกายของเราสดชื่น ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกเบาๆช้าๆจนกว่าลมจะหมดท้อง ลมหายใจออกจะนำของเสียและมลทินต่างๆออกมาจากร่างกายของเรา การหายใจครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเราก็ได้ เราได้เตรียมจิตวิญญาณของเราเวลาในปัจจุบันนี้อย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง หากวันนี้พ่อจะเรียกเราไปเฝ้าพระองค์ ให้พยายามสูดหายใจครั้งนี้อย่างช้าๆเข้าให้เต็มที่ เราจะเห็นคุณค่าของลมปรานแห่งชีวิตที่พ่อประทานเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่ในวันนี้ในทุกๆครั้งที่เราหายใจว่ามีค่าเพียงใด และกล่าวในใจว่า “ลมปราณของพระเจ้า” และให้เรากลั้นหายใจไว้ประมาณห้าวินาที แล้วจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ เวลานี้พ่อยังเมตตาให้เรามีชีวิตอยู่ได้ พ่อยังให้โอกาสให้เราได้มีเวลาทำความดีเพื่อชดเชยบาปทั้งหลายที่เราได้ทำ เราอยากที่จะเข้าไปกราบขอบคุณพ่อด้วยสำนึกในพระคุณความรักที่พ่อเมตตาให้เราอย่างจริงใจว่า “ลูกขอบ คุณพระองค์”
ขอให้เรานึกถึงบทภาวนาประจำวันดังต่อไปนี้
โอ้พระตรีเอกภาพผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ทุกๆ ครั้งที่ลูกหายใจ ทุกๆ ครั้งที่หัวใจของลูกเต้น จะหมื่นแสนครั้งก็ตามที ลูกปรารถนาให้ทุกครั้งเป็นการเทิดพระเกียรติพระเมตตาของพระองค์ (ให้คิดตามไปด้วย)
ให้เราฝึกทำเช่นนี้จนกว่าจิตของเราจะนิ่งสนิทอยู่กับพ่อซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร
4. บทแสดงความทุกข์
ก่อนที่เราจะรับพระพรขอรับการรักษาจากพระองค์ เราต้องถึงพร้อมในการมีจิตวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์ เราต้องรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้และยอมรับว่าเราเป็นคนบาป จึงต้องพิจาณามโนธรรมอย่างละเอียด สวดบทแสดงความทุกข์อย่างจริงใจ เพื่อขอรับการชำระมลทินต่างๆในจิตวิญญาณของเราให้หมดสิ้นไปเสียก่อนให้เราพิจารณามโนธรรมของตนเองสักครู่ ให้ขอความสว่างจากองค์พระจิตเจ้าให้ลูกได้มองเห็นข้อบกพร่องของลูกเองแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยในสายตาของมนุษย์ก็ตามให้ลูกได้มองเห็นบาปและข้อบกพร่องที่ลูกทำเป็นประจำจนเป็นความเคยชินและไม่รู้สึกว่าเป็นบาป ขอให้ลูกมีความเสียใจอย่างแท้จริงที่จะขอโทษต่อพ่อที่ลูกทำให้พ่อต้องผิดหวังเนื่องจากลูกได้กระทำบาปด้วยความคิด กิจการ วาจา หรือด้วยการละเลยของลูก ให้เราสวดบทแสดงความทุกข์อย่างช้าๆอย่างพินิจพิจารณาตามข้อความในบทภาวนานั้นอย่างจริงใจ
บทแสดงความทุกข์
ข้าแต่พระเป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป เพราะบาปเรียกร้องอาชญาของพระองค์ แต่เป็นต้นเพราะมันทำเคืองพระทัยพระองค์ ซึ่งดีและน่ารักยิ่งนัก เดชะพระหรรษทานช่วย ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำบาปอีกเลย ทั้งจะอุตส่าห์ใช้โทษ ขอทรงพระกรุณายกบาปแก่ ข้าพเจ้าด้วยเถิด อาแมน ให้เราใช้เวลากับพ่อสักครู่หนึ่ง เพื่อสนทนาเป็นการส่วนตัวหรือบอกความตั้งใจจริงของเราว่า ต่อไปนี้เราตั้งใจจะหลีกหนีจากบาปที่เรากระทำอยู่บ่อยๆนั้นได้อย่างไร
5. ขอรับการชำระจิตวิญญาณ
มนุษย์มักตอบสนองต่อความคิดโดยปราศจากการไตร่ตรองด้วยมโนธรรมในจิตใจ เมื่อ คิดไม่ดี และรู้ ไม่เท่าทันความคิดของตนเอง มนุษย์จึงมักตกอยู่ในบาปได้อย่างง่ายดาย ให้เรานึกถึงภาพพระสิริขององค์พระจิตเจ้าเป็นแสงสว่างสีขาวนวลเจิดจ้าซึ่งเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอยู่เหนือศีรษะของเรา และวอนขอพระสิริของพระองค์ให้เข้ามาขับไล่ความมืดบอดทั้งหลายเพื่อชำระมลทินตามจุดสัมผัส ต่างๆ ในร่างกายที่นำเราไปสู่หนทางแห่งบาปดังต่อนี้
การชำระความคิด ให้เรานึกถึงพระสิริแห่งองค์พระจิตเจ้ากำลังส่องสว่างอยู่เหนือศรีษะของเรา เป็นแสงสว่างที่อบอุ่นนุ่มนวลเต็มไปด้วยความรักของพระองค์ ขอให้เราเชิญพระสิริของพระองค์ผ่านกลางกระหม่อมของเรา เราจะรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปตามที่พระสิริของพระองค์ส่องสว่างไปถึง
พระสิริของพระองค์เป็นความสว่างที่เข้าไปแทนที่ความมืดบอดทั้งหลายที่ปกคลุมทั่วความคิดของเรา ขอให้เรานึกถึงบทภาวนาประจำวันดังต่อไปนี้
ลูกปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเมตตาของพระองค์ และเป็นภาพสะท้อนที่มีชีวิตของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ความยิ่งใหญ่แห่งพระเทวภาพของพระองค์ คือพระเมตตาอันสุดจะหยั่งถึงของพระองค์ หลั่งเทลงสู่ดวงใจของลูก และ วิญญาณเพื่อนมนุษย์ (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) ให้เรามองเห็นพระสิริของพระองค์ส่องสว่างไปทั่วความคิดของเรา ไม่มีความมืดบอดใดๆหลงเหลืออยู่อีกแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วความคิดของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ความคิดของเราได้รับการชำระแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
เมื่อมีความคิดที่ไม่ดี และไมได้ไตร่ตรองด้วยมโนธรรม ความคิดนั้นก็จะสั่งงานไปยังตา หู จมูก ปากและลิ้นของเราให้ร่วมมือในการกระทำบาปต่างๆทำให้จิตวิญญาณของเรามีมลทิน
การชำระตา ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความรู้สึกอุ่นๆซ่า
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้ดวงตาของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะไม่สงสัยหรือตัดสินจากภายนอก แต่มองหาสิ่งที่สวยงามในดวงวิญญาณเพื่อนมนุษย์ และช่วยเหลือพวกเขา (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) ในความมืดเรามองเห็นความสว่างกำลังไหลลงมาจากกระหม่อมเข้าไปขับไล่ความมืดบอดในดวงตาทั้งสองข้างของเรา พระสิริของพระองค์ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แกำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือดวงตาแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วดวงตาของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้ดวงตาของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระหู ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความรู้สึกอุ่นๆซ่าๆที่ผ่านไปสู่หูทั้งสองข้าง
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้หูของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะเอาใจใส่ความต้องการของเพื่อนมนุษย์ และไม่เมินเฉยในความเจ็บปวดและเสียงคร่ำครวญของเขา (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือหูทั้งสองข้างแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วหูทั้งสองข้างของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้หูของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระจมูก ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความ รู้สึกอุ่นๆ ซ่าๆที่ผ่านไปสู่หูทั้งสองข้างผ่านไปสู่จมูก
เราได้รับความรักของพ่อทุกวันที่ทรงเมตตาประทานลมปราณของพระองค์โดยองค์พระจิตเจ้าผ่านจมูกของเราเข้ามาทำให้เรามีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ในฐานะลูกของพ่อ ในแต่ละวันที่ผ่านมาเราไม่ได้นึกถึงองค์พระจิตเจ้าที่ทรงเป็นพลังที่ให้ชีวิตแก่เราและเป็นกำลังที่ยกจิตใจเราให้สูงขึ้นแต่เรามักจะใช้ชีวิตของเราอย่างไม่เหมาะสม ทำตามน้ำใจของเราเอง ทำให้เรามัวหมองตกต่ำลงขาดความศักดิ์สิทธิ์เพราะตกอยู่ในบาป ให้เราขอโทษพระองค์และวอนขอพระสิริของพระองค์ให้เข้าไปแทนที่ความมืดบอดทั้งหลายที่ปกคลุมอยู่เหนือจมูกของเรา เพื่อที่เราจะได้กลับมีชีวิตใหม่ที่ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วจมูกของเรา
เราหายใจได้ลึกขึ้น เต็มอิ่มขึ้น ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้จมูกของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระปากและลิ้น ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความรู้สึกอุ่นๆซ่าๆ ที่ผ่านไปสู่หูทั้งสองข้าง ผ่านไปสู่จมูก ปากและลิ้นของเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้ลิ้นของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะไม่พูดถึง เพื่อนมนุษย์ในทางลบ แต่ขอให้ลิ้นของลูกเต็มไปด้วยคำพูดที่ปลอบประโลมใจ และให้อภัยแก่ทุกคน (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) เรามองเห็นพระสิริของพระองค์กำลังส่องสว่างขับไล่ความมืดบอดทั้งหลายที่ปกคลุมทั่วบริเวณ ปาก และลิ้นของเรา พระสิริของพระองค์ได้เข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือปากและลิ้นแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วปากและลิ้นของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้ปากและลิ้นของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
