**+ กล้าเผชิญความขัดสน +**

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ พ.ค. 09, 2008 6:33 am

กล้าเผชิญความขัดสน
โปรดปราน ( พีพี )


“ ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟป.4.13 )


ไล่ตงจิ้น เป็นคนหนึ่งที่เผชิญความขัดสนด้วยความกล้าหาญ “เขาเกิดในปี 1959 เป็นช่วงที่ไต้หวันอยู่ในยุคสมัยของการเกษตรกรรม และสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งเสร็จสิ้น ตอนนั้นประเทศไต้หวันค่อนข้างยากจน เขาลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก ที่สุสาน กระดูกคนตายคือของเล่น พวก เขา ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี้มานับ 10 ปี เขา มีบิดาเป็นขอทานตาบอด ส่วนมารดาเป็นคนปัญญาอ่อน มีไอคิวเพียง 58 มีน้องๆอีก 10 คน ซึ่ง เด็กชาย “ไล่ตงจิ้น”ต้องดูแลในฐานะลูกชายคนโต พวกเขา ‘ยังชีพ’ ด้วยการขอทาน เรื่องการเรียนหนังสือ คือ ความเป็นไปไม่ได้ อาชีพขอทานต้องพเนจรไปเรื่อยๆ จึงไม่เคยคิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มีชีวิตอยู่ให้ได้แค่วันนี้ก็พอ อาหารที่ดีที่สุดของเขาคือ อาหารที่คนอื่นกินเหลือ เสื้อผ้าที่ใส่ ก็เก็บมาจากเสื้อผ้าคนตายที่ญาติๆ เขา เอามาทิ้งไว้ พวกเขาใช้พันร่างกาย กันร้อนหนาวและกันความอุจาด … ต่อมา “ไล่ตงจิ้น” ได้เรียนหนังสือ ก็เพราะเงินของพี่สาวที่ได้มาจากการขายตัว เวลาเขาไปโรงเรียน มีนักเรียนบางคนล้อเลียนว่าเป็นลูกขอทาน เขาไม่เคยโต้ตอบ ได้แต่อดทนเสมอมา เพราะเขาสำนึกว่าการได้เรียนก็เพราะความลำบากของพี่สาว ดังนั้นจึงอดทนเพื่อพ่อ แม่ พี่สาว และเพื่อน้องๆ

รูปภาพ

ไล่ตงจิ้น ไม่เคยยอมแพ้ต่อคำดูถูกและคำสบประมาท แต่เขานำมาเป็นแรงผลักดันให้เกิดความมานะพยายาม ความอดทนจนในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้นตลอดมา เขามีผลการเรียนดีมาก จึงได้รับเกียรติบัตรจากความรู้ความสามารถ มากถึง 130 ใบ เคยได้รับรางวัล 10 สุดยอดเยาวชนของไต้หวันในด้านต่างๆ

ไล่ตงจิ้น มุมานะจนเรียนจบเทคนิค สาขาการไฟฟ้า ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าโรงงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เขามีส่วนเป็นผู้ร่วมบุกเบิก ฐานะของเขาและครอบครัวมีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่ลำบากเหมือนก่อนอีกแล้ว พี่สาวก็เช่นกัน อาจิ้นยังคงดูแลและช่วยเหลือทุกคนในครอบครัวอยู่เสมอ เขามีภรรยาที่รักเขาและมีลูกๆ ที่น่ารัก

