แม่พระประจักษ์แก่โปรแตสแตนท์ที่เกลียดคาทอลิก
พระนางพรหมจารี แห่งพระวิวรณ์ (THE VIRGIN OF THE REVELATION)
ชายผู้เกลียดชังคาทอลิกและพระมารดามารีย์
วันเสาร์ที่ร่มรื่นวันหนึ่ง ในฤดูใบไม้ผลิที่กรุงโรม
12 เมษายน 1947 นายปรูโน กอร์นักโชลา (Bruno Cornacchiola) ผู้อาศัยอยู่ในย่านชุมชน ใกล้ถนนอัปเปียที่กรุงโรม ตัดสินใจจะพาลูก 3 คนไปเที่ยวพักผ่อนสักหน่อย วันนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศดีและร้อน เขาตั้งใจจะไปชมทะเลที่เมืองออสเตีย
ที่จริงขณะนั้นยังไม่ใช่ฤดูอาบน้ำ ฉะนั้นรถไฟที่ไปเมืองนี้จึงมีน้อยเที่ยว เที่ยวที่บรูโนตั้งใจจะไปนั้นออกไปแล้ว จะต้องคอยรถเที่ยวต่อไปอีกนานทีเดียว ทั้งพ่อลูกจึงคิดจะไปเที่ยวที่ใกล้กว่านั้นดีกว่า คือ ที่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอารามสามน้ำพุ(Tre Fontane) ไม่ไกลจากพระมหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพง บูรโนรู้จักที่นี้ดีเพราะเคยมาเมื่อเป็นเด็ก
ณ สถานที่นั้นมีที่ดินซึ่งเขาถมให้สูงขึ้น และมีเนินลูกหนึ่งบริเวณทั้งหมดนี้มีต้นยูคาลิปตัสปลูกล้อมรอบ และที่เนินดังกล่าวยังมีถ้ำๆ หนึ่งซึ่งลึกพอสมควรเป็นที่ซึ่งไว้ทิ้งขยะ และแปดเปื้อนด้วยบาป เพราะพบศพทารกถูกทำแท้งมาทิ้งไว้เสมอๆ
บรูโนกำชับให้ลูกทั้ง 3 คือ อิโชลา (อายุ 10 ขวบครึ่ง) การ์โล (7 ขวบ) และเจียนฟรังโก (3 ขวบ) ไม่ให้ไปเล่นทางด้านนี้ เพราะเกรงว่าจะทำลูกบอล หายไปในถ้ำ ที่ดินที่ถมให้สูงขึ้นนั้นพอให้ลูกทั้งสามเล่นได้อย่างสบาย และเขาก็เริ่มเล่นในทันที
ส่วนบรูโนนั้นเขาพบมุมสงบแห่งหนึ่ง จากมุมนั้นเขาสามารถเฝ้าดูลูกสามคนได้พร้อมทั้งเขียนคำปราศรัยเพื่อโจมตีพระสัจธรรมเรื่องแม่พระปฏิสนธินิรมลของชาวคาทอลิก
ชายผู้เกลียดชังคาทอลิกและพระมารดามารีย์
วันเสาร์ที่ร่มรื่นวันหนึ่ง ในฤดูใบไม้ผลิที่กรุงโรม
12 เมษายน 1947 นายปรูโน กอร์นักโชลา (Bruno Cornacchiola) ผู้อาศัยอยู่ในย่านชุมชน ใกล้ถนนอัปเปียที่กรุงโรม ตัดสินใจจะพาลูก 3 คนไปเที่ยวพักผ่อนสักหน่อย วันนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศดีและร้อน เขาตั้งใจจะไปชมทะเลที่เมืองออสเตีย
ที่จริงขณะนั้นยังไม่ใช่ฤดูอาบน้ำ ฉะนั้นรถไฟที่ไปเมืองนี้จึงมีน้อยเที่ยว เที่ยวที่บรูโนตั้งใจจะไปนั้นออกไปแล้ว จะต้องคอยรถเที่ยวต่อไปอีกนานทีเดียว ทั้งพ่อลูกจึงคิดจะไปเที่ยวที่ใกล้กว่านั้นดีกว่า คือ ที่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอารามสามน้ำพุ(Tre Fontane) ไม่ไกลจากพระมหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพง บูรโนรู้จักที่นี้ดีเพราะเคยมาเมื่อเป็นเด็ก
ณ สถานที่นั้นมีที่ดินซึ่งเขาถมให้สูงขึ้น และมีเนินลูกหนึ่งบริเวณทั้งหมดนี้มีต้นยูคาลิปตัสปลูกล้อมรอบ และที่เนินดังกล่าวยังมีถ้ำๆ หนึ่งซึ่งลึกพอสมควรเป็นที่ซึ่งไว้ทิ้งขยะ และแปดเปื้อนด้วยบาป เพราะพบศพทารกถูกทำแท้งมาทิ้งไว้เสมอๆ
บรูโนกำชับให้ลูกทั้ง 3 คือ อิโชลา (อายุ 10 ขวบครึ่ง) การ์โล (7 ขวบ) และเจียนฟรังโก (3 ขวบ) ไม่ให้ไปเล่นทางด้านนี้ เพราะเกรงว่าจะทำลูกบอล หายไปในถ้ำ ที่ดินที่ถมให้สูงขึ้นนั้นพอให้ลูกทั้งสามเล่นได้อย่างสบาย และเขาก็เริ่มเล่นในทันที
ส่วนบรูโนนั้นเขาพบมุมสงบแห่งหนึ่ง จากมุมนั้นเขาสามารถเฝ้าดูลูกสามคนได้พร้อมทั้งเขียนคำปราศรัยเพื่อโจมตีพระสัจธรรมเรื่องแม่พระปฏิสนธินิรมลของชาวคาทอลิก
ต้องทำลายล้างพระศาสนจักรคาทอลิกให้ได้
บรูโน กอร์นักโชลา เข้าเป็นโปรแตสแตนท์ นิกาย เซเว่นเดย์ แอ๊ดแวนติสต์ และตั้งแต่ ค.ศ.1939 เขายังเข้าในกลุ่มกิจกรรมพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย เขาเป็นคนขายตั๋วรถราง อายุ 34 ปี เกิดที่กรุงโรม และเคยได้รับความทุกข์ยากลำบากเมื่อเป็นเด็ก พ่อของเขาเสพสุราเมาหยำเป ส่วนแม่ต้องทำมาหาเลี้ยงลูก 5 คน เขาได้รับการเลี้ยงดูอยู่บนถนนก็ว่าได้ ไม่เคยรู้จักชีวิตครอบครัว ไม่ได้รับการอบรมทางศาสนา
อย่างไรก็ตามเมื่ออายุ 14 เขาได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกทั้งๆ ที่สงสัยว่าพระเยซูเจ้า มิได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทจริงและยังได้รับศีลกำลัง ในวันปัสกาเขาเคยไปรับศีลมหาสนิท และเคยทำวันศุกร์ต้นเดือน 9 ครั้งด้วย
7 มีนาคม 1936 เขาแต่งงานกับโยลันดา แต่ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน เขาอาสาสมัครไปรบกับกองทัพของนายพลฟรังโกที่สเปน ที่เมืองซาราโกซาในสเปน เขาได้พบเพื่อนคนหนึ่ง เป็นเยอรมัน ถือนิกายลูเธอรัน เพื่อนคนนี้โน้มน้าวจิตใจเขาให้เชื่อว่า พระศาสนจักรคาทอลิก เป็น “ที่ซ่องสุมของปีศาจ” ศีลแก้บาปเป็นเรื่องที่พระสงฆ์คิดประดิษฐ์ขึ้นเพื่อนสอดแนมประชาชน ศีลมหาสนิทก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากปัง และที่สุดพระนางมารีย์มิใช่พรหมจารี มิใช่พระมารดาพระเจ้า และมิได้ขึ้นสวรรค์