บัดนี้ให้เรามองเห็นพระสิริของพระองค์กระจายแผ่ซ่านไปทั่วศรีษะของเรา ศรีษะของเราสว่างไสวไปด้วยพระสิริของพระองค์ เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วศรีษะของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้ศรีษะของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
เมื่อปราศจากการใช้มโนธรรมในจิตใจ ความคิดก็จะสั่งงานให้มือและเท้าของเรา สนับสนุนใน การทำบาปความผิดต่างๆได้ง่ายขึ้น ให้เราขอพระสิริขององค์พระจิตเจ้า ให้ทรงชำระมือ และเท้าทั้งสองข้างของเราด้วย
การชำระมือ ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์ที่กำลังส่องสว่างอยู่ในศรีษะของเราให้แผ่ซ่านลงมายังลำคอ ไหล่ แขน ไปสู่มือทั้งสองข้างของเรา เหมือนเป็นการเปิดแสงสปอร์ตไลท์ เรามองเห็นพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านไปชำระความมืดบอดทั้งหลายที่มือทั้งสองข้างของเราทันที เรากำลังมองเห็นความมืดบอดนี้ถูกขับไล่ออกไปจากมือทั้งสองข้างของเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้มือของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา และการกระทำดี ลูกจะกระทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ และยอมรับความยากลำบาก และงานหนัก (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย)
บัดนี้พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือบริเวณมือทั้งสองข้างของเราแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วมือของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้มือทั้งสองข้างของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระเท้า ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์ที่กำลังส่องสว่างอยู่ในศรีษะของเราให้แผ่ซ่านลงมายังลำคอ ไหล่ แขน มือทั้งสองข้าง ผ่านสู่ลำตัว ขา ไปสู่เท้าทั้งสองข้างของเรา เหมือนเป็นการเปิดแสงสปอร์ตไลท์ เรามองเห็นพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านจากศรีษะผ่านลำตัวผ่านขาไปชำระความมืดบอดทั้งหลายที่เท้าทั้งสองข้างของเราทันที เรากำลังมองเห็นความมืดบอดนี้ถูกขับไล่ออกไปจากเท้าทั้งสองข้างของเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้เท้าของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะเร่งรีบใน การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เอาชนะความอ่อนแอและเปราะบางของตนเอง การพักผ่อนของลูกอยู่ที่การรับใช้เพื่อนมนุษย์ (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย)
บัดนี้พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือบริเวณเท้าทั้งสองข้างของเราแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วเท้าทั้งสองข้างของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้เท้าทั้งสองข้างของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระหัวใจ ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์ที่กำลังส่องสว่างอยู่ทั่วร่างกายของเรานี้ให้พุ่งตรงเข้าไปสู่หัวใจที่มืดบอดของเรา เหมือนเป็นการเปิดแสงสปอร์ตไลท์ เรามองเห็นพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านจากทุกทิศทุกทางพุ่งเข้าไปสู่ภายในหัวใจของเราทันที เรากำลังมองเห็นความมืดบอดนี้ถูกขับไล่ออกไปจากหัวใจของเรา ความสว่างแห่งพระสิริของพระองค์ค่อยๆบังเกิดขึ้นในหัวใจของเรา เป็นความสว่างที่เกิดขึ้นจากภายในส่องสว่างออกไปยังภายนอกทุกทิศทุกทาง เรารู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจขอเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้หัวใจของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะรับรู้ถึงความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะทาง ด้านจิตใจ ลูกจะไม่ปฏิเสธดวงใจของลูกต่อใครเลย ลูกจะจริงใจแม้แต่ผู้ที่ลูกรู้ว่าเขาจะทิ้งขว้างความมีน้ำใจของลูก ลูกจะคุมขังตัวลูกไว้ในดวงพระทัยอันทรงเมตตาของพระเยซูเจ้า ขอโปรดช่วยลูกให้รับความทุกข์ด้วยความสงบใจ (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย)
