+ เดือน ตค.48 ทำไมสวดภาวนาวอนขอแล้วไม่ได้ผล? +

รวมสารการประจักษ์แม่พระที่ลำไทร สามารถแสดงความเห็นได้อย่างสุภาพ และไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใด ๆ ในบอร์ดนี้
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 1:43 am

ทำไมสวดภาวนาวอนขอแล้วไม่ได้ผล?

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2548 เวลา 00.25 - 00.55น.

“ ลูกที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ลูกวิงวอนขอให้แม่ได้ให้สาสน์ที่จะเป็นประโยชน์แก่คนทั้งหลาย องค์พระเยซูเจ้าพระบุตรสุดที่รักของแม่ได้ทรงกล่าวเน้นว่า อยากให้มนุษย์ทั้งหลายได้มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน จงรักกันเหมือนอย่างที่แม่รักลูก ไม่มีสิ่งใดที่จะประเสริฐไปกว่าการเสียสละความสุขของตนเองเพื่อช่วยเหลือ ผู้อื่น ขอให้จงดูตัวอย่างแนวทางชีวิตของพระองค์ซึ่งมีบันทึกไว้ในพระวรสาร พระองค์มีแต่ความเมตตาปรานีต่อทุกคน โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ แม้กระทั่งผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดอย่างเช่นหญิงโสเภณี ก็สามารถใกล้ชิดพระองค์ได้ พระองค์ได้ทรงให้ความรักแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ขอเพียงแต่ให้เข้าใจว่า หนทางแห่งความยากลำบากในชีวิตนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นสำหรับการเดินทางไปใน สวรรค์ จงเสียสละ จงรักซึ่งกันและกัน จงแสดงและกระทำต่อผู้อื่นเหมือนที่ลูกต้องการให้ผู้อื่นกระทำต่อลูก

สิ่ง ที่พระองค์มองเห็นทุกวันนี้ โดยเฉพาะในจิตใจของมนุษย์มีแต่ความหยาบกระด้าง นึกถึงแต่ผลประโยชน์ ชื่อเสียง เงินทอง แต่เขาหารู้ไม่ว่าในบรรดาสิ่งที่เขาไขว่คว้าอยู่นั้น จะมิสามารถทำให้เขาได้พบความสุขที่แท้จริงในชีวิตนิรันดรได้เลย ถ้าเขาไม่เปิดใจแสดงความรักความเมตตาแก่ผู้คนที่เขาสามารถให้การช่วยเหลือ ได้ วันนี้พระองค์ทรงย้ำเตือนเรื่องนี้เป็นพิเศษ ถ้าปราศจากความรัก สันติสุขในโลกนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างใด

แม่ขอบอกว่าการสวดภาวนานั้น คือการยกจิตใจขึ้นหาพระบิดาเจ้าในสรวงสวรรค์ จงอย่าสักแต่ว่าเร่งรีบในการสวดภาวนาเพื่อให้จบสิ้นไป หรือนับจำนวนว่า วันนี้ลูกได้สวดภาวนาไปกี่บท จะมีประโยชน์อันใด ถ้าจิตใจของพวกลูกมิได้คิดติด ตามบทสวดภาวนา ซึ่งทุก ๆ ถ้อยคำมีความหมายอย่างยิ่ง

พวกลูกคิดหรือไม่ว่าทำไมทุกครั้งที่พระ บิดาเจ้าได้ให้แม่มาเตือนมนุษย์ ในทุกครั้งแม่จะเตือนให้ระลึกถึงการสวดภาวนาเสมอ สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถเชื่อมโยงมนุษย์กับพระบิดาเจ้าบนสวรรค์ พระองค์ไม่เคยนับว่าวันนี้ลูกได้สวดไปแล้วกี่ครั้ง แต่พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงจิตใจที่แท้จริงของลูก ว่าลูกได้สวดภาวนาด้วยความรักต่อพระองค์อย่างแท้จริงหรือไม่

ขอ ให้พวกลูกนำกลับไปพิจารณาดูว่า ลูกได้เร่งรีบเพื่อให้การสวดภาวนาได้จบสิ้นไปใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นแล้ว แม่ขอบอกว่ามันไม่มีประโยชน์อันใดเลย เหตุว่าสิ่งที่ลูกทำนั้นมิได้ออกมาจากหัวใจของลูก นี่คือเหตุที่ว่า ทำไมพวกเจ้าพร่ำบ่นว่าได้สวดภาวนามากมาย แต่มิเห็นผลประการใดบังเกิดขึ้นเลย แม่ขอให้ลูกถามใจตัวของลูกเองเสียใหม่ว่า ลูกได้กระทำด้วยความรัก ด้วยความเต็มใจอย่างสิ้นสุดจิตใจหรือไม่ จงอย่าให้บทบาทของชีวิตในโลกนี้ ซึ่งทุกอย่างมีแต่การเร่งรีบ เพื่อที่จะได้มาซึ่งผลประโยชน์โดยเร็ว มามีอิทธิพลเหนือพวกลูกในเวลาที่พวกลูกอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดาเจ้า เถิด ไม่มีผู้ใดที่จะหลอกลวง
(แม่พระหมายถึง ไม่มีผู้ใดที่จะหลอกลวงพระบิดาเจ้าได้) ด้วยการแสดงกิริยาอาการนอบน้อม แต่ในใจนั้นร้อนรน เร่งรีบ เพื่อให้จบ ๆ สิ้นไป

แม่เหนื่อยใจ เหลือเกิน…. คำพูดของแม่ เมื่อไหร่พวกลูกจะเข้าใจกันเสียที แม่เหนื่อยใจเหลือเกิน…. ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 1:45 am

สงครามในสวรรค์และแผ่นดิน
วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2548 เวลา 00.50 - 01.50น.

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พวกเราสวดค่อนข้างดึกพอเวลาประมาณ 23.00น. ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปนอนด้วยความง่วง ผมเองก็นอนหลับอยู่ที่หน้าแม่พระนั่นเอง มารู้สึกตัวอีกทีก็เวลาประมาณ 00.45น.แล้ว วันนี้ผมยังไม่ได้รับสาสน์จากแม่พระเลย ผมจึงเตรียมตัวเพื่อรับสาสน์ของแม่แต่เพียงผู้เดียวตามลำพัง จากนั้นไม่นานผมก็ได้เห็นความสว่างไสวปรากฏขึ้นที่แม่พระฟาติมา พระพักตร์ของพระแม่ช่างอ่อนโยนและมีเมตตาเสียจริง ๆ ผมรู้สึกได้ว่าวันนี้แม่พระได้ทรงมาหาลูกของพระแม่ด้วยความรักอย่างเต็ม เปี่ยม พระแม่ได้ประทานสาสน์แก่ผมในคืนนี้นานเป็นพิเศษซึ่งมีข้อความดังนี้

“ลูก ที่รัก แม่ขอบใจลูกมากที่อุตส่าห์มารอเฝ้าสาสน์จากแม่ แม่เห็นความปีติยินดี ในจิตใจของลูก สำหรับงานที่ลูกได้ตั้งใจทำให้แม่นั้นได้บรรลุถึงความสำเร็จแล้วขั้นหนึ่ง

มิ เพียงแต่ลูกเท่านั้นที่ยินดี แม่เองก็ยินดีด้วยเช่นกัน แม่ปีติยิ่งนักที่บัดนี้มีคนเป็นจำนวนมากมายเฝ้ารอฟังข่าวสารจากแม่โดยผ่าน ลูก ขอให้พวกลูกทั้งหลายจงรู้ ไว้เถิดว่า การที่แม่มาติดต่อกับลูกผู้นี้ ให้เขาได้ยินคำพูดของแม่และทำบันทึก อยู่นี้ เป็นพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าโดยแท้

ถ้ามนุษย์ในโลกนี้ ทุกคนยินดีและเต็มใจ น้อมรับปฏิบัติตามแนวทางที่องค์พระบุตรสุดที่รักของแม่ ได้มาแสดงให้พวกลูกได้ประจักษ์แล้วนั้น ก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะทำให้ แม่ต้องมาเพื่อเตือนพวกลูกในโลกนี้อีก

