ช็อก !! ศาลยุโรปตัดสินไม้กางเขนเป็นสิ่งกีดกันเสรีภาพในห้องเรียน
04 พฤศจิกายน
ช็อก !! ศาลยุโรปตัดสินไม้กางเขนเป็นสิ่งกีดกันเสรีภาพในห้องเรียน
--------------------------------------------------------------------------------
ศาลยุโรปด้านสิทธิมนุษยชน ทำเรื่องสุดช็อก เมื่อทะลึ่งตัดสินให้ไม้กางเขน เป็นสิ่งทำลายเสรีภาพและเครื่องมือสร้างความรุนแรงทางศาสนาในห้องเรียนแห่งหนึ่งของอิตาลี ด้านวาติกันสุดอึ้ง พร้อมย้ำ น่าสลดใจมากที่คนพวกนี้ มองไม้กางเขนเป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยกทางสังคม ส่วนบรรดาผู้นำทางการเมืองในอิตาลี ก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ย้ำชัด ไม้กางเขนเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของชาวอิตาเลี่ยน หาใช่ตัวปัญหาแต่อย่างใด
เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สื่อมวลชนทั่วยุโรป พร้อมกันตีข่าวชวนเศร้าใจ เมื่อศาลยุโรปด้านสิทธิมนุษยชน (European Court of Human Rights) มีคำสั่งตัดสินให้ โรงเรียนแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เป็นฝ่ายแพ้คดีต่อ "ซอยเล่ ลาอุตซี่" หญิงชาวฟินแลนด์ หลังจาก ลาอุตซี่ ฟ้องโรงเรียนแห่งนี้ ด้วยข้อหาติดไม้กางเขนไว้ในห้องเรียน ซึ่งทำให้ลูกๆ 2 คนของเธอ ต้องทนกับการถูกริดรอนเสรีภาพในการเรียนรู้และถูกคุกคามเสรีภาพในการดำเนินชีวิต
คดีดังกล่าว ใช้เวลาสู้กันในชั้นศาลนานถึง 8 ปีเต็มๆ ก่อนผลสุดท้าย คณะลูกขุน 7 คน จะตัดสินให้ ลาอุตซี่ เป็นฝ่ายชนะ ด้วยเหตุผลที่ว่า "โรงเรียนต้องแสดงออกถึงความเป็นกลางทางสังคม การนำไม้กางเขนมาติดไว้ในห้องเรียน อาจส่งผลให้นักเรียนถูกชักจูงด้วยสภาพแวดล้อมทางศาสนา ทั้งยังเป็นการจำกัดสิทธิการเรียนรู้ การเลือกแนวทางในการดำเนินชีวิต และการแบ่งแยกทางสังคม" นอกจากจะชนะคดีแล้ว ลาอุตซี่ ยังจะได้เงินชดเชยอีก 5,000 ยูโร (ประมาณ 248,250 บาท)
วาติกันอึ้ง หลังทราบผลการตัดสิน แต่ย้ำ ไม้กางเขนไม่ได้สร้างความแตกแยกทางสังคม
หลังข่าวการตัดสินคดีความถูกเผยแพร่ออกมา วาติกัน ก็ได้ออกมาแสดงความผิดหวังทันที โดย "คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้" ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ได้เป็นตัวแทนออกมาย้ำว่า ไม้กางเขนไม่ใช่เครื่องมือสร้างความแตกแยกและริดรอนเสรีภาพอย่างที่ถูกกล่าวหา
"ไม้กางเขนคือเครื่องหมายแสดงออกถึงความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความเมตตาที่พระเจ้ามอบให้มนุษยชาติ มันจึงเป็นเรื่องน่าสลดใจที่มีคำสั่งศาลว่า ไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายของการแบ่งแยก การกีดกัน และการจำกัดเสรีภาพ ศาสนามีคุณค่าและมีความสำคัญอย่างมากต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอิตาเลี่ยน ศาสนามอบสิ่งดีงามให้กับตัวบุคคล ทั้งในด้านรูปแบบการดำเนินชีวิตและศีลธรรม มันจึงเป็นความผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่มนุษย์ต้องการกำจัดศาสนาออกจากโลกการศึกษา" คุณพ่อลอมบาร์ดี้ กล่าวผ่านแถลงการณ์
บุคคลสำคัญทางการเมืองของอิตาลี ร่วมสลดใจต่อคำสั่งศาล
นอกจากวาติกันจะออกมาแถลงแสดงความสลดใจแล้ว "มารีอา เจลมินี่" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของอิตาลี และ "จานนี่ อเลมานโน่" นายกเทศมนตรีกรุงโรม ก็แสดงความตกตะลึงกับคำตัดสินของศาลยุโรปเช่นกัน ทั้งสองยืนยันว่า นี่เป็นการทำลายวัฒนธรรมของอิตาลีชัดๆ
มารีอา เจลมินี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของอิตาลี กล่าวว่า "ไม้กางเขนและศาสนาคริสต์เป็นเอกลักษณ์ของอิตาลี ดังนั้น ฉันตกใจมากเมื่อได้ทราบข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจะมาพรากความเชื่อและความศรัทธาที่เรามีต่อไม้กางเขนไปได้อย่างแน่นอน"
