อาหรับน้อยของพระเจ้า :นักบุญมาเรียม

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

เสาร์ ก.พ. 21, 2015 3:12 am

รูปภาพ
1.ขอลูกจากแม่พระ

กิรีส เบาอาร์ดี และมาเรียม ชาฮิน สองสามีภรรยาคริสตังจารีตเมลกิท กรีก (Melkite Greek) ทั้งสองมีบุตรชายรวมกันแล้ว 12 คน แต่น่าเศร้าเพราะทั้งหมดล้วนเสียชีวิตไปตั้งแต่วัยเยาว์ มันทำให้ทั้งสองต้องเสียใจมาก แต่ด้วยความหวังของมารดามาเรียมจึงได้ไปพูดกับสามีขึ้นว่า “พี่จ๊ะ ขอให้พวกเราไปเบธเลเฮมด้วยเท้าและขอแม่พระสำหรับลูกสาว พร้อมขอให้เราสัญญาต่อพระนางว่าหากพระนางทรงตอบรับคำอธิษฐานของเรา เราจะตั้งชื่อเธอว่ามาเรียมและจะถวายเธอเพื่อรับใช้พระเจ้าด้วยขี้ผึ้งเท่าน้ำหนักของเธอเมื่อเธออายุ 3 ปีดีไหม”

เหตุฉะนี้ด้วยความเชื่อทั้งสองจึงออกเดินทางไปพร้อมกัน ฟันฝ่าความร้อนและอุปสรรค์เป็นระยะทางกว่า 170 กิโลเมตร และอัศจรรย์ผ่านคำอธิษฐานอย่างร้อนรนที่ถ้ำเลี้ยงสัตว์ ก่อนวันหยุดฉลองพระคริสต์สำแดงองค์ ในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ.1846 ทารกเพศหญิงตัวน้อยก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ในบ้านของครอบครัวที่ตั้งอยู่ในสถานย่านเมืองอิบิลลิน (Ibillin) บนเทือกเขาในแคว้นกาลิลี ประเทศอิสราเอล พร้อมได้รับนามตามสัญญาว่า “มาเรียม” และได้รับศีลล้างบาป ศีลกำลังและศีลมหาสนิท ในอีกสิบวันถัดมาในวัดจารีตเมลกิท กรีก
รูปภาพ

2.มรณกรรมของมารดาและบิดา

“ท่านนักบุญผู้ยิ่งใหญ่เจ้าข้า นี่คือบุตรของลูก แม่พระเป็นแม่ของเธอ โปรดเถิดโปรดรับที่จะดูแลเธอ โปรดเป็นพ่อของเธอเถิดด้วย” บิดาของท่านพึมพำต่อภาพของนักบุญยอแซฟถึงบุตรสาวของเขาก่อนที่เขาจะจากไป ตามภรรยาของเขา ทิ้งให้ท่านและพอลน้องชายของท่านเป็นเด็กกำพร้า โชคยังดีที่คุณป้าที่ทาร์ชิช (Tarshish) มารับอุปการะน้องของท่านไป ส่วนท่านนั้นก็ได้รับอุปการะโดยคุณลุงของท่านที่อิบิลลิน ประการนี้ท่านและน้องชายก็ไม่เคยได้พบหน้ากันอีกเลย

ที่บ้านของลุง ท่านได้รับการดูแลอย่างดี ตั้งแต่วัยเยาว์ท่านแสดงให้เห็นถึงทิศทางชีวิตของท่าน เรื่องมันเกิดขึ้นจากที่สวนของลุงท่าน มันเต็มไปด้วยพีช แอปริคอทและถั่วพีแคน ดังนั้นท่านมักจะมาเก็บพวกมันไปให้พวกนกน้อยที่ได้เป็นของขวัญในกรงเสมอ จนวันหนึ่งท่านตัดสินว่านกน้อยต้องอาบน้ำแล้ว แต่อนิจจาท่านไม่ได้ตั้งใจให้พวกมันต้องจมน้ำตาย ทำให้ดวงใจน้อยๆเอ่อล้นไปด้วยความเศร้า ที่สุดท่านตัดสินใจที่จะฝังพวกมันไว้ ขณะเดียวกันนั้นเองที่ในส่วนลึกของดวงใจท่านได้ยินเสียงกล่าวว่า “นี่คือวิธีการที่ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป ลูกต้องมอบถวายดวงใจของลูกเองให้กับเรา แล้วเราจะสถิตอยู่กับลูกเสมอ”
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

เสาร์ ก.พ. 21, 2015 3:21 am

3.เครื่องหมายจากฟ้า

“มันเป็นเพียงความฝัน” ท่านกล่าวกับตัวเองกับภาพที่ได้เห็นในความฝันที่ท่านได้แลเห็นพ่อค้านำปลาตัวใหญ่มาขายให้กับลุงของท่านถึงที่บ้าน ท่านเข้าใจในทันทีว่าปลาท่านมีพิษ ก่อนท่านจะตื่นขึ้นมาในสภาพเหงื่อเต็มกาย วันถัดมาเหตุการณ์ก็ได้เกิดขึ้นตามนั้นจริง ท่านจึงพยายามเตือนลุงของท่าน แต่เขายังคงยืนกรานที่จะซื้อเช่นเดิม ท่านจึงเริ่มร้องไห้และยินกรานไม่ให้ลุงของท่านกินปลานั่น พลางขอให้ตัวท่านเองกัดเป็นคนแรกเพื่อเสียสละแทนทุกคน แต่ที่สุดด้วยความเพียรของท่าน ลุงและป้าของท่านจึงตัดสินใจผ่าปลาดูเพื่อพิสูจน์และก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าปลาได้กลืนงูพิษตัวน้อยเข้าไป!