แต่มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย พวกลูกไม่รู้หรอกว่าลูกกำลังทำอะไร จงอย่ามองเห็นเฉพาะความสุขเฉพาะหน้ากับสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนในโลกนี้ จงตรึกตรองดูให้ดีเถิด ในสิ่งที่พวกลูกเห็นว่าเป็นความสุขนั้น แท้จริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ มันเป็น เพียงสิ่งลวงตาที่พวกลูกหลงไปกับความพึงพอใจต่างหาก ปีศาจมันช่างเข้ามาทำงานได้ง่ายดายเสียจริง ๆ และมนุษย์ก็ยินดีตกเป็นเหยื่อของมันคนแล้วคนเล่า เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟแห่งความร้อนแรงชั่วนิรันดร์นั้นด้วยความสมัคร ใจ

วันนี้แม่อยากมาเตือนมนุษย์ทั้งหลายว่า ถ้าลูกได้ติดตาม คิดคำนึง ในสิ่งที่แม่ได้พร่ำสอนลูกมาตลอดเวลานั้น ลูกก็จะรู้ว่า การเป็นคนดีนั้น มิใช่เรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญประการใดเลย แค่เพียงลูกยกระดับจิตใจของลูก ให้เข้ามาสู่อ้อมพระหัตถ์ของพระบิดาเจ้าเท่านั้น

พระองค์ทรงมีความ รักที่มากมายประทานให้แก่ลูก แต่เหตุไฉน พวกลูกจึงมิยินดีตอบรับความรักของพระองค์ด้วยสมัครใจเล่า พระองค์ต้องการเห็นให้ความรักนั้นบังเกิดขึ้นในจิตใจของพวกลูกแต่ละคน ไม่ว่าลูกจะทำสิ่งใดก็ตาม ถ้าออกมาจากหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเต็มไปด้วยเมตตาจิต เพราะเหตุว่าในจิตใจนั้น อยากเห็นผู้ที่ลูกได้แสดงความรักด้วยนั้นมีความสุข

ไม่ใช่เรื่อง ที่ลำบากยากเย็นจนเกินไปสำหรับพวกลูกใช่มั๊ย แม่อยากบอกว่า ถ้าในจิตใจของพวกลูกแต่ละคน คิดเหมือนกัน แสดงความรักออกมาอย่างเดียวกัน ซึ่งมาจากจิตใจที่แท้จริง สิ่งนี้จะเป็นพลังอันวิเศษ ที่พวกลูกสามารถเปลี่ยนแปลง เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์

แม่ ได้มองเห็นหลาย ๆ คนในพวกลูกได้เริ่มคิด ได้เริ่มกระทำในกิจการต่าง ๆ ที่เริ่มต้นจากความรัก จากหัวใจเพียงดวงเดียวแต่ทำเพื่อผู้อื่น

การ วิงวอนของพวกลูก ที่ยกถวายประเทศอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของลูกให้แก่แม่นั้น แม่ปีติยินดียิ่งนัก พระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์ทรงพอพระทัยที่เห็นพวกลูกนั้น รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติพี่น้องของลูก แต่ก็เป็นคนในชาติเดียวกันกับลูก ลูกได้วิงวอนขอสันติภาพ ให้เกิดขึ้นแก่ประเทศของลูก พระองค์ทรงพอพระทัยยิ่งนัก
(สาสน์ในตอนนี้ของแม่พระทำให้ผมนึกถึง นักบุญโฟสตีนาที่ได้วิงวอนทูลขอพระเมตตาจากพระเยซูเจ้าเพื่อประเทศโปแลนด์ และพระองค์ได้ทรงตรัสกับท่านนักบุญว่า “เพื่อเห็นแก่ลูก เราจะอวยพรประเทศ นี้ทั้งประเทศ” และพระองค์ทรงทำเครื่องหมายกางเขนเหนือประเทศโปแลนด์…)

แต่การ นี้พวกลูกกำลังส่งพลังจิตใจที่บริสุทธิ์ของลูก ขัดขวางต่อการทำงานของปีศาจ แน่นอนมันกำลังโกรธแค้นพวกลูก ที่ลูกไม่ยินดียอมตกเป็นเครื่องมือในการทำงานของพวกมัน ดังนั้นในหลายต่อหลายคน อาจจะถูกประจญ จงยกจิตใจ ของพวกลูกขึ้นหาพระบิดาเจ้าสวรรค์เถิด เมื่อใจของพวกลูกอยู่ในพระหรรษทานของพระองค์แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำอะไรพวกลูกได้

จงอย่าฟังจิตชั่วร้าย วเจ้าที่มันพร่ำยุยง เสี้ยมสอนให้ลูก ให้กระทำในสิ่งที่ลูกต้องตกอยู่ในบาปเลย

สงครามนี้เจ้ามิอาจเห็น ได้ด้วยตาเปล่า แต่เป็นสงครามที่แม่กับเหล่าเทวดานิกรชาวสวรรค์ทั้งหลายได้มาอยู่ท่ามกลาง พวกลูก พวกลูกนั้นแหละคือกำลังสำคัญในการต่อสู้กับพวกมัน จงอย่าปล่อยให้ในจิตใจของลูกมีที่ว่างสำหรับพวกมันเป็น อันขาด

พวก มันได้ใช้พวกลูกเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับแม่ ด้วยเหตุนี้เองแม่จึงส่งอารักขาเทวดาทั้งหลายมาอยู่ท่ามกลางพวกลูก จงฟังเสียงเตือนในจิตใจของพวกลูกเถิด เสียงนี้ไม่ใช่มโนธรรม แต่เป็นเสียงของอารักขาเทวดาที่กระตุ้นเตือนพวกลูกให้มีสติและไม่หลงกลตก เป็นเครื่องมือ ตกเป็นทาสของปีศาจ

สงครามที่เรากำลังทำอยู่นี้ มันเกิดขึ้นแล้วในจิตใจของพวกลูกทุกคน แม่ขออวยพรและเป็นกำลังใจให้พวกลูกเอาชนะสงครามนี้ไปได้ ขอให้พวกลูกจงยึดถือ แนวทางปฏิบัติของพระบุตรสุดที่รักของแม่เถิด ด้วยหนทางนี้ทางเดียวแหละที่จะ พาพวกลูกฝ่าฟันออกไปจากค่ายกลของปีศาจนี้อย่างง่ายดาย พวกมันจะไม่มีวัน ชนะพระบิดาเจ้าสวรรค์เป็นอันขาด

สำคัญอยู่ที่จิตใจของพวกลูกแต่ละ คน ขอให้มั่นคงและแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนให้บังเกิดขึ้นโดยเร็ว ณ บัดนี้เถิด จงอย่ารอ หรือหาโอกาสว่าเมื่อนั้นเมื่อนี้ถึงจะสมควรกระทำ ลูกจะรู้ได้อย่างใดว่าเมื่อนั้นเมื่อนี้ของลูก ในเวลานั้น พวกลูกยังมีชีวิตอยู่ที่จะได้กระทำ

เวลาของพวกลูกทุกคนได้มีกำหนด ไว้แล้วอย่างแน่นอนตายตัว แต่พวกลูกเอง ต่างหากที่คอยผลัดผ่อน ไม่เร่งรีบที่จะฉวยโอกาสอันดีที่ลูกยังมีอยู่นี้ ได้แสดง ความรักด้วยการกระทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย

จงอย่าลืมว่า กระแสน้ำเมื่อไหลจากที่สูงตกลงไปสู่ยังที่ต่ำแล้ว มันก็ยากที่จะไหลย้อนทวนขึ้นมาได้อีก อย่าเสียโอกาสในเมื่อพวกลูกได้พร่ำวิงวอน สวดภาวนายกระดับจิตใจของพวกลูกให้สูงขึ้นมากมายกว่าบรรดาจิตชั่วร้ายทั้ง หลายแล้ว เหตุใดเล่า พวกลูกจึงยังคงเชื่อฟัง และปฏิบัติตามเสียงแห่งจิตชั่วร้ายนั้น เช่นมันเป็นนายของลูกเล่า

พระ บิดาเจ้าสวรรค์ทรงรักพวกลูกมาก พระองค์ไม่เคยบังคับว่าลูกจะต้องทำอะไร เพื่อให้เป็นที่สบพระทัยของพระองค์ แต่พระองค์ให้สิทธิและเสรีภาพในทางความคิดแก่ลูกทั้งหลาย ว่าเจ้าจะเลือกทำอะไรก็ได้ ลองตรองดูให้ดีเถิด ผู้ที่รักลูกมากมายถึงเพียงนี้ ทำไมพวกลูกไม่ได้แสดงความรัก ความกตัญญูต่อพระองค์เลยเล่า