บัดนี้พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่ในหัวใจของเราแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วหัวใจของเรา
ความทุกข์ยากลำบากใจของเราได้มลายหายสิ้นไป ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
บัดนี้หัวใจของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เรามองเห็นความสว่างแห่งพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านกระจายออกมาจากหัวใจของเราส่องสว่างไปทั่วจิตวิญญาณของเราแล้ว
1. ประวัติ
สมาธิจิตภาวนา มีความลึกซึ้งตามชื่อเรียก สมาธิ หมายถึงวิธีการรวมกาย รวมอารมณ์ รวมใจ จิต หมายถึง การใช้สมรรถนะของวิญญาณได้แก่ ปัญญาและน้ำใจ ให้บรรลุถึงเป้าหมายของการภาวนา ในที่นี้หมายถึง หัวใจ โดยเฉพาะซึ่งเป็นศูนย์รวมของความรัก ความปรารถนา และความตั้งใจ ภาวนา หมายถึง การพิศเพ่งและสนทนาอยู่กับพระ ในที่นี้หมายถึง การเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ รวมความหมายง่ายๆ ว่า สมาธิจิตภาวนา คือ การเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ ด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่จะรักและสนทนากับพระบิดา
สมาธิจิตภาวนานี้ มีประวัติมาจากหนทางของวิญญาณในหนังสือ “แม่รักลูก” ทั้ง 3 เล่ม ซึ่งแสดงถึงบทสอนต่างๆ ของแม่พระให้เตรียมจิตวิญญาณให้ถึงพร้อมเพื่อต้อนรับความรักของพระบิดา และเมื่อถึงวันเวลาพร้อมพอสมควรตามพระปรีชาญาณของพระบิดาแล้ว พระบิดาก็ประทานวิธีการภาวนาจากหัวใจอย่างแท้จริงให้ พร้อมกับทรงประทับอยู่เสมอในการฝึกตั้งแต่ต้น
พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ
แม่พระมาประจักษ์ที่หน้าถ้ํา วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2531 ในพระนามของ “พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแก่ผู้ที่น่าสงสาร” แม่พระได้มอบสารที่มีคุณค่าต่อจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 6 ปี ตั้ง
แต่วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2547 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน 2553 อันเป็นที่มาของ หนังสือแม่รักลูก เล่ม 1-3 นั่นเอง
2. เป็นพระเมตตาคุณ
สมาธิจิตภาวนาทางสายนี้ เป็นพระเมตตาคุณโดยแท้จริงจากพระทัยของพระบิดา เพราะไม่ใช่เป็นเพียงการสอนวิธีภาวนาเท่านั้น แต่มากกว่านั้น เพราะในวิธีทางสายนี้ ทุกครั้งที่ทําการฝึกพระบิดาทรงประทับอยู่ด้วยเสมอ แม้ภายนอกเราจะไม่เห็นความ
น่าเกรงขามใดๆ แต่ภายในใจ เรารับรู้ถึงการหลั่งเทพระพร การหนุนกําลังใจ และการบรรเทาใจอันยิ่งใหญ่ พระพรเหล่านี้ คําสอนคาทอลิกเรียกชื่อว่าพระหรรษทานปัจจุบัน (Actual Graces) ซึ่งพระบิดาย่อมประทานทุกเวลาแก่ผู้ฝึกที่เต็มใจ ซื่อๆ นอบน้อมในจิตใจว่านอนสอนง่าย ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งในการฝึกฝน
3. เหมาะกับสามัญชน
การภาวนา หรือการทําสมาธิจิตภาวนาทางสายนี้ เป็นวิธีภาวนาที่พระบิดาพอพระทัยเปิดทางเอื้อเฟื้อให้เราเข้าถึงพระองค์เท่าที่ทรงพอพระทัย เหมาะสําหรับสัตบุรุษสายกลาง หรือสามัญชนที่พร่ําเพียรภาวนาอยากให้เข้าถึงพระองค์ ทําให้ชีวิตได้พบพระสุขใจ เกิดความสว่างและพลังใจ สําหรับเยียวยาชีวิตที่ต้องร่ําไห้ในเหวน้ําตานี้
พระบัญญัติความรัก
จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 6:5) จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง (เลวีนิติ 19:18)
ความรักสูงสุดคือความรักที่พระบิดา(พ่อ)มีต่อเราซึ่งทำให้พ่อส่งพระบุตรลงมาเพื่อมาช่วยเราซึ่งเป็นคนบาปได้กลับคืนดีกับพ่อ
ความรักของพ่อนั้นมีมากเกินกว่าที่เราผู้เป็นมนุษย์จะเข้าใจ การที่เราได้สัมผัสกับความรักของพ่อนั้นเป็นความสุขที่เปี่ยมล้นหัวใจจนเราไม่สามารถเก็บเอาความรักของพ่อนี้ไว้คนเดียวได้ เราอยากให้คนอื่นได้สัมผัสด้วยเช่นกัน
สมาธิจิตภาวนา
เป็นการกำหนดจิตในการภาวนาด้วยความรักของพ่อจากหัวใจของเรา โดยที่เราจะภาวนา อย่างช้าๆปราศจากการรีบเร่ง ด้วยความเข้าใจในความหมายอันแท้จริงของบทภาวนานั้นๆ ในทุกๆ ถ้อยคำ