เมื่อกลับมากรุงโรงในปี 1939 บรูโนไม่มีความคิดอะไรอื่นนอกจากต่อต้านพระสงฆ์และทำลายพระศาสนจักรคาทอลิก บนหนังสือพระคัมภีร์โปรเตสแตนด์ที่ซื้อมาเขาเขียนว่า “พระสันตะปาปาต้องตาย”
เขายังซื้อกริชเล่มหนึ่งเพราะตั้งใจจะฆ่าสมเด็จพระสันตะปาปา ซึ่งเขาถือว่าเป็น “สัตว์ร้าย”ที่กล่าวถึงในหนังสือวิวรณ์
ต่อจากนั้นเขากำจัดรูปภาพศาสนาทั้งหมดออกจากบ้าน เผาของที่ระลึกถึงการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและหนังสือภาวนาต่างๆ เขายังทำลายภาพวาดแสดง แม่พระแห่งเมืองปอมเปอี โดยไม่ฟังเสียงภรรยา ซึ่งอยากเก็บไว้เพราะเคยภาวนาต่อหน้าภาพนี้ขอให้เขากลับจากสเปน
ที่สุดเขาหักไม้กางเขนที่แขวนไว้หัวเตียงเป็น 2 ท่อน แล้วโยนทิ้งลงถังขยะ ในทำนองเดียวกัน เขาสอนลูกให้ถ่มน้ำลายใส่หน้าพระสงฆ์ และให้เยาะเย้ยพระศาสนจักร ศีลมหาสนิทและแม่พระ
ที่สุดเขาลงมือเขียนคำปราศรัยไว้ต่อต้านพระศาสนาคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาและแม่พระ 12 เมษายน เขากำลังเขียนคำปราศรัยไว้ต่อต้านพระสัจธรรมเรื่องแม่พระปฏิสนธินิรมลโดยตีความตัวบทในพระคัมภร์ตามแบบฉบับของเขา
บรูโน กอร์นักโชลา เข้าเป็นโปรแตสแตนท์ นิกาย เซเว่นเดย์ แอ๊ดแวนติสต์ และตั้งแต่ ค.ศ.1939 เขายังเข้าในกลุ่มกิจกรรมพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย เขาเป็นคนขายตั๋วรถราง อายุ 34 ปี เกิดที่กรุงโรม และเคยได้รับความทุกข์ยากลำบากเมื่อเป็นเด็ก พ่อของเขาเสพสุราเมาหยำเป ส่วนแม่ต้องทำมาหาเลี้ยงลูก 5 คน เขาได้รับการเลี้ยงดูอยู่บนถนนก็ว่าได้ ไม่เคยรู้จักชีวิตครอบครัว ไม่ได้รับการอบรมทางศาสนา
อย่างไรก็ตามเมื่ออายุ 14 เขาได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกทั้งๆ ที่สงสัยว่าพระเยซูเจ้า มิได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทจริงและยังได้รับศีลกำลัง ในวันปัสกาเขาเคยไปรับศีลมหาสนิท และเคยทำวันศุกร์ต้นเดือน 9 ครั้งด้วย
7 มีนาคม 1936 เขาแต่งงานกับโยลันดา แต่ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน เขาอาสาสมัครไปรบกับกองทัพของนายพลฟรังโกที่สเปน ที่เมืองซาราโกซาในสเปน เขาได้พบเพื่อนคนหนึ่ง เป็นเยอรมัน ถือนิกายลูเธอรัน เพื่อนคนนี้โน้มน้าวจิตใจเขาให้เชื่อว่า พระศาสนจักรคาทอลิก เป็น “ที่ซ่องสุมของปีศาจ” ศีลแก้บาปเป็นเรื่องที่พระสงฆ์คิดประดิษฐ์ขึ้นเพื่อนสอดแนมประชาชน ศีลมหาสนิทก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากปัง และที่สุดพระนางมารีย์มิใช่พรหมจารี มิใช่พระมารดาพระเจ้า และมิได้ขึ้นสวรรค์
เมื่อกลับมากรุงโรงในปี 1939 บรูโนไม่มีความคิดอะไรอื่นนอกจากต่อต้านพระสงฆ์และทำลายพระศาสนจักรคาทอลิก บนหนังสือพระคัมภีร์โปรเตสแตนด์ที่ซื้อมาเขาเขียนว่า “พระสันตะปาปาต้องตาย”
เขายังซื้อกริชเล่มหนึ่งเพราะตั้งใจจะฆ่าสมเด็จพระสันตะปาปา ซึ่งเขาถือว่าเป็น “สัตว์ร้าย”ที่กล่าวถึงในหนังสือวิวรณ์
ต่อจากนั้นเขากำจัดรูปภาพศาสนาทั้งหมดออกจากบ้าน เผาของที่ระลึกถึงการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและหนังสือภาวนาต่างๆ เขายังทำลายภาพวาดแสดง แม่พระแห่งเมืองปอมเปอี โดยไม่ฟังเสียงภรรยา ซึ่งอยากเก็บไว้เพราะเคยภาวนาต่อหน้าภาพนี้ขอให้เขากลับจากสเปน
ที่สุดเขาหักไม้กางเขนที่แขวนไว้หัวเตียงเป็น 2 ท่อน แล้วโยนทิ้งลงถังขยะ ในทำนองเดียวกัน เขาสอนลูกให้ถ่มน้ำลายใส่หน้าพระสงฆ์ และให้เยาะเย้ยพระศาสนจักร ศีลมหาสนิทและแม่พระ
ที่สุดเขาลงมือเขียนคำปราศรัยไว้ต่อต้านพระศาสนาคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาและแม่พระ 12 เมษายน เขากำลังเขียนคำปราศรัยไว้ต่อต้านพระสัจธรรมเรื่องแม่พระปฏิสนธินิรมลโดยตีความตัวบทในพระคัมภร์ตามแบบฉบับของเขา
สตรีผู้แสนงดงาม
แต่ทันใดนั้น ลูกๆ ร้องเรียกเขา “พ่อๆ! พ่อมาช่วยหาลูกบอลที”
เพราะเจียนฟรังโกอยู่เฝ้าเสื้อผ้าที่เขาถอดเพื่อวิ่งเล่น ส่วนอิโชลานั้น เธอออกไปเก็บดอกไม้ฝากแม่ จึงเป็นอันว่านายบรูโนจะต้องไปหาลูกบอลกับการ์โลเท่านั้น
แต่บัดดลนั้น เขาสังเกตว่าเจียนฟรังโกหายไป แล้วเขาก็ไปพบในถ้ำที่เคยใช้ทิ้งขยะ อยู่ในท่าคุกเขาพนมมือเหมือนกำลังสวด นัยน์ตาเป็นประกายและยิ้ม เขาได้ยินลูกพูดย้ำว่า
“ผู้หญิงสวยเหลือเกิน! ผู้หญิงสวยจริงๆ”
บรูโนตกประหม่าเพราะในครอบครัวไม่มีใครสอนลูกให้แสดงอากับปกิริยาสวดเช่นนี้ เขาจึงถามลูกว่า “ลูกว่าอะไร เจียนฟรังโก? ลูกทำอะไร? พ่อบอกลูกไม่ใช่หรือไม่ให้มาที่นี่ เพราะที่นี่กลิ่นไม่ดี”
แต่หนูน้อยไม่ตอบและไม่กระดุกกระดิก เพียงแต่ย้ำว่า “ผู้หญิงสวยเหลือเกิน”
“ถ้ำนี้ถูกเวทมนต์คาถาหรือนี่?” บรูโนคิดในใจ แล้วจึงเรียกอิโซลา ถามว่า” เจียนฟรังโกว่าอะไร? มีอะไรอยู่ข้างใน? เห็นอะไรบ้างไหม?”