จานนี่ อเลมานโน่ นายกเทศมนตรีกรุงโรม กล่าวว่า "ผมช็อกและอึ้งไปเลย ไม้กางเขนไม่เคยทำร้ายใคร ไม้กางเขนมีแต่สอนคนให้รักและอภัยกัน ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า จะมีคนมองไม้กางเขนเป็นเครื่องมือริดรอนเสรีภาพและสร้างความแตกแยกทางสังคม"
อนึ่ง อิตาลีไม่ใช่ประเทศแรกในยุโรปที่เจอเหตุการณ์ต่อต้านไม้กางเขน เพราะกลางปีที่แล้ว ศาลของเมืองบายาโดลิด ประเทศสเปน ได้สั่ง "ห้าม" โรงเรียนทุกแห่งในเมือง แขวนไม้กางเขนไว้ในห้องเรียน เนื่องจากเป็นการจำกัดเสรีภาพในการนับถือศาสนาของนักเรียน
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!8882.entry
ช็อก !! ศาลยุโรปตัดสินไม้กางเขนเป็นสิ่งกีดกันเสรีภาพในห้องเรียน
--------------------------------------------------------------------------------
ศาลยุโรปด้านสิทธิมนุษยชน ทำเรื่องสุดช็อก เมื่อทะลึ่งตัดสินให้ไม้กางเขน เป็นสิ่งทำลายเสรีภาพและเครื่องมือสร้างความรุนแรงทางศาสนาในห้องเรียนแห่งหนึ่งของอิตาลี ด้านวาติกันสุดอึ้ง พร้อมย้ำ น่าสลดใจมากที่คนพวกนี้ มองไม้กางเขนเป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยกทางสังคม ส่วนบรรดาผู้นำทางการเมืองในอิตาลี ก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ย้ำชัด ไม้กางเขนเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของชาวอิตาเลี่ยน หาใช่ตัวปัญหาแต่อย่างใด
เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สื่อมวลชนทั่วยุโรป พร้อมกันตีข่าวชวนเศร้าใจ เมื่อศาลยุโรปด้านสิทธิมนุษยชน (European Court of Human Rights) มีคำสั่งตัดสินให้ โรงเรียนแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เป็นฝ่ายแพ้คดีต่อ "ซอยเล่ ลาอุตซี่" หญิงชาวฟินแลนด์ หลังจาก ลาอุตซี่ ฟ้องโรงเรียนแห่งนี้ ด้วยข้อหาติดไม้กางเขนไว้ในห้องเรียน ซึ่งทำให้ลูกๆ 2 คนของเธอ ต้องทนกับการถูกริดรอนเสรีภาพในการเรียนรู้และถูกคุกคามเสรีภาพในการดำเนินชีวิต
คดีดังกล่าว ใช้เวลาสู้กันในชั้นศาลนานถึง 8 ปีเต็มๆ ก่อนผลสุดท้าย คณะลูกขุน 7 คน จะตัดสินให้ ลาอุตซี่ เป็นฝ่ายชนะ ด้วยเหตุผลที่ว่า "โรงเรียนต้องแสดงออกถึงความเป็นกลางทางสังคม การนำไม้กางเขนมาติดไว้ในห้องเรียน อาจส่งผลให้นักเรียนถูกชักจูงด้วยสภาพแวดล้อมทางศาสนา ทั้งยังเป็นการจำกัดสิทธิการเรียนรู้ การเลือกแนวทางในการดำเนินชีวิต และการแบ่งแยกทางสังคม" นอกจากจะชนะคดีแล้ว ลาอุตซี่ ยังจะได้เงินชดเชยอีก 5,000 ยูโร (ประมาณ 248,250 บาท)
วาติกันอึ้ง หลังทราบผลการตัดสิน แต่ย้ำ ไม้กางเขนไม่ได้สร้างความแตกแยกทางสังคม
หลังข่าวการตัดสินคดีความถูกเผยแพร่ออกมา วาติกัน ก็ได้ออกมาแสดงความผิดหวังทันที โดย "คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้" ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ได้เป็นตัวแทนออกมาย้ำว่า ไม้กางเขนไม่ใช่เครื่องมือสร้างความแตกแยกและริดรอนเสรีภาพอย่างที่ถูกกล่าวหา
"ไม้กางเขนคือเครื่องหมายแสดงออกถึงความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความเมตตาที่พระเจ้ามอบให้มนุษยชาติ มันจึงเป็นเรื่องน่าสลดใจที่มีคำสั่งศาลว่า ไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายของการแบ่งแยก การกีดกัน และการจำกัดเสรีภาพ ศาสนามีคุณค่าและมีความสำคัญอย่างมากต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอิตาเลี่ยน ศาสนามอบสิ่งดีงามให้กับตัวบุคคล ทั้งในด้านรูปแบบการดำเนินชีวิตและศีลธรรม มันจึงเป็นความผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่มนุษย์ต้องการกำจัดศาสนาออกจากโลกการศึกษา" คุณพ่อลอมบาร์ดี้ กล่าวผ่านแถลงการณ์
บุคคลสำคัญทางการเมืองของอิตาลี ร่วมสลดใจต่อคำสั่งศาล