อีกครั้งหนึ่งขณะที่ท่านกำลังกินข้าวอยู่ ก็ได้มีงูแอบเลื้อยเข้าไปในบ้านและห้องที่ท่านอยู่ แทนที่ท่านจะกลัวมันท่านกลับหยิบมันขึ้นมาง่ายๆ แต่สำหรับคนใช้ที่เปิดประตูเข้ามาเห็นภาพงูและท่าน กลับตกใจจนร้องลั่นบ้าน ด้วยความตกใจท่านจึงเผลอปล่อยมันก่อนตามจับมันมาได้ ขณะที่ทุกคนในบ้านวิ่งมาดูตามเสียงของคนใช้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหมือนการทำนายการต่อสู้ของท่านในอนาคตกับงูโบราณ
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

เสาร์ ก.พ. 21, 2015 3:27 am

4.ปฏิเสธการแต่งงาน

ที่อายุประมาณ 8 ปีลุงของท่านก็ตัดสินใจพาครอบครัวย้ายไปอยู่อเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ มันเป็นอีกครั้งที่ท่านเศร้าเพราะต้องจากบ้านอันเป็นที่รัก ตามคตินิยมเมื่อท่านมีวัย 13 ปี ท่านก็ถูกคลุมถุงชนกับน้องชายป้าของท่านที่อาศัยอยู่ในกรุงไคโร เช่นกันพวกเขาไม่เคยถามความเห็นท่านเลย มันจะเป็นการตกลงของผู้ใหญ่แบบเดียวกับชาวมุสลิม เมื่อท่านทราบท่านก็ถึงกับตกใจและเศร้าโศกในพลัน เพราะสำหรับท่านแล้ว ท่านปรารถนาจะมอบถวายตัวท่านแด่พระจ้าพระองค์เดียวต่างหาก ด้วยความเศร้าเต็มประดาท่านไม่อาจจะหลับตาได้ในคืนก่อนงานแต่งที่ไม่ได้ขอ ท่านภาวนาอย่างร้อนรนให้ท่านไม่ต้องแต่งงาน อีกครั้งพระเยซูเจ้าได้ตรัสปลอบท่านในหัวใจลึกๆว่า “ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมา หากลุูกปรารถนามอบถวายดวงใจของลูกให้เราแล้วละก็ เราจะยังคงสถิตกับลูกเสมอ”

ท่านรู้ดีว่านั่นคือเสียงพระเยซูเจ้า เจ้าบ่าวเพียงคนเดียวของท่าน ดังนั้นส่วนที่เหลือของคืนท่านจึงใช้เวลาไปกับการภาวนาต่อหน้าไอคอนของแม่พระ เพื่ออ้อนวอนของความช่วยเหลือจากพระนาง จนเผลอหลับไปชั่วขณะ ก่อนท่านจะตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงภายในว่า “มาเรียม แม่อยู่กับลูก จงปฏิบัติตามการดลใจของแม่ที่จะมอบให้ลูก แม่จะช่วยลูกเอง”

ดังนั้นในตอนเช้าท่านจึงแจ้งความประสงค์ที่จะไม่แต่งงานของท่านกับลุงของท่าน มันทำให้ลุงของท่านโกรธจัด เขาจึงตีท่าน ตะคอกท่านเพราะความไม่เชื่อฟังของท่าน เพื่อพยายามให้ท่านเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ แต่ไม่ได้ผลท่านยังคงยืนกรานที่จะไม่แต่งงานเช่นเดิม ดังนั้นเขาจึงลงโทษให้ท่านไปเป็นสาวใช้ในบ้านที่ต่ำต้อยที่สุดเสียมันทำให้ท่านจมปลักอยู่ในความรู้สึกว่างเปล่าและสิ้นหวัง ท่านเขียนจดหมายถึงน้องชายของท่าน ที่พึ่งคนสุดท้ายของท่านเพื่อเชิญเขามาพบท่านในอเล็กซานเดรีย
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

เสาร์ ก.พ. 21, 2015 1:41 pm

5.ไม่ขอเปลี่ยนศาสนา

หลังจากนั้นมาท่านก็ได้ไปทำงานเป็นคนใช้ในบ้านของชาวมุสลิม ผู้ส่งจดหมายถึงท่านไปนาซาเร็ท เขาพยายามสนับสนุนให้ท่านเปิดเผยปัญหาส่วนตัว เขาโกธรเมื่อรู้เรื่องของท่านกับลุงและพยายามแนะนำให้ท่านหันมาเป็นมุสลิมอันเป็นดังยาที่จะรักษาท่าน ด้วยคำพูดและการกระทำของเขาในไม่ช้าท่าน็เข้าใจความประสงค์ของเขา เรื่องนี้ทำให้ท่านถูกต้องดึงกลับมาและปฏิเสธความก้าวหน้ากับเขา “มุสลิม ไม่ ไม่เคย ดิฉันเป็นธิดาของพระศาสนจักรคาทอลิกและดิฉันหวังว่าโดยพระหรรษทานของพระเจ้าที่จะพากเพียรต่อไปจนตายในศาสนาของดิฉัน ซึ่งเป็นผู้เดียวอันแท้จริง”

