รายการออกอากาศของเน็ตเฟลิกซ์ ( Netflix): ถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ (Holy Grail)

รวมสารการประจักษ์แม่พระที่ลำไทร สามารถแสดงความเห็นได้อย่างสุภาพ และไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใด ๆ ในบอร์ดนี้
ตอบกลับโพส
Yan Agape
โพสต์: 1246
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 17, 2005 10:57 am

อาทิตย์ มี.ค. 03, 2024 3:03 pm

สวัสดีครับ วันนี้ผมขอเสนอบทความเสริมศรัทธาและรูปภาพประกอบ ในช่วงเทศกาลมหาพรต จากรายการออกอากาศของเน็ตเฟลิกซ์ ( Netflix) ชื่อ ความลึกลับแห่งความเชื่อ ( Mysteries of the Faith) เป็นรายการสารคดีแห่งความเชื่อของคริสตศาสนา โดยเฉพาะพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก เจ้าเก่า ของเรา มีสี่ตอน มงกุฎหนาม ถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ ไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ของประเทศบราซิล และนักบุญข้างบ้าน

ตอนที่สาม: ถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ (Holy Grail)

พระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ ( Holy Face)
คุณรอคโก รูลลิ ( Rocco Rulli) อาศัยอยู่ในเมืองมานอฟพิลโล ประเทศอิตาลี ( Manoppello, Italy ) 67 ปี เคยออกจากเมืองไปทํามาหากินแล้วก็กลับมา พระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ มีความสัมพันธ์กับชีวิตของเขาตั้งแต่เด็กจนโต ในทุกขณะของชีวิต ช่วยเหลือในความยากลําบาก ปกป้องคุ้มครองครอบครัวของเขามาถึงสามชั่วคน (พ่อของเขา ตัวเขาเอง และลูกสาว) เขาพูดว่า: ต้องมีความกล้าหาญเป็นอย่างมากที่จะพูดคํา "อัศจรรย์" แต่อัศจรรย์มีจริง

เมืองที่เขาอาศัยอยู่ถูกตั้งตามชื่อเมืองมานอฟพิลโลของประเทศเบลเยี่ยม ในช่วงทศวรรษ 1950 คุณพ่อของเขา ( มีความศรัทธาแก่กล้าต่อพระพักตร์ศักดิ์สิทธิ์) และชาวเมืองนี้ไปทํางานขุดเหมืองในเบลเยี่ยม มีวันหนึ่ง หมอบอกพ่อว่าอย่าลงไปในเหมืองตอนเช้าหกโมงเพราะไม่สบาย คอยถึงบ่ายสองก่อน ตอนเช้าไฟไหม้ในเหมืองลึกกิโลเมตรกว่าๆ คนงาน 260 ตกในกับดักของไฟ หลายคนตายเพราะไฟและคาร์บอนไดออกไซด์...

คุณรอคโกเคยเป็นทหารประจําในเมืองอินจิโมนา (Ingemona) หน่วยลาดตระเวณของเขาถูกโจมตีทางอากาศ ต้องเดินทางกลับค่าย ในช่วงขณะนั้นเองมีแผ่นดินไหวรุนแรงในเมือง เพื่อนทหารหลายคนถูกทับถูกฝังในตึกในอาคาร พวกเขาพึ่งกลับมาถึงต้องใหัความช่วยเหลือดึงตัวออกมา หลายคนเสียชีวิต เสื้อผ้าของเขาเองก็ฉีกขาด ยังจําได้ติดตา เขาเชื่อว่า พระพักตร์ศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเขา ถ้าอยู่ในค่ายในเมืองตอนนั้น คงตายไปแล้ว...

เริ่มต้นของคริสตศาสนา พระธาตุ คือคนงานของอัศจรรย์ ( miracle workers) ที่รักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย ป้องกันคน ป้องกันเมืองทั้งเมือง เป็นสายตรงไปหาพระเจ้าเมื่อคุณบอกกับพระองค์ว่า " ลูกขอความช่วยเหลือ" พระองค์จะสามารถได้ยินมากขึ้นกว่าที่คุณสวดขอในวัดละแวกบ้านคุณ

พระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวพันกับอัศจรรย์ แต่อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปีคศ 33 ในคูหาฝังพระศพของพระเยซูเจ้าหลังจากพระองค์ถูกตรึงกางเขน สองวันต่อมา อัครสาวกไปสวดหน้าคูหาก็เห็นประตูหินปิดทางเข้าถูกผลักเคลื่อนเปิดออก พระศพของพระองค์หายไป มีแต่ผ้าพันพระศพและผ้าคลุมบางปิดพระพักตร์ พวกท่านเชื่อทันทีว่าพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนมชีพ พระจิตเจ้าเสด็จมาถึงที่คูหา เคลื่อนประตูหิน เปล่งพระสิริรุ่งโรจน์สว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ให้พระเยซูเจ้าฟื้นคืนพระชนมชีพ ประทับรอยพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ข้างในผ้าคลุมพระพักร์พระองค์...

มีคําถามว่า: พระพักร์ศักดิ์สิทธิ์มาที่เมืองมานอฟพิลโลได้อย่างไร

ในช่วงสี่ศตวรรษที่ผ่านมา นักบวชคาปูชิน เป็นผู้ดูแลป้องกันพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ อารามพักหลังวัดนั่นเอง การเดินทางมาของพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับการบันทึกในหนังสือของคุณพ่อ โดนาโต ดา บอมบา แห่งคณะคาปูชิน ( Father Donato Da Bomba, Capuchin Friar)...

ปีคศ 1506 มีผู้แสวงบุญลึกลับผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเมือง บอกกลุ่มคนชราที่นั่งคุยกันว่าขอพูดกับหมอประจําเมือง ลีโอเนลลี่ ( Doctor Leonelli) เป็นส่วนตัว ในมือถือห่อผ้า คุยกันในห้องทํางานของหมอ แกะห่อผ้าให้หมอดู หมอเห็นพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ ร้องไห้ นํ้าตานองหน้า หันมองผู้ชายคนนั้น แต่เขาหายตัวไปแล้ว เชื่อกันว่า บุรุษผู้นั้นคือ ฑูตสวรรค์นั่นเอง

เรื่องราวพลังของพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์และการมาถึงเมืองแบบอัศจรรย์ได้ถูกเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน

ผู้ไม่เชื่อว่าพวกเราบ้าที่เชื่อในวัตถุสิ่งของ แต่ในทางตรงกันข้าม อัศจรรย์ต่างๆเกิดขึ้นผ่านพระธาตุเพราะเราเปิดหัวใจออกให้พระเจ้าโดยตรง

ความเชื่อของโรมันคาทอลิก: อัศจรรย์เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะทุกครั้งที่เรารับศีลมหาสนิท ปังถูกเสกเป็นพระกายของพระเยซูเจ้า และเหล้าองุ่นถูกเสกเป็นพระโลหิตของพระองค์

พระธาตุเกี่ยวพันกับอัศจรรย์มาตลอดเวลา แต่มีพระธาตุอันหนึ่งที่เหนือกว่าทุกอัน ลือกันว่า สามารถรักษาทุกบาดแผล ให้ความสุขตลอดกาล ให้ความเป็นหนุ่มสาวตลอดนิรันดร: ถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งสุดปราถนาสูงสุด ร้อยๆปีที่ผ่านมา กษัตริย์ นักปราชญ์ ผู้เชื่อ ได้พยายามค้นหา การค้นพบเป็นความสําคัญสุดยอดของหลายคนเพราะถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งเชื่อมโยงโดยตรงถึงพระเยซูเจ้าในช่วงลําบากยากเข็ญของพระองค์

เรื่องราวของพระธาตุที่เป็นสุดยอดปราถนาในการค้นหา เริ่มที่ห้องชั้นบนของบ้านหลังหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็ม ที่พระเยซูเจ้าทรงรับประทานอาหารกับสาวก 12 คน พระองค์ทรงพูดว่า พระองค์จะถูกทรยศโดยคนคนหนึ่งในบรรดาพวกเขาและถูกฆ่า ทรงเติมถ้วยด้วยเหล้าองุ่นแล้วบอกว่า นี่คือโลหิตของเรา ถ้วยนั้นอยู่ที่ไหน กลายเป็นความลึกลับตั้งแต่บัดนั้น

ถ้าค้นพบถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ก็จะเป็นการยืนยันความเชื่อให้กับผู้คนจํานวนมากมายว่าความเชื่อของฉันเป็นจริง

