เริ่มต้นวันใหม่ง่ายๆ กับพระเยซูเจ้าในพระคำภีร์รายวัน!!

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

ศุกร์ ธ.ค. 02, 2011 4:36 pm

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2554 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 อสย 26:1-6

ในวันนั้น ทุกคนในแผ่นดินยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ “พวกเรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างกำแพง และเชิงเทินไว้เพื่อปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชาชาติที่ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้ จะได้เข้ามา พระองค์ทรงรักษาชนชาติที่มีใจมั่นคงให้อยู่ในสันติ เพราะวางใจในพระองค์ จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร เพราะพระองค์ทรงกดผู้ที่อยู่เบื้องสูงให้ต่ำลง พระองค์ทรงทำลายเมืองบนที่สูงให้ราบถึงพื้นดิน กลายเป็นฝุ่นดิน เท้าที่เหยียบเมืองนั้น คือเท้าของผู้ถูกกดขี่ คนยากจนจะเดินเหยียบย่ำเมืองนั้น”


พระวรสาร มธ 7:21,24-27

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “คนที่กล่าวแก่เราว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า” นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้”
“ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก น้ำไหลเชียว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลง และเสียหายมาก”


ข้อคิด

ประกาศกอิสยาห์ เทศน์สอนในช่วงที่กรุงเยรูซาเล็มกำลังถูกข้าศึกศัตรูล้อมเมือง แต่ท่านกล้ายืนยันกับประชากรชาวอิสราเอลว่า พระเป็นเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร พวกเขาร้องเพลงบทนี้ได้เลย แต่พระเจ้า จะทรงเป็นศิลาแข็งแกร่งแก่บ้านเมือง หรือชีวิตของเราได้อย่างไร หากเราไม่ยอมตั้งบ้านเมืองของเราไว้ บนศิลานิรันดรนี้ คือยึดมั่นอยู่ในพระวาจาของพระเจ้า เราได้แค่อยากมั่นคง แต่ไม่ยอมนำเอาความมั่นคงมาเป็นฐานของชีวิต ความมั่นคงเช่นนี้เริ่มต้นด้วยวันนี้ จงไปทำงานความรักดังที่พระสอน
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 03, 2011 12:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ธ.ค. 03, 2011 12:16 pm

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2554 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 อสย 29:17-24

พระเจ้าตรัสดังนี้ “ในไม่ช้า เลบานอนจะเปลี่ยนเป็นสวนผลไม้ และสวนผลไม้ จะกลายเป็นป่าไม่ใช่หรือ วันนั้น คนหูหนวกจะได้ยินถ้อยคำของหนังสือ ตาของคนตาบอดจะหายมือมัว กลับแลเห็นได้ คนถ่อมตนจะยินดียิ่งขึ้นอีกในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ยากจนจะชื่นชมในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล เพราะจะไม่มีทรราชอีก คนชอบเยาะเย้ยจะสูญหายไป คนทั้งหลายที่หาโอกาสทำความชั่วจะถูกกำจัด คือผู้พูดใส่ความคนอื่น ผู้วางบ่วงไว้ดักผู้พิพากษาที่ประตูเมือง และปั้นเรื่องขึ้นทำลายผู้ชอบธรรม”
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่อับราฮัม ตรัสกับเชื้อสายของยาโคบดังนี้ “ตั้งแต่นี้ไป ยาโคบจะไม่ต้องอับอายอีก ใบหน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป เพราะเมื่อเขาเห็นลูกหลานของตน ซึ่งเป็นผลงานจากมือของเรา กลับมาอยู่กับเขาอีก เขาจะยอมรับว่า นามของเราศักดิ์สิทธิ์ เขาทั้งหลายจะยอมรับว่า พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของยาโคบ ทรงความศักดิ์สิทธิ์ และจะยำเกรงพระเจ้าแห่งอิสราเอล จิตใจที่หลงผิด จะได้รับความเข้าใจ และผู้ที่เคยบ่น จะยอมรับคำสั่งสอน”


พระวรสาร มธ 9:27-31

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จออกจากที่นั่น คนตาบอดสองคน ตามพระองค์ไป ร้องตะโกนว่า “โอรสของกษัตริย์ดาวิด โปรดเมตตาเราเถิด”
เมื่อเสด็จมาถึงบ้าน คนตาบอดเข้ามาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อว่า เราทำเช่นนั้นได้หรือ” เขาทั้งสองตอบว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า” พระองค์จึงทรงสัมผัสตาของเขา ตรัสว่า “จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อเถิด” แล้วตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น พระเยซูเจ้าทรงกำชับเขาอย่างเข้มงวดว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้” แต่เมื่อทั้งสองคนออกไป ก็ประกาศเรื่องของพระองค์ทั่วแคว้นนั้น

ข้อคิด
บรรยากาศดี ๆ อยู่ตรงที่ คนที่เคยหลงผิดกลับใจ ใครที่เคยเบื่อ กลับกระตือรือร้นฟังคำสั่งสอน ประกาศกอิสยาห์เตือนชาวอิสราเอลว่า การกลับมาหาพระเจ้า เป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องอาศัยพระหรรษทานช่วยเหลือ พระเป็นเจ้าเป็นดั่งบิดาที่ไม่ทอดทิ้งบตรของตน พระองค์จะทรงติดตามเรากลับมา ทั้ง ๆที่น่าจะเป็นการสำนึกผิดคิดได้ของเราเอง พระหรรษทานเป็นเหมือนคำตอบของคนตาบอดว่า “เชื่อ” แต่พระเป็นเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มถาม นี่แหละ “พระหรรษทาน”
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 03, 2011 12:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ธ.ค. 03, 2011 12:19 pm

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2554 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 1 คร 9:16-19,22-23

ในการประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำเป็นต้องประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับควมวิบัติ เพราะถ้าข้าพเจ้าสมัครใจทำเอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำ ก็หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใดเล่า รางวัลสำหรับข้าพเจ้า ก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีให้โดยไม่ใช้สิทธิต่าง ๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใข้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่นให้มากที่สุด ท่าที่จะมากได้
ข้าพเจ้าทำตนเป็นผู้อ่อนแอ เพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน เพื่อข้าพเจ้า จะได้ใช้ทุกวิถีทาง ช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ ร่วมกับเขาหล่านั้นด้วย


พระวรสาร มก 16:15-20


เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อ และรับศีลล้างบาป ก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อ จะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อ จะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษ ก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”
เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระบิดาเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา


ข้อคิด

การประกาศข่าวดี โดยมิได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ หรือค่าตอบแทนอื่น คือรางวัลความภูมิใจที่นักบุญเปาโล ได้รับจากการประกาศข่าวดี ถ้าท่านทำเช่นนี้ เพราะอยากจะทำเอง ก็เท่ากับรับใช้ตนเอง แต่ท่านทำเพราะพระเยซูเจ้าทรงประสงค์ รางวัลของท่านจึงยิ่งใหญ่ในการอุทิศตนแพร่ธรรม วันฉลองนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ ธรรมทูตแพร่ธรรมผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวีปเอเชีย และหมู่เกาะแปซิฟิก ท่านให้แบบอย่างแก่เรา ในการรับใช้พระเป็นเจ้า ด้วยชีวิต ไม่ใช่เพราะท่านต้องการทำตามอารมณ์ของท่าน แต่ท่านทำ เพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เราก็เช่นกัน อย่าทำเพราะเบื่อ หรือไม่เบื่อ แต่จงทำเพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เช่นเดียวกับที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำบนไม้กางเขน
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 03, 2011 12:32 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ธ.ค. 03, 2011 12:28 pm

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2554 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 40:1-5,9-11

พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอดโดยประชากรของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้รประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาสสิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสองเท่าแล้ว เพราะบาปทั้งหมดของตน”
เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทางตรงในทุ่งเวิ้งว้างสำหรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขา และเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูง ๆ ต่ำ ๆ จะราบเรียบ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฎ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้”
“ท่านผู้นำข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำข่าวดีมาให้กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่เมืองต่าง ๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า “พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่” ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำนาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้ เดินนำหน้าพระองค์ พระองค์รงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์ เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำแม่แกะอย่างทะนุถนอม”

เพลงสดุดี สดด 85:10,11,12-13

ก) ข้าพเจ้ากำลังฟังอยู่ว่า พระองค์จะตรัสอะไร องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประกาศสันติภาพแก่ประชากรของพระองค์ และแก่ผู้จงรักภักดีตอพระองค์ ขอเพียงอย่าให้เขาทำสิ่งโง่เขลาอีก ถูกแล้ว ความรอดพ้นอยู่ใกล้ผู้ที่ยำเกรงพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์จะอยู่ในแผ่นดินของเรา ความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์จะพบกัน
ข) ความซื่อสัตย์จะปรากฎขึ้นจากแผ่นดิน ความเที่ยงธรรมจะเยี่ยมหน้าจากสวรรค์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่สอง 2 ปต 3:8-14

ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องไม่ลืม คือสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวัน ก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปี ก็เหมือนกับหนึ่งวัน องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญา ดังที่บางคนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่รงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคน กลับใจเปลี่ยนวิถีชีวิต วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงอย่างไม่รู้ตัวเหมือนขโมย วันนั้นท้องฟ้าจะอันตรธานสูญสิ้นไปด้วยเสียงกึกก้อง โลกธาติจะลุกเป็นไฟ แตกแยกจากกัน แผ่นดินและสรรพสิ่งที่อยู๋บนแผ่นดินจะมอดไหม้สูญสิ้นไป
เมื่อทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ ท่านจงตระหนักว่า จะต้องประพฤติตนอย่างไร จะต้องดำเนินชีวิตให้ศักดิ์สิทธิ์ และมีความเลื่อมใสศรัทธา รอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วันนั้นมาถึง ในวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป เรากำลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำลังรอคอยเหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำเนินชีวิตอย่างสันติ ปราศจากมลทินและไร้ข้อตำหนิ


พระวรสาร มก 1:1-8

การเริ่มต้นข่าวดี เรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า มีเขียนไว้ในหนังสือประกาศกอิสยาห์ว่า
ดูซิ เราส่งผู้นำสารของเราไปหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางสำหรับท่าน คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด”
เพื่อให้ข้อความนี้เป็นจริง ยอห์นจึงทำพิธีล้างในถิ่นทุรกันดาร เทศน์สอนเรื่องพิธีล้าง ซึ่งแสดงการกลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป ประชาชนจากทั่วแคว้นยูเดีย และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งหลายไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดน โดยสารภาพบาปของตน ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาดสะเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า และประกาศว่า “มีอีกผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา ข้าพเจ้าใช้น้ำ ทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่เขาจะทำพิธีล้างให้ท่าน เดชะพระจิตเจ้า”