ด้วยความโกรธที่ถูกปฏิเสธเยื่อใยจากเด็กสาวคริสตังอย่างรุนแรง เขากลายเป็นโกธรจัดมาก ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความจงเกลียดจงชัง เขาสูญเสียการควบคุม เขาเตะท่านจนล้มไปกับพื้น ก่อนชักดาบและปาดคอท่าน ก่อนจะทิ้งร่างของทีเขาคิดว่าตายแล้วไว้ในตรอกมืดๆ ท่ามกลางวันฉลองแม่พระบังเกิด ปี ค.ศ.1858
รูปภาพ
6.พยาบาลชุดฟ้า

ฉับพลันแม่พระก็ได้เสด็จมาหาท่านในคำอธิบายท่านบอกว่า “ภคินีในชุดสีฟ้ามารับดิฉันและเย็บแผลที่คอของดิฉัน เรื่องนี้เกิดขึ้นในถ้ำที่ไหนซักแห่ง จากนั้นดิฉันก็พบตัวเองอยู่ในสวรรค์กับแม่พระ เทพนิกรและนักบุญทั้งหลาย พวกเขาปฏิบัติกับดิฉันด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ในหมู่ของพวกเขาคือพ่อแม่ของดิฉัน ดิฉันเห็นบัลลังก์อันสุกใสของพระตรีเอกภาพผู้ศักดิ์สิทธิ์และพระเยซูคริสต์เจ้าในสภาพมนุษย์ของพระองค์ ที่นี่ไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีตะเกียง แต่ทุกอย่างก็สว่างไสไปด้วยแสง มีใครบางคนบอกดิฉันว่า พวกเขาบอกว่าดิฉันเป็นพรหมจารี แต่หนังสือของดิฉันยังไม่สมบูรณ์ ”

หลังจากนั้นท่านก็ได้พบตัวเองอีกครั้งอยู่ในถ้ำกับแม่พระ และหลบภัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน อาจราวๆเดือนหนึ่ง จนอยู่มาวันหนึ่งก็มีพยาบาลที่ไม่รู้จักได้นำซุปมาให้ท่าน และมันอร่อยมากท่านจึงขอเพิ่มและตลอดชีวิตของท่าน ท่านยังคงจำรสชาติของซุปสวรรค์นี้ได้เลย จนกระทั้งถึงวาระสุดท้ายบนเตียงของท่าน ท่านได้กล่าวว่า “เธอทำซุปบางส่วนให้ดิฉัน โอ้ ซุปช่างดีเช่นนี้ ดิฉันเซาะหามันเป็นเวลานานและไม่เคยได้ลิ้มลองซุปเช่นนั้นเลย ดิฉันมีรสนี้ในปากของดิฉัน เธอสัญญากับดิฉันว่าในชั่วโมงสุดท้ายของดิฉัน เธอจะให้ดิฉันด้วยช้อนน้อยๆของมัน”
รูปภาพ
ในช่วงท้ายของการพัก พยาบาลชุดสีฟ้าก็ได้เผยแสสงอนาคตของท่านว่า “เธอจะไม่ได้เห็นครอบครัวของเธออีก เธอจะไปฝรั่งเศสที่เธอจะกลายเป็นนักบวช เธอจะเป็นเด็กน้อยของนักบุญยอแซฟก่อนที่จะกลายเป็นธิดาของนักบุญเทเรซา เธอจะได้รับเครื่องแบบคาร์แมลในบ้านหลังหนึ่ง เธอจะปฏิญาณตนเป็นอันดับสองและเธอจะเสียชีวิตเป็นอันดับสาม ที่เบธเลเฮม”

หลังจากบาดแผลได้รับการเยียวยาแล้ว แม่พระก็ได้พาท่านไปวัดนักบุญแคทเธอรีนของคณะฟรังซิสกัน ที่นั่นท่านได้สารภาพบาป ก่อนกลับออกมาและพบว่าพยาบาลชุดสีฟ้าได้หายไปแล้ว แต่บาดแผลที่ลำคอยังอยู่ในรูปของแผลเป็นตลอดมา มันผ่านการตรวจจากแพทย์มากมายที่ต่างฉงนว่าท่านรอดมาได้อย่างไร แต่กระนั้นมันก็ทำให้ท่านมีเสียงที่แหบลงไปมาก
รูปภาพ
รูปภาพ
"เธอจะเป็นเด็กน้อยของนักบุญยอแซฟก่อนที่จะกลายเป็นธิดาของนักบุญเทเรซา"
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

เสาร์ ก.พ. 21, 2015 1:56 pm

7.ทูตสวรรค์ของพระเจ้า

ด้วยวัยเพียง 13 ปี ท่านก็ได้เข้าทำงานเป็นคนใช้ในบ้านของครอบครัวคริสตชนอาหรับนามนาจจา (Najjar) ที่มอบทั้งห้องพัก อาหารและเงินเดือนเล็กน้อยแก่ท่าน ที่นั่นท่านอาศัยอยู่ในความยากจน ท่านมีเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว ส่วนเงินเดือนของท่านก็ถูกมอบแด่ผู้ยากไร้ทั้งหลาย คงเหลือไว้ไม่กี่เปียสสำหรับซื้อน้ำมันตะเกียงน้อยของรูปไอคอนแม่พระ