รูปภาพ

ขอนำเรื่องการเผชิญกับการขัดสนของหญิงม่าย ที่บันทึกในพระคัมภีร์เก่า มาศึกษา เพราะเราจะสัมผัสกับความรักของพระเจ้าโดยการทรงเลี้ยงดู พระองค์ทรงใช้ประกาศกเอลียาห์ไปหาแม่ม่ายชาวศาเรฟัทผู้นี้เพียงผู้เดียว (1พกษ.17-8-16,ลูกา 4.25-26 ) ดังพระวาจา 9“ลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัทเถิด ซึ่งขึ้นแก่เมืองไซดอน และอาศัยอยู่ที่นั่น ดูเถิด เราได้บัญชาหญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า” 10ท่านจึงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท และเมื่อมาถึงประตูเมือง ดูเถิด หญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นกำลังเก็บฟืน ท่านจึงเรียกนางว่า “ขอน้ำเล็กน้อยใส่ภาชนะมาให้ฉัน เพื่อฉันจะได้ดื่มน้ำ” 11และขณะเมื่อนางจะไปเอาน้ำมา ท่านก็เรียกนางแล้วบอกว่า “ขอนำอาหารใส่มือมาให้ฉันสักหน่อยหนึ่ง” 12และนางตอบว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีอะไรที่ปิ้งเสร็จ มีแต่แป้งสักกำมือหนึ่งในหม้อ และน้ำมันเล็กน้อยที่ในไห บัดนี้ดิฉันกำลังเก็บฟืนเล็กน้อย เพื่อจะเข้าไปทำสำหรับตัวดิฉัน และบุตรชายของดิฉัน เพื่อเราจะได้กินแล้วก็จะตาย” 13และเอลียาห์บอกนางว่า “อย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่เจ้าพูด แต่จงทำขนมก้อนเล็กให้ฉันก่อน แล้วเอามาให้ฉัน ภายหลังจึงทำสำหรับตัวเจ้าและบุตรของเจ้า 14เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'แป้งในหม้อนั้นจะไม่หมด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่ขาด จนกว่าจะถึงวันที่พระเจ้าทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน' ” 15นางก็ไปกระทำตามคำของเอลียาห์ นาง ตัวท่านและครอบครัวของนางก็รับประทานอยู่หลายวัน 16แป้งในหม้อก็ไม่หมด น้ำมันในไหก็ไม่ขาด ตามพระวจนะของพระเจ้าซึ่งตรัสทางเอลียาห์

ที่ใดก็ตามเมื่อเกิดการกันดารอาหาร ที่นั่นแห้งแล้ง ไม่มีอาหารไม่มีพืชผล ไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีฝน ไม่มีแหล่งน้ำ ประชาชนอดอยาก แม่ม่ายและลูกกำพร้า ต่างผอม หิวโซ เป็นภาพน่าเวทนามาก สมัยนั้น ประกาศกเอลียาห์เป็นผู้เผยพระวจนะ ส่วนกษัตริย์อาหับได้ลบหลู่พระเจ้าโดยหันไปสร้างแท่นบูชาพระบาอัล และอาเชราห์ เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้ พระเจ้าทรงลงโทษ ที่เขาเชื่อว่าพระบาอัลเป็นพระแห่งฟ้าฝนและอวยพรผลิตผล ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษ ให้อิสราเอลเกิดภัยแล้ง 3 ปี 6 เดือน ประกาศกเอลียาห์สัมผัสถึงความรักของพระเจ้ายามขัดสนเช่นนี้ โดยการจัดเตรียมของพระเจ้าให้อีกาคาบเนื้อและขนมปังให้เขาทุกเช้าเย็น และมีน้ำดื่มจากลำธารครีท

รูปภาพ

ทำไมพระเจ้าทรงดูแลหญิงม่ายที่ขัดสนคนนี้

1.นางเป็นหญิงชาวเมืองศาเรฟัท (หญิงต่างชาติ) เมืองศาเรฟัทเป็นเมืองเล็กๆอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน เมืองที่นางอยู่เป็นศูนย์กลางของการบูชาพระบาอัล พื้นเพของนางเคยเชื่อพระบาอัล แต่บัดนี้ได้กลับใจเชื่อพระยาเวห์ พระเจ้าของอิสราเอลและของทุกคน กระทั่งหญิงม่ายชาวต่างชาติ