ข้อคิด

บรรยากาศของการที่จะได้รับดังที่สมหวังรอคอยของชาวอิสราเอลในแดนเนรเทศ ว่าการเป็นเชลยกำลังจะสิ้นสุดลง พวกเขาจะได้กลับบ้าน เพราะพระเป็นเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งพวกเขา ทำให้ท่านอิสยาห์ต้องเตือนด้วยอุปมาว่า จงตัดถนนให้ตรง จากบาบิโลน ผ่านทะเลทรายไปยังเยรูซาเล็ม บ้านของเราและพระนิเวศของพระเจ้า บรรยากาศความกระตือรือร้นที่สมหวังนี้ เร่งเร้าให้เราเอาใจใส่ต่อการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า ความเฉื่อยชาอาจมาจากการรอคอยนานเกินไป แต่นักบุญเปโตรก็เตือนเราว่า สำหรับพระเป็นเจ้า พันปีก็เท่ากับหนึ่งวัน คือไม่มีอะไรสายเกินไป พระองค์ทรงทราบช่วงเวลาที่ดำเนินไปทั้งหมด และทรงเอาพระทัยใส่สงสารเรา จงปลุกหัวใจแห่งคริสตมาสขึ้น อย่าปล่อยตัว “จงเตรียมทางสำหรับท่าน....” หากเราต้องคอยนานหน่อย ก็จงอย่ากลัว เพราะพระองค์จะเสด็จมาช่วยเราอย่างแน่นอน
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 05, 2011 4:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ธ.ค. 05, 2011 4:52 pm

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2011 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ ( อสย 35:1-10 )
ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้างจงเปรมปรีดิ์และผลิดอกเหมือนต้นดอกดิน สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคาร์เมลและที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา จงทำให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความมั่นคง จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย”

ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะแลเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะน้ำจะพุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระน้ำ และดินที่ถูกแดดเผาจะกลายเป็นพุน้ำ รังที่อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ที่นั่นจะมีทางหลวงซึ่งจะเรียกว่า “มรรคาศักดิ์สิทธิ์” ผู้มีมลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และคนโง่เขลาจะไม่หลงทางที่นั่น ที่นั่นจะไม่มีสิงโตอีกต่อไป จะไม่มีใครพบสัตว์ร้ายเดินตามทางนั้น แต่ผู้ที่ได้รับความรอดพ้นจะเดินที่นั่น ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมายังศิโยน พลางโห่ร้องด้วยความชื่นชม ความยินดีจะอยู่บนศีรษะของเขาตลอดไป ความชื่นบานและความยินดีจะติดตามเขา ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากเขา

พระวรสารนักบุญลูกา ( ลก 5:17-26 )

วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังทรงสั่งสอน บรรดาชาวฟาริสีและนักกฎหมายซึ่งมาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย พระเจ้าประทานพระอานุภาพให้พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคได้ ขณะนั้น มีผู้หามคนอัมพาตนอนบนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องนำคนอัมพาตมาวางไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่เมื่อหาช่องนำคนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคา แล้วหย่อนคนอัมพาตนั้นพร้อมทั้งที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้องตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์ของพระเยซูเจ้า

เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาเหล่านั้น จึงตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น”

พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า “บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” หรือบอกว่า “ลุกขึ้นเดินไปเถิด” แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่าบุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด”

ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่ กลับไปบ้านพลางสรรเสริญพระเจ้าทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูดกันว่า “วันนี้ เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง”
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อังคาร ธ.ค. 06, 2011 4:14 pm

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2011 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านที่ 1 อสย 40:1-11

พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาสสิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้ว เพราะบาปทั้งหมดของตน”
เสียงหนึ่งร้องร้อง “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทางตรงในทุ่งเวิ้งว้าง สำหรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขาและเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูง ๆ ต่ำ ๆ จะราบเรียบ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฎ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฎ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้
เสียงหนึ่งกล่าวว่า “จงร้องซิ” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าจะต้องร้องว่าอย่างไร” เสียงนี้นกล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนต้นหญ้า ความรุ่งเรืองทั้งหมดของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ในทุ่ง เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ลมพัดผ่าน หญ้าก็จะเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ก็จะร่วงโรย แน่ทีเดียว ประชากรเป็นเสมือนต้นหญ้า หญ้าเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ร่วงโรยแต่พระวาจาของพระเจ้าของเราคงอยู่ตลอดไป”
ท่านผู้นำข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำข่าวดีมาให้กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่เมืองต่าง ๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า “พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่”
ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพพระกรของพระองค์ทรงอำนาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำหน้าพระองค์ พระองค์เลียงดูฝูงแกะของพระองค์เชนคนเลี้ยงแกะ ทรงราบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำแม่แกะอย่างทะนุถนอม”


พระวรสาร มธ 18:12-14

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่ายินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง
พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นกัน ไม่ทรงประรารถนาให้คนธรรมดา ๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป”

ข้อคิด

เราจะเห็นว่า ตลอดเทศกาลนี้ บทอ่านที่ 1 คัดมาจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ เพราะท่านเทศน์เตือนใจชาวอิสราเอลให้กระตือรือร้นในการเตรียมทาง เพราะพระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเยียนไถ่เราและพาเรากลับบ้าน จากถิ่นเนรเทศในบาบิโลนแล้ว เราอาจไม่รู้สึกซาบซึ้ง หรือสะเทือนใจอะไรกับข่าวดีนี้ นอกเสียจากเราจะเคยพลัดพรากจากบ้านไปอยู่ในที่ที่ถูกข่มเหงรังแก แต่เอาเข้าจริง ๆ เราทุกคนต่างก็อยู่ในโลกประดุจถูกเนรเทศจากบ้านแท้เมืองสวรรค์ เราน่าจะซาบซึ้ง และแม้เราเฉื่อยชาไม่ออกเดิน พระเยซูเจ้าก็เสด็จมาอุ้มเรา พาเรากลับบ้านแท้เมืองสวรรค์อยู่ดี พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งเรา
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ พุธ ธ.ค. 07, 2011 2:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 07, 2011 2:16 pm

วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2011 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
บทอ่านที่ 1 อสย 40:25-31

พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตรัสว่า
“ท่านจะเปรียบเรากับผู้ใด ใครเล่าเท่าเทียมเรา” จงแหงนหน้าขึ้นดูว่า ผู้ใดเนรมิตสร้างดวงดาวเหล่านี้ พระองค์ผู้ทรงอานุภาพ และทรงพลังเข้มแข็ง ทรงนำดวงดาวทั้งหมดออกมาตามจำนวน ทรงเรียกชื่อดาวทุกดวง ซึ่งไม่ขาดไปแม้แต่ดวงเดียว ยาโคบเอ๋ย ทำไมท่านจึงพูดว่า อิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงย้ำว่า “ทางเดินของข้าพเจ้าถูกซ่อนไว้จากองค์พระผู้เป็นเจ้า สิทธิของข้าพเจ้าถูกพระเจ้าของข้าพเจ้ามองข้ามไป” ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้านิรันดร เป็นพระผู้เนรมิตสร้างแผ่นดินจนถึงปลายสุด พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย พระดำริของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ พระองค์ประทานกำลังแก่ผู้อ่อนเปลี้ย ทรงเพิ่มเรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำลัง แม้คนหนุ่มจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย แม้ชายฉกรรจ์จะสะดุด และล้มลง แต่ผู้มีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้รับพลังใหม่ เขาจะกางปีกบินขึ้นเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย


พระวรสาร มธ 11:28-30

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จบรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยน และถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะวาแอกของเราอ่อนนุ่ม และภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”


ข้อคิด

พระวาจาของพระเจ้านั้นทรงฤทธานุภาพ เพียงแค่เราเปิดใจอ่อน หรือตั้งใจรับฟัง แม้ยังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่พระวาจาที่อ่านด้วยปาก และฟังด้วยหูก็ได้เข้าไปชำระล้างดวงใจเราให้สะอาด มีฤทธิ์ประทานความเข้มแข็งแก่เราได้ เพราะ “พระวาจา” คือ พระบุตร ของพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงเหน็ดเหนือย ใครพักพิงในพระองค์ก็จะมีกำลังดำเนินชีวิต “ชายฉกรรจ์สะดุดแล้ล้มลง แต่ผู้มีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้รับพลังใหม่ เขาจะกางปีกบินขึ้นไปเหมือนนกอินทรี” เป็นคำที่อิสยาห์เขียนแบบกวี แต่ทำให้เราเข้าใจง่าย และเป็นจริง เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้ พระองค์ทรงตรัสเช่นนี้จริง ๆ ใครที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก.... เชิญประทับอยู่กับพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 08, 2011 1:44 pm

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2011 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า


บทอ่านที่ 1 ปฐก 3:9-15,20

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกมนุษย์... ตรัสกับหญิงว่า “ท่านทำอะไรไปนี่” หญิงทูลตอบว่า “งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับงูว่า “เพราะเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจงถูกสาปแช่ง ในบรรดาสัตว์เลี้ยง และสัตว์ป่าทั้งปวง เจ้าจะต้องใช้ท้องเลี้อยไปตามพื้นดิน และกินฝุ่นเป็นอาหารทุกวันตลอดชีวิต เราจะทำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้า และลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา”


บทอ่านที่ 2 อฟ 1:3-6,11-12

ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เรา โดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้า จากสวรรค์ เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเรา ในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทิน เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก


พระวรสาร ลก 1:26-38

เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน”
เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก ทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์...”
พระนางมารีย์ จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจะรับนามว่า บุตรของพระเจ้า... เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้”
พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้า ตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป


ข้อคิด

พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรพระนางมารีย์ ให้เป็นมารดาของพระบุตร ที่จะเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ หน้าที่นี้ ได้รับสมญาว่า “มารดาพระเจ้า” หน้าที่นี้ จำเป็นต้องได้รับยกเว้นจากบาปกำเนิด “มารดาพระเจ้า” ต้องไม่มีมลทินใด แม้ผลร้ายของบาปกำเนิดมากล้ำกราย พระนางมารีย์จึงเป็นเอวาใหม่ที่สมบูรณ์ แทนเอวาเก่าที่เสียไป เพราะทำบาปกำเนิด เพื่อพระบุตรจะเสด็จมาประทับในพระครรภ์ของพระนาง แม้ได้รับเกียรติสูงส่งเช่นนี้ พระนางถ่อมองค์ลงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” นี่เป็นท่าทีที่แตกต่างจากคนบาป “จองหอง” ที่เอวาทำเป็นอย่างมาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

ศุกร์ ธ.ค. 09, 2011 1:02 pm

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านที่ 1 อสย 48:17-19

องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้กอบกู้ของท่าน พระผู้ศักดิ์สิทิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
“เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เราสั่งสอนท่านเพื่อประโยชน์ของท่าน นำท่านไปในทางที่ท่านต้องเดิน ถ้าท่านตั้งใจฟังบทบัญญัติของเรา ความเจริญรุ่งเรืองของท่านคงจะเป็นเหมือนแม่น้ำ ความชอบธรรมของท่านคงจะเป็นเหมือนคลืนทะเล ลูกหลานของท่านจะมีจำนวนมากเหมือนทราย ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้าเราเลย”


พระวรสาร มธ 11:16-19

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนี้กับสิ่งใด เขาเป็นเสมือนเด็ก ๆ ที่นั่งตามลานสาธารณะ ร้องบอกเพื่อน ๆ ว่า “พวกเราเป่าขลุ่ย พวกเจ้าก็ไม่เต้นรำ พวกเราร้องเพลงโศกเศร้า พวกเจ้าก็ไม่ร่ำไห้” ยอห์นมา ไม่กิน ไม่ดื่ม เขาก็ว่า “คนนี้มีปีศาจสิง” บุตรแห่งมนุษย์มา กินและดื่ม เขาก็ว่า “ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป” แต่พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยกิจการ”