ทีเวลาที่พวกลูกได้กระทำในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกลูกก็หวังจะได้ผลแห่งการตอบแทนนั้นไว้สูงเสมอ ว่าลูกต้องได้มากกว่าที่ลูกได้ให้ไป ลูกเห็นหรือยัง นี่คือกัปดักเล็ก ๆ ที่ปีศาจ วางหลุมพรางหลอกล่อพวกลูกทั้งหลายให้หลงกลพวกมัน

จะมีแม่คนใดเล่า ที่ทนเห็นบรรดาลูก ๆ กำลังตกหลุมพราง หรือกำลังเดินทางเข้าไปหากัปดักนั้นได้เล่า แม่นี้จึงมาเตือนพวกลูกด้วยความรักอย่างสิ้นสุดจิตใจ

วันนี้ลูก อาจจะสับสนในคำเตือนของแม่ จงกลับไปพิจารณาทบทวนดูให้ดีเถิดว่า แม่ได้พยายามบอกอะไรกับพวกลูกอยู่ ทบทวนดูให้ดีเถิด ความสุขที่แท้จริงนั้น ลูกก็จะได้รับตั้งแต่วินาทีแรกที่ลูกได้ตอบสนองน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า แล้ว สิ่งใดก็ตามที่พวกลูกกระทำภายใต้พระนามของพระองค์ สิ่งนั้นแหละจะนำมาซึ่งสันติสุขตามที่พวกลูกวิงวอนขอ

จงอย่าไป ตัดสินผู้อื่น ถึงแม้เขาจะกระทำผิดอย่างร้ายแรงหรือออกนอกลู่นอกทาง พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงเล็งเห็น พระองค์จะทรงเป็นผู้ตัดสินบรรดาเขาเหล่านั้นเอง ขอให้พวกลูกสวดวิงวอนให้ผู้ที่เป็นเหยื่อจิตชั่วร้ายเหล่านั้นได้กลับใจ ด้วยเถิด

นี่คือสิ่งที่แม่กำลังเล็งเห็นพวกลูกหลายคนได้ทำเป็นพิเศษ ตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ในเดือนที่พวกลูกได้ถวายเกียรติแก่แม่นี้ ขอให้พวกลูกทั้งหลาย ใช้ช่วงเวลาอันมีค่าในเดือนนี้ตามสิ่งที่แม่ได้พร่ำสอนเถิด พระหรรษทานมากมายจะบังเกิด เมื่อลูกได้กระทำโดยผ่านคำเสนอวิงวอนในนามของแม่

ขอให้พวกลูกจงจำ ไว้ว่าการที่แม่มาหาพวกเจ้านี้ แม่เองสมัคใจที่จะทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์ เพราะพวกลูกคือลูกของแม่”
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 1:46 am

ความเศร้าใจของแม่
วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2548 เวลา21.50-22.30น.

เมื่อวันเสาร์ที่ 15 นี้พวกเราได้ไปร่วมแสวงบุญที่วัดเซ็นต์ร๊อค, วัดหัวไผ่, และวัดแม่ พระเมืองลูรด์บางแสนกันมา เมื่อถึงบ้านหลังจากสวดภาวนาเสร็จทุกคนได้กลับไป พักผ่อน ผมเองก็นอนหลับอยู่ที่หน้าแม่พระนั่งเองกะว่าพอเที่ยงคืนจะตื่นขึ้นมาเพื่อ รอรับสาสน์จากแม่พระ แต่พอเมื่อตื่นขึ้นมาจริง ๆ ก็ง่วงนอนมากด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางมาตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนค่ำ ผมเลยบอกกับแม่พระในใจว่าคืนนี้ลูกทนอดนอนไม่ไหว ลูกขอลาแม่พระไปนอนก่อน คืนพรุ่งนี้ขอให้ลูกได้มีโอกาสได้พบกับแม่ด้วย แล้วผมก็หลับเป็นตายไปจนรุ่งเช้าของวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม ผมได้ไปร่วมพิธีบูชามิซซาในตอนเช้าก็ยังไม่วายนั่งสับปะหงกเวลาคุณพ่อเทศน์ ได้ยินบ้างหลับไปบ้าง แต่ก็พยายามอยู่ร่วมพิธีจนจบได้เหมือนกัน คืนวันอาทิตย์นี้ผมจึงตั้งใจเป็นพิเศษที่จะเฝ้ารอแม่พระ หลังจากที่พวกเราสวดภาวนาในค่ำนั้นเสร็จแล้ว ผมก็นั่งมองที่แม่พระไปเรื่อย ๆ แต่ผมก็ยังไม่ได้สัมผัสใด ๆ ทางจิตเลย ผมเฝ้ารออยู่นานพอสมควร ผมจึงเริ่มเห็นพระพักตร์ของแม่พระอ่อนโยนและสว่างไสว ผมก็รู้อยู่ในใจว่าบัดนี้แม่พระได้มาตามคำวิงวอนของผมแล้ว แม่พระได้ทรงประทานสาสน์ดังต่อไปนี้

“ลูกที่รัก แม่เห็นลูกมาคอยเฝ้ารับสาสน์จากแม่ในวันนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่เป็นวันเสาร์แต่ก็ทำให้แม่ต้องมาพบลูก ตามคำวิงวอนของลูก

น่า เสียดายโอกาสที่ลูกยังมิได้เผยแพร่คำเตือนของแม่ในอาทิตย์ก่อน สิ่งที่แม่บอกกับลูกนั้นจะเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งหลาย ถ้าพวกเขาได้นำไปปฏิบัติตาม แม่อยากให้ลูกนำสาสน์ของแม่เมื่อครั้งที่แล้วนั้นไปเผยแพร่ให้ได้มากที่สุด ตาม กำลังและความสามารถของลูก

สำหรับวันนี้นั้น สิ่งที่แม่อยากจะบอกแก่ลูกผ่านไปยังมนุษย์ทั้งหลายก็คือ ขอให้ทุกคนจงอย่าประมาท ขอให้ทุกคนตั้งมั่นและพิจารณาดูให้ถ่องแท้ว่า การที่แม่มาเพื่อเตือนพวกลูกในแต่ละครั้งนั้นมีความหมายเพียงใด ลูกทั้งหลายได้เข้าใจและ นำไปปฏิบัติตามกันมากน้อยเพียงใด

มนุษย์ ทั้งหลายเอ๋ย ถ้าลูกห็นความสำคัญและยกให้เดือนนี้เป็นเดือนพิเศษสำหรับแม่แล้ว ก็ขอให้พวกลูกใช้เวลาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่นี้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้คน ทั้งหลายด้วยการสวดภาวนาในนามของแม่เถิด จะมีสักกี่คนที่ได้ยินเสียงเรียกร้องนี้ในหัวใจของเขา แม่ได้บอกว่าแม่ได้ส่งอารักขาเทวดาให้มาคอยคุ้มครองและเฝ้าเตือนพวกลูก แม่ขอถามว่ามีกี่คนที่เปิดใจรับฟังเสียงย้ำเตือนของเหล่าอารักขาเทวดานั้น จงอย่าสูญเสียโอกาสอีกเลยในเมื่อพวกลูกทั้งหลายยังมีโอกาสนี้อยู่

พระ บิดาเจ้าสวรรค์ทรงเล็งเห็นว่ามนุษย์ในปัจจุบันมิได้ใส่ใจกับการฟื้นฟูระดับ จิตใจเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ พวกลูกต้องการแต่ที่จะได้เห็นสิ่งที่ลูกอยากจะเห็นบังเกิดขึ้น ณ ต่อหน้าพวกลูกเท่านั้นเองหรือ ถ้าเช่นนั้นแม่ขอบอกว่า ความ เพียรพยายาม การพร่ำสวดภาวนาของเหล่าเทวดาและนักบุญทั้งหลายเพื่อให้ได้มาซี่งน้ำพระทัย ของพระบิดาเจ้านั้นต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงจะบังเกิดผล หากพวกลูกมิยินดีที่จะรับพระพรอันประเสริฐนี้ร่วมกับบรรดาเทพนิกรในสวรรค์ แล้ว ก็เป็นการยากเหลือเกินที่จะดึงพวกลูกให้ได้รอดพ้นจากกลลวงของปีศาจทั้งหลาย ซึ่งพวกมันกำลังทำงานอย่างเร่งรีบเพื่อให้ได้มาซึ่งวิญญาณของพวกลูกให้ได้ อยู่ห่างไกลจากพระอาณาจักรสวรรค์