จิตภาวนามีขั้นตอนในการเตรียมจิตใจก่อนพอสมควร เพื่อให้จิตวิญญาณของเราได้รับการ ชำระให้สะอาดและนิ่งสนิทอยู่กับพ่อ จึงจำเป็นต้อมีการฝึกฝนในทุกๆขั้น ตอนก่อนเริ่มทำจิตภาวนา พ่อทรงรู้ดีว่ามนุษย์มักจะเลือก ร่อน และกลั่นกรองเอาเฉพาะแต่ในสิ่งที่ตนเอง ชอบเท่านั้น จึงสอนว่า “ผู้ใดทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย ผู้ที่ไม่ได้ทำนั้นจะหวังสิ่ง ใดเล่า” ดังนั้นความสำเร็จในการฝึกจิตภาวนานี้จึงขึ้นอยู่กับตัวของเราเองว่ามีความเพียรพยายามและสม่ำเสมอเพียงใด
การฝึกในแต่ละขั้นตอนต้องใช้เวลานานพอสมควรจนกว่าจิตจะนิ่งแล้วจึงไปเริ่มฝึกขั้น ตอนต่อไปจนครบ 7 ขั้นตอน จึงไม่ควรทำด้วยความรีบเร่ง แต่ในครั้งนี้เป็นการทบทวนจึงอาจไปเร็วกว่าปกติบ้างเพื่อให้เราได้เข้าใจถึงขบวนการฝึกทั้งหมดในเวลาอันจำกัด
การทำสมาธิ
“เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน”
1. เชิญพระจิตเจ้า
ขอให้เรานึกถึงภาพของพระจิตเจ้าองค์แห่งความสว่างเป็นแสงสีขาวนุ่มนวลกำลังลอยอยู่เหนือ ศีรษะของเราและวิงวอนขอพระองค์ดังนี้
บทเพลงเชิญพระจิต
1. เชิญพระจิตฤทธิเดชเสด็จมา เยือนวิญญาณ์ข้าพระองค์ที่ทรงสรรค์
เชิญประสิทธิ์โปรดพระพรวรานันต์ เป็นมิ่งขวัญแก่วิญญาณ์ข้าพระองค์
(รับ) เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า
2. พระเจ้าคือผู้บรรเทาเหล่าทุกข์ร้อน พระคือพรจากเจ้าฟ้าค่าสูงส่ง
พระท่อธารชูชีวีอัคคียง พระคือรักปักปลงใจให้ปรีดา (รับ)
3. พระประทานสัปตพรแก่มนุษย์ พระประดุจดัชนีพระหัตถ์ขวา
ของพระองค์ทรงนามาพระบิดา ตามสัญญาพระแจ้งไขไว้เด่นดี (รับ)
4. โปรดประทานแสงสว่างกระจ่างฟ้า โปรดนำมาซึ่งแรงรักประจักษ์ศรี
ให้มนุษย์ผู้ใจอ่อนหย่อนฤทธี ดับอัคคีคือกิเลสเผด็จไป (รับ)
5. ขอพระโปรดขับศัตรูหมู่อมิตร โปรดประสิทธิ์สันติสุขทุกสมัย
ขอพระโปรดได้นำทางให้ห่างภัย ใต้ร่มชัยวิญญาณรอดปลอดมลทิน(รับ)
6. ขอพระโปรดดวงใจเกล้าเข้ารู้จัก สามิภักดิ์พระบิดามหาศาล
อีกพระบุตรและพระจิตนิจกาล พระคือธารท่อความเชื่อเพื่อชีวัน (รับ)
7. สาธุการพระบิดาและพระบุตร พระประยุทธ์ทรงชัยในมรณา
อีกพระจิตพระทรงฤทธิ์ทรงศักดา เลื่องลือชาเกรียงพระยศปรากฏเทอญ (รับ)
2. เชิญอัครเทวดามีคาแอล
เพื่อป้องกันการวักแวกหรือการประจญที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างฝึกนั้นให้เราขอความคุ้มครองจากอัครเทวดามีคาแอลด้วยบทภาวนาดังต่อไปนี้
บทภาวนาของอัครเทวดามีคาแอล
ข้าแต่อัครเทวดามีคาแอล โปรดป้องกันข้าพเจ้าในการรบ โปรดพิทักษ์ข้าพเจ้าในยุทธนาการกับ ความชั่วและกลอุบายของปีศาจ ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระเป็นเจ้าทรงบังคับมันไว้ ข้าแต่จอมทัพ สวรรค์ จงอาศัยฤทธิ์ของพระเป็นเจ้ากักกันปีศาจและจิตชั่วร้ายอื่นๆ ที่กำลังสัญจรเที่ยวรังควาน วิญญาณในโลกนี้ โปรดขังมันไว้ในขุมนรกเถิด อาแมน
3. การกำหนดลมหายใจ
ให้ทุกคนหลับตาเบาๆสบายๆ เหมือนตอนที่เรากำลังจะหลับ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเบาๆสบายๆ ในเวลานี้ให้เรานึกถึงองค์พระจิตพระเจ้า ความดี ความสดชื่น ความสวยงาม ปกติเราจะหายใจเข้าถึงระดับอก แต่เวลาฝึกกำหนดลมหายใจให้เราหายใจออกให้หมดเสียก่อนแล้วจึงให้พยายามสูดลมหายใจเข้าให้ลึกมากที่สุดจนถึงกระบังลมซึ่งอยู่ใต้ชายโครง แล้วให้กลั้นหายใจไว้ประมาณห้าวินาทีเพื่อเป็นการฝึกขยายเนื้อที่ของปอดเพื่อรับลมปราณของพระเจ้าและออกซิเจนเพื่อเข้าไปช่วยในการฟอกโลหิต ทำให้ร่างกายของเราสดชื่น ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกเบาๆช้าๆจนกว่าลมจะหมดท้อง ลมหายใจออกจะนำของเสียและมลทินต่างๆออกมาจากร่างกายของเรา การหายใจครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเราก็ได้ เราได้เตรียมจิตวิญญาณของเราเวลาในปัจจุบันนี้อย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง หากวันนี้พ่อจะเรียกเราไปเฝ้าพระองค์ ให้พยายามสูดหายใจครั้งนี้อย่างช้าๆเข้าให้เต็มที่ เราจะเห็นคุณค่าของลมปรานแห่งชีวิตที่พ่อประทานเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่ในวันนี้ในทุกๆครั้งที่เราหายใจว่ามีค่าเพียงใด และกล่าวในใจว่า “ลมปราณของพระเจ้า” และให้เรากลั้นหายใจไว้ประมาณห้าวินาที แล้วจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ เวลานี้พ่อยังเมตตาให้เรามีชีวิตอยู่ได้ พ่อยังให้โอกาสให้เราได้มีเวลาทำความดีเพื่อชดเชยบาปทั้งหลายที่เราได้ทำ เราอยากที่จะเข้าไปกราบขอบคุณพ่อด้วยสำนึกในพระคุณความรักที่พ่อเมตตาให้เราอย่างจริงใจว่า “ลูกขอบ คุณพระองค์”