ข้อคิด

เมื่อประชากรของพระเป็นเจ้าไม่ตั้งใจฟังบทบัญญัติของพระเจ้า ตามที่อิสยาห์บอก ความเจริญตั้งแต่แม่น้ำก็สูญหายไป ลูกหลานเป็นเหมือนที่พระเยซูเจ้าตรัสอุปมาคือ เป็นเด็กไม่มีแก่นสารในชีวิต เอาแต่ใจตนเอง อารมณ์ดีก็เป่าขลุ่ย แล้วเรียกร้องคนอื่นมาร่วมวง อารมณ์เศร้าก็ร้องเพลงโศก ใครไม่ร่วมก็โกรธ การละทิ้งพระบัญญัติ เท่ากับละทิ้งพระเจ้า ชีวิตก็ไม่มีความเที่ยงตรง และเอาแต่ใจตนเอง นักบุญยอห์นเคร่งครัด ก็หาว่ามีผีสิง พระเยซูเจ้าทรงเมตตาคนบาป ก็หาว่าคบคนบาปเป็นเพื่อน ทุกวันนี้ บางทีเราก็โทษพระศาสนา ว่าพระสงฆ์ แต่ที่สุด กิจการความประพฤติของเราเท่านั้นที่จะบอกว่า เราเข้าข้างตนเองไปวัน ๆ หรือไม่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ธ.ค. 10, 2011 2:19 pm

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
บทอ่านที่ 1 บสร 48:1-4,9-11

ต่อจากนั้นก็มีเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วาจาของเขาเผาผลาญเหมือนคบไฟ เขาทำให้เกิดขาดแคลนอาหารในหมู่ประชากร ความกระตือรือร้นของเขา ทำให้ประชากรลดจำนวนลง เขาปิดท้องฟ้าตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าถึงสามครั้ง ข้าแต่เอลียาห์ ท่านช่างมีชื่อเสียงรุ่งเรือง เพราะการอัศจรรย์ที่ได้กระทำ ใครบ้างจะอวดตัวได้ว่า ตนเท่าเทียมกับท่าน
ท่านถูกยกขึ้นไปในพายุหมุนที่เป็นไฟ บนรถเทียมม้าเพลิง ท่านถูกกำหนดไว้ให้มาตำหนิประชากรในอนาคต เพื่อจะได้ระงับพระพิโรธก่อนที่จะลุกเป็นไฟ เพื่อนำจิตใจของบิดามาคืนดีกับบุตร และแต่งตั้งบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้นใหม่ บรรดาผู้ที่เคยเห็นท่านย่อมเป็นสุข เขาตายในความรัก เพราะเขาทั้งหลายจะได้มีชีวิตอย่างแน่นอนอีกด้วย


พระวรสาร มธ 17:10-13

เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์จึงกล่าวว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “เอลียาห์จะมา และจะจัดทุกสิ่งให้อยู่ในสภาพเดิม เราบอกท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่ประชาชนไม่รู้จัก และกระทำต่อท่านตามใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมาณจากประชาชนเช่นเดียวกัน” บรรดาศิษย์จึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสกับเขาถึงยอห์นผู้ทำพิธีล้าง

ข้อคิด

เอลียาห์ได้รับความเคารพอย่างสูงในธรรมประเพณีชาวอิสราเอล “ประชากรของพระเจ้า” พระคัมภีร์หนังสือบุตรสิรา เอ่ยถึงท่านประดุ๗ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ขัดเกลาจิตใจผู้คนได้ และจะต้องกลับมาเตรียมจิตใจลูกหลานอีกครั้งหนึ่ง ก่อนพระมหาไถ่เสด็จมา ก็เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระมหาไถ่ คำถามของชาวยิวและลูกศิษย์ก็คือ เอลียาห์มาแล้วหรือ? พระเยซูเจ้าทรงเฉลยว่า มาแล้ว ก็คือท่านยอห์นบัปติสนั่นแหละ ที่มาโปรดพิธีล้างเตรียมใจผู้คนให้กลับใจ ณ แม่น้ำจอร์แดน ทุกอย่างครบหมดแล้ว เหลืออย่างเดียว....ท่านกลับใจหรือยัง ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ธ.ค. 11, 2011 12:48 pm

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2005
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ (วันพระคัมภีร์)


บทอ่านที่1 อสย 61:1-2ก,10-11

พระจิตของพระเจ้าสถิตเหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้าไปประกาศข่าวดีแก่คนอนาถา ปลอบโยนคนที่ชอกช้ำระกำใจ ป่าวประกาศอิสรภาพแก่เชลย การปลดปล่อยแก่ผู้ถูกคุมขัง ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า ข้าพเจ้าเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในพระเจ้า วิญญาณของข้าพ เจ้าจะลิงโลดในพระเป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงสวมเสื้อแห่งความรอดให้ข้าพเจ้า ทรงคลุมเสื้อแห่งความชอบธรรมให้ข้าพเจ้า เหมือนเจ้าบ่าวประดับตัวด้วยพวงมาลัย เหมือนเจ้าสาวตกแต่งตัวด้วยเพชรนิลจินดา เพราะแผ่นดินบังเกิดพืชผล และสวนทำให้เมล็ดพืชงอกขึ้นมาฉันใด พระเป็นเจ้าก็จะทรงทำให้ความชอบธรรมและการสรรเสริญงอกขึ้นมาต่อหน้าประชาชาติทั้งหลายฉันนั้น

เพลงสดุดี ลก 1:46-48,49-50,53-54

ก) วิญญาณข้าฯถวายสดุดีเทิดศักดิ์ศรีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
จิตใจข้าฯเปรมปรีดิ์นี่กระไรซาบซึ้งในพระผู้กู้โลกา
เหตุทรงสรรมูลิกาซึ้งข้าฯน้อยแม้ต่ำต้อยไร้อำนาจวาสนา
แต่นี้ไปปวงชนจักนำพาให้สมญาข้าฯนี้ผู้มีบุญ

บทอ่านที่ 2 1 ธส 5:16-24

พี่น้อง จงร่าเริงยินดีเสมอ จงอธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้ท่านทำสิ่งเหล่านี้ ในพระคริสตเยซู อย่าดับไฟของพระจิตเจ้า อย่าดูหมิ่นการประกาศพระวาจา จงทดสอบทุกสิ่งและยึดสิ่งที่ดีงามไว้ จงละเว้นความชั่วทุกรูปแบบ ขอองค์พระเจ้าผู้ประทานสันติ บันดาลให้ท่านทั้งหลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ขอพระองค์ทรงคุ้มครองท่านให้พ้นคำตำหนิทั้งด้านจิตใจวิญญาณและร่างกาย เมื่อพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมา พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ

พระวรสาร ยน 1:6-8,19-28

พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมาเขาชื่อ ยอห์น เขามาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง เขาไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง
ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า "ท่านเป็นใครเล่า" เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า "ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์"

ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า "ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ" ยอห์นตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์" "ท่านเป็นประกาศกหรือ" เขาตอบอีกว่า "ไม่ใช่" เขาเหล่านั้นจึงถามว่า "ท่านเป็นใคร เราจะได้นำคำตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไรเล่า" ยอห์นตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่าจงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด" ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า "ทำไมท่านจึงทำพิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก" ยอห์นตอบพวกเขาว่า "ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งยอห์นกำลังทำพิธีล้างอยู่


บทเทศน์จากพระวาจาของพระเจ้า

เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำพูดแต่ละคำ ตัวอักษรแต่ละตัวที่รวมกันเข้าเขียนออกมาเป็นคำๆ เป็นแต่เพียงสื่อที่ทำหน้าที่ถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิดจากภายในที่เรามนุษย์ต้องการจะสื่อออกมาสู่ผู้คนรอบข้างฉันใด พระวาจาของพระเจ้าที่เราเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรในพระคัมภีร์ก็ดี ในถ้อยคำที่เราเปล่งออกมาเป็นเสียงตามข้อความในพระคัมภีร์ก็ดี ล้วนแต่เป็น “สื่อ” ที่จะถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิดต่างๆในจิตใจของพระเจ้าที่ทรงประสงค์ที่จะพูดกับเราแต่ละคนเช่นกัน การที่เราเรียกตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพระคัมภีร์ หรือเสียงที่เปล่งออกมาตามถ้อยคำต่างๆในหนังสือพระคัมภีร์นั้นๆว่า “พระวาจาของพระเจ้า” ก็ถูกต้องแล้ว แต่ก็ยังเป็นพระวาจาของพระเจ้าที่ทำหน้าที่เป็น “สื่อ” ถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิดของพระเจ้าที่ทรงประสงค์จะตรัสกับชีวิตของเราแต่ละคนเท่านั้น แท้ที่จริงแล้ว “พระวาจาของพระเจ้าแท้ๆ” เป็น “องค์ชีวิตของพระเจ้า” ที่ทรงแสดงชีวิตของพระองค์ออกมาสู่ชีวิตของเรา แบบบุคคลหนึ่งที่พูดแสดงความรู้สึกนึกคิดของตนออกมาสู่อีกบุคคลหนึ่งด้วยถ้อยคำต่างๆ “ชีวิต” ของพระองค์ที่ทรงถ่ายทอดออกมานั้นนั่นแหละคือพระวาจาของพระเจ้าที่เราพึงต้องเข้าให้ถึง เข้าไปสัมผัสให้ได้ในชีวิต และประกาศถ่ายทอดชีวิตดังกล่าวนั้นอกไปสู่ชีวิตของเพื่อนพี่น้องรอบข้าง อย่าพึงพอใจแต่เพียงสัมผัสพระวาจาของพระเจ้าจากเพียงตัวอักษรหรือเสียงที่เปล่งออกมาและประกาศให้ทุกคนได้รับรู้เฉพาะพระวาจาของพระเจ้าที่เป็นแต่เพียงตัวอักษรหรือเสียงที่ได้ยินเท่านั้น

พ่อเริ่มต้นบทเทศน์ประจำอาทิตย์นี้ด้วยเรื่องของ “พระวาจาของพระเจ้า” ประการแรกก็เพราะอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่เรียกว่า “วันพระคัมภีร์” เป็นวันที่เราจะได้สัมผัสรับรู้ถึงพระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์เป็นพิเศษในบทอ่านจากหนังสือพระคัมภีร์บทต่างๆในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณประจำอาทิตย์นี้ และป่าวประกาศพระวาจาของพระเจ้านั้นๆออกไปให้เป็นข่าวดีแก่ผู้คนทั้งหลายที่ยังวนเวียนอยู่ในโลกแห่งความทุกข์ยากร่วมชีวิตอยู่ด้วยกันกับเรา เหมือนกับที่บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้าไปประกาศข่าวดีแก่คนอนาถา ปลอบโยนคนที่ชอกช้ำระกำใจ ป่าวประกาศอิสรภาพแก่เชลย การปลดปล่อยแก่ผู้ถูกคุมขัง ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” พ่อขอเชิญชวนให้พี่น้องเปลี่ยนคำว่า “ข้าพเจ้า” ดังกล่าวให้เป็น “ตัวของเราแต่ละคนที่ฟังพระวาจาของพระเจ้า” ตลอดทั้งอาทิตย์นี้ เช่นเดียวกันพ่อขอเชิญชวนพี่น้องทุกคนให้ดำเนินชีวิตเป็นเหมือนกับที่ท่านยอห์นบับติสได้กล่าวไว้ในพระวรสารโดยท่านนักบุญยอห์นว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่าจงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” เรายังควรที่จะชี้แสดงให้ทุกคนได้พบกับองค์พระเยซูเจ้า พระเจ้าองค์จริงตามที่ท่านยอห์นบับติสได้กล่าวไว้อีกว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” เช่นเดียวกันพ่ออยากจะเชิญชวนให้พี่น้องเปลี่ยนคำว่า “ข้าพเจ้า” ในพระวาสารให้เป็นคำว่า“ตัวของเราแต่ละคนที่ฟังพระวาจาของพระเจ้า” และลงมือปฏิบัติจริงให้กับชีวิตของเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา

โอกาสวันสมโภชพระคริสตสมภพที่ใกล้จะมาถึงนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงโอกาสที่เราจะได้ร้องเพลงอันไพเราะในเทศกาลพระคริสตสมภพกัน หรือเลี้ยงฉลองกันให้อิ่มหนำสำราญในพิธีกรรมเท่านั้น แต่เป็นโอกาสที่เราจะได้พบ ได้สัมผัสชีวิตขององค์พระเจ้าในชีวิตจิตใจของเราเป็นพิเศษ เป็นการสัมผัสรับรู้ถึงบุคคลที่เป็นพระเจ้ากำลังมีปฏิสัมพันธ์กับเราผู้เป็นมนุษย์ต่ำต้อยบนโลกนี้ การมีประสบการณ์ชีวิตจริงๆภายในเช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้บังเกิดความปีติสุขจนต้องถ่ายทอดเป็นเสียงเพลงในเทศกาลพระคริสตสมภพ ทำให้เราต้องแสดงออกเป็นการเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะทำตนเป็นเสียงร้องแห่งความบรรเทาเพื่อเยียวยาเพื่อนพี่น้องของเราพร้อมทั้งชี้ทางสว่างให้พวกเขาได้เข้ามาสัมผัสพระเจ้าได้ด้วยตัวของเขาเอง ด้วยเหตุนี้พี่น้องควรถามตนเองว่า มาถึงอาทิตย์นี้พี่น้องมีประสบการณ์กับพระวาจาของพระเจ้าแบบที่เป็นบุคคลหนึ่งเข้ามาติดต่อสัมพันธ์กับชีวิตของพี่น้องแล้วหรือยัง หากตอบว่ายังหรือยังไม่มากนัก ต้องถามต่อไปว่าพี่น้องได้ให้เวลากับการอ่านฟังและรำพึงไตร่ตรองใน “พระวาจาของพระเจ้า” ที่บันทึกไว้ในหนังสือพระคัมภีร์มากน้อยเพียงใด พี่น้องได้ตื่นเฝ้าภาวนาร้องเรียกหาพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอตามที่จดหมายของท่านนักบุญเปาโลถึงชาวเธสโลนิกาประจำอาทิตย์นี้ได้แนะนำไว้มากน้อยเพียงใด

พี่น้องที่เคารพหากเราไม่ออกแรงเตรียมการฉลองพระคริสตสมภพในชีวิตของเราอย่างจริงจังแล้ว เรายังจะหวังได้ชื่นชมในการบังเกิดของพระองค์ในชีวิตของเราได้อย่างไร ในส่วนขององค์พระเจ้าพระองค์ทรงทมอบชีวิตของพระองค์ให้กับเราแล้ว ทรงยื่นมือมาให้เราแล้ว แต่หากเราไม่ออกแรงยื่นมือไปหาพระองค์ด้วย แล้วเมื่อไรชีวิตพระเจ้าถึงจะมาเกิดในชีวิตของเราได้จริง เมื่อไรชีวิตของพระเจ้าถึงจะได้เข้ามาทำปฏิกิริยาอยู่ในชีวิตของเราได้ และหากพระองค์ไม่ได้เข้ามาบังเกิดและแสดงปฏิกิริยาอยู่ในชีวิตของเราแล้วละก็ เราจะมีอะไรไปเป็นเสียบร้องสู่ผู้คนรอบข้างที่กำลังทนทุกข์ ตามที่พระวาจาของพระเจ้าสอนเราในอาทิตย์นี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ธ.ค. 12, 2011 4:46 pm

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2011
น.เจน ฟรังเซส เดอ ชังตาล นักบวช


บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี กดว 24:2-7,15-17

ในครั้งนั้น บาลาอัมเงยหน้าขึ้นเห็นอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของตน พระจิตของพระเจ้าเสด็จมาเหนือเขา เขาจึงกล่าวคำทำนายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “คำทำนายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ คำทำนายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำทำนายของผู้ได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อเขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ยาโคบเอ๋ย กระโจมของท่านช่างงามจริง อิสราเอลเอ๋ย ที่อาศัยของท่านช่างงดงาม เหมือนลำธารที่แยกออกเป็นหลายสาย เหมือนสวนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เหมือนต้นหางจระเข้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูก เหมือนต้นสนสีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ น้ำจะไหลออกจากถังของเขา และพืชพันธุ์ของเขาจะมีน้ำอุดมสมบูรณ์ กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก อาณาจักรของเขาจะเป็นที่ยกย่องเขาจึงกล่าวคำทำนายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “คำทำนายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ คำทำนายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำทำนายของผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อเขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่บัดนี้ ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากใกล้ ๆ ดาวดวงหนึ่งกำลังขึ้นมาจากยาโคบ คทาอันหนึ่งกำลังขึ้นมาจากอิสราเอล จะทุบหน้าผากของโมอับ และทุบกะโหลกศีรษะบุตรทุกคนของเสท

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 21:23-27

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่านมีอำนาจใดจึงทำเช่นนี้ ใครมอบอำนาจนี้ให้ท่าน”พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราขอถามท่านอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกท่านว่าเราทำเช่นนี้ด้วยอำนาจใด พิธีล้างของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์หรือจากมนุษย์”

บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำไมท่านจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’ ถ้าเราตอบว่ามาจากมนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก”
เขาจึงทูลตอบพระเยซูเจ้าว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็ไม่บอกท่านเช่นเดียวกันว่า เราทำการเหล่านี้โดยอำนาจใด”

ข้อคิด

คำทำนายของผู้ศักดิ์สิทธิ์ถึงบุคคลที่จะเสด็จมาในตระกูลของยาโคบในฐานะของกษัตริย์ผู้ช่วยให้รอดพ้น ทำให้ผู้อ่านอดไม่ได้ที่จะคิดถึงองค์พระเยซูเจ้า แต่พระองค์มิใช่กษัตริย์แห่งการทำลาย ถ้าจะทำลายพระองค์ก็ทรงทำลายความตายที่คอยรังแกมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยให้กลับมีชีวิตเป็นสิ่งสร้างใหม่ เราเชื่อท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อพิธีล้างของท่านยอห์นว่ามาจากสวรรค์ สมณะไม่ตอบเพราะถ้าเชื่อก็เท่ากับเชื่อในพระเยซูเจ้าผู้ที่เขาอิจฉา แต่ถ้าไม่เชื่อ ประชาชนก็เกลียดพวกเขาเพราะประชาชนรักท่านยอห์นว่ามาจากพระเจ้า ความไร้แก่นสารของชีวิตเริ่มต้นจากความใจแข็งกระด้างนี้เอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อังคาร ธ.ค. 13, 2011 10:27 pm

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม 2554
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ
บทอ่านที่ 1 ศฟย 3:1-2,9-13

พระเจ้าตรัสดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่เป็นกบฎ และมีมลทิน เมืองที่กดขี่ข่มเหง เมืองนี้ไม่ยอมฟังเสียง ไม่ยอมรับคำสั่งสอน ไม่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มาใกล้พระเจ้าของตน
ใช่แล้ว เวลานั้น เราจะชำระปากของชนหลายชาติให้พ้นมลทิน เขาทุกคนจะได้เรียกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จากฟากโน้นของแม่น้ำเอธิโอเปีย ผู้นมัสการเราจะนำของถวายมาให้เรา ในวันนั้น เจ้าจะไม่ต้องอับอาย เพราะกิจการที่เจ้าเคยกบฎต่อเรา เพราะเวลานั้น เราจะทำให้ผู้โอ้อวด และหยิ่งผยองสูญหายไปจากเจ้า เจ้าจะไม่หยิ่งผยองอีกต่อไป บนภูเขาศักดิ์สิทธ์ของเรา เพราะเราจะเหลือเพียงประชากรที่ถ่อมตน และต่ำต้อยไว้ในเจ้า คนที่เหลืออยู่ในอิสราเอล จะวางใจในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะไม่ทำผิด จะไม่กล่าวคำมุสา จะไม่พบลิ้นที่ฉ้อโกงในปากของเขา เพราะเขาทั้งหลายจะหากินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดทำให้เขาต้องหวาดกลัว”

พระวรสาร มธ 21:28-32

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกมหาปุโรหิต และผู้อาวุโสของประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจ และไปทำงาน พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก”
พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษี และหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน เพราะยอห์นได้มาพบท่าน ชี้หนทางแห่งความชอบธรรม ท่านก็ไม่เชื่อยอห์น ส่วนคนเก็บภาษี และหญิงโสเภณีเชื่อแต่ท่านทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมาเชื่อยอห์น”

ข้อคิด
ความหยิ่งจองหองเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราห่างไกลจากพระเจ้า มิใช่เพราะพระเจ้าไม่รักเรา แต่เพราะเราคิดว่า ไม่ต้องการพระองค์ ประกาศกขอให้เลิกจองหอง ในเทศกาลเตรียมคริสตมาส เราอาจไม่ต้องการพระองค์โดยไม่สนใจคริสตมาส เราไม่คิดว่าพระกุมารสำคัญ แล้วก็เป็นได้ ใครที่ผ่านชีวิตมามาก แต่คริสตมาสกลับลดคุณค่าลงในสายตาของเขา คนนั้นกำลังจองหอง เพราะเรากำลังปฏิเสธพระเจ้า ผู้เสด็จมาประทับท่ามกลางมนุษย์ เพื่อช่วยเขาให้รอดพ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อังคาร ธ.ค. 13, 2011 10:30 pm

วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 อสย 45:6ค-8,18,21ค-25

เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก เราปั้นความสว่าง และสร้างความมืด เรานำความสุข และสร้างภัยพิบัติ เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราทำทุกสิ่งเหล่านี้ ท้องฟ้าเอ๋ย จงโปรยฝนลงมาจากเบื้องบน ขอให้ก้อนเมฆหลั่งความชอบธรรมลงมา แผ่นดินจงเปิดออก และจงผลิตผลเป็นความรอดพ้นที่งอกขึ้นมาพร้อมกับความชอบธรรม เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราสร้างสิ่งเหล่านี้
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างท้องฟ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างแผ่นดิน พระองค์ทรงปั้นแผ่นดินและทำให้มั่นคง พระองค์มิได้ทรงสร้างแผ่นดินไว้ให้ว่างเปล่า แต่ทรงปั้นแผ่นดินไว้ให้มีคนอาศัยพระองค์ตรัสดังนี้ “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก
ใครบอกเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแต่นานมาแล้ว ใครประกาศเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่นั้น ไม่ใช่เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าดอกหรือ นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเลย นอกจากเราแล้ว ไม่มีพระเจ้าเที่ยงธรรมผู้ช่วยให้รอดพ้น มนุษย์ทั้งหลายจากสุดปลายแผ่นดินจงหันมาหาเราเถิด ท่านจะได้รับความรอดพ้น เพราะเราคือพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก เราปฏิญาณในนามของเรา ความเที่ยงธรรมมาจากปากของเรา เราจะไม่กลับคำเลย เรายืนยันว่า “เช่าทุกเข่าจะย่อลงนมัสการเรา ลิ้นทุกลิ้น จะปฏิญาณความซื่อสัตย์ต่อเรา”
เขาทั้งหลายจะพูดว่า “เราพบความชอบธรรม และพละกำลังในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น บรรดาผู้ที่โกรธเคืองพระองค์ จะมาหาพระองค์ด้วยความอับอาย พงศ์พันธุ์ทั้งหลายแห่งอิสราเอล จะได้รับความชอบธรรม และสิริรุ่งโรจน์จากองค์พระผู้เป็นเจ้า”