“ไม่เห็นค่ะ” เด็กหญิงตอบและในขณะนั้นเองเธอก็คุกเข่าลงในมือถือดอกไม้ที่เก็บมา ตาจ้องเขม็ง พูดตะกุกตะกังเหมือนน้องชายว่า “ผู้หญิงสวยมาก! ผู้หญิงสวยเหลือเกิน!”
บรูโนรู้สึกหงุดหงิดเรียกการ์โลบ้าง “มานี่! อิโชลากับเจียนฟรังโกทำอะไร รู้ไหม? หรือว่าลูกสามคนชวนกันเล่นแบบนี้? ทำไมไม่พูดแบบเขาบ้างว่า ผู้หญิงสวยเหลือเกิน?”
“เอ๊ะ!” การ์โลแสดงอาการแปลกใจ แต่พอพูดเท่านี้เขาก็คุกเข่าลงเหมือนกัน พนมมือดวงตาสุกใสเหมือนกับคนถูกสะกดและพูดย้ำเช่นเดียวกันว่า “ผู้หญิงสวยเหลือเกิน!”
บรูโนร้องว่า “เกินไปแล้ว ยืนขึ้น การ์โล แล้วออกไป! พ่อเบื่อเจ้าสามคนนี้เต็มทีแล้ว” บรูโนพยายามจับการ์โลให้ลุกขึ้นแต่ยกไม่ขึ้น เพราะหนักเหลือเกิน บรูโนรู้สึกกลัว หันมาพูดกับอิโชลาว่า “คุกเข่าทำไม? ยืนขึ้นอย่าทำเหมือนการ์โล”
เขาออกแรงเต็มที่พยายามจับลูกสาวให้ลุกขึ้น แต่ไม่สำเร็จและก็ทำไม่สำเร็จเช่นเดียวกันสำหรับเจียนฟรังโก ลูกคนเล็ก
แต่ทันใดนั้น ลูกๆ ร้องเรียกเขา “พ่อๆ! พ่อมาช่วยหาลูกบอลที”
เพราะเจียนฟรังโกอยู่เฝ้าเสื้อผ้าที่เขาถอดเพื่อวิ่งเล่น ส่วนอิโชลานั้น เธอออกไปเก็บดอกไม้ฝากแม่ จึงเป็นอันว่านายบรูโนจะต้องไปหาลูกบอลกับการ์โลเท่านั้น
แต่บัดดลนั้น เขาสังเกตว่าเจียนฟรังโกหายไป แล้วเขาก็ไปพบในถ้ำที่เคยใช้ทิ้งขยะ อยู่ในท่าคุกเขาพนมมือเหมือนกำลังสวด นัยน์ตาเป็นประกายและยิ้ม เขาได้ยินลูกพูดย้ำว่า
“ผู้หญิงสวยเหลือเกิน! ผู้หญิงสวยจริงๆ”
บรูโนตกประหม่าเพราะในครอบครัวไม่มีใครสอนลูกให้แสดงอากับปกิริยาสวดเช่นนี้ เขาจึงถามลูกว่า “ลูกว่าอะไร เจียนฟรังโก? ลูกทำอะไร? พ่อบอกลูกไม่ใช่หรือไม่ให้มาที่นี่ เพราะที่นี่กลิ่นไม่ดี”
แต่หนูน้อยไม่ตอบและไม่กระดุกกระดิก เพียงแต่ย้ำว่า “ผู้หญิงสวยเหลือเกิน”
“ถ้ำนี้ถูกเวทมนต์คาถาหรือนี่?” บรูโนคิดในใจ แล้วจึงเรียกอิโซลา ถามว่า” เจียนฟรังโกว่าอะไร? มีอะไรอยู่ข้างใน? เห็นอะไรบ้างไหม?”
“ไม่เห็นค่ะ” เด็กหญิงตอบและในขณะนั้นเองเธอก็คุกเข่าลงในมือถือดอกไม้ที่เก็บมา ตาจ้องเขม็ง พูดตะกุกตะกังเหมือนน้องชายว่า “ผู้หญิงสวยมาก! ผู้หญิงสวยเหลือเกิน!”
บรูโนรู้สึกหงุดหงิดเรียกการ์โลบ้าง “มานี่! อิโชลากับเจียนฟรังโกทำอะไร รู้ไหม? หรือว่าลูกสามคนชวนกันเล่นแบบนี้? ทำไมไม่พูดแบบเขาบ้างว่า ผู้หญิงสวยเหลือเกิน?”
“เอ๊ะ!” การ์โลแสดงอาการแปลกใจ แต่พอพูดเท่านี้เขาก็คุกเข่าลงเหมือนกัน พนมมือดวงตาสุกใสเหมือนกับคนถูกสะกดและพูดย้ำเช่นเดียวกันว่า “ผู้หญิงสวยเหลือเกิน!”
บรูโนร้องว่า “เกินไปแล้ว ยืนขึ้น การ์โล แล้วออกไป! พ่อเบื่อเจ้าสามคนนี้เต็มทีแล้ว” บรูโนพยายามจับการ์โลให้ลุกขึ้นแต่ยกไม่ขึ้น เพราะหนักเหลือเกิน บรูโนรู้สึกกลัว หันมาพูดกับอิโชลาว่า “คุกเข่าทำไม? ยืนขึ้นอย่าทำเหมือนการ์โล”
เขาออกแรงเต็มที่พยายามจับลูกสาวให้ลุกขึ้น แต่ไม่สำเร็จและก็ทำไม่สำเร็จเช่นเดียวกันสำหรับเจียนฟรังโก ลูกคนเล็ก
ฉันคือพรหมจารีสตรีแห่งพระวิวรณ์
บรูโนคิดในใจว่า “ใครมาใช้เวทย์มนต์คาถากับลูกของเราหนอ? ในถ้ำนี้มีแม่มดด้วยหรือยังไง? หรือว่าเป็นผี?”
แล้วเขาร้องเสียงดัง “เจ้าที่อยู่ข้างในเป็นใคร? ออกมาข้างนอกซิ!”