ขอให้เรานึกถึงบทภาวนาประจำวันดังต่อไปนี้
โอ้พระตรีเอกภาพผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ทุกๆ ครั้งที่ลูกหายใจ ทุกๆ ครั้งที่หัวใจของลูกเต้น จะหมื่นแสนครั้งก็ตามที ลูกปรารถนาให้ทุกครั้งเป็นการเทิดพระเกียรติพระเมตตาของพระองค์ (ให้คิดตามไปด้วย)
ให้เราฝึกทำเช่นนี้จนกว่าจิตของเราจะนิ่งสนิทอยู่กับพ่อซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร
4. บทแสดงความทุกข์
ก่อนที่เราจะรับพระพรขอรับการรักษาจากพระองค์ เราต้องถึงพร้อมในการมีจิตวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์ เราต้องรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้และยอมรับว่าเราเป็นคนบาป จึงต้องพิจาณามโนธรรมอย่างละเอียด สวดบทแสดงความทุกข์อย่างจริงใจ เพื่อขอรับการชำระมลทินต่างๆในจิตวิญญาณของเราให้หมดสิ้นไปเสียก่อนให้เราพิจารณามโนธรรมของตนเองสักครู่ ให้ขอความสว่างจากองค์พระจิตเจ้าให้ลูกได้มองเห็นข้อบกพร่องของลูกเองแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยในสายตาของมนุษย์ก็ตามให้ลูกได้มองเห็นบาปและข้อบกพร่องที่ลูกทำเป็นประจำจนเป็นความเคยชินและไม่รู้สึกว่าเป็นบาป ขอให้ลูกมีความเสียใจอย่างแท้จริงที่จะขอโทษต่อพ่อที่ลูกทำให้พ่อต้องผิดหวังเนื่องจากลูกได้กระทำบาปด้วยความคิด กิจการ วาจา หรือด้วยการละเลยของลูก ให้เราสวดบทแสดงความทุกข์อย่างช้าๆอย่างพินิจพิจารณาตามข้อความในบทภาวนานั้นอย่างจริงใจ
บทแสดงความทุกข์
ข้าแต่พระเป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป เพราะบาปเรียกร้องอาชญาของพระองค์ แต่เป็นต้นเพราะมันทำเคืองพระทัยพระองค์ ซึ่งดีและน่ารักยิ่งนัก เดชะพระหรรษทานช่วย ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำบาปอีกเลย ทั้งจะอุตส่าห์ใช้โทษ ขอทรงพระกรุณายกบาปแก่ ข้าพเจ้าด้วยเถิด อาแมน ให้เราใช้เวลากับพ่อสักครู่หนึ่ง เพื่อสนทนาเป็นการส่วนตัวหรือบอกความตั้งใจจริงของเราว่า ต่อไปนี้เราตั้งใจจะหลีกหนีจากบาปที่เรากระทำอยู่บ่อยๆนั้นได้อย่างไร
5. ขอรับการชำระจิตวิญญาณ
มนุษย์มักตอบสนองต่อความคิดโดยปราศจากการไตร่ตรองด้วยมโนธรรมในจิตใจ เมื่อ คิดไม่ดี และรู้ ไม่เท่าทันความคิดของตนเอง มนุษย์จึงมักตกอยู่ในบาปได้อย่างง่ายดาย ให้เรานึกถึงภาพพระสิริขององค์พระจิตเจ้าเป็นแสงสว่างสีขาวนวลเจิดจ้าซึ่งเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอยู่เหนือศีรษะของเรา และวอนขอพระสิริของพระองค์ให้เข้ามาขับไล่ความมืดบอดทั้งหลายเพื่อชำระมลทินตามจุดสัมผัส ต่างๆ ในร่างกายที่นำเราไปสู่หนทางแห่งบาปดังต่อนี้
การชำระความคิด ให้เรานึกถึงพระสิริแห่งองค์พระจิตเจ้ากำลังส่องสว่างอยู่เหนือศรีษะของเรา เป็นแสงสว่างที่อบอุ่นนุ่มนวลเต็มไปด้วยความรักของพระองค์ ขอให้เราเชิญพระสิริของพระองค์ผ่านกลางกระหม่อมของเรา เราจะรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปตามที่พระสิริของพระองค์ส่องสว่างไปถึง
พระสิริของพระองค์เป็นความสว่างที่เข้าไปแทนที่ความมืดบอดทั้งหลายที่ปกคลุมทั่วความคิดของเรา ขอให้เรานึกถึงบทภาวนาประจำวันดังต่อไปนี้
ลูกปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเมตตาของพระองค์ และเป็นภาพสะท้อนที่มีชีวิตของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ความยิ่งใหญ่แห่งพระเทวภาพของพระองค์ คือพระเมตตาอันสุดจะหยั่งถึงของพระองค์ หลั่งเทลงสู่ดวงใจของลูก และ วิญญาณเพื่อนมนุษย์ (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) ให้เรามองเห็นพระสิริของพระองค์ส่องสว่างไปทั่วความคิดของเรา ไม่มีความมืดบอดใดๆหลงเหลืออยู่อีกแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วความคิดของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ความคิดของเราได้รับการชำระแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