นอกจากวาติกันจะออกมาแถลงแสดงความสลดใจแล้ว "มารีอา เจลมินี่" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของอิตาลี และ "จานนี่ อเลมานโน่" นายกเทศมนตรีกรุงโรม ก็แสดงความตกตะลึงกับคำตัดสินของศาลยุโรปเช่นกัน ทั้งสองยืนยันว่า นี่เป็นการทำลายวัฒนธรรมของอิตาลีชัดๆ
มารีอา เจลมินี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของอิตาลี กล่าวว่า "ไม้กางเขนและศาสนาคริสต์เป็นเอกลักษณ์ของอิตาลี ดังนั้น ฉันตกใจมากเมื่อได้ทราบข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจะมาพรากความเชื่อและความศรัทธาที่เรามีต่อไม้กางเขนไปได้อย่างแน่นอน"
จานนี่ อเลมานโน่ นายกเทศมนตรีกรุงโรม กล่าวว่า "ผมช็อกและอึ้งไปเลย ไม้กางเขนไม่เคยทำร้ายใคร ไม้กางเขนมีแต่สอนคนให้รักและอภัยกัน ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า จะมีคนมองไม้กางเขนเป็นเครื่องมือริดรอนเสรีภาพและสร้างความแตกแยกทางสังคม"
อนึ่ง อิตาลีไม่ใช่ประเทศแรกในยุโรปที่เจอเหตุการณ์ต่อต้านไม้กางเขน เพราะกลางปีที่แล้ว ศาลของเมืองบายาโดลิด ประเทศสเปน ได้สั่ง "ห้าม" โรงเรียนทุกแห่งในเมือง แขวนไม้กางเขนไว้ในห้องเรียน เนื่องจากเป็นการจำกัดเสรีภาพในการนับถือศาสนาของนักเรียน
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!8882.entry
2ธส 2:1-12 เหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่พระคริสตเจ้าจะเสด็จมา
พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องการชุมนุมของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจไม่ว่าเพราะคำพยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะคำพูดหรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว อย่าให้ใครหลอกลวงท่านโดยวิธีใดเลย วันนั้นจะยังมาไม่ถึงจนกว่าจะเกิดการกบฏ และมนุษย์ชั่วร้ายจะปรากฏตัวมารับความพินาศ มนุษย์ชั่วร้ายผู้นี้ จะยกย่องตนเองและต่อต้านทุกสิ่งที่มนุษย์นมัสการและเรียกเป็นพระเจ้า เพื่อตนจะได้นั่งในพระวิหารของพระเจ้าและชี้ให้เห็นว่าตนคือพระเจ้า ท่านจำได้หรือไม่ว่า ข้าพเจ้าเคยบอกเรื่องเหล่านี้ให้ฟังแล้วเมื่ออยู่กับท่าน และบัดนี้ท่านก็รู้ว่าอะไรขัดขวาง มนุษย์ชั่วร้ายนี้ไว้จนกว่าเขาจะปรากฏตัวตามเวลาที่กำหนด ความชั่วร้ายกำลังทำงานอยู่แล้ว อย่างซ่อนเร้น และจะปรากฏชัดแจ้งก็ต่อเมื่อผู้ขัดขวางถูกขจัดออกไป แล้วมนุษย์ชั่วร้ายนั้นก็จะปรากฏอย่างเปิดเผย และองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทรงทำลายเขาด้วยลมจากพระโอษฐ์ และจะทรงบดขยี้เขาให้สูญไปเดชะการเสด็จมาอันรุ่งเรืองของพระองค์ การมาของมนุษย์ชั่วร้ายจะเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของซาตาน ที่แสดงออกเป็นการอัศจรรย์ เป็นเครื่องหมายและเป็นปาฏิหาริย์อันหลอกลวงชนิดต่าง ๆ มนุษย์ชั่วร้ายนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมชั่วช้าทุกอย่างทำร้ายผู้ที่จะต้องพินาศ เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมรักความจริงที่ทำให้รอดพ้น พระเจ้าจึงทรงส่งพลังความหลงผิดมาให้ เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อความเท็จ ดังนั้น ทุกคนที่ไม่ยอมเชื่อความจริง แต่พึงพอใจความชั่วร้ายจะถูกตัดสินลงโทษ
พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องการชุมนุมของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจไม่ว่าเพราะคำพยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะคำพูดหรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว อย่าให้ใครหลอกลวงท่านโดยวิธีใดเลย วันนั้นจะยังมาไม่ถึงจนกว่าจะเกิดการกบฏ และมนุษย์ชั่วร้ายจะปรากฏตัวมารับความพินาศ มนุษย์ชั่วร้ายผู้นี้ จะยกย่องตนเองและต่อต้านทุกสิ่งที่มนุษย์นมัสการและเรียกเป็นพระเจ้า เพื่อตนจะได้นั่งในพระวิหารของพระเจ้าและชี้ให้เห็นว่าตนคือพระเจ้า ท่านจำได้หรือไม่ว่า ข้าพเจ้าเคยบอกเรื่องเหล่านี้ให้ฟังแล้วเมื่ออยู่กับท่าน และบัดนี้ท่านก็รู้ว่าอะไรขัดขวาง