พระวรสาร ลก 7:19-23

เวลานั้น ยอห์นจึงเรียกศิษย์มาสองคน แล้วส่งไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทูลถามว่า “ท่านคือผู้ที่จะต้องมา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก”
เมื่อคนทั้งสองมาพบพระองค์แล้วจึงกล่าวว่า “ยอห์นผู้ทำพิธีล้างส่งเรามาถามท่านว่า “ท่านคือผู้ที่จะต้องมา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก”
ขณะนั้น พระเยซูเจ้ากำลังทรงรักษาคนจำนวนมากให้หายจากโรค จากความทุกข์ทรมาน และจากปิศาจร้าย ทั้งทรงทำให้คนตาบอดหลายคน กลับมองเห็นได้
พระองค์จึงตรัสตอบศิษย์ทั้งสองของยอห์นว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนจนได้ฟังข่าวดี ผู้ที่ไม่เคลือบแคลงใจในเรา ย่อมเป็นสุข”

ข้อคิด

พระเยซูเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของพระเป็นเจ้า เป็นความชอบธรรมของมนุษย์ พระเยซูกุมารผู้เสด็จมาบังเกิดเป็นเครื่องหมายพิสูจน์ว่า “พระเป็นเจ้าชอบธรรม” พระองค์ทรงเมตตา รักษาสัญญา และไม่กลับคำ อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายพิสูจน์ว่า “มนุษย์ได้รับความชอบธรรม” เพราะพระองค์มาไถ่บาปเราให้รอดพ้น จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้เห็นเครื่องหมายเหล่านี้ วันนี้จงเปิดตามองดูเครื่องหมายความชอบธรรมที่เราได้รับ และเปิดตาไปยังพระกุมาร “ความชอบธรรมที่เราได้รับ และเปิดตาไปยังพระกุมาร “ความชอบธรรม” ที่กำลังเสด็จมา
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2011 2:29 pm

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 อสย 54:1-10

กรุงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นเสมือนหญิงหมันผู้ไม่เคยคลอดบุตรเอ๋ย เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์ จงโห่ร้องด้วยความยินดีเถิด เพราะบุตรของหญิงที่ถูกทอดทิ้ง จะมีจำนวนมากกว่าบุตรของหญิงที่ยังมีสามี
องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัส “จงขยายสถานที่ให้กระโจมของเจ้า จงขึงม่านของที่อาศัยของเจ้าออกให้กว้าง อย่ารั้งสิ่งใดไว้ จงต่อเชือกให้ยาว จงทำให้หลักกระโจมมั่นคงขึ้นเถิด เพราะเจ้าจะขยายออกไปทั้งทางขวาและทางซ้าย พงศ์พันธุ์ของเจ้าจะยึดครองนานาชาติจะทำให้เมืองร้าง มีคนอาศัยอยู่ อย่ากลัวเลย เพราะเจ้าจะไม่ต้องอับอาย อย่าวุ่นวายใจ เพราะเจ้าจะไม่ต้องละอายอีก เจ้าจะลืมความอับอายในวัยสาวของเจ้า เจ้าจะไม่ระลึกอีกต่อไปถึงความอัปยศที่เจ้าเคยเป็นหม้าย เพราะพระผู้สร้างเจ้าเป็นพระสวามีของเจ้า พระนามของพระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลเป็นพระผู้ไถ่เจ้า พระองค์ทรงพระนามว่า พระเจ้าแห่งสากลโลก...”
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ไถ่เจ้าตรัสดังนี้ “สำหรับเราจะเป็นเหมือนในสมัยของโนอาห์ เราปฏิญาณว่า น้ำเหมือนในสมัยของโนอาห์ จะไม่ท่วมแผ่นดินอีกเลยฉันใด เราก็ปฏิญาณว่าเราจะไม่โกรธเจ้า และจะไม่ตำหนิเจ้าอีกฉันนั้น แม้ภูเขาจะเคลื่อนย้าย และเนินเขาจะคลอนแคลน ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเจ้า...”

พระวรสาร ลก 7:24-30

เมื่อผู้ที่ยอห์นส่งมาจากไปแล้ว พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับประชาชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดาร ไปดูต้นอ้อไหวไปตามลมหรือ ไม่ใช่ แล้วท่านไปดูอะไรเล่า ดูคนสวมเสื้อผ้าสวยงามหรือ คนที่สวมเสื้อผ้าสวยงาม และกินดื่มอย่างฟุ่มเฟือยนั้นมีอยู่เฉพาะในพระราชวัง ถ้าเช่นนั้นท่านไปดูอะไร ไปดูประกาศหรือ ถูกแล้ว เราบอกท่านไปดูยิ่งกว่าประกาศกอีก ผู้นี้แหละพระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราส่งทูตของเรานำหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางไว้สำหรับท่าน เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าในบรรดาผู้ที่เกิดจากสตรี ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นอีกแล้ว กระนั้นก็ดี ผู้ต่ำต้อยที่สุดในพระอาณาจักรของพระเจ้าก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น...”

ข้อคิด

เมื่อพระมหาไถ่เสด็จมาบังเกิดเป็นเวลาปิดยุคสมัยแห่งการลงโทษ และเปิดยุคสมัยแห่งความรักมั่นคงแก่มนุษยชาติ ความผิดได้รับอภัย และถูกลืม ไม่กลับไปเป็นเหมือนเก่าอีก เพราะความรักมั่นคงของพระองค์มั่นคงนิจนิรันดร์ ท่านยอห์น เตือนประชากรของพระเจ้าจงเตรียมทางให้พระสวามีเจ้า แต่บางคนไม่ฟัง จับประเด็นสำคัญไม่ได้ มัวแต่ไปดูคนแต่งตัวสวย ๆ ด้วยผ้าแพรพรรณ บ้างไปชมนก ชมไม้ ข้อนี้เตือนเราอย่างมากว่า คริสตมาสกำลังใกล้เข้ามา เราสนใจประเด็นสำคัญของท่านยอห์นเพียงใด ท่านยอห์นขอให้ “กลับใจ” ท่านยิ่งใหญ่เพราะเตรียมทางให้พระเยซูเจ้า โดยสอนผู้คนให้กลับใจ แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าคนที่เล็กที่สุดในสวรรค์ ดังนั้นจงอย่าพลาดรับพระเพื่อไปสวรรค์ให้ได้ดีกว่ามิใช่ท่านเป็นคนสำคัญในโลกแล้วจะได้เข้าสวรรค์ แต่ถ้าท่านเข้าสวรรค์ได้ ท่านจึงเป็นคนสำคัญ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2011 2:31 pm

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 อสย 56:1-3,6-8

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “จงรักษาความถูกต้องและปฏิบัติความชอบธรรม เพราะความรอดพ้นของเราเข้ามาใกล้แล้ว และความเที่ยงธรรมของเรากำลังจะถูกเปิดเผย มนุษย์ผู้ทำเช่นนี้ย่อมเป็นสุข คือบุตรของมนุษย์ผู้ยึดมั่นสิ่งนี้ไว้ ผู้รักษาวันสะบาโต ไม่ทำให้เป็นมลทิน และยั้งมือไว้ไม่ทำการชั่วร้ายใด ๆ อย่าให้ชนต่างชาติที่ยึดมั่นต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแยกข้าพเจ้าจากประชากรของพระองค์อย่างแน่นอน” อย่าให้ขันทีพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเป็นเหมือนต้นไม้แห้ง”
บรรดาชนต่างชาติที่ยึดมั่นต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อรับใช้พระองค์ และรักพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนที่รักษาวันสะบาโต มิได้ทำให้เป็นมลทิน และยึดมั่นพันธสัญญาของเราไว้ เราจะนำเขาไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา จะทำให้เขามีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมในบ้านของเรา เพื่อการอธิษฐานภาวนา เครื่องเผาบูชาและสักการบูชาของเขา จะเป็นที่โปรดปรานบนแท่นบูชาของเรา เพราะบ้านของเราจะได้ชื่อว่า “บ้าสำหรับประชากรทั้งหลายเพื่อการอธิษฐานภาวนา” องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงรวบรวมอิสราเอล ที่กระจัดกระจาย ตรัสว่า “เรายังจะรวบรวมผู้อื่น นอกจากผู้ที่เราได้รวบรวมไว้แล้วด้วย”

พระวรสาร ยน 5:33-36

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายได้ส่งคนไปถามยอห์น และยอห์นก็ได้เป็นพยานยืนยันถึงความจริง เราไม่ต้องการคำยืนยันจากมนุษย์ แต่เรากล่าวเช่นนั้นเพื่อท่านทั้งหลายจะได้รอดพ้น ยอห์นเป็นเหมือนตะเกียงสว่างไสวที่จุดอยู่ ท่านทั้งหลายก็พอใจที่จะชื่นชมกับแสงสว่างของเขาอยู่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น แต่เรามีคำยืนยันที่ยิ่งใหญ่กว่าคำยืนยันของยอห์น คืองานที่พระบิดาทรงมอบหมายให้เรากระทำจนสำเร็จ งานที่เรากำลังกระทำอยู่นี้ เป็นพยานถึงเราว่าพระบิดาทรงส่งเรามา”


ข้อคิด

เมื่อบ้านของพระเจ้าเปิดไว้สำหรับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ หลังการเนรเทศ มีการสร้างกรุงเยรูซาเล็ม และวิหารขึ้นมาใหม่ และเตือนให้ประชาชนกลับใจจริงจัง วางแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ ห้ามรังเกียจชนต่างด้าว และเชิญชวนให้เข้าร่วมพิธีกรรมสุปคือ บ้านของพระเจ้าเป็นบ้านที่ทุกคนเข้าสวดได้ พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อให้เราเห็นพระประสงค์ของพระบิดา และให้พยายามปฏิบัติตาม
“จงทำสิ่งที่ถูกต้อง รักพระเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์ด้วยน้ำใสใจจริง และเดินต่อหน้าพระเจ้าด้วยความสุภาพถ่อมตน” (มคา 6.8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2011 2:32 pm

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 ปฐก 49:2,8-10

บุตรของยาโคบเอ๋ย จงมารวมกันฟัง จงฟังคำของอิสราเอล บิดาของลูก.....
ยูดาห์เป็นเหมือนลูกสิงโต ลูกเอ๋ย ลูกฆ่าเหยื่อแล้วกลับมา ลูกเป็นเหมือนสิงโตตัวผู้ ที่ซุ่มหมอบ เหมือนสิงโตตัวเมียที่นอนอยู่ ใครเล่าจะกล้าทำให้ลุกขึ้น คทาจะไม่ไปจากยูดาห์ และไม้เท้าของผู้ปกครองจะไม่ถูกยกไปจากระหว่างเท้าของเขา จนกว่าผู้ที่เป็นเจ้าของจะมา และประชาชาติจะนอบน้อมต่อเขา