ไม่มีคำตอบ เขามองดูลูกทั้งสามด้วยความตื่นตกใจ! ถึงจะลูบไล้ปลอบใจ ลูกก็คงอยู่เฉยๆ เหมือนกับกลายเป็นหิน หน้าซีดเผือด โดยที่ตกใจสุดขีด บรูโนเงยหน้าดูฟ้า ร้องวิงวอนว่า “ช่วยด้วย! พระเจ้าข้า”
พอร้องขอให้พระเจ้าช่วยบรูโนก็เห็น มือขาวๆ สองมือเคลื่อนไปทางนัยน์ตาของเขาเหมือนกับจะยกม่านที่บังตาออก เขารู้สึกอยู่ในที่มืดมิด แต่ทันใดนั้น แสงสว่างรุ่งโรจน์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของถ้ำแจ่มจรัสยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างหายหมด ทั้งพื้นดินและพุ่มดอกไม้
ขณะเดียวกันเขารู้สึกตัวเบา เบาเหมือนกับว่าไม่มีร่างกายแล้วและบัดดลนั้นเอง ตรงศูนย์กลางความสว่าง เขามองเห็น “หญิงสวยงาม” คนนั้น ซึ่งลูกทั้งสามเห็นแล้ว
เท้าเปล่าของเธอยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เสื้อคลุมสีเขียวทับบนอาภรณ์สีขาว และในมือถือหนังสือสีเทาชิดกับตัว เธอใช้มือซ้ายชี้ให้ดูของต่างๆ ซึ่งวางอยู่แทบเท้าของเธอ บรูโนเห็นเสื้อสีดำที่ฉีกขาดกับกางเขนอันหนึ่งซึ่งหักแล้ว ครั้งแล้วหญิงนั้นก็กลับอยู่ในท่าเดิมพูดว่า
“ฉันคือพรหมจารีที่มาไขแสดง เธอนั้นเบียดเบียนฉัน แต่บัดนี้ พอเสียที! จงเข้ามาในคอกแกะซึ่งเป็นพระอาณาจักรสวรรค์ในโลกนี้เถิด
พระวาจาที่พระเจ้าทรงสัญญานั้นไม่วันเปลี่ยนแปลง
วันศุกร์ต้นเดือนเก้าครั้งที่เธอได้ทำก่อนที่จะหลงเข้าไปในหนทางแห่งความโป้ปดนั้น ได้ช่วยให้เธอรอด”
บรูโนคิดในใจว่า “ใครมาใช้เวทย์มนต์คาถากับลูกของเราหนอ? ในถ้ำนี้มีแม่มดด้วยหรือยังไง? หรือว่าเป็นผี?”
แล้วเขาร้องเสียงดัง “เจ้าที่อยู่ข้างในเป็นใคร? ออกมาข้างนอกซิ!”
ไม่มีคำตอบ เขามองดูลูกทั้งสามด้วยความตื่นตกใจ! ถึงจะลูบไล้ปลอบใจ ลูกก็คงอยู่เฉยๆ เหมือนกับกลายเป็นหิน หน้าซีดเผือด โดยที่ตกใจสุดขีด บรูโนเงยหน้าดูฟ้า ร้องวิงวอนว่า “ช่วยด้วย! พระเจ้าข้า”
พอร้องขอให้พระเจ้าช่วยบรูโนก็เห็น มือขาวๆ สองมือเคลื่อนไปทางนัยน์ตาของเขาเหมือนกับจะยกม่านที่บังตาออก เขารู้สึกอยู่ในที่มืดมิด แต่ทันใดนั้น แสงสว่างรุ่งโรจน์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของถ้ำแจ่มจรัสยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างหายหมด ทั้งพื้นดินและพุ่มดอกไม้
ขณะเดียวกันเขารู้สึกตัวเบา เบาเหมือนกับว่าไม่มีร่างกายแล้วและบัดดลนั้นเอง ตรงศูนย์กลางความสว่าง เขามองเห็น “หญิงสวยงาม” คนนั้น ซึ่งลูกทั้งสามเห็นแล้ว
เท้าเปล่าของเธอยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เสื้อคลุมสีเขียวทับบนอาภรณ์สีขาว และในมือถือหนังสือสีเทาชิดกับตัว เธอใช้มือซ้ายชี้ให้ดูของต่างๆ ซึ่งวางอยู่แทบเท้าของเธอ บรูโนเห็นเสื้อสีดำที่ฉีกขาดกับกางเขนอันหนึ่งซึ่งหักแล้ว ครั้งแล้วหญิงนั้นก็กลับอยู่ในท่าเดิมพูดว่า
“ฉันคือพรหมจารีที่มาไขแสดง เธอนั้นเบียดเบียนฉัน แต่บัดนี้ พอเสียที! จงเข้ามาในคอกแกะซึ่งเป็นพระอาณาจักรสวรรค์ในโลกนี้เถิด
พระวาจาที่พระเจ้าทรงสัญญานั้นไม่วันเปลี่ยนแปลง
วันศุกร์ต้นเดือนเก้าครั้งที่เธอได้ทำก่อนที่จะหลงเข้าไปในหนทางแห่งความโป้ปดนั้น ได้ช่วยให้เธอรอด”
สารของพรหมจารีแห่งพระวิวรณ์
ต่อไปก็เริ่มการปราศรัยของแม่พระ ส่วนหนึ่งสำหรับบรูโนและสัตบุรุษทุกคน อีกส่วนหนึ่งเป็นสาส์นลับเฉพาะสำหรับพระสันตะปาปาแล้วเสียงนั้นกล่าวต่อไปว่า
“เพื่อให้เธอมีเครื่องพิสูจน์แน่นอนว่าการประจักษ์นี้เป็นเรื่องจริงที่มาจากพระเป็นเจ้า มิใช่มาจากปีศาจอย่างที่หลายๆ คนอยากจะสอนให้เธอเชื่อ ฉันให้เครื่องชี้บอกต่อไปนี้ คือเธอจะไปตามโบสถ์หรือที่ถนน เธอจะต้องเข้าไปหา พูดว่า “คุณพ่อผมมีธุระพูดกับคุณพ่อ” ถ้าท่านตอบว่า “วันทา มารีอา ลูกเอ๋ย ลูกต้องการอะไร?” เธอก็จะบอกเรื่องที่อยากจะพูด ท่านจะพาเธอไปหาพระสงฆ์อีกองค์หนึ่ง ซึ่งจะให้เธอสาบานทิ้งลัทธิเทียมเท็จนั้นและกลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า พระสงฆ์จะถามเธอดังนี้ “คุณมีธุระอะไร?”