มนุษย์ชั่วร้ายนี้ไว้จนกว่าเขาจะปรากฏตัวตามเวลาที่กำหนด ความชั่วร้ายกำลังทำงานอยู่แล้ว อย่างซ่อนเร้น และจะปรากฏชัดแจ้งก็ต่อเมื่อผู้ขัดขวางถูกขจัดออกไป แล้วมนุษย์ชั่วร้ายนั้นก็จะปรากฏอย่างเปิดเผย และองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทรงทำลายเขาด้วยลมจากพระโอษฐ์ และจะทรงบดขยี้เขาให้สูญไปเดชะการเสด็จมาอันรุ่งเรืองของพระองค์ การมาของมนุษย์ชั่วร้ายจะเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของซาตาน ที่แสดงออกเป็นการอัศจรรย์ เป็นเครื่องหมายและเป็นปาฏิหาริย์อันหลอกลวงชนิดต่าง ๆ มนุษย์ชั่วร้ายนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมชั่วช้าทุกอย่างทำร้ายผู้ที่จะต้องพินาศ เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมรักความจริงที่ทำให้รอดพ้น พระเจ้าจึงทรงส่งพลังความหลงผิดมาให้ เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อความเท็จ ดังนั้น ทุกคนที่ไม่ยอมเชื่อความจริง แต่พึงพอใจความชั่วร้ายจะถูกตัดสินลงโทษ
Holy เขียน: 2ธส 2:1-12 เหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่พระคริสตเจ้าจะเสด็จมา
พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องการชุมนุมของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจไม่ว่าเพราะคำพยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะคำพูดหรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว อย่าให้ใครหลอกลวงท่านโดยวิธีใดเลย วันนั้นจะยังมาไม่ถึงจนกว่าจะเกิดการกบฏ และมนุษย์ชั่วร้ายจะปรากฏตัวมารับความพินาศ มนุษย์ชั่วร้ายผู้นี้ จะยกย่องตนเองและต่อต้านทุกสิ่งที่มนุษย์นมัสการและเรียกเป็นพระเจ้า เพื่อตนจะได้นั่งในพระวิหารของพระเจ้าและชี้ให้เห็นว่าตนคือพระเจ้า ท่านจำได้หรือไม่ว่า ข้าพเจ้าเคยบอกเรื่องเหล่านี้ให้ฟังแล้วเมื่ออยู่กับท่าน และบัดนี้ท่านก็รู้ว่าอะไรขัดขวาง มนุษย์ชั่วร้ายนี้ไว้จนกว่าเขาจะปรากฏตัวตามเวลาที่กำหนด ความชั่วร้ายกำลังทำงานอยู่แล้ว อย่างซ่อนเร้น และจะปรากฏชัดแจ้งก็ต่อเมื่อผู้ขัดขวางถูกขจัดออกไป แล้วมนุษย์ชั่วร้ายนั้นก็จะปรากฏอย่างเปิดเผย และองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทรงทำลายเขาด้วยลมจากพระโอษฐ์ และจะทรงบดขยี้เขาให้สูญไปเดชะการเสด็จมาอันรุ่งเรืองของพระองค์ การมาของมนุษย์ชั่วร้ายจะเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจของซาตาน ที่แสดงออกเป็นการอัศจรรย์ เป็นเครื่องหมายและเป็นปาฏิหาริย์อันหลอกลวงชนิดต่าง ๆ มนุษย์ชั่วร้ายนี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมชั่วช้าทุกอย่างทำร้ายผู้ที่จะต้องพินาศ เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมรักความจริงที่ทำให้รอดพ้น พระเจ้าจึงทรงส่งพลังความหลงผิดมาให้ เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อความเท็จ ดังนั้น ทุกคนที่ไม่ยอมเชื่อความจริง แต่พึงพอใจความชั่วร้ายจะถูกตัดสินลงโทษ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อ้าว ดันไปเกิดที่อิตาลี ด้วย รู้สึกว่ามารรุกหนักกว่าที่คิด นะ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
อ่า รู้สึกพวกสิทธิมนุษย์ชน ไม่ว่าประเทศไหนก็มักจะฉลาดแต่ในเรื่องโง่ ๆ นะ
สิทธิมนุษยชนนี่ใช่ NGO ป่ะ ออกเสียงว่าไงนะคับ เหอๆ
สิทธิมนุษยชนนี่ใช่ NGO ป่ะ ออกเสียงว่าไงนะคับ เหอๆ
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ข้าแต่พระเจ้าขอทรงพระกรุณาเทอญ
ข้าแต่พระคริสตเจ้าขอทรงพระกรุณาเทอญ
ข้าแต่พระเจ้าขอทรงพระกรุณาเทอญ
ข้าแต่พระคริสตเจ้าขอทรงพระกรุณาเทอญ
ข้าแต่พระเจ้าขอทรงพระกรุณาเทอญ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ผมกำลังนึกถึงโรงพยาบาลที่ติดไม้กางเขน
อีกหน่อยจะมีคนไข้มาฟ้องโรงพยาบาลเรื่องสิทธิทางการรักษาหรือเปล่าเนี่ย