2.นางเป็นคนยากจน ปกติหญิงม่ายจะยากจน เพราะขาดสามีเลี้ยงดู ชีวิตจึงลำบากมาก ยากจนอย่างไรดัง พระคัมภีร์บันทึกว่าเหลือแป้งหนึ่งกำมือ และน้ำมันเล็กน้อย เพียงพอสำหรับสองแม่ลูกกินเป็นมื้อสุดท้าย แล้วตาย

3.นางเป็นหญิงมีน้ำใจ เมื่อพระเจ้าทรงใช้เอลียาห์ และบอกว่าพระองค์จะเลี้ยงดูเขาผ่านหญิงม่าย ทว่ามีหญิงม่ายมากมายเหลือเกิน เขาได้ภาวนาหากหญิงม่ายคนไหนให้น้ำดื่มแก่เขา ก็เป็นคนนั้นแน่นอน ในที่สุดหญิงม่ายชาวศาเรฟัท ก็เป็นคนที่ประกาศกเอลียาห์ขอน้ำดื่ม นางก็ให้เขาดื่มน้ำ

รูปภาพ

4.นางมีความเชื่อมาก เมื่อประกาศกเอลียาห์ขอน้ำแล้วยังขออาหาร นางทำอาหารให้เขากิน ตามสิ่งที่เธอมีทั้งหมด เธอเชื่อ เธอวิงวอนว่าพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เอลียาห์บอกนางว่า พระเจ้าทรงสัญญาจะเลี้ยงดูนางแน่นอน (เช่นเดียวกับ กษัตริย์ดาวิด สดุดี 23 มีพระเจ้าเป็นพระผู้เลี้ยง)

5.นางเชื่อฟัง เธอไม่มีข้อแม้ใด หรือข้อสงสัยเลย เมื่อประกาศกเอลิยาห์ขอให้นางทำขนมปังก้อนเล็กๆ นางรีบทำตามทันที เป็นการบ่งบอกถึงการเชื่อฟังและการเสียสละเพื่อคนอื่น

6.นางให้เกียรติแก่คนของพระเจ้า ทั้งๆที่อาหารจากแป้งและน้ำมันนั้นกำลังจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของครอบครัวนาง เธอยังกล้ามอบอาหารชิ้นสุดท้ายให้แก่ประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า

7.นางดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ หลังจากนางได้เลี้ยงเอลียาห์แล้ว พระเจ้าทรงอวยพรให้แป้งและน้ำมันของนางไม่ขาด เพราะความกล้าเผชิญความขัดสนเธอจึงได้รับพระพร ตามพระสัญญา
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 09, 2008 5:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ พ.ค. 09, 2008 6:36 am

พระเจ้าทรงประทานชีวิต ( ดู 1พกษ.17.19-22 )

อยู่มาไม่นานบุตรของหญิงม่ายก็ล้มป่วยและตาย บ่อยครั้งเมื่อเกิดโรคภัยหรือประสบกับความทุกข์ยากลำบากคริสตชนชอบบ่นต่อว่าพระเจ้ากับคนของพระเจ้า เพราะคิดว่าเป็นการลงโทษจากพระเจ้า บทเรียนนี้บันทึกว่าหญิงม่ายได้ต่อว่าประกาศก เรื่องบุตรนางที่ตายไป ท่านเอลียาห์เข้าใจถึงความทุกข์ร้อนของนาง เขาจึงได้ทำการรักษาเด็กคนนั้นโดยฤทธานุภาพของพระเจ้า (1 พกษ.17 .19-22 ) ประกาศกเอลียาห์ได้อธิษฐานวิงวอนขอพระเจ้าทรงประทานชีวิตให้แก่เด็ก ในที่สุดพระเจ้าทรงคืนลมหายใจให้ หญิงม่ายได้รับความชื่นชมจึงกอดลูกชายสุดที่รัก นางได้รับการเลี้ยงดูยามขัดสน เพราะความเชื่อและไว้วางใจองค์พระผู้เป็นเจ้า