จงช่วยกันทำให้โลกนี้มีสันติสุข เถิด แม่ได้พร่ำบอกถึงวิธีการที่จะได้มาซึ่งสันติสุขนี้ หลายครั้งหลายหนแล้ว เหตุไฉนพวกลูกก็ยังผลัดผ่อนมิได้เริ่มทำตามแนวทางที่แม่ได้ให้แก่ลูกไว้เลย แม่เศร้าใจยิ่งนัก แม้แต่ในบรรดาผู้ที่ได้อ่านหรือได้ยินเรื่อง ราวจากสาสน์ของแม่ เขาก็จะตื่นเต้นปีติยินดีไปกับข่าวนั้นเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น
(แม่พระกำลังบอกกับกับพวกเราว่า สาสน์ของแม่พระไม่ใช่ข่าวตามหนังสือ พิมพ์ที่ได้อ่านกันไปแล้วก็จบกัน ต้องมีการนำไปปฏิบัติตามพระประสงค์ด้วย) หลังจากนั้นแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม ๆ อีก แม่เศร้าใจจริง ๆ

มนุษย์ ผู้อ่อนแอ ลูกคิดแต่ว่า ลูกคือผู้อ่อนแอไม่ไปไหน เดี๋ยวลูกก็จะไปแก้บาป เพื่อชำระวิญญาณของลูกให้สะอาดบริสุทธิ์ แต่จงอย่าลืมว่าถ้าในครั้งต่อไปลูกไม่ได้หลีกหนี หรือเปิดโอกาสที่จะกระทำบาปเดิม ๆ นั้นซ้ำอีกแล้วไซร้ บรรดาอารักขาเทวดาและเทพนิกรในสวรรค์ทั้งหลายต่างก็เศร้าใจ ที่เห็นพวกลูกทั้งหลายได้ตกเป็นเครืองมือของพวกปีศาจเช่นเดิม จงอย่าผลัดผ่อน ผลัดวันประกันพรุ่งอีกเลย ขอให้พวกลูกทุกคนตั้งใจว่าวันนี้พวกลูกจะทำแต่ความดี หลีกเลี่ยงการกระทำบาป เมื่อลูกถูกประจญ อย่าลืมนึกถึงแม่ เอ่ยพระนามของพระบุตรสุดที่รักของแม่ หรือแม้แต่วิงวอนต่อพระบิดาเจ้าบนสวรรค์แล้ว พวกลูกก็จะพ้นภัย ขอให้พวกลูกอย่าเปิดโอกาสให้จิตชั่วร้ายเหล่านั้นมาพรากพวกลูกไปจากพระบิดา เจ้าสวรรค์ได้เลย

แม่ได้เฝ้ามองเห็นถึงการตัดสินใจของพวกลูกแต่ละ คน ที่จะกระทำตามจิตชั่วร้ายนั้นด้วยความยินดีและเต็มใจ
(โดยเฉพาะบาปเกี่ยวกับเนื้อหนังที่ทำให้วิญญาณไม่บริสุทธิ์) ลูกรู้หรือ ไม่ว่าทุกครั้งที่แม่เห็นลูกของแม่หลงทาง ตกอยู่ในอำนาจของ ความมืดนั้นแม่เศร้าใจเพียงใด แม่อยากจะบอก อยากจะมาเตือน อยากจะมาดึงพวกลูกทั้งหลายให้พ้นจากความชั่วร้ายชั่วนิจนิรันดรนั้น แต่น่าเศร้าใจยิ่งนัก พวกลูกมิได้ฟังเสียงเรียกร้องที่มาจากสวรรค์ที่เราส่งมาพิทักษ์พวกลูกแม้แต่ น้อยเลย ทำไมหนอพวกลูกถึงได้ถูกชักจูงโดยง่ายดายเช่นนี้ แม่นี้เสียใจที่เห็นลูก ๆ ของแม่กำลังยินดีและมีความสุขกับการตกอยู่ในบาปทั้งหลายโดยไม่ใส่ใจว่า ชีวิตในโลกหน้าจะเป็นอย่างไร พวกลูกต้องการความสุขที่หลอกลวงเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นหรือ? แม่เศร้าใจเหลือเกิน

พระบิดาเจ้าสวรรค์กำลังตัดสินพระทัยที่จะ เตือนมนุษย์ทั้งหลายด้วยวิถีทางของพระองค์ เมื่อเวลานั้นมาถึง จะมีแต่เสียงคร่ำครวญ ร้องไห้ และพวกลูกก็จะบอกว่า นี่คือการลงโทษจากพระองค์ ทำไมพวกลูกไม่คิดบ้างว่า การที่พระองค์ให้แม่มาเตือนพวกลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น พระองค์ได้ให้โอกาสพวกลูกเพียงใด แต่เมื่อพวกลูกไม่เชื่อฟัง พระองค์ก็ต้องตักเตือนพวกลูกบ้าง จงอย่าออกนอกลู่นอกทางกันอีกเลยลูกรัก นับว่ายังเป็นความโชคดีของพวกลูกที่พระองค์ทรงได้ยินการสวดภาวนา การวิงวอนขอเพื่อให้พระองค์ประทานสันติภาพและความสงบสุขให้บังเกิดขึ้นใน โลกนี้ นี่เป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้พระองค์ชะลอ ยั้งพระทัย เลื่อนเวลาการเตือนของพระองค์ต่อพวกลูกทั้งหลายออกไปอีก

ขอให้พวก ลูกทั้งหลายจงเตรียมใจให้ดีเถิด เพราะบัดนี้ภยันตรายต่าง ๆ ได้ใกล้เข้ามา ใกล้ตัวพวกลูกเพียงใดแล้ว ขอให้พวกลูกใช้ช่วงเวลานี้วิงวอนเพื่อสันติสุขสำหรับมนุษย์ทุกคนเถิด โดยอาศัยการวิงวอนในนามของแม่”
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 1:51 am

แสวงบุญที่สองคอนและสาสน์จากคุณแม่อักเนส พิลา
วันอังคารที่ 25 ตุลาคม 2548

ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าเรื่องนี้เป็นความเชื่อของผมเองเท่า นั้น ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะนำเรื่องนี้ขึ้นมาเผยแพร่เพื่อให้เป็นที่สะดุดใจของผู้ อื่น

ผมได้ไปร่วมแสวงบุญที่สองคอนระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 20-วันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค. 2548มาครับ และในการแสวงบุญครั้งนี้เองครับที่ผมได้รับประสบการณ์ที่ผมไม่อาจลืมไปจน ชั่วชีวิต

เมื่อผมไปถึงสองคอนหลังจากที่ได้ร่วมพิธีมิซซาที่ป่าศักดิ์สิทธิในตอนสาย แล้ว มีหลาย ๆ คนได้ไปเที่ยวกันที่ตลาดอินโดจีน ผมกับพี่สาวไม่ได้ไปด้วยเพราะคิดว่าเรา กว่าจะมีบุญได้มีโอกาสมาถึงสองคอนได้ก็ต้องรอเป็นเวลานานหลายสิบปี เมื่อมี โอกาสได้มาอยู่ที่นี่แล้วจึงไม่อยากไปไหนนอกจากอยู่ ณ. ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อสวดภาวนาดีกว่า

ในตอนเย็นก่อนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน, ตอนนั้นผมอยู่บนชั้นสองของตึกที่พัก พี่สาวและผู้ที่ร่วมไปแสวงบุญอีกหลายคนได้เห็นอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์ ทีแรกเห็นดวงอาทิตย์ส่ายไปทางซ้ายทีทางขวาที ผมก็มองไปด้วยความแปลกใจว่า เอ๊ะ เราตาฝาดไปหรือเปล่า ทีนี้ก็เลยจ้องมองดูอย่างไม่กระพริบตา แสงตอนนั้นยังจ้ามากมองแทบไม่ได้แต่เพียงชั่ว2-3วินาทีต่อมาผมก็เริ่มเห็น แผ่นศีลกลม ๆ สีเทามาบังดวงอาทิตย์ไว้ทำให้สามารถมองได้โดยไม่แสบตา รอบ ๆ ดวงอาทิตย์ผมเห็นแสงสีน้ำเงินเข้มวนอยู่โดยรอบดวงอาทิตย์ตกดินเร็วมากจึงรีบ เดินเพื่อหามุมที่ สามารถมองเห็นได้ดีกว่าบริเวณนั้น ผมเห็นน้อง ๆ กลุ่มเยาวชนฯโบกมือและบอกว่าให้ไปทานข้าวด้วยกัน แต่ผมไม่มีเวลาอธิบาย นอกจากรีบเดินไปดูดวงอาทิตย์ จนกระทั่งลับของฟ้าไป คืนนั้นก่อนนอนผมนัดกับพี่สาวว่า พรุ่งนี้เราจะรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำสมาธิกันที่บ้านคุณแม่อักเนสกัน