อีกหน่อยจะมีคนไข้มาฟ้องโรงพยาบาลเรื่องสิทธิทางการรักษาหรือเปล่าเนี่ย
เอาจริงๆ ถ้าจะฟ้องเมืองไทยนี่ น่าจะสนุกกว่า
แต่อาจโดนด่าตายได้ เหอๆ ทีใครทีมัน
อันที่จริง ถ้าเป็นโรงเรียนรัฐ มันก็ต้องปฏิบัติตามหลักความเป็นกลาง ซึ่งก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
สังคมที่แต่เดิมเป็นคาทอลิกหมดมันถูกเปลี่ยนแปลง (ไม่ควรเรียกรุกราน เพราะคาทอลิกก็ได้ประโยชน์จากโลกาภิวัฒน์เหมือนกัน)
สัดส่วนคนต่างศาสนาก็มากขึ้น แม้แต่คนไร้ศาสนาก็มากขึ้น
ความเป็นกลางทางศาสนา อาจหมายรวมถึง การสวดภาวนา ณ เวลาต่างๆ การติดสัญลักษณ์ หรือต่อไปอาจเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
จะเหลือแต่โรงเรียนเอกชน หรือสถาบันต่างๆ ของเอกชนเท่านั้นที่ยังสามารถติดไม้กางเขน หรือมีสัญลักษณ์ทางศาสนาได้
ถ้าไปดูในอเมริกาจะชัดว่า ธงชาติเท่านั้นที่เป็นกลางของความเป็นอเมริกันชนที่สุด แม้แต่กางเขนเปล่าๆ ตามแบบ puritan ก็ไม่ติดกัน
ส่วนตัวบุคคล ขอให้่สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่บาดตาบาดใจใครๆ เช่น รูปนิ้วกลาง รูปโป๊ คำหยาบ ก็พอ
จริงๆ ศาลก็ตัดสินถูกต้องตามเนื้อผ้า และตัวบทกฎหมายครับ ถึงเราๆ ทั้งหลายจะไม่ชอบใจก็ตาม
แม้แต่ตัวผมก็เห็นว่า ถึงจะเอากางเขนห้อยไปซะทุกหัวมุมเมือง ถ้าคนมันไม่ศรัทธา มันก็ไม่ศรัทธา
แต่ถึงแม้ไม่มีกางเขนสักอัน ถ้าคนมันศรัทธา ก็จะแบกกางเขนชีวิตของตัวเองอยู่ตลอด
แต่อาจโดนด่าตายได้ เหอๆ ทีใครทีมัน
อันที่จริง ถ้าเป็นโรงเรียนรัฐ มันก็ต้องปฏิบัติตามหลักความเป็นกลาง ซึ่งก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
สังคมที่แต่เดิมเป็นคาทอลิกหมดมันถูกเปลี่ยนแปลง (ไม่ควรเรียกรุกราน เพราะคาทอลิกก็ได้ประโยชน์จากโลกาภิวัฒน์เหมือนกัน)
สัดส่วนคนต่างศาสนาก็มากขึ้น แม้แต่คนไร้ศาสนาก็มากขึ้น
ความเป็นกลางทางศาสนา อาจหมายรวมถึง การสวดภาวนา ณ เวลาต่างๆ การติดสัญลักษณ์ หรือต่อไปอาจเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
จะเหลือแต่โรงเรียนเอกชน หรือสถาบันต่างๆ ของเอกชนเท่านั้นที่ยังสามารถติดไม้กางเขน หรือมีสัญลักษณ์ทางศาสนาได้
ถ้าไปดูในอเมริกาจะชัดว่า ธงชาติเท่านั้นที่เป็นกลางของความเป็นอเมริกันชนที่สุด แม้แต่กางเขนเปล่าๆ ตามแบบ puritan ก็ไม่ติดกัน
ส่วนตัวบุคคล ขอให้่สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่บาดตาบาดใจใครๆ เช่น รูปนิ้วกลาง รูปโป๊ คำหยาบ ก็พอ
จริงๆ ศาลก็ตัดสินถูกต้องตามเนื้อผ้า และตัวบทกฎหมายครับ ถึงเราๆ ทั้งหลายจะไม่ชอบใจก็ตาม
แม้แต่ตัวผมก็เห็นว่า ถึงจะเอากางเขนห้อยไปซะทุกหัวมุมเมือง ถ้าคนมันไม่ศรัทธา มันก็ไม่ศรัทธา
แต่ถึงแม้ไม่มีกางเขนสักอัน ถ้าคนมันศรัทธา ก็จะแบกกางเขนชีวิตของตัวเองอยู่ตลอด
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เราเรียกว่า การเบียดเบียนศาสนาในรู้แบบใหม่ ของยุคใหม่
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
อึ้ง-0-
+โคตรโรคจิต-0-
+โคตรโรคจิต-0-
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 5:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เหตุการณ์แบบนี้เริ่มเกิดขึ้นในอิตาลีมาประมาณ 4 ปีแล้วค่ะ เนื่องจากมีชาวต่างชาติเข้าไปทำงานและขยายครอบครัวมากขึ้น ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นในเมือง Brescia ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี คุณพ่อเป็นหัวหน้ากลุ่มอิสลามในเมืองนั้น ได้ขอ(ทำนองขู่เข็ญ)ต่อทางโรงเรียนซึ่งลูกๆของเขาเรียนอยู่ให้ถอดไม้กางเขนออกจากห้องเรียน เนื่องจากกระทบต่อจิตใจของลูกๆ เป็นข่าวฮือฮาอยู่พักใหญ่ น่าเสียใจที่คุณแม่ของเด็กๆเป็นชาวอิตาเลี่ยนแต่ได้เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แถมยังออกทีวีวิจารณ์ศาสนาคริสต์อย่างรุนแรง เธอกางไบเบิ้ลวิจารณ์เป็นหน้าๆ : xemo031 : ราวกับว่าเธอไม่เคยได้รับศีลล้างบาปเมื่อเธอเกิด