ในพระคัมภีร์ใหม่พระเยซูเจ้าตรัสกับเหล่าสาวก ที่ชอบกระวนกระวายถึงการจะเอาอะไรกินอะไรดื่มว่า “จงดูนกในอากาศเถิด มันมิได้หว่าน มิได้เก็บเกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงมัน ท่านทั้งหลายมิได้มีค่ามากกว่านกหรือ” ( มธ. ๖.๒๖ ) จริงๆแล้วเรามนุษย์ไม่ดีกว่านกหรือ เพราะเราเป็นพระฉายาของพระเจ้า เป็นลูกๆของพระเจ้า สิ่งที่สำคัญเราจะเผชิญความขัดสนได้นั้น เพราะความเชื่อและวางใจในพระเยซูผู้ไถ่ และโดยความเชื่อเราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และที่สำคัญยิ่งเพราะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นองค์อุปถัมภ์ (สดุดี 121 )

รูปภาพ

มี“ศัลยแพทย์มหัศจรรย์” ผู้ผ่าตัดแยกแฝดสยามที่มีกะโหลกติดกันได้สำเร็จ คือ ดร.เบน คาร์สัน ( Dr.Benjamin Carson ) เขาเกิดในครอบครัวคนผิวดำ ในแหล่งสลัมเสื่อมโทรมของดีทร้อย์ สหรัฐอเมริกา “เบน”ได้เขียนหนังสือเล่าเรื่องของตัวเอง ถึงความขัดสน เขาเป็นลูกของหญิงม่าย แม่แต่งงานตอนอายุ 13 การศึกษา เกรด 3 พ่อ- แม่หย่าร้างกันตอนเขาอายุ 8 ขวบ และในปีนั้น เขาได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เพราะได้ฟังคำเทศนาของศาสนาจารย์เล่าเรื่องหมออาสาที่ไปทำงานที่อัฟริกา เพื่อช่วยเยียวยารักษาคนให้ชีวิตเขามีความสุข เมื่อสิ้นสุดการนมัสการเด็กชายเบนถาม แม่ว่า เขาจะเป็นหมอได้ไหม มารดาตอบลูกว่า “หากลูกขอบางสิ่งจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อว่าพระองค์จะทรงทำสิ่งนั้น แล้วมันจะเกิดขึ้นจริง” เบนตอบแม่อย่างมั่นใจว่า “ผมเชื่อว่าผมจะเป็นหมอได้”

รูปภาพ

ชีวิตของเบน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบพวกเขา ต้องเผชิญกับความขัดสนอย่างแสนสาหัสต้องทำงานหนักมาก เขา เคยเป็นเด็กที่เรียนได้ที่โหล่จนเพื่อนๆเรียกไอ้ทึ่ม เพราะเขามีมารดาผู้ประเสริฐ ที่ได้เอาใจใส่ทุ่มเท กดดันเข้มงวด เตือนสติ ให้อ่านหนังสือให้มากเพราะหนังสือเป็นประตูแห่งความรู้ แม่ แนะนำให้กำลังใจ และหนุนใจว่า ลูกทำได้เสมอ “ขอให้ลูกทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำส่วนของพระองค์” เบนจึงสามารถฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆในวัยเยาว์ ผลการเรียนดีมาก เขาได้ทุนเรียนที่มหาวิทยาลัยเยล และจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยชิกาโก้ เขาสามารถฝันฝ่า เรื่องการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง (ในขณะนั้น ) เพราะคนผิวขาวเท่านั้นที่คิดว่าตัวเองฉลาดและชอบกลั่นแกล้งคนผิวดำ ในที่สุดหมอเบนเป็นผู้อำนวยการ ด้านศัลยศาสตร์ทางสมองที่โรงพยาบาลจอห์น ฮอบกิ้น ตอนอายุ 33 ปี อ่านเรื่องราวของหมอเบน คาร์สัน เราจะพบว่าทุกๆครั้งที่เขามีอุปสรรค อยู่ในภาวะความยากจน แร้นแค้น ตกเป็นทาสของอารมณ์ เขาไม่ได้ทำชั่ว เขาได้อธิษฐานภาวนาขอการช่วยเหลือจากพระเจ้าเป็นระยะๆ และพระเจ้าทรงประทานให้ตามคำวิงวอนของเขา พระสัญญาใน เยเรมีย์ ๓๓.๓ “จงทูลเรา และเราจะตอบเจ้า และจะบอกสิ่งที่ใหญ่ยิ่งและที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้นให้แก่เจ้า”