และด้วยความหวังที่จะไปแสวงบุญด้วยเท้า ท่านก็ตัดสินใจไปร่วมกองคาราวานที่กำลังมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม ณ ที่นั่นท่านได้พบกับชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งที่มีลักษณะจริงใจที่ถนนในกรุงเยรูซาเล็มเข้ามาคุยกับท่านที่อายุ 15 ปีจึงได้คุยกับเขา โดยเขาได้พูดสรรเสริญการเป็นพรหมจารีที่ครบครัน อีกวันหนึ่งท่านก็ได้พบกับเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้แนะนำชื่อเขาเองว่า “ยอห์น ยอร์จ”และได้นำท่านไปยังพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่มาถึงแล้วเขาก็ได้เชิญชวนท่านปฏิญาณรักษาพรหมจรรย์ ณ พระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์นี้

ก่อนที่จะลาจากกัน ยอห์นก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องของท่าน ในสถานะของพี่วิญญาณท่านเห็นเขาอีกครั้งก่อนการปฏิญาณตนตลอดชีพได้ไม่นาน ท่านเข้าใจดีว่าเขาคือทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงส่งมาเพื่อชี้นำท่านเช่นครั้งของโทบิต หลังจากนั้นท่านก็ยังอยู่ที่นครเยรูซาเล็มซักพัก ก่อนที่จะเดินทางกลับจาฟฟาเพื่อต่อไปยังแซง ฌอง เดอ อาคร์ (Saint Jean d`Acre) แต่เนื่องจากสภาพอากาศเรือเลยเกิดเปลี่ยนทิศไปยังท่าเรือเบรุต
รูปภาพ
รูปภาพ
วัดพระคูหาศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้ปฏิญารตนถือพรหมจรรย์
รูปภาพ
แผนที่เมืองเอเคอร์ หรือแซง ฌอง เดอ อาคร์ ที่ท่านจะไป
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

เสาร์ ก.พ. 21, 2015 2:38 pm

8.ป่วยหนักสองครั้งและการประจักษ์มาของแม่พระแห่งรอยยิ้ม

เหมือนน้ำพระทัยของพระ ท่านได้กลับไปทำงานเป็นคนใช้อีกครั้งเป็นระยะเวลาเกือบๆหกเดือน แต่จู่ๆท่านก็เกิดตาบอดโดยไม่ทราบสาเหตุกินเวลาถึง 40 วัน อีกครั้งท่านหันหน้าสู่แม่พระและทูลต่อพระนางว่า “ดูเถิดมารดาของลูก ทุกปัญหาที่ลูกก่อให้เกิดในบ้านหลังนี้ ลูกไม่ได้รับการดูแลจากบิดามารดาของลูกให้ดี โอ้ถ้ามันจะเป็นความกรุณาพระนางและบุตรของพระเจ้าของพระนาง โปรดประทานสายตาของลูกคืนเถิด ” ทันทีท่านก็มีบางสิ่งตกจากตาท่าน ก่อนที่ท่านจะกลับมามองเห็นอีกครั้ง

เหมือนความทุกข์จะยังไม่จบ เมื่อในฤดูใบไม้ร่วงขณะท่านแขวนเสื้อผ้าบนระเบียง อยู่ท่านก็เกิดอุบัติเหตุทำให้กระดูกของท่านดูเหมือนจะหักและแหลกละเอียด จากการตรวจของแพทย์พบว่าท่านคงไม่รอดแน่ๆ นายจ้างของท่านจึงดูแลท่านเช่นเด็กน้อยของเขา จนหนึ่งเดือนต่อมาต่อหน้าตะเกียงของรูปไอคอนแม่พระ ท่านก็ได้แลเห็นเช่นเดียวกับนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูที่เห็นหลังจากท่าน แม่พระแห่งรอยยิ้มทรงประจักษ์มาหาท่านพร้อมแนะนำสามสิ่งคือความเชื่อฟัง ความเมตตาจิตและความวางใจ ฉับพลันทั่วทั้งทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมและแสงไฟ ก่อนที่ท่านจะหายและเริ่มหิว ครอบครัวและเพื่อนบ้านต่างมาดูและต้องอัศจรรย์ใจไปตามๆกัน ไม่ว่าจะเป็นคริสตชน มุสลิม ต่างคุกเข่าโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงสำแดงอัศจรรย์ผ่านแม่พระ
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันผ่านจดหมายของท่านและซิสเตอร์คนหนึ่งในอารามคาร์เมไลท์ในปอล ถึงซิสเตอร์เชลาส อธิการของคณะธิดาเมตตาธรรมในเบรุต ในปี ค.ศ.1869 เพื่อขอให้ตรวจสอบและได้รับคำยืนยันว่าเป็นตามนั้นจริงๆ
รูปภาพ
แม่พระแห่งรอยยิ้มองค์เดียวกันนี้ได้ประจักษ์ไปหานักบุญเทเรซาตอนท่านป่วย
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 02, 2015 7:15 pm

9.เดินทางไปฝรั่งเศส

ด้วยสถานการณ์ที่บังคับด้วยอายุ 16 ปี ท่านก็ออกจากเลบานอนมุ่งตรงไปยังมาร์แซลเล (Marseille) ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.1863 ที่ฝรั่งเศสท่านได้กลายมาเป็นแม่ครัวของสุภาพสตรีอาหรับนามมาดาม นาชเชียร์ ที่นี่เช่นกันในทุกๆเช้าท่านจะไปวัดนักบุญชาร์ล หรือไม่ก็วัดนักบุญนิโคลัสของจารีตกรีก ที่ท่านเลือกคุณพ่อฟิลิป อาบดู (Father Philip Abdou) พ่อเจ้าวัดชาวเลบานอน

ในการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในฝรั่งเศส ท่านก็ตกอยู่ในสภาวะเข้าฌานเป็นระยะเวลานานถึง 4 วัน แพทย์ไม่เข้าใจอาการของท่านเลย ท้ายที่สุดภายหลังท่านยอมรับว่าท่านได้ไปเห็นนรก สวรรค์ ไฟชำระ และได้รับคำสั่งให้กินแต่ขนมปังและน้ำเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเพื่อชดเชยบาปความตะกละของโลกและสวมใส่เสื้อที่เก่าเพื่อชดเชยบาปและความหรูหรา

เช่นเดียวกันกับที่กรุงเยรูซาเล็ม ในขณะท่านไปวัดแม่พระผู้พิทักษ์รักษา (Notre Dame de la Garde) เพื่อร่วมมิสซาท่านก็สังเกตว่ามีชายผู้หนึ่งอุ้มบุตรเดินตามท่านหลายต่อหลายครั้งในที่อื่นๆ จนวันหนึ่งท่านตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขาเพื่อขอให้เขาหยุด แต่ชายแปลกหน้ากลับยิ้มให้ท่านพลางพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอต้องการเข้าอารามและฉันจะตามเธอจนกว่าเธอจะอยู่ในอาราม” นับจากนั้นมาท่านก็เริ่มสัมผัสได้ถึงกระแสเรียก แต่ชายแปลกหน้านี้คือใคร นักบุญยอแซฟงั้นหรือ ท่านคิดว่านั่นคือนักบุญยอแซฟบิดาของท่าน

ด้วยความเหลือของคุณพ่อวิญญาณณารักษ์ ท่านจึงพยายามตามกระแสเรียกของท่าน ครั้งแรกท่านเลือกคณะธิดาเมตตาธรรม ซึ่งถ้าท่านเข้าได้ท่านจะเป็นซิสเตอร์ชาวปาเลสไตน์คนแรกของคณะ แต่น่าเสียดายที่มันถูกขัดขวางโดยมาดามที่ไม่ต้องการสูญเสียคนปรุงอาหารของเธอไปบวกกับเหตุผลที่คณะให้ว่าท่านเป็นคนใช้ ความฝันนี้จึงจบไป แต่ไม่นานเมื่อท่านได้พบกับคณะกลาริสผู้ยากไร้ ท่านก็ปรารถนาจะเข้าคณะนี้จากการดึงดูดของความยากจนและความเงียบ แต่คราวนี้สุขภาพของท่านก็เป็นปัญหาจนที่ลดลงจนถึงขั้นต้องรับศีลเสบียง เช่นเดิมอย่างรวดเร็วท่านกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ดั่งเป็นการประกาศว่าคณะนี้มิใช่คณะที่พระเตรียมไว้
รูปภาพ
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

เสาร์ มี.ค. 14, 2015 7:57 am

ขอบคุณที่เเบ่งปันคะ :s007:
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ มี.ค. 29, 2015 11:51 pm

10.ธิดานักบุญยอแซฟ

คณะภคินีแห่นักบุญยอแซฟแห่งการประจักษ์ คือคณะที่สามที่ท่านเข้า เป็นโชคดีที่ท่านได้เข้าคณะนี้ ซึ่งคงมีสัญญาณจากนักบุญยอแซฟที่ประจักษ์มาหาท่านตามถนนบ่อยๆ บ้านแม่ของคณะและนวกสถานตั้งอยู่ที่เซเปเลตเต (the Capelette) ในย่านชานเมืองของมาร์แซลเล ความจริงแล้วท่านไม่สามารถอ่านออกเขียนฝรั่งเศสได้ ท่านพูดได้แต่เพียงภาษาอาหรับ มันไม่ใช่ปัญหาเพราะในคณะมีชาวปาเลสไตน์ที่เป็นนวกอยู่ และมีบ้านคณะในแถบตะวันออกโดยเฉพาะแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์

“มาเรียมอาหรับ” หรือ “อาหรับน้อย” คือชื่อที่คนในคณะเรียกท่าน ท่านเป็นโปสตุลันต์อยู่สองปี ที่นั่นท่านเป็นที่น่าขบขันในเรื่องภาษาฝรั่งเศสของเพื่อนๆซิสเตอร์ทั้งหลาย แต่พวกเขาก็ประทับใจคุณธรรมมและความเลื่อมใสของท่าน คำแนะนำวิญญาณดีๆสำหรับท่านได้จากคุณแม่อธิการคือคุณแม่เอมิลี ฌูเลียง (Emily Julien) กับนวกจารย์คุณแม่โอโนรีน พิคิส (Honorine Piques)