ช่วงนี้ใกล้เทศกาลคริสต์มาสก็จะมีประเด็นที่จะไม่ให้ทางโรงเรียนทำซุ้ม Nativity Scene หรือห้องเรียนใดที่มีเด็กๆชาวอิสลามก็จะไม่ให้มีการระบายสีหรือวาดภาพใดๆ
เกี่ยวกับคริสต์มาส เรื่องนี้ทำให้ชาวอิตาเลี่ยนขุ่นเคืองใจมาตลอดเพราะพวกเขาคิดว่า พวกเขาถูกเบียดเบียนทางศาสนาทั้งๆที่อยู่ในประเทศของตัวเอง ชาวต่างชาติที่เข้ามา
ในประเทศของพวกเขาก็ควรที่เคารพในกฏหมายและวัฒนธรรมของเขา ถ้าไม่ต้องการทำตามกฏเกณฑ์แล้วจะมาอาศัยในประเทศของเขาทำไม ก็สมควรที่จะกลับไปอยู่ที่ประเทศดั้งเดิมของตัวเอง อยู่แบบแร้นแค้นต่อไป ชาวอิตาเลี่ยนเวลาเดินทางไปยังประเทศอาหรับและเข้าเยี่ยมชมศาสนสถานก็เคารพต่อประเพณีของทางอาหรับ แม้กระทั่งจัดสถานที่ให้ชาวมุสลิมทำพิธีละมาดในแต่ละเมือง เจ้าหน้าที่ก็จัดการให้เพราะถือว่าเป็นสิทธิของพวกเขา แต่เหมือนกับได้คืบจะเอาศอก
เรื่องการเบียดเบียนทางศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งซึ่งที่ทำให้รัฐบาลอิตาลีไม่ต้องการรับผู้อพยพลี้ภัยที่ลักลอบมาทางเกาะ Lampedusa รวมทั้งการออกเอกสาร Visa,Permitt
to stay ตอนนี้ทำได้ยากมากและต้องการเฉพาะผู้ที่มีความรู้ความสามารถเท่านั้น โดยส่วนตัวที่เคยมีเพื่อนๆชาวอิสลาม พวกที่มาจากแอฟริกาเหนือจะค่อนข้างหัวรุนแรงและสร้างปัญหา แต่ถ้าพวกเขามาจากอัฟริกาใต้จะสงบเสงี่ยม ถ่อมตัว ทำงาน สร้างฐานะและอยู่ร่วมกันกับชาวอิตาเลี่ยนได้เป็นอย่างดี อาจเพราะพวกเขาหนีตายมาจากสงคราม เมื่อ
มาอยู่ที่อิตาลีเขามีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาจึงสำนึกในบุญคุณของประเทศนี้
เมื่อวานนี้ได้ดูรายการจากอิตาลี มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ฝ่ายชายเป็นอิม่ามชาวอียิปต์ ฝ่ายหญิงเป็นชาวอิตาเลี่ยนและเป็นคาทอลิก คู่นี้น่ารักมากผู้ชายไม่เคยขอให้ภรรยาของเขา
เปลี่ยนศาสนาแถมยังอ่านบท"ข้าแต่พระบิดา"ได้คล่องแคล่ว ฝ่ายหญิงก็เรียนรู้คัมภีร์อัลกุรอ่านและประทับใจในคำสอน ครอบครัวของทั้งคู่ต้อนรับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ทั้งนี้ฝ่ายชายได้พูดในรายการว่า เขาขอให้ชาวอิตาเลี่ยนไม่มองชาวอิสลามในแง่ลบไปเสียทุกคน เพราะจริงๆแล้วมีชาวอิสลามที่มีหัวทันสมัยและเปิดกว้างอีกมากมาย และมีไม่น้อยที่พวกเขารักที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้และไม่ต้องการสร้างปัญหาให้สังคม พอเขาพูดจบผู้ชมในห้องส่งก็ปรบมือกันสนั่น ถ้ามีคนที่คิดอย่างเขาเพิ่มขึ้นปัญหาต่างๆก็คงจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะจริงๆแล้วใครๆก็อยากอยู่อย่างสงบทั้งนั้น
ช่วงนี้ใกล้เทศกาลคริสต์มาสก็จะมีประเด็นที่จะไม่ให้ทางโรงเรียนทำซุ้ม Nativity Scene หรือห้องเรียนใดที่มีเด็กๆชาวอิสลามก็จะไม่ให้มีการระบายสีหรือวาดภาพใดๆ
เกี่ยวกับคริสต์มาส เรื่องนี้ทำให้ชาวอิตาเลี่ยนขุ่นเคืองใจมาตลอดเพราะพวกเขาคิดว่า พวกเขาถูกเบียดเบียนทางศาสนาทั้งๆที่อยู่ในประเทศของตัวเอง ชาวต่างชาติที่เข้ามา
ในประเทศของพวกเขาก็ควรที่เคารพในกฏหมายและวัฒนธรรมของเขา ถ้าไม่ต้องการทำตามกฏเกณฑ์แล้วจะมาอาศัยในประเทศของเขาทำไม ก็สมควรที่จะกลับไปอยู่ที่ประเทศดั้งเดิมของตัวเอง อยู่แบบแร้นแค้นต่อไป ชาวอิตาเลี่ยนเวลาเดินทางไปยังประเทศอาหรับและเข้าเยี่ยมชมศาสนสถานก็เคารพต่อประเพณีของทางอาหรับ แม้กระทั่งจัดสถานที่ให้ชาวมุสลิมทำพิธีละมาดในแต่ละเมือง เจ้าหน้าที่ก็จัดการให้เพราะถือว่าเป็นสิทธิของพวกเขา แต่เหมือนกับได้คืบจะเอาศอก
เรื่องการเบียดเบียนทางศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งซึ่งที่ทำให้รัฐบาลอิตาลีไม่ต้องการรับผู้อพยพลี้ภัยที่ลักลอบมาทางเกาะ Lampedusa รวมทั้งการออกเอกสาร Visa,Permitt