แม่พระยังเสริมว่า “เมื่อเธอจะเล่าเรื่องที่เธอเห็น จะไม่มีใครเชื่อ แต่เธอไม่ต้องท้อแท้ใจ และเปลี่ยนความตั้งใจ ให้เฝ้าระวังและเข็มแข็งไว้”
แล้วแม่พระขอให้ภาวนามากๆ เพื่อให้คนบาปและคนไม่เชื่อกลับใจ และให้คริสตชนทั้งมวล พระนางกล่าวว่า
“คำภาวนาเป็นดังลูกศรทองที่ออกจากปากคนมีความเชื่อ เข้าไปในพระทัยของพระเป็นเจ้า”
แล้วพระนางเสริมว่า “ฉันจะใช้ผืนแผ่นดินนี้ (ถ้ำ) ทำอัศจรรย์ใหญ่ๆ ให้คนไม่เชื่อกลับใจ”
และรบเร้ากำชับให้สวดสายประคำ ที่สุดพระนางเผยให้บรูโนรู้ถึงข้อความจริงต่างๆ เกี่ยวกับพระนางตั้งแต่เริ่มต้นชีวิต จนถึงวันรับยกไปสวรรค์ “กายของฉันเน่าเปื่อยไม่ได้ และก็ไม่ได้เน่าเปื่อย เทวดาและพระบุตรได้ยกฉันไปสวรรค์”
พอพูดจบ แม่พระก็เอามือวางบนอกก้มศีรษะพร้อมกับยิ้มแล้วก็หายไปทางก้อนหินด้านพระมหาวิหารนักบุญเปโตร ทันทีเด็กสามคนก็ออกจากฌาน
การ์โลร้องว่า “ผู้หญิงสวยงาม! เสื้อคลุมสีเขียว!” ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเช่นเดิม ผิดแต่ว่าแทนที่จะเหม็นกลิ่นขยะในถ้ำ บัดนี้กลับมีกลิ่นหอมอย่างน่าประหลาด
ต่อไปก็เริ่มการปราศรัยของแม่พระ ส่วนหนึ่งสำหรับบรูโนและสัตบุรุษทุกคน อีกส่วนหนึ่งเป็นสาส์นลับเฉพาะสำหรับพระสันตะปาปาแล้วเสียงนั้นกล่าวต่อไปว่า
“เพื่อให้เธอมีเครื่องพิสูจน์แน่นอนว่าการประจักษ์นี้เป็นเรื่องจริงที่มาจากพระเป็นเจ้า มิใช่มาจากปีศาจอย่างที่หลายๆ คนอยากจะสอนให้เธอเชื่อ ฉันให้เครื่องชี้บอกต่อไปนี้ คือเธอจะไปตามโบสถ์หรือที่ถนน เธอจะต้องเข้าไปหา พูดว่า “คุณพ่อผมมีธุระพูดกับคุณพ่อ” ถ้าท่านตอบว่า “วันทา มารีอา ลูกเอ๋ย ลูกต้องการอะไร?” เธอก็จะบอกเรื่องที่อยากจะพูด ท่านจะพาเธอไปหาพระสงฆ์อีกองค์หนึ่ง ซึ่งจะให้เธอสาบานทิ้งลัทธิเทียมเท็จนั้นและกลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า พระสงฆ์จะถามเธอดังนี้ “คุณมีธุระอะไร?”
แม่พระยังเสริมว่า “เมื่อเธอจะเล่าเรื่องที่เธอเห็น จะไม่มีใครเชื่อ แต่เธอไม่ต้องท้อแท้ใจ และเปลี่ยนความตั้งใจ ให้เฝ้าระวังและเข็มแข็งไว้”
แล้วแม่พระขอให้ภาวนามากๆ เพื่อให้คนบาปและคนไม่เชื่อกลับใจ และให้คริสตชนทั้งมวล พระนางกล่าวว่า
“คำภาวนาเป็นดังลูกศรทองที่ออกจากปากคนมีความเชื่อ เข้าไปในพระทัยของพระเป็นเจ้า”
แล้วพระนางเสริมว่า “ฉันจะใช้ผืนแผ่นดินนี้ (ถ้ำ) ทำอัศจรรย์ใหญ่ๆ ให้คนไม่เชื่อกลับใจ”
และรบเร้ากำชับให้สวดสายประคำ ที่สุดพระนางเผยให้บรูโนรู้ถึงข้อความจริงต่างๆ เกี่ยวกับพระนางตั้งแต่เริ่มต้นชีวิต จนถึงวันรับยกไปสวรรค์ “กายของฉันเน่าเปื่อยไม่ได้ และก็ไม่ได้เน่าเปื่อย เทวดาและพระบุตรได้ยกฉันไปสวรรค์”
พอพูดจบ แม่พระก็เอามือวางบนอกก้มศีรษะพร้อมกับยิ้มแล้วก็หายไปทางก้อนหินด้านพระมหาวิหารนักบุญเปโตร ทันทีเด็กสามคนก็ออกจากฌาน
การ์โลร้องว่า “ผู้หญิงสวยงาม! เสื้อคลุมสีเขียว!” ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเช่นเดิม ผิดแต่ว่าแทนที่จะเหม็นกลิ่นขยะในถ้ำ บัดนี้กลับมีกลิ่นหอมอย่างน่าประหลาด
หลังจากการประจักษ์
ก่อนจะกลับบ้านกับลูก บรูโนพาพวกเขาไปที่โบสถ์อารามสามน้ำพุ บอกให้เขาคุกเข่าหน้าตู้ศีลและยืนยันว่าพระเยซูเจ้าสถิตอยู่ในศีลมหาสนิทจริง ตรงกันข้ามกับที่เขาเคยสอนมา แล้วเขาก็สวดบทวันทามารีอากับลูกสามคน เขายังบอกลูกอย่าพูดถึงเรื่องที่เขาเห็นกับใคร
แต่เมื่อขึ้นบันได พวกเด็กร้องบอกทุกคนว่า “เราสามคนได้เห็นแม่พระที่สามน้ำพุกับคุณพ่อ” ส่วนบรูโนเล่าทุกอย่างให้โยลันดาฟัง แล้วคุกเข่าข้างหน้าเธอพูดว่า “เธอต้องให้อภัยฉันที่ได้ทำสิ่งที่เป็นโทษต่อเธอทุกอย่าง”
ทีนี้ก็ถึงคราวที่ผู้กลับใจใหม่ต้องทนทุกข์ลำบากใจเป็นเวลานาน เขาคอยและแสวงหาเครื่องชี้บอกที่แม่พระสัญญา ทุกครั้งที่เขาพบพระสงฆ์ เขาจะถามว่า “ขอพูดกับคุณพ่อหน่อยได้ไหมครับ?” แต่ไม่มีพระสงฆ์สักองค์ตอบด้วยคำพูดที่แม่พระบอกไว้ ดังนั้นบรูโนจึงนิ่งไม่พูดต่อไปทำให้พระสงฆ์งุนงงมาก บรูโนยิ่งกระวนกระวายใจหนักขึ้น คิดว่า “หรือเราจำผิด?”
2ปีผ่านไป วันหนึ่งภรรยาบอกบรูโนว่า “ไปที่วัดของเธอซิค่ะ” (วัดนักบุญทั้งหลาย) บรูโนก็ไป พระสงฆ์องค์หนึ่งกำลังจะแจกศีล เขาก็เข้าไปหาพูดว่า “คุณพ่อครับ ผมอยากพูดกับคุณพ่อ”
“วันทามารีอา ลูกเอ๋ย ลูกต้องการอะไร?”