เมื่อมีความคิดที่ไม่ดี และไมได้ไตร่ตรองด้วยมโนธรรม ความคิดนั้นก็จะสั่งงานไปยังตา หู จมูก ปากและลิ้นของเราให้ร่วมมือในการกระทำบาปต่างๆทำให้จิตวิญญาณของเรามีมลทิน
การชำระตา ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความรู้สึกอุ่นๆซ่า
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้ดวงตาของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะไม่สงสัยหรือตัดสินจากภายนอก แต่มองหาสิ่งที่สวยงามในดวงวิญญาณเพื่อนมนุษย์ และช่วยเหลือพวกเขา (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) ในความมืดเรามองเห็นความสว่างกำลังไหลลงมาจากกระหม่อมเข้าไปขับไล่ความมืดบอดในดวงตาทั้งสองข้างของเรา พระสิริของพระองค์ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แกำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือดวงตาแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วดวงตาของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้ดวงตาของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระหู ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความรู้สึกอุ่นๆซ่าๆที่ผ่านไปสู่หูทั้งสองข้าง
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้หูของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะเอาใจใส่ความต้องการของเพื่อนมนุษย์ และไม่เมินเฉยในความเจ็บปวดและเสียงคร่ำครวญของเขา (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือหูทั้งสองข้างแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วหูทั้งสองข้างของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้หูของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระจมูก ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความ รู้สึกอุ่นๆ ซ่าๆที่ผ่านไปสู่หูทั้งสองข้างผ่านไปสู่จมูก
เราได้รับความรักของพ่อทุกวันที่ทรงเมตตาประทานลมปราณของพระองค์โดยองค์พระจิตเจ้าผ่านจมูกของเราเข้ามาทำให้เรามีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ในฐานะลูกของพ่อ ในแต่ละวันที่ผ่านมาเราไม่ได้นึกถึงองค์พระจิตเจ้าที่ทรงเป็นพลังที่ให้ชีวิตแก่เราและเป็นกำลังที่ยกจิตใจเราให้สูงขึ้นแต่เรามักจะใช้ชีวิตของเราอย่างไม่เหมาะสม ทำตามน้ำใจของเราเอง ทำให้เรามัวหมองตกต่ำลงขาดความศักดิ์สิทธิ์เพราะตกอยู่ในบาป ให้เราขอโทษพระองค์และวอนขอพระสิริของพระองค์ให้เข้าไปแทนที่ความมืดบอดทั้งหลายที่ปกคลุมอยู่เหนือจมูกของเรา เพื่อที่เราจะได้กลับมีชีวิตใหม่ที่ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วจมูกของเรา
เราหายใจได้ลึกขึ้น เต็มอิ่มขึ้น ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้จมูกของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระปากและลิ้น ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านลงมายังตาทั้งสองข้างเป็นความรู้สึกอุ่นๆซ่าๆ ที่ผ่านไปสู่หูทั้งสองข้าง ผ่านไปสู่จมูก ปากและลิ้นของเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้ลิ้นของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะไม่พูดถึง เพื่อนมนุษย์ในทางลบ แต่ขอให้ลิ้นของลูกเต็มไปด้วยคำพูดที่ปลอบประโลมใจ และให้อภัยแก่ทุกคน (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย) เรามองเห็นพระสิริของพระองค์กำลังส่องสว่างขับไล่ความมืดบอดทั้งหลายที่ปกคลุมทั่วบริเวณ ปาก และลิ้นของเรา พระสิริของพระองค์ได้เข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือปากและลิ้นแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วปากและลิ้นของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้ปากและลิ้นของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
บัดนี้ให้เรามองเห็นพระสิริของพระองค์กระจายแผ่ซ่านไปทั่วศรีษะของเรา ศรีษะของเราสว่างไสวไปด้วยพระสิริของพระองค์ เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วศรีษะของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้ศรีษะของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