to stay ตอนนี้ทำได้ยากมากและต้องการเฉพาะผู้ที่มีความรู้ความสามารถเท่านั้น โดยส่วนตัวที่เคยมีเพื่อนๆชาวอิสลาม พวกที่มาจากแอฟริกาเหนือจะค่อนข้างหัวรุนแรงและสร้างปัญหา แต่ถ้าพวกเขามาจากอัฟริกาใต้จะสงบเสงี่ยม ถ่อมตัว ทำงาน สร้างฐานะและอยู่ร่วมกันกับชาวอิตาเลี่ยนได้เป็นอย่างดี อาจเพราะพวกเขาหนีตายมาจากสงคราม เมื่อ
มาอยู่ที่อิตาลีเขามีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาจึงสำนึกในบุญคุณของประเทศนี้
เมื่อวานนี้ได้ดูรายการจากอิตาลี มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ฝ่ายชายเป็นอิม่ามชาวอียิปต์ ฝ่ายหญิงเป็นชาวอิตาเลี่ยนและเป็นคาทอลิก คู่นี้น่ารักมากผู้ชายไม่เคยขอให้ภรรยาของเขา
เปลี่ยนศาสนาแถมยังอ่านบท"ข้าแต่พระบิดา"ได้คล่องแคล่ว ฝ่ายหญิงก็เรียนรู้คัมภีร์อัลกุรอ่านและประทับใจในคำสอน ครอบครัวของทั้งคู่ต้อนรับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ทั้งนี้ฝ่ายชายได้พูดในรายการว่า เขาขอให้ชาวอิตาเลี่ยนไม่มองชาวอิสลามในแง่ลบไปเสียทุกคน เพราะจริงๆแล้วมีชาวอิสลามที่มีหัวทันสมัยและเปิดกว้างอีกมากมาย และมีไม่น้อยที่พวกเขารักที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้และไม่ต้องการสร้างปัญหาให้สังคม พอเขาพูดจบผู้ชมในห้องส่งก็ปรบมือกันสนั่น ถ้ามีคนที่คิดอย่างเขาเพิ่มขึ้นปัญหาต่างๆก็คงจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะจริงๆแล้วใครๆก็อยากอยู่อย่างสงบทั้งนั้น
ไปกันใหญ่แล้วครับ โรงเรียนผมก็ติดไม้กางเขนทุกห้อง คนเราควรจะมีศาสนาสิครับ มาบอกไม่ให้เสรีในการเลือก มันขึ้นอยู่กับเด็ก ผมอยู่โรงเรียนคาทอลิกมานานผมก็เป็นพุทธได้ มันเป็นการทดสอบความเชื่อของบุคคลนั้นด้วย หรือไม่มั่นใจในลูกตัวเองอีกอย่าง ไม่อยากให้ลูกคุณรอดเหรอครับ ??
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
พระเยซู ไปทำอะไรให้เธอเกลียดหว่ะ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
ร.ร.ผมก็ติดทุกห้อง-0- พอสอบที เด็กแทบจะไปคุกเข่าต่อหน้าแม่พระมันทั้งวันสวดแล้วสวดอีก-0-Memory เขียน: ไปกันใหญ่แล้วครับ โรงเรียนผมก็ติดไม้กางเขนทุกห้อง คนเราควรจะมีศาสนาสิครับ มาบอกไม่ให้เสรีในการเลือก มันขึ้นอยู่กับเด็ก ผมอยู่โรงเรียนคาทอลิกมานานผมก็เป็นพุทธได้ มันเป็นการทดสอบความเชื่อของบุคคลนั้นด้วย หรือไม่มั่นใจในลูกตัวเองอีกอย่าง ไม่อยากให้ลูกคุณรอดเหรอครับ ??
รร.คุณยังดีครับ รร.ผมยังไม่รู้เลยว่า บทสวดที่โรงเรียนให้สวดนั้น เป็นการสวดหาพระเจ้า ผมก็พึ่งนึกได้ อยู่มาตั้งแต่อนุบาล 1 จนจะจบ ม.6ล่ะ~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ~ เขียน:ร.ร.ผมก็ติดทุกห้อง-0- พอสอบที เด็กแทบจะไปคุกเข่าต่อหน้าแม่พระมันทั้งวันสวดแล้วสวดอีก-0-Memory เขียน: ไปกันใหญ่แล้วครับ โรงเรียนผมก็ติดไม้กางเขนทุกห้อง คนเราควรจะมีศาสนาสิครับ มาบอกไม่ให้เสรีในการเลือก มันขึ้นอยู่กับเด็ก ผมอยู่โรงเรียนคาทอลิกมานานผมก็เป็นพุทธได้ มันเป็นการทดสอบความเชื่อของบุคคลนั้นด้วย หรือไม่มั่นใจในลูกตัวเองอีกอย่าง ไม่อยากให้ลูกคุณรอดเหรอครับ ??
ทุกวันนี้เวลาเรียน ผมมักจะมองไปข้างบนหน้าห้อง ณ จุด จุดที่มีพระเยซูถูกตรึงกางเขนอยู่
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
Memory เขียน:รร.คุณยังดีครับ รร.ผมยังไม่รู้เลยว่า บทสวดที่โรงเรียนให้สวดนั้น เป็นการสวดหาพระเจ้า ผมก็พึ่งนึกได้ อยู่มาตั้งแต่อนุบาล 1 จนจะจบ ม.6ล่ะ~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ~ เขียน:ร.ร.ผมก็ติดทุกห้อง-0- พอสอบที เด็กแทบจะไปคุกเข่าต่อหน้าแม่พระมันทั้งวันสวดแล้วสวดอีก-0-Memory เขียน: ไปกันใหญ่แล้วครับ โรงเรียนผมก็ติดไม้กางเขนทุกห้อง คนเราควรจะมีศาสนาสิครับ มาบอกไม่ให้เสรีในการเลือก มันขึ้นอยู่กับเด็ก ผมอยู่โรงเรียนคาทอลิกมานานผมก็เป็นพุทธได้ มันเป็นการทดสอบความเชื่อของบุคคลนั้นด้วย หรือไม่มั่นใจในลูกตัวเองอีกอย่าง ไม่อยากให้ลูกคุณรอดเหรอครับ ??