การค้นหาถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์พุ่งเป็นไข้ร้อนรนเมื่อยุคกลาง ตํานานว่า พระเจ้าอาเธอร์ (King Arthur) และเหล่าอัศวินของพระองค์ค้นหาถ้วยลึกลับที่เปี่ยมด้วยพลังอัศจรรย์นี้เช่นกัน ถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญลักษ์ที่ไม่ใช่เกี่ยวพันกับพระเจ้าเท่านั้น มันยังเป็นการผจญภัยที่ถูกจุ่มย้อมด้วยพลังถ้าพวกเขาได้ค้นพบ

ปัจจุบันมีสามสาวผู้ประกาศว่า เธอแต่ละคน ได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่พระเจ้าอาเธอร์ได้ประสบความล้มเหลว แต่ละสาวเชื่อว่า เธอได้ค้นพบถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ สามสาวมีวิธีการแตกต่างกัน แต่ทั้งสามเชื่อว่าถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์อยู่ในประเทศสเปน

เมืองฮุสกา ประเทศสเปน ( Huesca, ประเทศสเปน )
ด็อกเตอร์ อานา มาเฟ การ์เซีย ( Doctor Ana Mafe Garcia): คุณยายดิฉันบอกเรื่องราวของถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์และนักบุญลอเรนโซ ( Saint Lorenzo) ให้ดิฉันฟังเมื่อยังเป็นเด็กว่าดิฉันมีสิ่งท้าทายเพราะเรื่องราวของถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต...

นักบุญลอเรนโซ เติบโตในเมืองฮุสกา บวชเป็นพระสงฆ์แล้วเดินทางไปกรุงโรม ประมาณปีคศ 253 แล้วได้เป็นผู้ดูแลถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ของอารามในกรุงโรม ท่านไปในศตวรรษที่สามที่คริสตศาสนาผิดกฎหมาย พระสงฆ์แอบเอาถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ใช้ในพิธีมิสซา

ปีคศ 258 กรุงโรมล้มละลายถังแตก จักรพรรดิวาเลเรี่ยน ( Emperor Valerian) ออกบัญชาให้ฆ่าคริสตชนทุกคนแบบเหี้ยมโหดแล้วปล้นยึดเงินทองของมีค่า ทรัพย์สิน

นักบุญลอเรนโซเห็นท่าไม่ดี ท่านแอบเอาถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ฝากส่งไปให้ครอบครัวของท่านที่เมืองฮุสกา ประเทศสเปน เก็บรักษา ในเวลากลางคืนแฝงความมืด แต่ตัวท่านถูกจับกุม จักรพรรดิวาเลเรี่ยนออกบัญชาฆ่าท่านด้วยการย่างด้วยไฟจนตาย

ถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่นกว่าพันปี ก่อนจะถูกนำไปอยู่ในอาสนวิหารเมืองวาเลนเซียในศตวรรษที่ 15 ที่ปัจจุบันยังให้เห็นกว่า 600 ปีที่ผ่านมา

สํานักวาติกันบอกเป็นนัยๆว่านี่ก็คือถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงเพราะมีโป๊ปสององค์ไปทํามิสซาในอาสนวิหารแล้วใช้ถ้วยกาลิสนี้: นักบุญโป๊ป จอห์นพอลที่สอง ปีคศ 1982 โป๊ปเบเนดิกที่ 16 ปีคศ 2006

ดร. อานาเชื่อว่าได้พบถ้วยกาลิสศักดิ์สิทธิ์แท้จริงเพราะถ้วยทําจากหินซาเดียส ( stone Sadius) จากแคว้นจูเดีย ประเทศอิสราเอล จากชนเผ่าที่พระเยซูเจ้าทรงสืบเชื้อสายต่อจากกษัตริย์ดาวิด

แต่ถูกคัดค้านจากนักประวัติศาสตร์ผู้หนึ่ง!