“คุณพ่อตอบอย่างนี้ ทำให้ผมกลับมีชีวิตทีเดียว”
ส่วนพระสงฆ์กล่าวต่อไปว่า “ไปที่ห้องสักการภัณฑ์ มีพระสงฆ์องค์หนึ่งเพิ่งถวายมิสซาเสร็จไปหาเถอะ ท่านจะรับเป็นธุระเรื่องของลูก!”
เป็นอันว่าเขาได้รับเครื่องชี้บอกทีแม่พระสัญญาแล้ว และที่ห้องสักการภัณฑ์นั้นเอง บรูโนก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พระสงฆ์ฟัง
หลังจากได้รับการอบรมทางศาสนาเรียนคำสอนเป็นอย่างดีแล้ว บรูโนกับภรรยาได้รับศีลอภัยบาป และได้สาบานทิ้งลัทธิเทียมเท็จเดิมเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1947
ก่อนนั้น 1 วัน บรูโนได้ไปที่ถ้ำสามน้ำพุ ขณะที่เขากำลังคุกเข่าภาวนานั้น แม่พระได้ประจักษ์มา และยิ้มกับเขาตรัสว่าจะทรงคุ้มครองเขาต่อไปและวันสำคัญได้มาถึงแล้ว
ก่อนจะกลับบ้านกับลูก บรูโนพาพวกเขาไปที่โบสถ์อารามสามน้ำพุ บอกให้เขาคุกเข่าหน้าตู้ศีลและยืนยันว่าพระเยซูเจ้าสถิตอยู่ในศีลมหาสนิทจริง ตรงกันข้ามกับที่เขาเคยสอนมา แล้วเขาก็สวดบทวันทามารีอากับลูกสามคน เขายังบอกลูกอย่าพูดถึงเรื่องที่เขาเห็นกับใคร
แต่เมื่อขึ้นบันได พวกเด็กร้องบอกทุกคนว่า “เราสามคนได้เห็นแม่พระที่สามน้ำพุกับคุณพ่อ” ส่วนบรูโนเล่าทุกอย่างให้โยลันดาฟัง แล้วคุกเข่าข้างหน้าเธอพูดว่า “เธอต้องให้อภัยฉันที่ได้ทำสิ่งที่เป็นโทษต่อเธอทุกอย่าง”
ทีนี้ก็ถึงคราวที่ผู้กลับใจใหม่ต้องทนทุกข์ลำบากใจเป็นเวลานาน เขาคอยและแสวงหาเครื่องชี้บอกที่แม่พระสัญญา ทุกครั้งที่เขาพบพระสงฆ์ เขาจะถามว่า “ขอพูดกับคุณพ่อหน่อยได้ไหมครับ?” แต่ไม่มีพระสงฆ์สักองค์ตอบด้วยคำพูดที่แม่พระบอกไว้ ดังนั้นบรูโนจึงนิ่งไม่พูดต่อไปทำให้พระสงฆ์งุนงงมาก บรูโนยิ่งกระวนกระวายใจหนักขึ้น คิดว่า “หรือเราจำผิด?”
2ปีผ่านไป วันหนึ่งภรรยาบอกบรูโนว่า “ไปที่วัดของเธอซิค่ะ” (วัดนักบุญทั้งหลาย) บรูโนก็ไป พระสงฆ์องค์หนึ่งกำลังจะแจกศีล เขาก็เข้าไปหาพูดว่า “คุณพ่อครับ ผมอยากพูดกับคุณพ่อ”
“วันทามารีอา ลูกเอ๋ย ลูกต้องการอะไร?”
“คุณพ่อตอบอย่างนี้ ทำให้ผมกลับมีชีวิตทีเดียว”
ส่วนพระสงฆ์กล่าวต่อไปว่า “ไปที่ห้องสักการภัณฑ์ มีพระสงฆ์องค์หนึ่งเพิ่งถวายมิสซาเสร็จไปหาเถอะ ท่านจะรับเป็นธุระเรื่องของลูก!”
เป็นอันว่าเขาได้รับเครื่องชี้บอกทีแม่พระสัญญาแล้ว และที่ห้องสักการภัณฑ์นั้นเอง บรูโนก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พระสงฆ์ฟัง
หลังจากได้รับการอบรมทางศาสนาเรียนคำสอนเป็นอย่างดีแล้ว บรูโนกับภรรยาได้รับศีลอภัยบาป และได้สาบานทิ้งลัทธิเทียมเท็จเดิมเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1947
ก่อนนั้น 1 วัน บรูโนได้ไปที่ถ้ำสามน้ำพุ ขณะที่เขากำลังคุกเข่าภาวนานั้น แม่พระได้ประจักษ์มา และยิ้มกับเขาตรัสว่าจะทรงคุ้มครองเขาต่อไปและวันสำคัญได้มาถึงแล้ว
สมเด็จพระสันตะปาปา
บรูโนอยากเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา วันที่ 9 ธันวาคม 1949 พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงเชิญคนงานกลุ่มหนึ่งให้ไปสวดสายประคำกับพระองค์ในโบสถ์น้อยส่วนพระองค์ ผู้กลับใจใหม่ก็ได้ไปร่วมกับคนงานกลุ่มนี้
หลังการสวดสายประคำพระสันตะปาปาตรัสว่า “คนหนึ่งในพวกลูกอยากพูดกับเราใช่ไหม?”
บรูโนคุกเข่าลงเบื้องหน้าทูลถวายหนังสือพระคัมภีร์โปรเตสแตนต์ กับกริช ซึ่งแต่ก่อนเขาซื้อเพื่อจะสังหารพระองค์
พระสันตะปาปาทรงยิ้มตรัสว่า “ลูกที่รัก ลูกทำได้ก็แค่ทำให้พระคริสตเจ้ามีชัย และให้พระศาสนจักรมีมรณสักขีเพิ่มขึ้นอีกองค์หนึ่งเท่านั้นเอง”
ครั้นแล้ว เมื่อทรงทราบว่าวันรุ่งขึ้นบรูโนจะเดินทางไปแคว้นเอมีเลีย เพื่อพูดถึงพระเมตตาซึ่งพระเป็นเจ้าทรงสำแดงต่อเขาโดยผ่านทางพระนางมารีอา ตามที่กลุ่มพระสังฆราชเชื้อเชิญ พระสันตะปาปาตรัสว่า
“ดีแล้ว เราดีใจด้วย เชิญลูกไปในรัสเซียน้อยๆ ของอิตาลีพร้อมกับพรของเราเถิด!”
บรูโนแสดงตัวเป็นผู้แพร่ธรรมของแม่พระและพระศาสนจักร โดยเล่าการกลับใจของตนเช่นนี้ ก็เพื่อชดเชยความผิดที่โจมตีต่อต้านพระศาสนาในการก่อน
บรูโนอยากเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา วันที่ 9 ธันวาคม 1949 พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงเชิญคนงานกลุ่มหนึ่งให้ไปสวดสายประคำกับพระองค์ในโบสถ์น้อยส่วนพระองค์ ผู้กลับใจใหม่ก็ได้ไปร่วมกับคนงานกลุ่มนี้
หลังการสวดสายประคำพระสันตะปาปาตรัสว่า “คนหนึ่งในพวกลูกอยากพูดกับเราใช่ไหม?”