เมื่อปราศจากการใช้มโนธรรมในจิตใจ ความคิดก็จะสั่งงานให้มือและเท้าของเรา สนับสนุนใน การทำบาปความผิดต่างๆได้ง่ายขึ้น ให้เราขอพระสิริขององค์พระจิตเจ้า ให้ทรงชำระมือ และเท้าทั้งสองข้างของเราด้วย
การชำระมือ ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์ที่กำลังส่องสว่างอยู่ในศรีษะของเราให้แผ่ซ่านลงมายังลำคอ ไหล่ แขน ไปสู่มือทั้งสองข้างของเรา เหมือนเป็นการเปิดแสงสปอร์ตไลท์ เรามองเห็นพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านไปชำระความมืดบอดทั้งหลายที่มือทั้งสองข้างของเราทันที เรากำลังมองเห็นความมืดบอดนี้ถูกขับไล่ออกไปจากมือทั้งสองข้างของเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้มือของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา และการกระทำดี ลูกจะกระทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ และยอมรับความยากลำบาก และงานหนัก (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย)
บัดนี้พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือบริเวณมือทั้งสองข้างของเราแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วมือของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้มือทั้งสองข้างของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระเท้า ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์ที่กำลังส่องสว่างอยู่ในศรีษะของเราให้แผ่ซ่านลงมายังลำคอ ไหล่ แขน มือทั้งสองข้าง ผ่านสู่ลำตัว ขา ไปสู่เท้าทั้งสองข้างของเรา เหมือนเป็นการเปิดแสงสปอร์ตไลท์ เรามองเห็นพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านจากศรีษะผ่านลำตัวผ่านขาไปชำระความมืดบอดทั้งหลายที่เท้าทั้งสองข้างของเราทันที เรากำลังมองเห็นความมืดบอดนี้ถูกขับไล่ออกไปจากเท้าทั้งสองข้างของเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้เท้าของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะเร่งรีบใน การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เอาชนะความอ่อนแอและเปราะบางของตนเอง การพักผ่อนของลูกอยู่ที่การรับใช้เพื่อนมนุษย์ (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย)
บัดนี้พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่เหนือบริเวณเท้าทั้งสองข้างของเราแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วเท้าทั้งสองข้างของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย บัดนี้เท้าทั้งสองข้างของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เราขอบคุณพระองค์
การชำระหัวใจ ให้เราวอนขอพระสิริของพระองค์ที่กำลังส่องสว่างอยู่ทั่วร่างกายของเรานี้ให้พุ่งตรงเข้าไปสู่หัวใจที่มืดบอดของเรา เหมือนเป็นการเปิดแสงสปอร์ตไลท์ เรามองเห็นพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านจากทุกทิศทุกทางพุ่งเข้าไปสู่ภายในหัวใจของเราทันที เรากำลังมองเห็นความมืดบอดนี้ถูกขับไล่ออกไปจากหัวใจของเรา ความสว่างแห่งพระสิริของพระองค์ค่อยๆบังเกิดขึ้นในหัวใจของเรา เป็นความสว่างที่เกิดขึ้นจากภายในส่องสว่างออกไปยังภายนอกทุกทิศทุกทาง เรารู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจขอเรา
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือลูก ข้าแต่พระเจ้า เพื่อให้หัวใจของลูกเต็มไปด้วยความเมตตา ลูกจะรับรู้ถึงความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะทาง ด้านจิตใจ ลูกจะไม่ปฏิเสธดวงใจของลูกต่อใครเลย ลูกจะจริงใจแม้แต่ผู้ที่ลูกรู้ว่าเขาจะทิ้งขว้างความมีน้ำใจของลูก ลูกจะคุมขังตัวลูกไว้ในดวงพระทัยอันทรงเมตตาของพระเยซูเจ้า ขอโปรดช่วยลูกให้รับความทุกข์ด้วยความสงบใจ (ให้หยุดนิ่งสักครู่เพื่อคิดตามไปด้วย)
บัดนี้พระสิริของพระองค์กำลังเข้าไปแทนที่ความมืดบอดที่ปกคลุมอยู่ในหัวใจของเราแล้ว เราจะรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่นซ่านไปทั่วหัวใจของเรา
ความทุกข์ยากลำบากใจของเราได้มลายหายสิ้นไป ทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
บัดนี้หัวใจของเราได้รับการชำระให้สว่างแล้ว ให้เรามองเห็นความสว่างแห่งพระสิริของพระองค์แผ่ซ่านกระจายออกมาจากหัวใจของเราส่องสว่างไปทั่วจิตวิญญาณของเราแล้ว