เมืองลีออน ประเทศสเปน ( Leon, Spain ( 644 กิโลกรัม/ 400 ไมล์ เหนือเมือง ฮุสกา)
ด็อกเตอร์ มาร์การิต้า ทอเรส ซีวิลล่า ( Dr. Margarita Toress Sevilla) นักประวัติศาสตร์ ชอบดูหนังอินดิอาน่า โจนส์ The Last Crusade แฟน ฮาริสัน ฟอรด์ ( Indiana Jones: The Last Crusade, Harrison Ford ) เพื่อนร่วมชั้นให้โปสเตอร์แล้วบอกสักวัน เธอจะเป็น อินดิอานา โจนส์ ของพวกเขา เธอบอกอยากจะบอก อินดิอานา โจนส์ ว่า จอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถทําได้จากไม้

เธอรู้ว่าจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ราชวัง ซาน อิซิโดรา ชื่อ จอกกาลิสของเออรากา ( San Isidora Palace, Chalice of Urraca ) เพราะเป็นของประเทศอียิปต์ ไม่ใช่ของสเปน ทําไมเก็บไว้ในนั้น ส่งลูกน้องไป สถาบันออล-อาซาน ในเมืองไคโร ( Al-Azhan, Cairo ) ห้องสมุดมีชื่อเสียงในการค้นหาหนังสือ เอกสารบันทึกประวัติศาสตร์ของชาวมุสลิม เพื่อนที่นั่นโทรบอกให้นั่งแล้วอย่าพูด เขาบอกว่า จอกกาลิสนั้นเป็นจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการบันทึกในกลางศตวรรษที่ 11, คศ 1050, ว่าเป็นของขวัญที่กาหลิบ ( เจ้าเมือง) ของไคโร ส่งให้เพื่อนมุสลิม เจ้าเมืองดิเนีย ประเทศสเปน ( King of Dinia, Spain) เป็นของขวัญในการส่งอาหารช่วยอียิปต์ในช่วงอาหารขาดแคลน เจ้าเมืองดิเนียต้องการเป็นของขวัญให้กษัตริย์เฟอร์ดินาน เดอะ เกรท ของเมืองลีออน ( King Ferdinand The Great, Leon, Spain) เพื่อรักษาสัมพันธไมตรี เมื่อได้รับก็ส่งให้กษัตริย์เฟอร์ดินาน พระองค์ทรงมอบให้ลูกสาว ชื่อเออการา จอกกาลิสนั้นเลยถูกเรียกว่า จอกกาลิสเออการา จอกกาลิสนี้เคลมได้เหนือกว่าทุกจอกกาลิสว่าเป็นจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ มีหลักฐานยืนยันจากประวัติศาสตร์ ผู้คนแตกตื่นทั่วโลกไปชมเทิดทูนในความเงียบ ความสนใจ ความศรัทธาว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเขา ช่วยวิญญาณเขา เธอบอกว่า ขณะที่เธอนั่งดื่มกาแฟในร้านที่ลานวัด มีสุภาพสตรีผู้หนึ่งถามว่าเธอคือมาร์การิต้าหรือไม่ เธอตอบว่าใช่ ผู้หญิงคนนั้นขอแตะมือเธอเพราะเธอได้แตะจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ เธอให้อนุญาตแล้วกอดกันร้องไห้ ผู้หญิงคนนั้นกล่าวขอบใจเธอหลายครั้ง มันไม่ใช่สิ่งของในประวัติศาสตร์เท่านั้น มันเป็นความหวังที่หลายคนฝากไว้...

ด็อกเตอร์สองสาว อานาและมาร์การิต้า เชื่อว่าตัวเองได้พบจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์แท้จริง แต่...

เมืองจากา ตอนเหนือของประเทศสเปน ( Jaca, Northern Spain)
ด็อกเตอร์สาว คาทาลินา ลอริส (Dr. Catalina Lloris) ตอนแรกไม่สนใจความเป็นมาของพระธาตุต่างๆ แต่จอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์เย้ายวนใจจนต้องสอบสวนหาความจริง เอาให้มันกระจ่างแจ้งจะได้สิ้นสุดความกังขาและการโต้เถียง และเธอคิดว่าเธอประสบความสำเร็จ จากหลังฐานสําคัญสุดในประวัติศาสตร์ที่ถูกมองข้าม...