พระวรสาร มธ 1:1-17

หนังสือลำดับพระวงศ์ของพระเยซูคริสตเจ้า โอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ทรงสืบตระกูลมาจกอับราฮัม
อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของยูดาห์กับบรรดาพี่น้อง ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศและเศราห์ มารดาของคนทั้งสองคือนางทามาร์ เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน เฮสโรนเป็นบิดาของราม รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับ เป็นบิดาของนาโซน นาโซนเป็นบิดาของสัลโมน สัลโมนเป็นบิดาของโบอาส มารดาของโบอาสคือนางราหับ โบอาสเป็นบิดาของโอเบด มารดาของโอเบตคือนางรูธ โอเบตเป็นบิดาของเจสซี เจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด
กษัตริย์ดาวิดเป็นบิดาของซาโลมอน จากมารดาซึ่งเคยเป็นภรรยาของอูรียาห์ ชาโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์ อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา อาสาเป็นบิดาของเยโฮชาฟัท เยโฮชาฟัทเป็นบิดาของโยรัม โยรัมเป็นบิดาของอุสซียาห์ อุสซียาห์เป็นบิดาของโยธาม โยธามเป็นบิดาของอาหัส อาหัสเป็นบิดาของเฮเซคียาห์ เฮเซคียาห์เป็นบิดาของมนัสเสห์ มนัสเสห์เป็นบิดาของอาโมน อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์ โยสิยาห์เป็นบิดาของเยโคนียาห์และพี่น้อง ในสมัยถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปกรุงบาบิโลน
หลังจากถูกกวาดต้อนไปกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนียาห์เป็นบิดาของเซอัลทิเอล เชอัลทิเอลเป็นบิดาของเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด อาบียุดเป็นบิดาของเอลียาคิม เอลียาคิมเป็นบิดาของอาซอร์ อาซอร์เป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของอาคิม อาคิมเป็นบิดาของเอลีอูด เอลีอูดเป็นบิดาของเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์เป็นบิดามัทธาน มัทธานเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของโยเซฟ พระสวามีของพระนางมารีย์ พระเยซูเจ้าขานพระนามว่า “พระคริสตเจ้า” ประสูตรจากพระนางมารีย์ผู้นี้
ดังนั้น ลำดับพระวงศ์ของพระเยซูเจ้าจากอับราฮัมถึงกษัตริย์ดาวิดมีสิบสี่ชั่วคน นับจากกษัตริย์ดาวิด ถึงสมัยที่ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปกรุงบาบิโลน มีอีกสิบสี่ชั่วคน และนับจากสมัยที่ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปกรุงบาบิโลน ถึงพระเยซูเจ้ามีอีกสิบสี่ชั่วคน


ข้อคิด

คำทำนายของบรรดาประกาศกสิ้นสุดลงที่พระเยซูเจ้า บุตรพระแม่มารีอา ซึ่งเป็นพระเมสสิยาห์ที่สืบเชื้อสายจากตระกูลยูดาห์ ซึ่งบรรพบุรุษหลายคนของพระองค์มีชื่อเสียง แต่บางคนไม่เป็นที่รู้จัก หรือบางทีก็ไม่ใช่ยิว พระเจ้าทรงมีแผนการของพระองค์ และทรงคุมทุกสถานการณ์ได้เสมอ
ดังนั้น ในสายพระเนตรของพระเจ้า ทุกคนมีคุณค่ามหาศาล
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2011 2:35 pm

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2554
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง 2 ซมอ 7:1-5,8-11,16

เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความสงบจากการสู้รบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยู่ในวังสร้างด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ทรงคิดจะทำอย่างไร ก็โปรดทำเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์”
แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิด ผู้รับใช้ของเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่ บัดนี้ ท่านจงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ เราให้ท่านเลิกเลี้ยงแกะในทุ่งหญ้ามาเป็นผู้นำอิสราเอลประชากรของเรา เราอยู่กับท่านไม่ว่าท่านไปไหน เรากำกำจัดศัตรูทั้งปวงที่ท่านเผชิญหน้า เราจะทำให้ท่านมีชื่อเสียงเหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน เราจะเลือกที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอล ประชากรของเราตั้งหลักแหล่ง เขาจะอยู่ที่นั่นโดยไม่มีใครรบกวนจะไม่มีคนชั่วคอยกดขี่ข่มเหงเขาเหมือนในอดีต เมื่อเราเคยแต่งตั้งผู้วินิจฉัยให้ปกครองอิสราเอล ประชากรของเรา เราจะให้ท่านได้พักจากศัตรูทั้งปวงของท่าน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่ท่านว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ท่าน ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อำนาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป”



เพลงสดุดี สดด 89:1-2,3-4,26 และ 28

ก) ข้าพเจ้าจะขับร้องสรรเสริญความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ปากข้าพเจ้าจะประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกยุคทุกสมัย ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ พระองค์ทรงสถาปนาความซื่อสัตย์ของพระองค์ไว้อย่างมั่นคงในสวรรค์”
ข) พระเจ้าตรัสว่า เราทำพันธสัญญากับผู้ที่เราเลือกสรรไว้ สาบานกับดาวิตผู้รับใช้ของเราว่า “เราจะให้เชื้อสายของท่านมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ จะสร้างบัลลก์ของท่านให้มั่นคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย”
ค) เขาจะเรียกเราว่า “พระองค์คือพระบิดาของข้าพเจ้า ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า และทรงเป็นศิลาที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น” เราจะรักษาความรักมั่นคงของเราไว้สำหรับเขาเสมอ พันธสัญญาของเรากับเขาจะตั้งมั่นตลอดไป



บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม รม 16:25-27

ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระผู้โปรดให้ท่านทั้งหลายมั่นคงตามข่าวดีของข้าพเจ้า และตามการประกาศสอนเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า เป็นการเปิดเผยธรรมล้ำลึก ที่เก็บเป็นความลับตลอดเวลานานมาแล้ว
แต่บัดนี้ เปิดเผยให้ปรากฎแล้ว ตามข้อเขียนของบรรดาประกาศก ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดนิรันดร ให้นานาชาติได้รู้ เพื่อจะได้นำพวกเขามายอมรับความเชื่อ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงพระปรีชาญาณแต่เพียงพระองค์เดียว โดยทางพระเยซูคริสตเจ้า ขอพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร อาแมน


พระวรสาร ลก 1:26-38

เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง ซึ่งหมั้นอยู่กับชายขื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก ทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร

แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบ ตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระอานุภาพของพระผัสูงสุด จะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจะรับนามว่า บุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้ง ๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใคร ๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ที่จากพระนางไป

ข้อคิด

พระเจ้าสัญญาว่ากษัตริย์ที่ประชากรคอย จะมาจากเชื้อสายดาวิด ประกาศกเยเรมีย์เคยท้อแท้ที่เห็นการล่มสลายของอานาจักร และการเนรเทศ แต่ก็ยังเห็นความหวังในหมู่คนที่ได้รับการขัดเกลาในแดนเนรเทศ โดยทางท่านประกาศก พระเจ้าสัญญาว่า พระเมสสิยาห์ จะฟื้นฟูทุกสิ่งขึ้นใหม่ พระองค์จะรวบรวมประชากรไว้ด้วยกัน จะทรงปกครองด้วยความยุติธรรม และทรงทำลายกำแพงที่กั้นชนชาติต่าง ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 18, 2011 11:06 am

ครบเดือนแล้วขึ้นกระทู้ใหม่ก้จะดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 21, 2011 2:09 pm

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 วนฉ 13:2-7,24-25

ในครั้งนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อนาโนอาห์ เป็นชาวเมืองโศราห์เป็นคนเผ่าดาน ภรรยาของเขาเป็นหมัน ไม่มีบุตร ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่หญิงผู้นี้กล่าวว่า “ท่านเป็นหมันไม่มีบุตร แต่บัดนี้ท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย....”
หญิงคนนั้นไปบอกสามีว่า “คนของพระเจ้ามาหาดิฉัน.... เขาบอกดิฉันว่า “ท่านจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย... เด็กจะเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงวันตาย”
หญิงคนนั้นคลอดบุตรชายและตั้งขื่อให้ว่าแซมสัน เด็กน้อยเจริญวัยขึ้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขา...


พระวรสาร ลก 1:5-25

ในรัชสมัยของกษัตริย์เฮโรด ผู้ปกครองแคว้นยูเดีย สมณะผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์ ประจำเวรในหมวดของอาบียาห์ มีภรรยาชื่อเอลีซาเบธ... แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่มีบุตร เพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว
วันหนึ่ง เศคาริยาห์กำลังปฏิบัติหน้าที่สมณะเฉพาะพระพักตร์ตามเวรในหมวดของตน... ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฎองค์... กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธ ภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่ายอห์น ท่านจะมีความชื่นชมยินดี และคนจำนวนมากจะยินดีที่เขาเกิดมา เพราะว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุราเมรัยเลย เขาจะรับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา เขาจะนำบุตรหลานของอิสราเอลจำนวนมากกลับมายังองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
เศคาริยาห์ จึงถามทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าชราแล้ว และภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้วด้วย” ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ซึ่งเฝ้าอยู่เฉพาะพระพัตร์พระเจ้า พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาพูดกับท่าน และนำข่าวดีนี้มาแจ้งให้ท่านทราบ แต่ท่านไม่เชื่อคำของข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลากำหนด ดังนั้น ท่านจะเป็นใบ้จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง” ขณะนั้น ประชาชนกำลังคอยเศคาริยาห์อยู่ รู้สึกประหลาดใจที่เขาอยู่ในพระวิหารนาน เมื่อเขาออกมาและพูดไม่ได้ ประชาชนจึงเข้าใจว่าเขาเห็นนิมิตในพระวิหาร เขาทำได้เพียงแสดงท่าทาง แต่พูดไม่ได้
เมื่อหมดวาระทำหน้าที่ในพระวิหารแล้ว เศคาริยาห์ก็กลับไปบ้าน ต่อมาไม่นาน นางเอลีซาเบธ ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ นางเก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลาห้าเดือน นางกล่าวว่า “พระเจ้าทรงทำเช่นนี้เพื่อข้าพเจ้า บัดนี้พระองค์พอพระทัยช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความอับอาย ที่ข้าพเจ้ามีต่อหน้าคนทั้งหลายแล้ว”


ข้อคิด

เทวทูตแจ้งข่าวให้แก่ภรรยาซึ่งเป็นหมันของมาโนอาห์ว่า นางจะให้กำเนิดบุตรชาย และตั้งชื่อลูกว่า แซมสัน เขาจะถวายตนเองแด่พระ และจะได้รับพลังมหาศาลจากพระองค์ เพื่อใช้ในการปกป้องประชากรของพระเจ้า จากชาวฟิลิสเดีย เรื่องคล้ายกันก็เกิดขึ้นกับนางเอลีซาเบธที่ให้กำเนิดยอห์นบัปติสต์ ทั้งแซมสัน และยอห์นบัปติสต์ มีพันธกิจสำคัญที่ต้องทำ เราจึงเห็นแผนการอันแยบยลของพระเจ้า เราเองได้รับพันธกิจอะไรจากพระเจ้า
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ พุธ ธ.ค. 21, 2011 2:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 21, 2011 2:11 pm

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2554
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 อสย 7:10-14

ในครั้งนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาหัสอีกว่า “จงขอองค์พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์ให้ทรงส่งเครื่องหมายจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือจากที่สูงเบื้องบนเถิด”
แต่กษัตริย์อาหัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า”
ประกาศกอิสยาห์จึงพูดว่า “พงศ์พันธุ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทำให้มนุษย์เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ทำไมท่านจึงทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือมระอาอีกเล่า ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา”