บรูโนคุกเข่าลงเบื้องหน้าทูลถวายหนังสือพระคัมภีร์โปรเตสแตนต์ กับกริช ซึ่งแต่ก่อนเขาซื้อเพื่อจะสังหารพระองค์
พระสันตะปาปาทรงยิ้มตรัสว่า “ลูกที่รัก ลูกทำได้ก็แค่ทำให้พระคริสตเจ้ามีชัย และให้พระศาสนจักรมีมรณสักขีเพิ่มขึ้นอีกองค์หนึ่งเท่านั้นเอง”
ครั้นแล้ว เมื่อทรงทราบว่าวันรุ่งขึ้นบรูโนจะเดินทางไปแคว้นเอมีเลีย เพื่อพูดถึงพระเมตตาซึ่งพระเป็นเจ้าทรงสำแดงต่อเขาโดยผ่านทางพระนางมารีอา ตามที่กลุ่มพระสังฆราชเชื้อเชิญ พระสันตะปาปาตรัสว่า
“ดีแล้ว เราดีใจด้วย เชิญลูกไปในรัสเซียน้อยๆ ของอิตาลีพร้อมกับพรของเราเถิด!”
บรูโนแสดงตัวเป็นผู้แพร่ธรรมของแม่พระและพระศาสนจักร โดยเล่าการกลับใจของตนเช่นนี้ ก็เพื่อชดเชยความผิดที่โจมตีต่อต้านพระศาสนาในการก่อน
รับรองโดยพฤตินัย
3 มิถุนายน รูปปั้นเล็กๆ รูปหนึ่งตั้งอยู่ในสถานที่แม่พระปรากฏองค์ให้เห็น ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นรูปปั้นใหญ่ นับแต่บัดนั้นถ้ำสามน้ำพุได้กลายเป็นสถานที่สวดภาวนา
แต่เมื่อเห็นสัตบุรุษพากันมามากมาย เจ้าอาวาสสถานที่แห่งนั้นสั่งให้ติดป้าย ขอให้รอคำวินิจฉัยของพระศาสนจักรก่อนและในขณะเดียวกันก็สั่งยกเอาดอกไม้ที่มีคนนำมา ออกไป เพื่อมิให้ใครคิดว่ากลิ่นหอมเหนือธรรมชาตินั้นมาจากดอกไม้
แต่ผู้ป่วยก็พากันมาและหายจากโรค พวกแพทย์จึงจัดให้มีสถานที่ชันสูตรการหายจากโรคเหมือนที่เมืองลูร์ด สัตบุรุษแห่กันมาสวดสายประคำ เป็นอันว่าสถานที่สกปรก และแปดเปื้อนบาป ได้กลับกลายเป็นสถานที่รับพระหรรษทานและพระคุณ โดยเฉพาะพระสังฆราชเป็นจำนวนร้อยๆ พากันมาสำรวมใจที่ถ้ำสามน้ำพุ นอกจากนั้นยังมีเลขาธิการสมณกระทรวงต่างๆ อธิการอารามและอธิการคณะนักบวช นักเทวศาสตร์ และเป็นต้นพระคาร์ดินัล เช่น พระคาร์ดินัลฟอนเฟาฮาแบร์ (Faulhaber) แห่งเมืองมิวนิก
ดังนั้น แม้พระศาสนจักรยังมิทันได้วินิจฉัยอย่างเป็นทางการ การประจักษ์ของแม่พระที่ถ้ำนี้ก็เหมือนได้รับการรับรองโดยพฤตินัยแล้ว อย่างน้อยก็ถือว่าถ้ำนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ปัจจุบัน การประจักษืนี้ รับรองโดยพระศาสนจักรท้องถิ่นแล้ว อยุ่ในสถานะเผยแพร่และแสวงบุญได้
3 มิถุนายน รูปปั้นเล็กๆ รูปหนึ่งตั้งอยู่ในสถานที่แม่พระปรากฏองค์ให้เห็น ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นรูปปั้นใหญ่ นับแต่บัดนั้นถ้ำสามน้ำพุได้กลายเป็นสถานที่สวดภาวนา
แต่เมื่อเห็นสัตบุรุษพากันมามากมาย เจ้าอาวาสสถานที่แห่งนั้นสั่งให้ติดป้าย ขอให้รอคำวินิจฉัยของพระศาสนจักรก่อนและในขณะเดียวกันก็สั่งยกเอาดอกไม้ที่มีคนนำมา ออกไป เพื่อมิให้ใครคิดว่ากลิ่นหอมเหนือธรรมชาตินั้นมาจากดอกไม้
แต่ผู้ป่วยก็พากันมาและหายจากโรค พวกแพทย์จึงจัดให้มีสถานที่ชันสูตรการหายจากโรคเหมือนที่เมืองลูร์ด สัตบุรุษแห่กันมาสวดสายประคำ เป็นอันว่าสถานที่สกปรก และแปดเปื้อนบาป ได้กลับกลายเป็นสถานที่รับพระหรรษทานและพระคุณ โดยเฉพาะพระสังฆราชเป็นจำนวนร้อยๆ พากันมาสำรวมใจที่ถ้ำสามน้ำพุ นอกจากนั้นยังมีเลขาธิการสมณกระทรวงต่างๆ อธิการอารามและอธิการคณะนักบวช นักเทวศาสตร์ และเป็นต้นพระคาร์ดินัล เช่น พระคาร์ดินัลฟอนเฟาฮาแบร์ (Faulhaber) แห่งเมืองมิวนิก
ดังนั้น แม้พระศาสนจักรยังมิทันได้วินิจฉัยอย่างเป็นทางการ การประจักษ์ของแม่พระที่ถ้ำนี้ก็เหมือนได้รับการรับรองโดยพฤตินัยแล้ว อย่างน้อยก็ถือว่าถ้ำนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ปัจจุบัน การประจักษืนี้ รับรองโดยพระศาสนจักรท้องถิ่นแล้ว อยุ่ในสถานะเผยแพร่และแสวงบุญได้
พระนางพรหมจารี แห่งพระวิวรณ์
ผู้ที่เปิดตามนุษย์ที่ถูกปิดมิให้เห็นความสว่างของพระเจ้า ก็คือพระครสิตเจ้า “องค์ความสว่างส่องนานาชาติ” (ลก.2.32) ด้วยพระบุญบารมีของพระคริสตเจ้า “ชนชาติที่เดินอยู่ในความมืด และบรรดาผู้ที่พำนักอยู่ในถิ่นแห่งร่มเงา ได้เห็นความสว่างอันรุ่งโรจน์” “ผู้ที่อยู่ในความมืดได้ถูกนำออกมาจากคุก” และ “ที่สุดปลายแผ่นดินได้เห็นความรอดที่พระเจ้าของเราประทานให้” (อสย. 9, 1;42,7;52,10)
แต่พระนางมารีย์คือกลไกสำคัญของการเปิดเผยนี้ พระนางเป็นประดุจเชิงเทียน ที่ช่วยให้ความสว่างของพระเจ้าส่องไปทั่วเพื่อให้ “ทุกสิ่งที่ถูกปิดบังจะเป็นที่เปิดเผย” (เทียบ มธ 10,26)
เมื่อบังเกิดพระวจนาตถ์เป็นมนุษย์ และเป็น “ผู้ฉายพระเกียรติรุ่งโรจน์ของพระบิดา” (ฮบ.1,3) พระนางก็ได้ทรงนำความสว่างมาสู่มวลมนุษย์ผู้เป็นลูกของพระนาง นอกจากนั้นพระนางได้ภาวนาวอนขอให้ทุกสิ่งที่ปิดบังมิให้คนบาปเห็นความสว่างอันแท้จริง ได้อันตรธานหายไป เช่นนี้แหละอาศัยพระมารดา พระเยซูคริสต์ได้กระชากผ้าที่ปิดบังนัยน์ตาของบรูโนออก