อาราม ซาน ฮวน ดี ลา เพนา ( San Juan De La Pena) เป็นของนักบวชเบเนดิกติน เจาะสร้างในเทือกเขาพิริเนียน ( Penerean Mountians ) กว่า 1,000 ปีที่ผ่านมา ได้รับคําสั่งให้ปกป้องความลับของจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ ที่ ดร. คาทาลินาได้ค่อยๆเปิดเผยออกมา : การสอบสอนของ ดร. มาร์การิต้า มีความผิดพลาดว่าจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งไปในศัตวรรษที่ 11 นั้นไม่จริง เพราะมีเอกสารของปี คศ 1322 ของพระเจ้าเจมส์ที่สอง ( King James II) แห่งสเปน เรียกร้องให้ สุลต่านของเมืองไคโร ส่งพระธาตุจํานวนมาก รวมทั้งจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ไปให้พระองค์ ถ้าดร. คาทาลินาถูก จอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกส่งไป 300 ปีทีหลัง และอยู่ในความคุ้มครองของนักบวชเบเนดิกตินที่อารามนี้ 70 ปีก่อนจะส่งต่อไปอีก และเธอรู้จากหนังสือบันทึกว่า ถูกส่งไปไหน...

ปีคศ 1416 พระเจ้าอัลฟอนโซ เดอะ แม๊กนานิมัส ( King Alfonso the Magnanimous) ย้ายวังจากเมืองวาเลนเซีย ขอกู้เงินจากอาสนวิหารวาเลนเซียไปทําศึกที่ประเทศอิตาลีโดยเอาจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์เป็นประกันและถูกบันทึกไว้ในอาสนวิหารเป็นหลักฐาน พระองค์ไม่จ่ายเงินคืน จอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์เลยอยู่ที่อาสนวิหารวาเลนเซียมาตลอด!

ดร. คาทาลินาเห็นด้วยกับดร. อานา: จอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์แท้อยู่ที่อาสนวิหารวาเลนเซีย

ดร. คาทาลินาเห็นด้วยกับ ดร. มาร์การิต้า: จอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มาจากกรุงโรมแต่มาจากอียิปต์

อาสนวิหารวาเลนเซีย: จอกกาลิสอื่นๆทั่วโลก ถ้าเป็นจอกกาลิสศักดิ์สิทธิ์แท้ เราไม่ใช่คู่แข่งขัน แต่เราขอพูดแบบถ่อมตัวว่า จงพิสูจน์ เพราะประวัติศาสตร์และหลักฐานยืนยันว่านี่เป็นจอกกาลิสของพระเยซูเจ้าที่ทรงดื่มฉลองในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของคืนวันพฤหัส

ย้อนกลับมาที่เมืองมานอฟพิลโล ประเทศอิตาลี ( Manoppello, Italy)

ลูกสาวของรอคโก ชื่อฟรังเซสกา ( Francesca) เลือดตกในสมอง เมื่ออายุ 23 ส่งโรงพยาบาล หมอบอกไม่รอด ทําทุกอย่างแล้ว จะตายใน 48 ชั่วโมง เป็นวันอาทิตย์ใบลาน หมอขออนุญาตเอาอวัยวะบริจาค เขาตอบโอเค ทั้งเมืองร่วมใจสวดภาวนาขอพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ให้ทรงช่วย ทํามิสซาต่อหน้าพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์สองครั้ง หมอโทรแจ้งข่าว รอคโกบอกไม่ใช่ข่าวเพราะเขารู้และทําใจได้แล้ว หมอบอกลูกสาวหายป่วยยังมีชีวิตอยู่ กําลังเล่นกระดานต่อตัวอักษร

วันที่ 6 สิงหาคมทุกปี เป็นวันฉลองพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ จบมิสซา ปิดท้ายรายการด้วยการแห่พระพักร์ศักดิ์สิทธิ์ สวดบทภาวนาวันทามารีย์ รอบเมือง รอคโกร่วมแบกบัลลังก์ทุกปี รอคโกและลูกสาวเป็นพยานยืนยันอัศจรรย์ของพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์

ชาวเมืองมานอฟพิลโล ประเทศอิตาลี เชื่อว่าพระพักร์ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นขณะแรกของพระเยซูเจ้าที่ทรงฟื้นคืนพระชนมชีพ

อ้างอิงและขอบคุณ: เน็ตเฟลิกซ์ ( Netflix) รายการความลึกลับแห่งความเชื่อ ( Mysteries of the Faith) ทุกคนที่ปรากฏในรายการ และกูเกิ้ล

กราบขอบพระคุณ: พระเป็นเจ้า (พระบิดา พระบุตร และพระจิต) พระแม่มารีย์ นักบุญโยเซฟ อัครเทวดาไมเกิ้ล เกเบรียล ราฟาเอล คุณพี่อารักขเทวดา สหพันธ์นักบุญทุกท่าน
ตอบกลับโพส