เช้าวันเสาร์ที่22ต.ค. 2548 เราสองคนก็รีบไปที่ริมแม่น้ำโขง ด้วยใจคิดว่าเช้านี้คงได้เห็นอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์อีก เมื่อไปถึงก็เกือบ 07.00น.แล้ว แสงอาทิตย์จ้ามากมองไม่ได้เลย ผมก็พยายามเอามือมาประสานกันป้องตาไว้ เพื่อมองลอดช่องระหว่างนิ้วมือ การพยายามครั้งนี้ก็ได้ผลครับ ผมเห็นแผ่นศีลสีเทามาบังดวงอาทิตย์ไว้ทำให้แสงลดความจ้าลง และเริ่มเห็นที่ดวงอาทิตย์และเมฆบริเวณโดย รอบ ๆ นั้นเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ แล้วค่อย ๆ เข้มขึ้นที่บริเวณดวงอาทิตย์ เหมือนกับ เวลาที่เราระบายสีน้ำจากสีเข้มกระจายออกไปจนจางหายไปในที่สุด ขณะที่ผมกำลังพยายามดูดวงอาทิตย์อยู่นั้น พี่สาวของผมได้ยินเสียงบอกว่า

“อย่ามัวเสียเวลาทำอะไรกันอยู่เลย กำลังรออยู่…”


ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าที่จริงแล้วเช้านี้เราจะไปที่บ้านคุณแม่อักเนสกัน เราจึงรีบเดินและขึ้นไปบนบ้านของคุณแม่อักเนสและนั่งสำรวมจิต เพราะเชื่อว่าคุณแม่คงจะมีอะไรที่จะบอกแก่เราสองคนเป็นแน่ สักครู่หนึ่งผมก็เริ่มได้ยินเสียงทางจิต ผมพยายามที่จะพูดตามและบันทึกเสียงเอาไว้ แต่มีอุปสรรค์เพราะมีคนขึ้นมาบนบ้านคุณแม่อักเนสกันมาก ทำให้ผมไม่มีสมาธิและก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาตามที่ผมได้ยิน กลัวคนจะเข้าใจผิดว่าผมเป็นบ้า ก็เลยต้องวอนขอคุณแม่อักเนสอยู่ในใจว่าขอให้คนเหล่านั้นกลับไปเสียที แต่ผมก็ ได้ยินเสียงตอบกลับมาอีกว่า “มันไม่ได้มีวิธีนี้วิธีเดียวนี่ลูก” ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ ว่าในกระเป๋ามีสมุดโน๊ตเล็ก ๆ ติดมาด้วย ผมก็เลยตัดสินใจที่จะจดบันทึกตามที่คุณแม่อักเนสพูดกับผมแทน ผมไม่เคยคิดว่าจะมีบุญพอที่จะได้พบคุณแม่อักเนสเลย เมื่อเริ่มจดบันทึกผมก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป มันไหนพลั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายด้วยความตื้นตันใจ แม้กระทั่งคุณแม่ได้หยุดพูดกับผมแล้ว ผมก็ ยังร้องไห้ต่อไปโดยไม่สามารถหยุดได้เลย คุณแม่ได้พูดกับผมไว้ดังนี้


บ้านคุณแม่อักเนส พิลา, สองคอน

วันเสาร์ ที่ 22 ตุลาคม 2548 เวลา 07.15-07.40

“ ลูกที่รักทั้งสอง แม่ขอขอบใจที่ลูกทั้งสองยินดีทำตามน้ำพระทัยของพระผู้เป็นเจ้า แม่ขอบอกแก่ลูกทั้งสองว่า ลูกคือผู้ที่ได้รับการเลือกสรรค์จากสวรรค์ให้มาทำหน้าที่ในโลกนี้ เพื่อนำพาดวงวิญญาณหลาย ๆ ดวงให้ได้กลับมาหาพระบิดาเจ้าสวรรค์ จงตั้งใจกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ต่อไปเถิด พระองค์จะมีวิธีการของพระองค์ที่นำพาพวกลูกไปสู่เส้นทางที่พระองค์ได้กำหนด ไว้สำหรับลูกทั้งสอง

ต่อไปนี้ขอให้ลูกจงตายจากโลกนี้ในขณะที่ลูก ยังมีชีวิตอยู่ แม่ไม่ได้บังคับถ้าลูกไม่สมัครใจ แต่แม่รู้น้ำใจของลูกทั้งสองดีว่าลูกเกิดมาเพื่อการนี้โดยแท้ พระบิดาเจ้าสวรรค์ได้เตรียมหนทางไว้ให้ลูกตั้งแต่ลูกเกิดมาแล้วว่า ลูกจะต้องมาทำงานให้
พระองค์ ลองมองย้อนหลังไปซิลูกรัก ลูกได้เดินทางมาไกลขนาดไหนแล้ว

การตายจากโลกนี้ขณะที่ลูกยังมี ชีวิตอยู่ สำหรับคนอื่นแล้วช่างเป็นเรื่องลำบากยากเย็น แต่ไม่ใช่สำหรับลูกทั้งสอง ขอเพียงแต่ลูกนึกอยู่แต่เพียงว่า ลูกทั้งสองมอบชีวิตให้อยู่ร่วมกับแม่พระและพระเยซูเจ้าในทุกชั่วขณะของลม หายใจ จงเปิด ใจให้ลูกได้ร่วมสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ทั้งแม่พระและพระเยซูเจ้าโปรดปรานลูกทั้งสองคนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะคิดจะทำอะไรก็ตามขอให้นึกเสมอว่า บัดนี้ลูกอยู่กับพระองค์ ทั้งแม่พระและพระเยซูเจ้าสถิตย์ในตัวลูกเสมอ จงพูดคุยกับ พระองค์ดั่งพระองค์ทรงเป็นพี่เลี้ยงทางวิญญาณของลูก ขอให้เปิดใจยินยอมน้อมรับพระพรอันยิ่งใหญ่นี้

ลูกรู้ไหม ทำไมลูกต้องไปอารามชีลับ พระบิดาเจ้าดลใจให้ลูกไปหาความรู้ทางวิญญาณ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับวิญญาณของลูกทั้งสอง จงตั้งใจและฝึกฝนตามคำสอนของท่านนักบุญเทเรซาเถิด (นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา) ด้วยวิธีนี้ลูกจะได้ แนบสนิทกับพระเยซูเจ้า ปล่อยให้พระองค์ทรงเลี้ยงดูวิญญาณของลูกเถิด

งานข้างหน้ากำลังรอ ลูกอยู่ ไม่ต้องกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น พระองค์ไม่เคยบังคับฝืนใจให้ใครแบกกางเขนแล้วเดินตามพระองค์ไป ลูกเองต่างหากที่ยินดีและวอนขอเพื่อให้ ได้มีโอกาสติดตามพระองค์ ขอให้เชื่อใจแม่ กางเขนของลูกไม่หนักเกินกว่ากำลัง ของลูกหรอก พระองค์ไม่ประสงค์ให้ลูกทั้งสองตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบากแต่อย่างใด

สิ่ง ที่แม่อยากจะบอกก็คือ กิจการบางอย่างที่ลูกทั้งสองต้องทำร่วมกันนั้น จงทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้าเถิด ลูกจะรู้ด้วยจิตวิญญาณภายในเองว่ากิจการนั้นคืออะไร แต่ในขณะเดียวกันลูกทั้งสองก็ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ส่วนตัว ของแต่ละคนต่างหาก

ต่อไปนี้ลูกไม่ได้อยู่เพียงลำพังแล้ว ในจิตวิญญาณของลูกมีแม่พระและพระเยซูเจ้าสถิตย์อยู่เสมอ พระองค์พร้อมเสมอที่จะกระทำกิจการทุกอย่างร่วมกับลูกทั้งสอง ลูกจะรู้อยู่แก่ใจเองว่าแม่พระสถิตย์อยู่ในดวงใจของผู้ใด และพระเยซูเจ้าประทับอยู่กับผู้ใด

จงน้อมรับพระพรอันยิ่งใหญ่นี้ ด้วยความยินดีเถิด แม่และชาวสวรรค์ขอเป็นกำลังใจให้ลูกทั้งสองได้ทำงานให้สำเร็จตามพระประสงค์ ของพระบิดาเจ้า แม่และบุญราศีแห่งสองคอน จะคอยดูแลลูกทั้งสองให้อยู่ในศีลในพรของพระเป็นเจ้าตลอดไป