รูปภาพ
นักบุญเอมิลี ผู้ก่อตั้งคณะ
11.รอยแผลแห่งรัก

ในเดือนมกราคม ค.ศ.1866 ขณะท่านอายุได้ 20 ปีและกำลังเป็นโปสตุลันต์ คุณแม่โอโนรีนได้มาพบท่านที่ห้องพัก และพบท่านหมอบราบกับพื้น ในสภาพที่มือซ้ายเต็มไปด้วยเลือดตั้งแต่เย็นวันพุธถึงเช้าวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์ ตามมาด้วยรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ รอยแผลที่หัวใจเริ่มปรากฏขึ้นในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ในขณะที่ท่านกำลังภาวนาอยู่ในวัดตอนเย็น พระเยซูเจ้าก็ได้ประจักษ์มาหาท่านพร้อมบาดแผลทั้งห้าและมงกุฎหนามในตู้ศีลมหาสนิท นอกจากนั้นท่านยังเห็นถ่านไฟแห่งพระพิโรธอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ท่านได้ยินพระองค์ตรัสกับพระมารดาที่อยู่แทบพระบาทของพระองค์ว่า “โอ้ พระบิดาของเราขัดเคืองพระทัยทรงขัดเคืองพระทัยแค่ไหน!” เมื่อท่านเห็นดังนั้นท่านจึงลุกไปและใช้มือของท่านวางลงบนบาดแผลที่พระหฤทัยของพระองค์พลางอุทานว่า “องค์พระเจ้าของลูก โปรดประทานให้ลูกเถิด ซึ่งพระมหาทรมานทั้งหมด แต่โปรดทรงมีพระเมตตากับคนบาปเถิด ” จากนั้นท่านก็กลับสู่สภาวะปกติและพบว่ามือของท่านเต็มไปด้วยเลือด และนับจากนั้นมาทุกวันศุกร์ท่านก็ร่วมทรมานกับบาดแผลที่สีข้างของพระองค์ จากบันทึกความทรงจำซิสเตอร์เวโรนิกาที่เซเปเลตเต เขียนว่า

“ในวันพฤหัสบดีแรกที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ.1867 ตอนดิฉันไปเห็นมารีย์ ดิฉันพบเธอนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอในความเจ็บปวดที่แสนยิ่งใหญ่นัก เธอแสดงให้ดิฉันเห็นสีข้าง เท้าและมือของเธอ หลังของพวกมันที่ซึ่งได้รับการตรึง กล่าวคือที่ด้านบน มีรอยบวมเรียงกัน ซึ่งเกิดขึ้นบนศีรษะแห่งตะปูและในฝ่ามือมีจุดสีดำและบวมเป่ง ที่บริเวณสีข้างของเธอ น้อยกว่าหัวใจ มีรูปกากสีแดงและอักเสบ และกลางสามบาดแผลขนาดเล็กเชื่อมด้วยร่องน้อยๆ ….. ดิฉันใช้เวลายามค่ำคืนอยู่กับเธอ และเวลาตีห้าเลือดได้ไหลออกมาจากบาดแผลในมือของเธอซึ่งผมล้างด้วยน้ำและความเจ็บปวดดูเหมือนจะบรรเทาลง เลือดไหลออกจากฝ่ามือ นิ้วมือเกร็งและคดงอ ราวกับตะปูได้ทะลุลงไปในฝ่ามือจริงๆ เธอไม่สามารถคลายพวกมันได้ และไม่สามารถจับแก้วเมื่อดิฉันยื้นให้เธอดื่มเป็นครั้งคราว
ที่เวลาประมาณเก้าโมงเช้าเลือดได้ไหลออกจากบาดแผลมงกุฎหนามทั่วศีรษะของเธอ ดิฉันสามารถยืนยันได้อย่างจริงจังว่าดิฉันเห็นเลือดไหลจากบาดแผลหนาม หนึ่งในนั้น กลางหน้าผากเธอ เปิดต่อหน้าต่อตาดิฉัน และเลือดไหลทะลักจากมัน ขณะที่ดิฉันกำลังล้างมัน มันปิดจะปิดอีกครั้ง หายจากหน้าผากของเธอโดยปราศจากเครื่องหมายใดๆ ยกเว้นรอยเลือด เท้าของเธอเป็นสีขาว หนึ่งจะกล่าวได้ว่าเป็นเท้าของศพ และนิ้วเท้าเหยียดตรงเหมือนประหนึ่งถูกตรึงกางเขน บาดแผลส่วนบนมีเลือดออก เช่นเดียวกันกับบาดผลที่สีข้างของเธอ หลังจากนั้นอีกสามชั่วโมงเธอก็กลับเป็นตัวของตัวเอง คงมีแต่ความอ่อนเพลียเล็กๆน้อยๆ ดิฉันบอกให้เธอลุกขึ้น ซึ่งเธอทำได้ด้วยตัวเองและในเย็นวันนั้นเธอก็มารับประทานอาหารค่ำกับคณะ ”


เหตุการณ์ดำเนินไปเรื่อยๆ ก่อนหยุดหลังจากสองอาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.1867 ตามคำสั่งของนวกจารย์ เพื่อสยบข่าวลือต่างๆ คุณแม่โอโนรีนพยามยามสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ สุดท้ายจึงห้ามท่านเข้าสู่สภาวะเข้าฌานในระหว่างวันแม้ในยามกลางคืนและต่อหน้านักบวช พร้อมประกาศว่า “ตอนที่เธออยู่ในสภาวะ เธอจะถูกเรียกว่าเอ็คเช โฮโม(ดูสิ นี่คือคนคนนั้น)” ท่านเชื่อฟังและก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ จากนั้นคุณแม่โอโนรีนก็ได้ล้มป่วยลง คุณแม่เวโรนิกา (Mother Veronica) ผู้จะกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของท่าน จึงขึ้นมารับหน้าที่แทนก่อน
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ มี.ค. 29, 2015 11:58 pm