พระวรสาร ลก 1:26-38

เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิดท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน”
เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรพระองค์ พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไป และพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย”
พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้ง ๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใคร ๆ คิดว่า นางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้”
พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป


ข้อคิด

เครื่องหมายของหญิงสาวกับบุตร กษัตริย์อาหัสไม่ยอมขอเครื่องหมายจากพระเจ้า แต่พระองค์ก็ให้เขาเห็นคือ มีกุมารเกิดจากหญิงสาว และจะรับขานนามว่า อิมมานูเอล ซึ่งแปลว่า พระเจ้าประทับกับเรา คำทำนายที่พระเจ้าให้แก่อาหัส สำเร็จสมบูรณ์เมื่อเทวทูตกาเบรียลแจ้งสารแก่พระแม่มารีอา และพระแม่ตอบรับคำเสนอของพระเจ้า เช่นเดียวกับอาหัส บางทีเราเองก็กลัวที่จะมองดูเครื่องหมายของพระเจ้าว่า พระองค์รักเรามากเพียงใด ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ พุธ ธ.ค. 21, 2011 2:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 21, 2011 2:12 pm

วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2011
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4
น.เปโตร คานีซีอัส พระสงฆ์และนักปราชญ์


บทอ่านจากหนังสือเพลงซาโลมอน พซม 2:8-14

ฟังซิ เสียงที่รักของดิฉัน เขากำลังมา กำลังกระโดดอยู่บนภูเขา กำลังกระโดดข้ามเนินเขา ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนละมั่งหรือเหมือนลูกกวาง ดูซิ เขากำลังยืนอยู่หลังกำแพงของเรา มองเข้ามาทางหน้าต่าง ลอบมองผ่านลูกกรงเข้ามา ที่รักของดิฉันเริ่มพูดกับดิฉันว่า “ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถอะ คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด ดูซิ ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว ฝนก็วายและจบสิ้นไปแล้ว “ดอกไม้ต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาบนแผ่นดิน เวลาสำหรับร้องเพลงมาถึงแล้ว เสียงคูของนกเขาก็ได้ยินในแผ่นดินของเรา ต้นมะเดื่อเทศกำลังผลิผล เถาองุ่นผลิดอกบานส่งกลิ่นหอมฟุ้ง”

ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถอะ คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด “นกพิราบของฉันเอ๋ย เธอซ่อนตัวอยู่ในซอกผา ในซอกลึกของหน้าผา ขอให้ฉันได้ยินเสียงของเธอสักหน่อยเถิด เพราะเสียงของเธอนั้นไพเราะ และใบหน้าของเธอก็งดงาม”

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:39-45

หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”

ข้อคิด

“ผู้ที่เรารัก กระโดดข้ามภูเขามา” ซึ่งหมายถึงพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งอยู่ในครรภ์ของแม่พระขณะที่พระนางเดินทางไปเยี่ยมนางเอลีซาเบธ การมาของแม่พระนำมาซึ่งพระหรรษทานและความยินดีแก่นางเอลีซาเบธ
เราเองก็น่าจะมีความยินดีทุกครั้งที่พระเจ้าทรงมาเยี่ยมเยียนเรา.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 21, 2011 11:26 pm

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 1 ชมอ 1:24-28

ในครั้งนั้น เมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เมืองชิโลห์ เอาโคหนุ่มอายุสามปีตัวหนึ่ง แป้งประมาณสองลัง และเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนังไปด้วย ขณะนั้นเขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคนั้นถวายบูชา และพาเด็กไปพบเอลี นังฮันนาห์กล่าวแก่เอลีว่า “นายเจ้าขา จำดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นี่ต่อหน้าท่าน ดิฉันทูลขอเด็กคนนี้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ประทานให้ดิฉันตามคำทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่ แล้วบิดามารดา ก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น”


พระวรสาร ลก 1:46-56

เวลานั้น พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตร ผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณาต่อผู้ยำเกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้พระจัดกระจายไป ทรงคว่ำาผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผุ้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอลผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป”


ข้อคิด

นางฮันนาห์ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานซามูเอล ลูกชายให้ตามที่นางทูลขอ เวลานี้นางมาหาพระเจ้า เพื่อขอบพระคุณ และถวายเขาแด่พระองค์

ในบทมักญีฟิกัด แม่พระบ่งบอกถึงความกตัญญูต่อพระเจ้าที่ประทานพระบุตรให้เกิดแก่โลก ผ่านทางพระนาง ขอบพระคุณที่พระเจ้าเลือกคนต่ำต้อยให้ร่วมแผนการไถ่บาป

เราเป็นของพระเจ้า ทุกสิ่งที่เรามีก็เป็นของพระองค์ แต่เรายอมให้พระองค์มีที่ในใจของหรือไม่
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

ศุกร์ ธ.ค. 23, 2011 11:26 am

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 มลค 3:1-4,23-24

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะส่งผู้ถือสารของเราเพื่อเตรียมทางไว้ต่อหน้าเรา ทันใดนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ท่านแสวงหาจะเสด็จเข้ามาในพระวิหารของพระองค์ ทูตแห่งพันธสัญญาซึ่งท่านปรารถนา ดูซิ กำลังมาแล้ว

องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส – ใครเล่าจะทนวันที่เขามาได้ และใครจะยืนหยัดอยู่ได้ เมื่อเขาปรากฎ เพราะเขาจะเป็นเหมือนไฟของช่างถลุงโลหะ และเหมือนสบู่ของคนซักฟอก เขาจะนั่งลงเหมือนช่างหลอมและช่างถลุงเงิน เขาจะชำระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์ จะถลุงเขาเหมือนถลุงทองคำและถลุงเงิน เพื่อเขาจะถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชอบธรรม เครื่องบูชาของยูดาห์และเยรูซาเล็มจะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนในสมัยโบราณ เหมือนในปีก่อน ๆ โน้น”

“ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่าน ก่อนที่วันยิ่งใหญ่ และนำสะพรึงกลัวขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึง เขาจะทำให้ใจของพ่อกลับมาหาลูก และจิตใจของลูกกลับไปหาพ่อ เพื่อเราจะไม่ต้องมาทำลายล้างแผ่นดิน”

พระวรสาร ลก 1:57-66

เมื่อครบกำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าพระเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง

เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อบ้านและญาติพี่น้องมาทำพิธีสุหนัดให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณ ถามบิดาของเด็กว่า ต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่ง แล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจ และถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับเขา


ข้อคิด

การเตรียมรับการบังเกิดของพระเจ้า เราทุกคนมีโอกาสที่จะรับพระองค์โดยการกลับใจ ในสมัยของเอลียาห์ พระเจ้ามาหาประชากรเพื่อทดสอบว่าเขามีใจบริสุทธิ์ และสามิภักดิ์ต่อพระองค์หรือไม่ เมื่อยอห์นบังเกิด เขาเป็นคนที่เอลียาห์ได้กล่าวไว้ว่า จะมาเทศน์สอนให้คนกลับใจ เพื่อต้อนรับพระผู้ไถ่
แม้ในสมัยใหม่นี้ เราจะเพิ่มสีสันให้แก่การฉลองคริสตมาส แต่สิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่ทิ้งไม่ได้คือการกลับใจจากชีวิตที่ไม่ถูกต้อง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ธ.ค. 24, 2011 2:44 pm

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 7:1-5,8-12,14ก,16



เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวัง และองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความสงบจากการสู้รบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยู่ในวัง สร้างด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ทรงคิดจะทำอย่างไรก็โปรดทำเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์”
แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่ บัดนี้ ท่านจงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ เราให้ท่านเลิกเลี้ยงแกะในทุ่งหญ้า มาเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา เราอยู่กับท่านไม่ว่าท่านไปไหน... เราจะให้ท่านได้พักจากศัตรูทั้งปวงของท่าน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่ท่านว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ท่าน เมื่อท่านสิ้นชีวิตในวัยชรา และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษแล้ว เราจะตั้งเชื้อสายคนหนึ่งของท่าน ซึ่งเป็นบุตรหลานของท่านให้เป็นกษัตริย์ต่อจากท่าน เราจะพิทักษ์รักษาอาณาจักรของเขาให้มั่นคงเราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อำนาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป”


พระวรสาร ลก 1:67-79

เวลานั้น เศคาริยาห์ ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้ “ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์เสด็จเยี่ยม และทรงกอบกู้ประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงปลุกพระผู้กอบกู้ ผู้ทรงอำนาจขึ้นมาจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้พระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ โดยปากประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ตั้งแต่โบราณกาลว่า จะให้เรารอดพ้นจากศัตรู จากเงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา ทรงสัญญาว่า จะทรงแสดงพระกรุณาแก่บรรพบุรุษของเรา ทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของเรา ว่าจะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู เพื่อรับใช้พระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวใด ๆ ให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรม เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ตลอดชีวิตของเรา ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประกาศกของพระผู้สูงสุด เจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเตรียมทางสำหรับพระองค์ เพื่อให้ประชากรของพระองค์รู้ว่า เขาจะรอดพ้นเพราะบาปของเขาได้รับการอภัย เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเรา จากเบื้องบน ดังแสงอรุโณทัย ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืด และในเงาแห่งความตาย เพื่อจะนำเท้าของเราให้ดำเนินไปตามทางแห่งสันติสุข”


ข้อคิด

คำทำนายว่า เชื้อสายของดาวิดจะคงอยู่ต่อไป ตอนแรกดาวิดเข้าใจผิดคิดว่า เมื่อสร้างวิหารให้พระเจ้า พระองค์จะประทับอยู่กับประชากรต่อไป แต่นาธันกล่าวว่า พระเจ้าจะประทับอยู่ในสายตระกูลของท่าน
เราเองอาจจะคิดผิดเช่นเดียวกันว่า เราจะสร้างบ้านให้พระในสถาบันต่าง ๆ แต่ที่จริง พระองค์จะประทับอยู่อย่างที่พระองค์ประสงค์มากกว่า ขอให้ใจของเราเป็นที่ประทับอยู่ของพระจิตเจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ธ.ค. 25, 2011 11:37 pm

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2554
วันสมโภชพระคริสตสมภพ
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 52:7-10

เท้าของผู้นำข่าวดีมาประกาศบนภูเขาช่างงามยิ่งนัก เขาประกาศสันติภาพ นำข่าวดี ประกาศความรอดพ้น กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง” บรรดาทหารยามของท่านร้องเสียงดัง ร้องตะโกนพร้อมกันด้วยความยินดี เพราะเขาได้เห็นกับตาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับสู่ศิโยน ซากปรักหักพังแห่งกรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องเพลงยินดีพร้อมกันเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์ และทรงไถ่กู้กรงเยรูซาเล็มแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระอานุภาพ ต่อหน้าประชาชาติทั้งปวง ชนชาติทั้งหลายจากสุดปลายแผ่นดินจะได้เห็นว่า พระเจ้าของเราประทานความรอดพ้นให้แก่เรา

เพลงสดุดี สดด 89:1,2-3กข,3ค-4,5-6

ก) ข้าพเจ้าจะขับร้องสรรเสริญความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ปากข้าพเจ้าจะประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกยุคทุกสมัย

ข) ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ พระองค์ทรงสถาปนาความซื่อสัตย์ของพระองค์ไว้อย่างมั่นคงในสวรรค์” พระเจ้าตรัสว่า เราทำพันธสัญญากับผู้ที่เราเลือกสรรไว้