รูปภาพ

ดังนั้น เมื่อเราท้อแท้ เหนื่อยหน่ายต่อการดำเนินชีวิต จงดูแบบอย่างจากอัครทูตเปาโลซึ่งได้เผชิญความขัดสนมาทุกรูปแบบท่านเปาโลว่า “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟิลิปปี ๔.๑๓ ) ทุกๆวันเรามักเจอแต่ข่าวร้าย ถึงกระนั้นก็จงขอบคุณพระเจ้าและให้คิดถึงข่าวดีที่สุดที่ว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงได้ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร” (ยอห์น ๓.๑๖ ) นี่คือข่าวสำคัญสำหรับจิตวิญญาณของพวกเรา และมนุษย์ทุกคน ที่จะช่วยให้เราเผชิญกับการขัดสน และสามารถชื่นชมยินดี


[ หมายเหตุ:( ตีพิมพ์ใน อิสระรายเดือน ปีที่ 31 ฉบับที่ 1 มกราคม 2008 หน้า16-18 ) ]
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 09, 2008 5:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ พ.ค. 09, 2008 6:51 am

ทั้งเรื่องของไล่ตงจิ้น และ เบน คาร์สัน สามารถหาซื้อหาอ่านได้เป็นภาษาไทยค่ะ

ไล่ตงจิ้น

http://www.blogth.com/blog/Writer/Book/1701.html

http://webboard.mthai.com/7/2006-05-09/232512.html

หรือ เสิร์ท จาก google ได้อีก หลายสิบลิงก์ ค่ะ

Dr.Benjamin Carson

http://www.achievement.org/autodoc/page/car1bio-1

http://en.wikipedia.org/wiki/Ben_Carson

หรือเสิร์ทจาก google ได้อีกหลายสิบลิงก์ค่ะ


  Dr.Benjamin Carsons  เขียนหนังสือ  Gifted Hands  และ
fiat
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 12, 2008 10:36 am

ศุกร์ พ.ค. 09, 2008 8:02 am

ไล่ตงจิ้น  ของ นานมี จัดพิมพ์ค่ะ
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ พ.ค. 09, 2008 11:11 am

ขอบคุณครับอาจารย์ ที่นำบทความดีๆมาหนุนใจซึ่งกันและกัน เมื่อใจสู้และไม่มีวันยอมแพ้(แม้ต้องแลกด้วยชีวิตและน้ำตา) ความสำเร็จย่อมรออยู่ข้างหน้าครับผม ขอบคุณพี่น้องครับผม
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ พ.ค. 10, 2008 12:32 pm

รูปสวย เรื่องดี อ่านแล้วได้ประโยชน์คร้าบ : emo036 : เจี๊ยบอยากมีประสบการณ์ ให้กาเลี้ยงเหมือนกัน แง่มๆๆ :laugh:
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. พ.ค. 22, 2008 6:21 am

ดึงขึ้นมาอีกครั้ง เผื่อว่าบางคนยังไม่ได้อ่าน :cheesy:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

ศุกร์ พ.ค. 23, 2008 8:48 am

ขอบพระคุณมากคะ : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ส.ค. 01, 2011 4:27 pm

ประวัติชีวิตคนเป็นตัวอย่างให้เราเรียนรู้เป็นอย่างดี ไม่ย่อท้อสู้ชีวิต จนประสบความสำเร็จ
น่ายกย่อง พระองค์ประทานพละกำลัง สติปัญญาให้เราทุกคน ว่าแต่เราจะใช้มันเต็มที่หรือเปล่า.....
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

ศุกร์ พ.ย. 25, 2011 5:09 pm

บทความเสริมกำลังใจดีครับ
ตอบกลับโพส