12.เป็นฉนวนความขัดแย้ง

ตอนนี้ท่านกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งระหว่างกลุ่มที่เชื่อเรื่องของท่านกับกลุ่มไม่เชื่อเรื่องของท่าน และจากสถานการณ์ของท่านมันนำสู่การพิจารณาว่าท่านควรจะอยู่ในคณะต่อไปได้ไหม ในตอนนี้ถึงเวลาเข้าเป็นนวกะแล้ว จึงมีการลงคะแนนเสียงขึ้นผลปรากฏงดออกเสียงสองคน ให้ผ่านสองคนและไม่ให้ผ่านสามคน จึงได้ผลสรุปว่าท่านไม่มีสิทธิ์อยู่ในคณะต่อไป ความจริงท่านอาจได้อยู่คณะต่อหากคุณแม่อธิการอยู่ในการประชุมและคัดค้าน แต่ขณะนั้นคุณแม่อธิการไม่อยู่และกลับมาในเวลาที่ประกาศถูกประกาศไปเสียแล้ว

ท่านเคยทำนายไว้ว่าหลังจากเจ็ดปีในคณะนักบุญยอแซฟแห่งการประจักษ์ คุณแม่เวโรนิกาจะเข้าเป็นภคินีคณะคาร์เมไลท์ที่ปอลกับท่าน ก่อนที่จะจากไปในอารามที่เบธเลเฮ็ม ซึ่งสวนทางความคาดหวังของภคินีหลายๆคนในคณะที่คิดว่าคุณแม่จะได้เป็นรองนวกที่นี่ เป็นจริงตอนนี้ทางกรุงโรมได้อนุมัติให้คุณแม่เวโรนิกาไปเป็นคาร์เมไลท์ได้แล้วตามความประสงค์ คุณแม่จึงเสนอที่จะพาท่านไปด้วย ซึ่งท่านก็ตอบตกลงในทันที ดังนั้นในวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1867 ท่านและคุณแม่จึงมายืนอยู่หน้าประตูอารามคาร์แมลในปอล เมืองทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส

13.ธิดานักบุญเทเรซา

“เธอจะเป็นเด็กน้อยของนักบุญยอแซฟก่อนที่จะกลายเป็นธิดาของนักบุญเทเรซา” ท่านในฐานะสมาชิกใหม่ของอารามได้นามเสียใหม่ว่า “ซิสเตอร์มารีย์ แห่ง พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน” ในอารามท่านก็ยังเป็นคนเรียบง่าย ใจดี ถ่อมตน เชื่อฟังเป็นที่ตราตรึงในใจซิสเตอร์ร่วมอารามเดียวกัน ท่านมีความสุขกับคณะใหม่ ประสบการณ์ใหม่ อาทิ มีธรรมเนียมหนึ่งของคณะที่ว่าในเวลาหย่อนยามเย็นใจจะมีการเขียนและท่องบทกวี บทสดุดีและบทภาวนาที่ใช้ร่วมกัน เมื่อมาถึงคราวของท่าน ท่านเข้าสู่สภาวะเข้าฌานพร้อมเปล่งบทกวีที่กลั่นออกมาจากดวงใจน้อยๆของท่านต่อพระเจ้า

หน้าที่ใหม่ในการเป็นนักขับของอาราม ท่านอาจชอบมันเพราะความท้าทายในการเรียนรู้ที่จะอ่านซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับท่าน ยิ่งภาษาถิ่นของท่านคืออาหรับ ไม่ใช่ฝรั่งเศส
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:01 am

14.บาดแผลแห่งรัก สอง

ก่อนในช่วงมหาพรตแรกในอาราม รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ที่หยุดไปนั้นก็กลับมาอีกครั้งพร้อมการคุกคามจากปีศาจ จากบางส่วนของบันทึกอารามคาร์แมลที่ปอลลงวันพฤหัสบดี ที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1868 ไดเล่าถึงการรับทรมานของท่านว่า

“เธอไม่สามารถลุกขึ้นได้ เธอทุกข์ทรมานมากในมือและเท้าของเธอ พวกเราพาเธอไปห้องพยาบาล ทั้งเย็นวันนั้นเมื่อผ่านมาใกล้ที่นั่นพวกเราจะได้กลิ่นหอมหวานอย่างรุนแรง แต่พวกเราไม่อาจตรวจสอบที่มาของมันได้เลย ผ้าคลุมหน้าของนวกะและชุดคลุมยังคงมีกลิ่นอันน่าอภิรมย์ คืนนั้นเป็นคืนหนึ่งที่ไม่ดีเลยสำหรับเธอและเช้าวันถัดมาเลือดเริ่มไหลจากมือและเท้าของเธอ มงกุฎหนามเลือดไหลอย่างล้นเหลือสองเวลาจากนั้นบาดแผลที่สีข้าของเธอ ทั้งหมดล้วนมีอาการปวดที่มิอาจจะพรรณนาได้ เที่ยงวันเลือดทั้งหมดหยุดไหล แต่บาดแผลยังคงเปิดอยู่และกลายเป็นลึกลงไปในแต่ละวัน ซึ่งกีดกันเธอจากการเดินเหินหรือการวางเท้าบนพื้น เป็นระยะเวลาถึงสี่สิบวัน เธอแทบจะไม่สามารถทนกับการสัมผัสของผ้าที่ใช้พันแผลของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันศุกร์และวันเสาร์ จากวันนั้นจนถึงวันศุกร์ถัดมา บาดแผลจะมีเพียงเลือดไหลซึม แต่ในวันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดาห์ รอยบวมขนาดใหญ่เกิดขึ้น สีดำเช่นโดยตะปูตอก ซึ่งขยายจนถึงวันศุกร์ ชั่วโมงแล้วที่เธอได้รับหมอบหมายไว้ล่วงหน้า ตุ่มที่เรียงกันลดลงไปและเลือดนอง หลังจากนั้นแผลก็ปิดไปจนกว่าจะสัปดาห์ต่อมา ”