ค) สาบานกับดาวิตผู้รับใช้ของเราว่า “เราจะให้เชื้อสายของท่านมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ จะสร้างบัลลก์ของท่านให้มั่นคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย”

ง) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า สวรรค์สรรเสริญปาฏิหารย์ของพระองค์ ที่ชุมนุมผู้ศักดิ์สิทธิ์สรรเสริญความซื่อสัตย์ของพระองค์ ผู้ใดในฟากฟ้าจะเปรียบได้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดในบรรดาทูตสวรรค์เป็นเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้า



บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 1:1-6

ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศก หลายวาระและหลายวิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร พระเจ้าทรงสถาปนาพระบุตรให้เป็นทายาทครอบครองทุกสิ่ง พระองค์ทรงสร้างจักรวาล เดชะพระบุตรนี้ พระบุตรทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ทรงเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ขององค์พระเจ้า พระบุตรทรงผดุงจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาทรงฤทธิ์ บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับ ณ เบื้องขวาแห่งพระมหิทธานุภาพ ดังนั้น พระบุตรทรงอยู่เหนือบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามที่ทรงได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์

พระเจ้าเคยตรัสแก่ทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำเนิดท่านในวันนี้” หรือว่า “เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา”หรืออีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้าทรงส่งพระโอรส องค์แรกจุติสู่โลกมนุษย์ พระองค์ตรัสว่า “ให้ทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระเจ้ากราบนมัสการพระองค์เถิด”


พระวรสาร ยน 1:1-5,9-14

เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า

พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้าแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระวจนาตถ์

ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดกลืนแสงสว่างนั้นไม่ได้

แสงสว่างแท้จริงซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลกและโลกถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์

ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์คือผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ประทานอำนาจให้ผู้นั้น กลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์แต่เกิดจากพระเจ้า

พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน และความจริง



ข้อคิด

สารของเทวทูตคือ “วันนี้ เรานำข่าวดีมาบอกท่าน” การบังเกิดขององค์พระคริสต์ คือต้นเหตุของความยินดีของเราคริสตชน จากพระคัมภีร์ เราควรดูเนื้อหาหลัก คือในพระกุมารซึ่งเพิ่งบังเกิดมา เรานมัสการ “พระเจ้าที่มาปรากฎให้เราเห็นได้” ในบุตรของสตรีผู้นี้ ธรรมชาติมนุษย์ของเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระธรรมชาติของพระเจ้า
เด็กคนหนึ่งถามบิดาว่า เครื่องบิน บินสูงอย่างนี้ คนจึขึ้นได้อย่างไร บิดาตอบว่า เครื่องบินลงมาพื้นดินเพื่อรับคนโดยสาร เช่นเดียวกับที่องค์พระเยซูเจ้าเสด็จลงมา เพื่อนำเราไปสวรรค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ธ.ค. 26, 2011 8:58 pm

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 กจ 6:8-10 ; 54-60

สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและพระอานุภาพ ทำปาฏิหารย์และเครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน บางคนจากศาลาธรรมที่เรียกกันว่า ศาลาธรรมของเสรีชนที่เคยเป็นทาส คือชาวยิวจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้นซีลีเซีย และเอเชีย เริ่มโต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขาเหล่านั้นเอาชนะสเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยปรีชาญาณ ซึ่งมาจากพระจิตเจ้า เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันคำรามเข้าใส่สเทเฟน

สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า เพ่งมองท้องฟ้า มองเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า จึงพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าเปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า”

ทุกคนจึงร้องเสียงดัง เอามืออุดหู วิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากเขาออกไปนอกเมือง แล้วเริ่มเอาหินขว้างเขา บรรดาพยานนำเสื้อคลุมของตนมาวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง “เซาโล” ขณะที่คนทั้งหลายกำลังเอาหินขว้าง สเทเฟน สเทเฟนอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” เขาคุกเข่าลง และร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขา เพราะบาปนี้เลย” เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว เขาก็สิ้นใจ


พระวรสาร มธ 10:17-22

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา ท่านจะถูกนำตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการ และเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ เพราะเราเป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขา และแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่า จะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้น จะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของท่านจะตรัสในท่าน

พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษพ่อแม่ให้ถึงตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่าน เพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น”


ข้อคิด

น. สเทเฟน มรณสักขีองค์แรก พระศาสนจักรถือว่าการเป็นพยานของท่านเป็นตัวอย่างล้ำค่า ท่านได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าของสังฆานุกร ท่านเชื่อในพลังพระจิตว่า พระองค์จะพูดแทนท่าน พระจิตเจ้าดลใจให้ท่านพูด และเปลี่ยนใบหน้าท่านต่อหน้าศัตรู ก่อนตาย ท่านขอพระเจ้าอย่าทรงลงโทษเพชฌฆาต เพราะบาปที่เขากระทำต่อท่าน นับเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของผู้ยอมแพ้
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 28, 2011 2:24 pm

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 1 ยน 1:1-4

พี่น้องที่รักยิ่ง เราประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระวจนาตถ์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา เราได้เฝ้ามอง และเราได้สัมผัสด้วยมือของเรา ชีวิตนั้นได้ปรากฎ เราได้เห็นและได้เป็นพยาน เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงชีวิตนิรันดร ซึ่งอยู่กับพระบิดา และปรากฎให้เราเห็น สิ่งที่เราได้เห็นและได้ฟังนี้ เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ด้วย เพื่อท่านจะได้สนิทสัมพันธ์กับเรา ความสนิทสัมพันธ์นี้คือความสนิทสัมพันธ์กับพระบิดา และกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้า เราเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อความปิติยินดีของเราจะได้สมบูรณ์


พระวรสาร ยน 20:2-8

เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลาวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่ง ที่พระเยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน”

เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน

ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติด ๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ


ข้อคิด

นักบุญยอห์น อัครสาวกและผู้ประพันธ์พระวรสาร เป็นอัครสาวกที่สนิทกับพระเยซูเจ้ามากที่สุด ที่เชิงกางเขนของพระเยซูเจ้า ท่านรับพระแม่มารีย์ไว้ที่บ้าน และเป็นคนแรกที่เชื่อในการกลับคืนชีพของพระเยซู ท่านเขียนพระวรสารภายใต้การนำของพระจิตว่า “พระวจนะทรงรับเอากายและมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา” เราอ่านสิ่งที่ท่านรำพึง และท่านเขียนว่า “พระเจ้าเป็นองค์ความรัก” และพระบัญญัติของพระองค์เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก
สิ่งใด ๆ ที่ท่านกระทำต่อคนอื่นท่านก็กระทำต่อเรา (มธ 25:40)
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 28, 2011 2:25 pm

วันพุธที่ 28 ธันวาคม 255
บทอ่านที่ 1 1 ยน 1:5-2:2

พี่น้องที่รักยิ่ง นี่คือสิ่งที่เราได้ฟังจากพระองค์และเรากำลังประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้คือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดใด ๆ อยู่ในพระองค์เลย ถ้าเราพูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด เรากำลังพูดเท็จ เพราะเราไม่ดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตในความสว่าง ดังที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์กันด้วย และพระโลหิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ก็ชำระเราให้สะอาดจากบาปทั้งปวง
ถ้าเราพูดว่า “เราไม่มีบาป” เรากำลังหลอกตนเอง และ “ความจริง” ไม่อยู่ในเรา พระองค์ทรงซื้อสัตย์ และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสาราภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง ถ้าเราพูดว่า “เราไม่เคยทำบาป” เราก็ทำให้พระองค์ตรัสคำเท็จ และพระวาจาของพระองค์ไม่อยู่ในเรา
ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป แต่ถ้าใครทำบาป เรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชยเฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย


พระวรสาร มธ 2:13-18

เมื่อบรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พรพระกุมารและพระมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรดกำลังสืบหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิต” โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปประเทศอียิปต์ในคืนนั้น และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เพื่อให้พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสทางประกาศกเป็นความจริงว่า เราเรียกบุตรของเรามาจากประเทศอียิปต์
เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงเห็นว่าพระองค์ถูกบรรดาโหราจารย์หลอก ก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้ประหารเด็กชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมาในเมืองเบธเลเฮม และบริเวณใกล้เคียง
ดังนี้ พระดำรัสที่ตรัสไว้โดยประกาศกเยเรมีย์ก็เป็นความจริงว่า “มีผู้ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาท์ เป็นเสียงร้องไห้ และคร่ำครวญอย่างขมขื่น นางราเดลร้องไห้อาลัยถึงบรรดาบุตร นางไม่ยอมรับคำปลอบโยนใด ๆ เพราะบุตรเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว”


ข้อคิด

เมื่อกษัตริย์ดฮโรดมีความจงใจจะฆ่าพระกุมารเจ้า เพราะความระแวงก็สั่งทหารไปฆ่าเด็กชายทุกคนที่อายุต่ำกว่า 2 ปีที่เบธเลเฮม และหมู่บ้านใกล้เคียง
ทารกเหล่านี้ได้รับศิลล้างบาปด้วยโลหิต แม้มีโอกาสอยู่ในโลกมนุษย์น้อยมาก แต่เขาได้รับรางวัลยิ่งใหญ่ในสวรรค์
น่าเศร้าที่โลกเรามีคนเช่นเฮโรดทุกสมัย และมีทีท่าว่าจะมีมากขึ้น คนดีทั้งหลายไม่น่าจะเงียบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ธ.ค. 29, 2011 3:05 pm

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2554
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:3-11

ลูกทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรามั่นใจว่าเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่พูดว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนพูดคำเท็จ และ “ความจริง” ไม่อยู่ในตัวเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์...
ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านมิใช่บทบัญญัติใหม่ แต่เป็นบทบัญญัติเก่า ที่ท่านมีตั้งแต่แรกเริ่ม... ผู้ที่อ้างว่าตนอยู่ในความสว่างแต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด ส่วนผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ดำรงอยู่ในความสว่าง และไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ทำให้เขาล้มลงได้ แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ก็อยู่ในความมืดและเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปทิศทางใด เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด

พระวรสาร ลก 2:22-35

เมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ นำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มมเพื่อถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่พระเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่ หรือนกพิราบสองตัว....
เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรม และยำเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตอยู่กับเขา.... พระจิตเจ้าทรงนำสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ นำพระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า

“ข้าแต่พระจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์”
โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพรท่านทั้งสองและกล่าวแก่พระนางมารีย์พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำหนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำนวนมากในอิสราเอลต้องล้มลงหรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจำนวนมากจะถูกเปิดเผย ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน”


ข้อคิด

ทารกนี้จะเป็นแสงสว่างสำหรับประชากรในโลก น.ลูกาเล่าเรื่องวัยเด็กของพระเยซูเจ้าโยงถึงพระคัมภีร์เดิม ข้อความวันนี้จึงแสดงให้เราเห็นการปรากฎองค์ท่ามกลางเรา ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย เราเห็นว่า “เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเกิดจากสตรีคนหนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติเพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม” (กท 4:4-5) และสิเมโอนยังกล่าวเสริมอีกว่า พระเยซูเจ้าเป็นแสงสว่างสำหรับนานาชาติ เราทุกคนเมื่อเป็นแสงสว่างและเป็นเกลือ ก็เป็นของขวัญที่ล้ำค่าแก่โลก
ตอบกลับโพส