เพราะไม่ว่าจะอ่านพระคัมภีร์จบสักกี่รอบ แต่หากมีมิจฉาทิฐิบังตาก็ไม่มีวันตีความพระคัมภีร์ให้ถูกต้องได้ [แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป (2คร 3:14)]
ขอให้พระนางส่องสว่างแก่บรรดาผู้ไม่เชื่อ และลุ่มหลงในหนทางแห่งความมดเท็จเพื่อเขาจะได้ต้อนรับพระคริสตเจ้าผู้เป็น “องค์ผู้ไขแสดงของเรา”
แม่พระยุคใหม่ : นิตยสารราย 2 เดือน ฉบับรวมเล่มปี 1992/2535 : หน้า 5-10
ผู้ที่เปิดตามนุษย์ที่ถูกปิดมิให้เห็นความสว่างของพระเจ้า ก็คือพระครสิตเจ้า “องค์ความสว่างส่องนานาชาติ” (ลก.2.32) ด้วยพระบุญบารมีของพระคริสตเจ้า “ชนชาติที่เดินอยู่ในความมืด และบรรดาผู้ที่พำนักอยู่ในถิ่นแห่งร่มเงา ได้เห็นความสว่างอันรุ่งโรจน์” “ผู้ที่อยู่ในความมืดได้ถูกนำออกมาจากคุก” และ “ที่สุดปลายแผ่นดินได้เห็นความรอดที่พระเจ้าของเราประทานให้” (อสย. 9, 1;42,7;52,10)
แต่พระนางมารีย์คือกลไกสำคัญของการเปิดเผยนี้ พระนางเป็นประดุจเชิงเทียน ที่ช่วยให้ความสว่างของพระเจ้าส่องไปทั่วเพื่อให้ “ทุกสิ่งที่ถูกปิดบังจะเป็นที่เปิดเผย” (เทียบ มธ 10,26)
เมื่อบังเกิดพระวจนาตถ์เป็นมนุษย์ และเป็น “ผู้ฉายพระเกียรติรุ่งโรจน์ของพระบิดา” (ฮบ.1,3) พระนางก็ได้ทรงนำความสว่างมาสู่มวลมนุษย์ผู้เป็นลูกของพระนาง นอกจากนั้นพระนางได้ภาวนาวอนขอให้ทุกสิ่งที่ปิดบังมิให้คนบาปเห็นความสว่างอันแท้จริง ได้อันตรธานหายไป เช่นนี้แหละอาศัยพระมารดา พระเยซูคริสต์ได้กระชากผ้าที่ปิดบังนัยน์ตาของบรูโนออก
เพราะไม่ว่าจะอ่านพระคัมภีร์จบสักกี่รอบ แต่หากมีมิจฉาทิฐิบังตาก็ไม่มีวันตีความพระคัมภีร์ให้ถูกต้องได้ [แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป (2คร 3:14)]
ขอให้พระนางส่องสว่างแก่บรรดาผู้ไม่เชื่อ และลุ่มหลงในหนทางแห่งความมดเท็จเพื่อเขาจะได้ต้อนรับพระคริสตเจ้าผู้เป็น “องค์ผู้ไขแสดงของเรา”
แม่พระยุคใหม่ : นิตยสารราย 2 เดือน ฉบับรวมเล่มปี 1992/2535 : หน้า 5-10
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
วันทามารีย์ผู้เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน โปรดช่วยชี้นำเส้นทางสู่พระบุตรของพระองค์ด้วยเทอญ
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์
อาแมน.
อาแมน.
ขอบคุณพระเจ้า เราได้ไปแสวงบุญที่นี่2ครั้งเมื่อเกือบ10ปีที่แล้ว เตฟอนตาเน่อยู่ชานเมืองกรุงโรม
มีคนไปสวดกันตลอดเวลา และที่นั่นในเดือนเมษายน จะเห็นปรากฎการณ์ดวงอาทิตย์หมุน สลับสีเสมอ
เราได้สวดต่อหน้ารูปแม่พระ(พระมารดาแห่งพระวิวรณ์) ตรงที่ประจักษ์มา แม่พระใส่เสี้อคลุมสีเขียวตามรูป เราได้ซื้อรูปแม่พระมา1รูป
มีคนไปสวดกันตลอดเวลา และที่นั่นในเดือนเมษายน จะเห็นปรากฎการณ์ดวงอาทิตย์หมุน สลับสีเสมอ
เราได้สวดต่อหน้ารูปแม่พระ(พระมารดาแห่งพระวิวรณ์) ตรงที่ประจักษ์มา แม่พระใส่เสี้อคลุมสีเขียวตามรูป เราได้ซื้อรูปแม่พระมา1รูป
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
^
อยากเห็นรูปแม่มารีย์ค่ะ เอามาโพสแบ่งกันดูบ้างนะคะ (ตั้งตารอดูอยู่นะคะ)
อยากเห็นรูปแม่มารีย์ค่ะ เอามาโพสแบ่งกันดูบ้างนะคะ (ตั้งตารอดูอยู่นะคะ)
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขอบคุณมาก พระเจ้าทรงทำได้ทุกสิ่ง คร้าบ ...อาเมน
ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เทอญ พระเจ้าข้า
ทุกสิ่งทุกอย่างสุดแล้วแต่น้ำพระทัยของพระองค์เทอญ พระเจ้าข้า
ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้สำเร็จไปตามพระประสงค์ของพระองค์เทอญ พระเจ้าข้า
ลูกเชื่อ ลูกไว้ใจ และลูกรักพระองค์ โปรดทรงพระเมตตาเทอญ
สันตะมารีอา ช่วยวิงวอนเทอญ
ทุกสิ่งทุกอย่างสุดแล้วแต่น้ำพระทัยของพระองค์เทอญ พระเจ้าข้า
ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้สำเร็จไปตามพระประสงค์ของพระองค์เทอญ พระเจ้าข้า
ลูกเชื่อ ลูกไว้ใจ และลูกรักพระองค์ โปรดทรงพระเมตตาเทอญ
สันตะมารีอา ช่วยวิงวอนเทอญ
การที่เด็ก3คนพบแม่พระในถ้ำ ทำให้ผมคิดถึงฉากประสูติ โหราจารย์ทั้ง3 เข้าพบพระกุมารในถ้ำเลี้ยงสัตว์ และเฮโรดก็ต้องการฆ่าพระกุมาร แต่พวกเขาหลบเลี่ยงที่จะพาเฮโรดมา ส่วนบรูโน อยากฆ่าพระสันตะปาปา แต่แม่พระใช้เด็กทั้ง3พาพ่อของเขามาพบความจริง ก่อนที่จะกลายเป็นฆาตกร