จากแม่ (คุณ แม่อักเนส พิลา บุญราศีแห่งสองคอน) ”

หลังจากที่ผมสงบจิตใจได้แล้วก็ได้อ่านบันทึกนั้นให้พี่สาวของผมฟัง และเราก็ตกลงใจกันว่าเรื่องนี้คงนำไปเล่าให้ใครฟังคงไม่ได้หรอก เพราะใครจะเชื่อว่าคุณแม่ ได้มาหาเราสองคน

ในตอนบ่ายพวกเราก็ได้ไปหาแม่พระที่บ้านซ่งแย้ หลาย ๆ คนได้สัมผัสถึงพระพรที่แม่พระได้ประทานให้แก่ทุกคนที่ไปในวันนั้น น้อง ๆ กลุ่มเยาวชนฯก็ถามผมว่าแม่พระได้บอกอะไรแก่ผมบ้าง ที่จริงแล้วในตอนนั้นผมไม่ได้มีสมาธิสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ฟังคุณพ่อเล่าประวัติและโครงการที่จะทำต่อไปในอนาคต แต่เมื่อตอนที่ผมขึ้น ไปบนวัดเห็นแม่พระแต่ไกลนั้นก็นึกอยู่ในใจว่า ทำไมหนอแม่ถึงต้องมาในที่ ๆ แสนจะธรรมดาเช่นนี้ ผมก็ได้ยินเสียงแม่พระตอบกลับมาว่า

“นี่แหละคือสาเหตุที่แม่ ต้องการมาอยู่ที่นี่ คือสมถะและเรียบง่าย และแม่ขออวยพรให้ลูกทุกคนอยู่ในศีลในพรของพระเป็นเจ้า”

ผมจึงบอกกับน้อง ๆ ไปตามที่ผมได้ยินแม่พระตรัสกับผมมา ผมเชื่อว่าแม่พระคงอยากเห็นลูก ๆ ของแม่ได้ดำเนินวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และ สมถะ เช่นกัน

ผมยังติดใจอยู่ในเรื่องที่คุณแม่อักเนสบอกให้ผมกับพี่สาวตายจากโลกนี้ในขณะ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมยังไม่เข้าใจว่าผมจะต้องทำอย่างไร ในค่ำวันนั้นผมจึงปรึกษากับคุณพ่อและท่านก็ได้กรุณาอธิบายให้ผมได้เข้าใจ มากขึ้น ผมจึงเริ่มสวดภาวนาอยู่ในใจและขอแม่พระว่า ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าแล้วลูกก็ขอน้อมรับให้เป็นไปตามนั้น และขอให้แม่สถิตย์อยู่กับดวงใจของลูกด้วย ผมก็ได้ยินเสียงแม่ตอบกลับมาว่า

“ได้ ซิลูกรัก แต่ต้องเป็นหัวใจแห่งมหาทุกข์นะลูก ลูกจะรับได้ไหม?”

ผมอึ้งอยู่พักใหญ่เลยครับ แล้วผมจึงตอบแม่พระไปว่าลูกยินดีน้อมรับพระพรอันนี้ ขอให้ลูกได้เป็นส่วนหนึ่งของแม่พระด้วย คืนนั้นผมก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟังเลยเพราะคงไม่มีใครเชื่อแน่ ๆ

พอตอนเช้าก่อนไปร่วมพิธีถวายมิซซาในตอนเช้า คุณพ่อท่านก็ได้บอกให้ผมแบ่งปันเรื่องคุณแม่อักเนสกับพี่น้องทั้งหลายใน เช้าวันนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าจะสรุปยังไง เพราะข้อความทุกตอนมีความสำคัญ ผมเลยบอกกับท่านว่าผมขออนุญาตอ่านบันทึกทั้งหมดให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟังก็ แล้วกัน เพราะเรื่องทั้งหมดนี้ผมไม่สามารถจะอธิบายได้ในระยะเวลาอันสั้น ก่อนที่ผมจะออกไปพูด ผมได้ขอแม่พระอยู่ตลอดเวลาว่า ช่วยลูกด้วย ลูกกลัวเหลือเกินที่จะเล่าเรื่องนี้ ให้ใคร ๆ ฟัง แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงของแม่พระบอกกับผมว่า

“แม่อยู่กับลูกเช่น นี้ แล้วยังจะกลัวอะไรอยู่อีกเล่า”

ผมจึงมีกำลังใจและออกไปพูดโดยไม่หวั่นไหวอีกต่อไป ถ้าอะไรจะเกิดขึ้นก็ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของแม่ก็แล้วกัน

เรื่องก็มีอยู่เพียงเท่านี้แหละครับ จึงเล่ามาสู่กันฟัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 1:55 am

คำตอบของแม่ที่ลำไทร
หน้าถ้ำแม่พระ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร
วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม 2548 เวลา 03.23-03.50 น.



วันนี้เราไปถึงวัดพระวิสุทธิวงส์ค่อนข้างเร็วเป็นพิเศษ ผมไปนั่งสวดสายประคำตามลำพังตั้งแต่เย็น ในระหว่างนั้นก็มีพี่น้องชาวลำไทรผู้หนึ่งเดินเข้ามาถามเกี่ยวกับสาสน์ของ แม่พระและรูปถ่ายหน้าถ้ำแม่พระที่ผมแจกไปเมื่อเดือนที่แล้ว ผมแปลก ใจว่าเขารู้ได้อย่างไร เพราะผมแจกไปเฉพาะผู้ที่มาร่วมสวดภาวนาด้วยเท่านั้น เขาบอกว่าเขาอายมากที่เป็นคนที่นั่นแต่ไม่ได้มาร่วมสวดกับพวกเราด้วย และเชื่อว่าต้องมีอะไรดีสักอย่าง ไม่งั้นพวกเราคงไม่มานั่งทรมาน, อดนอนสวดกันทั้งคืนได้ทุกเสาร์สิ้นเดือนหรอก แต่เขาทนอดนอนไม่ไหว ผมจึงบอกกับเขาว่าไม่ต้องอดหลับอดนอนอย่างพวกเราก็ได้ ขอเพียงแต่ให้มาร่วมสวดด้วยสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี แม่พระยังทรงประจักษ์อยู่และคอยให้พวกลูก ๆ ได้มาหาด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ให้มาเพื่อเฝ้ารอดูอัศจรรย์ เขาจึงบอกว่าคืนนี้เขาจะพยายามมาร่วมสวดกับพวกเรา แค่ได้ยินเพียงเท่านี้ผมก็ตื้นตันใจแล้วครับ จริงอย่างที่แม่พระตรัสไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่า

“แม่ขอขอบใจใน ความมีน้ำใจของทุก ๆ คน ที่ได้มารวมตัวกันอยู่ ณ ที่นี่ จากคนเพียงจำนวนไม่กี่คน วันนี้ลูกได้เริ่มมองเห็นถึงปัญหาแล้วใช่ไหม ว่าจำนวนคนจะเพิ่มขึ้นอีก นี่แหละคือผลจากการภาวนาของพวกลูก แม่ต้องการเฉพาะคนที่มาหาเราด้วยสิ้นสุดจิตใจเท่านั้น ลูกไม่จำเป็นต้องบังคับ หรือชักจูงผู้ ใดผู้หนึ่งมาเพื่อให้ได้จำนวนเพิ่มขึ้นเลย พวกเขาจะทราบข่าวจากพวกลูก และด้วยจิตใจร้อนรนของพวกเขา จะนำเขามาที่นี่เอง”

และในคืนนั้นเขาก็ได้มาสวดร่วมกับพวกเราจริง ๆ จนถึงเช้า (นอกจากนี้แล้วยังมีพี่ ๆ พา สมาชิกใหม่มาร่วมสวดเพิ่มขึ้นอีก 2 คน ผมดีใจจริง ๆ ครับ)