ทุกวันนี้เวลาเรียน ผมมักจะมองไปข้างบนหน้าห้อง ณ จุด จุดที่มีพระเยซูถูกตรึงกางเขนอยู่
ของผม-*- มันไม่รู้จักคำว่านักบุญอ่ะ!!!! มันบอกแค่ว่าแม่พระใจดีขอแล้วให้เลยขอ-0-อึ้งไป3วิ ตามด่าพวกมันต่อ3วันอธิบายให้พวกมัน3นาที: P
-
- โพสต์: 548
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm
งงจัง
ไม้กางเขน ผิดตรงไหน
ไม้กางเขน ผิดตรงไหน
-
- โพสต์: 124
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 30, 2009 5:18 pm
- ที่อยู่: ขอนแก่น
†ลูกแกะพระเจ้า...
และอีกอย่าง ถ้าการติดไม้กางเขนไว้ในห้องเรียนเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักเรียนในการเลือกนับถือศาสนา แล้วอย่างที่เมืองไทย เอาชัดๆ เลย อย่างโรงเรียนของผม โรงเรียนรัฐบาล ติดรูปพระพุทธรูปหรือพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นศาสดาของศาสนาพุทธไว้ในห้องเรียนข้างกันกับรูปธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ตรงคอนเส็ปท์
Holy เขียน: "ไม้กางเขนคือเครื่องหมายแสดงออกถึงความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความเมตตาที่พระเจ้ามอบให้มนุษยชาติ มันจึงเป็นเรื่องน่าสลดใจที่มีคำสั่งศาลว่า ไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายของการแบ่งแยก การกีดกัน และการจำกัดเสรีภาพ ศาสนามีคุณค่าและมีความสำคัญอย่างมากต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอิตาเลี่ยน ศาสนามอบสิ่งดีงามให้กับตัวบุคคล ทั้งในด้านรูปแบบการดำเนินชีวิตและศีลธรรม มันจึงเป็นความผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่มนุษย์ต้องการกำจัดศาสนาออกจากโลกการศึกษา"
ผมเห็นด้วยกับที่อ้างอิงข้างบนนี้นะครับHoly เขียน: "ไม้กางเขนไม่เคยทำร้ายใคร ไม้กางเขนมีแต่สอนคนให้รักและอภัยกัน ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า จะมีคนมองไม้กางเขนเป็นเครื่องมือลิดรอนเสรีภาพและสร้างความแตกแยกทางสังคม"
และอีกอย่าง ถ้าการติดไม้กางเขนไว้ในห้องเรียนเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักเรียนในการเลือกนับถือศาสนา แล้วอย่างที่เมืองไทย เอาชัดๆ เลย อย่างโรงเรียนของผม โรงเรียนรัฐบาล ติดรูปพระพุทธรูปหรือพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นศาสดาของศาสนาพุทธไว้ในห้องเรียนข้างกันกับรูปธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ตรงคอนเส็ปท์
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 8:21 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
Memory เขียน: ถ้าผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ บันทึกไว้ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วครับ หรือผมอาจจะจำผิด
พอดีไม่ค่อยมีความรู้รอบตัวครับ อาศัยอ่านตามบอร์ดต่างๆ อาจผิดบ้างถูกบ้าง
รู้สึกว่าจะระบุไปนะคับ-0-
-
- โพสต์: 472
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 23, 2009 5:22 am
- ที่อยู่: 361/77 หมู่ 6 ซ.พหลโยธิน 55 ถ.พหลโยธิน อนุสาวรีย์ บางเขน กรุงเทพมหานคร
เกิดขั้นที่อิตาลีซะด้วย งืมๆๆ
ประเด็นสำคัยนะเนี่ย
วาติกัน ประท้วงไหมครับเนี่ย งืมๆๆๆ
ประเด็นสำคัยนะเนี่ย
วาติกัน ประท้วงไหมครับเนี่ย งืมๆๆๆ
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
"เขาได้เกลียดชังเราโดยไม่มีสาเหตุ" (ยน.15:25)
มีมาตราเดียวพูดถึงศาสนพุทธอย่างชัดเจนครับ คือ มาตราที่ 79 ครับ~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ~ เขียน:Memory เขียน: ถ้าผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ บันทึกไว้ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วครับ หรือผมอาจจะจำผิด
พอดีไม่ค่อยมีความรู้รอบตัวครับ อาศัยอ่านตามบอร์ดต่างๆ อาจผิดบ้างถูกบ้าง
รู้สึกว่าจะระบุไปนะคับ-0-
มาตรา ๗๙ รัฐต้องให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านานและศาสนาอื่น ทั้งต้องส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา รวมทั้งสนับสนุนการนำหลักธรรมของศาสนามาใช้เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
ซึ่งเป้าหมายคือ
รัฐต้องให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านานและศาสนาอื่น ทั้งต้องส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา รวมทั้งสนับสนุนการนำหลักธรรมของศาสนามาใช้เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
เอาเข้าไป ..
-
- โพสต์: 124
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 30, 2009 5:18 pm
- ที่อยู่: ขอนแก่น
†ลูกแกะพระเจ้า...
†ลูกแกะพระเจ้า...
...ขอพระเจ้าสถิตกับท่าน...
ตามที่คุณ Edwardius ได้อธิบายไว้อ่ะครับคุณ MemoryMemory เขียน: ถ้าผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ บันทึกไว้ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วครับ หรือผมอาจจะจำผิด
พอดีไม่ค่อยมีความรู้รอบตัวครับ อาศัยอ่านตามบอร์ดต่างๆ อาจผิดบ้างถูกบ้าง
†ลูกแกะพระเจ้า...
...ขอพระเจ้าสถิตกับท่าน...