หลังจากนั้นผมกับพี่สาวได้ไปที่หน้าถ้ำแม่พระก็ไปพบกับคุณป้าสัตบุรุษ จากวัดแม่พระฟาติมา ดินแดง ท่านได้กรุณาแบ่งปันประสบการณ์ กี่ยวกับแม่พระของท่านให้เราสองคนฟัง ท่านบอกว่าทุกวันนี้ท่านอยู่กับแม่พระตลอดเวลา ในชีวิตของคุณป้าจะขาดแม่พระไม่ได้เลย ที่คอก็มีรูปของแม่พระแขวนไว้ ในถุงที่คุณป้าถือประจำนั้นก็มีสายประคำและหนังสือสวดภาวนา ถ้าคุณป้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ท่านคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
เมื่อตื่นนอนขึ้นมาก็ขอบคุณแม่พระที่ทรงเมตตาให้ท่านยังมีชีวิตอยู่ใน วันนี้ เพื่อที่จะได้มีโอกาสไปเฝ้าศีลที่วัดในตอนเช้ามืดทุกวัน ก่อนจะข้ามถนนคุณป้าก็ขอแม่พระให้ทรงคุ้มครองให้ท่านข้ามถนนไปอย่างปลอดภัย เมื่อข้ามถนนไปได้แล้วคุณป้าก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณแม่พระที่ทรงพาท่านข้ามถนน มาอย่างปลอดภัย เวลาเดินไปวัดก็ร้องเพลงสรรเสริญแม่พระไปด้วย และมีหลายครั้งที่คุณป้าถูกคนร้ายจี้เพื่อจะเอาทรัพย์สิน เพราะในเวลาเช้ามืดเช่นนั้นถนนยังเปลี่ยวอยู่ เนื่องจากยังไม่มีผู้คนแต่ท่านก็รอดมาได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง
มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า วันนั้นท่านได้ใส่เครื่องประดับที่มีราคาติดตัวไปด้วย และได้เอาเงิน1,000 บาทใส่ซ่อนไว้ในกล่องไม้ขีดแล้วใส่ไว้ในถุงที่ถือเป็นประจำ ที่ตัวก็มีเศษเงินเพียงสี่สิบบาทเท่านั้น ระหว่างทางก็รู้สึกว่ามีอะไรแว๊บเข้ามาทางด้านหลัง คุณป้าจึงหันกลับไปก็พบกับคนร้าย เขาบอกกับคุณป้าว่า“ขอตังมาใช้กับหน่อยซิ” คุณป้าจึงตอบไปว่า “ป้ามีติดตัวอยู่แค่สี่สิบบาทเอง นี่กะว่าจะเอาไปทำบุญที่วัด” พร้อมกับยื่นถุงที่ถือมาด้วยให้คนร้ายแต่โดยดีแต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น คนร้ายกลับมองไม่เห็นเครื่องประดับที่คุณป้า ใส่ติดตัวมาและก็บอกว่า“ให้คุณป้าไปทำบุญที่วัดเถอะครับผม ไม่เอาตังของคุณป้าแล้ว” ผมได้ยินแล้วแทบน้ำตาไหล ผมเชื่อว่าแม่พระทรงคุ้มครองคุณป้าจริง ๆ และผมก็ได้ยินเสียงภายในจิตของผมบอกว่า

“ นี่ไง… การอยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียว กับพระ ที่ลูกกำลังค้นหาอยู่”

เวลาประมาณ 18.00น. ผมกับพี่สาวจึงลาคุณป้าไปสวดที่หน้าถ้ำแม่พระก่อนที่จะมืดค่ำ พอสวดไปได้สักพักเราทั้งสองก็เห็นแม่พระค่อย ๆ จางหายไปจากถ้ำ หายไปจริง ๆ จนเรามองเห็นที่ผนังด้านหลังของถ้ำทั้งหมด พี่สาวผมเห็นมีดาวมา ปรากฏอยู่แทนที่แทน และสักครู่แม่พระก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างจาง ๆ แล้วค่อยชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นครบทั้งองค์ของแม่พระอีกครั้งหนึ่ง และเป็นอยู่เช่นนี้สลับไปสลับมาอยู่หลายครั้งมากจนพี่สาวของผมถามว่าแม่พระ คงมีพระประสงค์ที่จะตรัสอะไรแก่เราสองคนเป็นแน่ ผมจึงรีบสำรวมจิตและวอนขอต่อแม่พระว่า ถ้าแม่มีพระประสงค์จะตรัสสอนอะไรให้ลูกได้เข้าใจแล้ว ขอพระแม่ได้โปรดให้ลูกได้ยินข้อความนั้นด้วย และผมก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า

“เมื่อใดที่ลูกมีจิตใจร่วมเป็น หนึ่งเดียวกับแม่ ลูกก็จะไม่เห็นรูปปั้นของแม่อีกต่อ ไป เพราะเมื่อนั้นแม่ได้มาสถิตย์อยู่ในดวงใจของลูกแล้ว

วันนี้เป็น วันเสาร์สุดท้ายแห่งเดือนลูกประคำศักสิทธิ์ ขอให้ลูกจงตั้งใจสวดภาวนา เป็นพิเศษแก่พี่น้องร่วมชาติของลูก พระหรรษทานมากมายจะได้รับเมื่อลูกวอนขอในนามแห่งแม่”


คืนนั้น พี่ ๆ ได้มาร่วมสมทบสวดด้วยอีกหลายคน หลังจากที่สวดไปนานพอสมควร เราก็พักและได้ทานของว่างที่พี่เขาเตรียมนำมาให้ด้วย ในระหว่างนั้นเองก็มีการขอพระพรจากพระเยซูเจ้าเพื่อรักษาคุณอาท่าานหนึ่ง ซึ่งท่านได้ประสบอุบัติเหตุที่หลัง ต้องดามเหล็กเอาไว้และมีอาการปวดทั่วร่างกายอยู่ตลอดเวลา (ในเวลานั้นเองผมก็ได้ยินเสียงจากภายในจิตว่า

“ นี่ไง… งานที่ลูก ทั้งสองต้องทำร่วมกัน”

ผมจึงไปบอกกับพี่สาวให้มา ช่วยขอพระพรให้คุณอาด้วยอีกคน) คุณอาบอกว่าถ้าท่านไม่ได้แขวนสายประคำอยู่ละก็ ท่านก็ไม่อาจทนความเจ็บปวดนี้ได้ คงจะตายไปนานแล้ว แต่คุณอายอมรับความความเจ็บปวดนี้โดยไม่แสดงออกให้ใครเห็น ในขณะที่เราสองคนกำลังขอพระพรในการรักษาให้คุณอาอยู่นั้น ผมก็รับรู้ด้วยจิตว่าในขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่เหนือวัด ทรงมองลงมาที่พวกเราและทรงยิ้มให้อย่างพอพระทัย เราใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงในการขอพระพรนี้ และในบางขณะเราสองคนสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของคุณอา เป็นการปวดจากข้างในลึก ๆ ความปวดนี้ทะลุมือผมออกมาเลย ผมปวดมากจนน้ำตาไหล ผมจึงถามคุณอาว่าท่านทนได้อย่างไร เพราะผมรู้สึกปวดมากเหลือเกิน คุณอาก็บอกว่า นี่แหละ ไม่มีใครเชื่อว่าคุณอาป่วย แต่จริง ๆ แล้วทรมานมากเหลือเกินจนแทบไม่อยากจะไปไหน หลังจากการขอพระพรในการรักษาแล้ว ท่านก็อยู่ร่วมสวดกับพวกเราจนถึงเที่ยงคืนแล้วจึงกลับไป

พวกเราก็เริ่มสวดกันต่อจนถึงเวลาประมาณ03.00น. ก็หยุดการสวดภาวนาเพื่อรอรับสาสน์จากแม่พระ คราวนี้เครื่องอัดเสียงของผมก็รวนอีกเช่นเคย อัดเสียงไม่ ได้ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่วันก่อนหน้านี้ผมก็ยังใช้งานได้ดี ผมจึงขอให้พี่สาวของผมช่วยจดสาสน์ให้ผมด้วย สาสน์ในคืนนั้นมีดังนี้

“ลูก ที่รักทั้งหลาย วันนี้แม่ขอขอบใจทุก ๆ คนที่ได้ตั้งใจสวดภาวนาเป็นพิเศษแก่เพื่อนพี่น้องของลูก แม่ได้บอกแล้ว่าวันเสาร์นี้จะเป็นวันเสาร์สุดท้ายแห่งเดือนลูกประคำ ศักสิทธิ์ที่พวกลูกทั้งหลายได้ยกถวายเกียรติแด่แม่ แม่จึงขอบอกว่า วันนี้ คำวิงวอนทั้งหลายที่พวกลูกได้วิงวอนโดยอาศัยคำเสนอในนามของแม่นั้น พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงพอพระทัยและปีติยิ่งนัก ที่พวกลูกแต่ละคนได้วอนขอเพื่อพวกพ้องร่วมชาติเดียวกับลูก ขอให้เขาได้พบสันติภาพ แม่ขอบอกว่าคำวิงวอนนี้ พระองค์ทรงได้ยินมาตลอดในช่วงเดือนแห่งลูกประคำศักสิทธิ์นี้ ความเชื่อของพวกลูกทั้งหลาย ถึงแม้จะเป็นคนเพียงจำนวนไม่มาก แต่พวกลูกทั้งหลายทำด้วยจิตใจที่แท้จริงแล้วก็สามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงพระเมตตา ความสงบสุขจะบังเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองของลูก

แต่จงอย่าลืมว่าขณะนี้แม่ได้กำลังทำสงครามกับจิตชั่วร้ายทั้ง มวล พวกมันโกรธแค้นที่พวกลูกไม่ยินยอมทำตามคำยุยงของพวกมัน แม่ขอบอกว่าสันติสุขจะเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาไม่นาน เพราะยังมีคนใจบาปหยาบช้ากระทำการเพื่อให้ได้ มาซึ่งสิ่งที่เขาต้องการ โดยไม่สนใจว่าเขาจะทำให้ใครต้องเดือดร้อน ต้องสูญเสีย ต้องพลัดพราก แม้กระทั่งต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร บรรดามนุษย์ที่เอาแต่ใจตามความคิดของตนเองเป็นใหญ่ โดยหารู้ไม่ว่าเขาได้ดำเนินเข้าไปในหลุมพรางของบรรดาปีศาจและจิตชั่วร้าย ทั้งหลาย ขอให้พวกลูกจงเร่งสวดภาวนาวิงวอนขอพระบิดาเจ้าสวรรค์ เพื่อให้ทรงดลใจให้คนเหล่านั้นกลับมาหาอ้อมพระหัตถ์ของพระองค์เถิด นี่เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะยุติความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าที่เกิด ขึ้นในเวลานี้ได้

ด้วยความตั้งใจจริงของพวกลูก พระบุตรสุดที่รักของแม่ บัดนี้ได้มาอยู่ต่อหน้าพวกลูกแล้ว พระองค์ยินดีรับฟังคำเสนอวิงวอนของพวกลูกทั้งหลาย ขอให้พวกลูกทั้งหลายจงพูดกับพระองค์ด้วยจิตใจเช่นเด็กทารก บอกกับพระองค์อย่างซื่อ ๆ และ ง่าย ๆ ว่าลูกมีความประสงค์อันใด จงบอกกับพระองค์ ณ. บัดนี้เถิด ขอให้ทุกคนวิงวอนขอต่อพระเยซูเจ้าตามใจปรารถนา พระองค์กำลังสดับฟังอยู่……

พระบุตรสุดที่รักของแม่ทรงได้ยินคำ วิงวอนของพวกลูกทั้งหลาย พระองค์ทรงบอกว่าอัศจรรย์จะเกิดขึ้นได้ เมื่อลูกทำทุกสิ่งในนามของพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจ จงอย่าลืมญาติพี่น้องและมิตรสหาย หรือแม้แต่คนที่ลูกไม่รู้จัก ถ้าลูกได้พบเห็น และลูกรู้ว่าเขากำลังขาดแคลนและขัดสน จงให้ความช่วยเหลือแก่เขาเหล่านั้นเถิด พระองค์มีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตอบแทนพวกลูกในสรวงสวรรค์ จงอย่าลืม จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวลูกเอง จงให้อภัยแก่ทุกคนที่ได้กระทำความผิดพลาด เพราะ ผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินคือพระบิดาเจ้าสวรรค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น จงจำคำของแม่ไว้ ให้ดี จงอย่าตัดสินผู้อื่น”
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 1:57 am

วันสุดท้ายแห่งเดือนลูกประคำศักดิ์สิทธิ์

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2548 เวลา 21.00-22.00น.


วันนี้เป็นวันสุดท้ายแห่งเดือนลูกประคำศักดิ์สิทธิ์ พวกเราจึงตั้งใจกันเป็นพิเศษที่จะสวดภาวนาถวายเกียรติแด่แม่พระ และวิงวอนขอสันติภาพให้บังเกิดขึ้นแก่ประเทศไทย

เมื่อพวกเราได้เริ่มต้นสวดภาวนาผมก็ถูกประจญจากจิตชั่วร้ายทันที มันด่าหยาบคายและพูดคำลามกต่าง ๆ กรอกใส่หูผมอยู่ตลอดเวลา ผมขอในใจกับแม่พระให้ช่วยผมให้หลุดพ้นจากการรังควานของมันด้วย

แม่ของผมบอกว่าในเวลานั้น ถึงแม่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมก็ตาม แต่แม่ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นยะเยือก สะท้านไปทั้งตัว ขนลุกและหน้าชาอยู่ตลอดเวลา และในเวลานั้นเองผมก็ได้สัมผัสทางจิตกับความอบอุ่นด้วยความรักและเมตตา ผมเชื่อว่าแม่พระคงได้ยินเสียงที่ผมวอนขออย่างแน่นอน ผมมองไปที่รูปปั้นแม่พระฟาติมา พระพักตร์ของพระแม่ช่างอ่อนโยนดูเหมือนจะมีชีวิตจริง ๆ ผมได้ยินเสียงจากแม่พระว่า


“ไม่ต้องกลัว แม่อยู่ที่นี่ ขอให้จิตใจของลูกอยู่กับแม่ เพียงเท่านี้มันก็จะทำอะไรลูกไม่ได้”


ผมจึงละความสนใจจากเสียงด่าต่าง ๆ นั้นและ เพ่งจิตให้อยู่กับแม่พระเท่านั้น ผมรับรู้ว่าพวกมันมากันอย่างมากมายอยู่ที่หน้าต่างทั้งสองด้านของบ้าน และมีเทวดาสององค์คอยกั้นไม่ให้พวกมันเข้ามาในบ้านผมได้ ที่ด้านหน้าของแท่นแม่พระมีเทวดาอีกสององค์กำลังคุกเข่าถวายพระพรแม่พระอยู่ ขนาบข้างทั้งซ้ายและขวา ที่ใต้ฝ่าพระบาทของแม่พระนั้นมีปีศาจอยู่หนึ่งตนซึ่งมันถูกแม่พระทรงเหยียบ เอาไว้ มันกำลังทนทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวด และในเวลาเดียวกันนั้นเองน้าสาวของผมก็สามารถมองเห็นแม่พระได้ด้วยตาเปล่า ว่า แม่พระได้ทรงทอดพระเนตรมาที่ผมอย่างเอ็นดู พวกเราเริ่มมีกำลังใจและได้สวดบทภาวนาของอัครเทวดามีคาแอลถึงสามจบ บรรดาจิตชั่วร้ายทั้งหลายก็ค่อย ๆ จางหายไปจากจิตของผม เมื่อเราสวดบทถวายประเทศไทยแด่แม่พระ ผมรู้ว่าบัดนี้แม่พระได้ทรงลอยอยู่เหนือหลังคาบ้านของเรา ผมเห็นแม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์ เพราะโดยรอบองค์แม่พระมีตัวอักษรที่ผมอ่านไม่ออกโค้งอยู่โดยรอบ ผมปลื้มใจมากที่แม่พระทรงตอบรับคำภาวนาของพวกเรา ในคืนนี้ถึงผมจะไม่ได้รับสาสน์จากแม่พระแต่ก็รู้สึกซึ้งใจที่แม่พระคอยปก ป้องพวกเราอยู่เสมอมา (ผมมารู้ทีหลังว่าทำไมจิตชั่วร้ายถึงได้ตามมารังควานผม ก็เพราะผมได้เตือนน้องชายซึ่งไม่ได้ไปวัดมาประมาณสองปี ผมบอกให้เขารีบไปแก้บาปเสียในช่วงเดือนแห่งลูกประคำศักดิ์สิทธิ์นี้และใน ที่สุดเขาก็ยอมไปแก้บาปเมื่อวานนี่เอง พวกมันคงโกรธแค้นผมมากที่สามารถแย่งวิญญาณน้องชายของผมมาจากพวกมันได้ สำเร็จ ตลอดสัปดาห์นี้ผมถึงถูกรังควานจากพวกมันถึงสามวันด้วยกัน โดยเฉพาะในเวลาที่พวกเราสวดภาวนาพร้อมกันตอนค่ำ)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ เม.ย. 15, 2006 1:57 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
holy holy holy
โพสต์: 548
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm

อาทิตย์ เม.ย. 08, 2007 9:07 pm

ขอผิด
บ่มความชั่วไว้ในใจ
ไม่เชื่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Moidixmois
โพสต์: 42
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 17, 2008 7:00 am
ที่อยู่: In My Memory
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. มี.ค. 20, 2008 11:35 pm

ขอบคุณมากๆครับ
ตอบกลับโพส