และจากบันทึกวันศุกร์ ที่ 10 เมษายน ปีเดียวกัน ท่านก็ได้รับเข้าฌานพระมหาทรมานพร้อมบาดแผลศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงบนกางเขนร่วมกับพระสวามีเจ้าของท่าน บาดแผลทั้งหมดเปิด เลือดมากมายไหลออกจากบาดแผลพวกนั้นรวมทั้งจากศีรษะของท่าน ไม่มีใครคาดเดาความเจ็บปวดที่ท่านได้รับเลย แม้จะจบลงแล้วท่านก็มีสภาพอ่อนแอตลอดทั้งสัปดาห์และยังคงต้องทนเจ็บกับอาการบวมที่หัวเข่าจากการบาดเจ็บ จากพระพรที่ท่านได้รับท่านจึงถูกกักบริเวณ และด้วยความเขลาของท่านท่านไม่ได้ตระหนักเลยว่ารอยแผลศักดิ์นี้คือพระหรรษทานพิเศษของพระเจ้า กลับกันท่านคิดว่ามันคืออาการเจ็บป่วย ดังนั้นท่านจึงวอนขอต่อพระเจ้าและแม่พระที่เอาท่านออกจาก “เครื่องหมายชั่วร้าย” ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้รับการยืนยันจากคุณพ่อท่านหนึ่งที่เข้าไปตรวจสอบ ก่อนมันจะจบลงหลังจากวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:09 am

15.ไปอินเดีย

จากนั้นอีกสามปีถัดมาในปี ค.ศ.1870 ด้วยใจสมัครท่านและซิสเตอร์กลุ่มหนึ่งก็ลงเรือจากฝรั่งเศสมายังอินเดีย เพื่อมาตั้งอารามคาร์แมล ที่ มังกาลอร์ (Mangalore) เมื่อมาถึงท่านกับซิสเตอร์ที่เหลือก็ต้องวุ่นกับการวางรากฐานอารามใหม่ ด้วยใจปรีดีเพราะท่านคือคนแรกที่อาสามายังดินแดนอารยันแห่งนี้ ท่ามกลางกลิ่นเครื่องเทศนานาๆ

กระนั้นท่านก็ตกอยู่ในภาวะเข้าฌานเกือบทุกวันแบบชนิดไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆจากในเวลาหย่อนใจหรือยามวิกาล ซึ่งสภาวะนี้ท่านเรียกมันด้วยความไม่เคยสงสัยว่า “การนอนหลับ” ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ท่านต่อสู้เช่นกัน ท่านเคยขอไม่ให้ท่านนอนหลับแบบนี้จากคุณพ่อวิญญาณ แต่ก็ได้คำตอบที่ท่านไม่ต้องการ ท่านจึงขอต่อพระสังฆราชประจำสังฆมณฑลลาครัวให้สั่งให้ท่านละทิ้งตัวของท่านเองเพื่อพระเสียแทนการต่อสู้กับการนอนหลับเช่นนี้ แต่ก็ไม่เป็นผลท่านจึงพยามเดินไปนู่นไปนี้บ้าง เขย่าตัวบ้าง วิ่งไปที่น้ำพุเพื่อล้างหน้าบ้าง ทำงานอย่างขยันขันแข็งมากขึ้นบ้าง เอาเข็มหมุดทิ่มตัวเองก็แล้ว กินอาหารร้อนๆโดยไม่เป่าก็แล้ว ครั้งหนึ่งรองนวกจารย์ได้ถามท่านว่าท่านเข้าถึงการนอนหลับของท่านอย่างง่ายดายได้อย่างไร ด้วยใจจริงท่านก็ตอบไปว่า “ลูกรู้สึกว่าดวงใจของลูกเปิดออก ราวกับว่าบาดแผลในนั้น และเมื่อลูกมีความคิดบางอย่างและความดื่มด่ำแห่งพระเจ้าก็มายังลูก มันให้ความรู้สึกเหมือนมีคนมาสัมผัสบาดแผลที่ดวงใจของลูก และลูกตกอยู่ในความอ่อนแอ ลูกสูญเสียตัวเอง”
รูปภาพ
ภาพอารามคารืแมลในมังกาลอร์ ในปัจจุบัน
16.รอยแผลแห่งรัก สาม

ที่นั่นเองในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1871 ท่านก็ได้เข้าพิธีปฏิญาณตนครั้งแรก ภายใต้คำสั่งของอธิการเพื่อปลุกท่านให้กล่าวคำปฏิญาณ ซึ่งก่อนหน้าเองรอยแผลศักดิ์ได้ปรากฏแก่ท่านอีกครั้ง ท่านจึงได้บอกเรื่องนี้กับรองนวกจารย์ของท่านว่า “ถ้าลูกบอกคุณแม่ คุณแม่จะเก็บสิ่งที่เห็นเป็นความลับของลูกได้ไหมค่ะ” ซิสเตอร์รองนวกจารย์ “ได้สิ” ท่านจึงรีบยื้นมือและเท้าที่ขวาขึ้นมาให้ดูพลางพูดว่า “ดูซิค่ะ อาการเจ็บป่วยที่ลูกกลัวได้กลับมา” หลังจากนั้นในวันถัดมารอยแผลศักดิ์ของท่านก็มีเลือดไหลออกมา ด้วยความกลัว ท่านภาวนาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อทูลขอการรักษาอัศจรรย์จากพระองค์พระเจ้าสูงสุด และก็ได้ยินเสียงตรัสกับท่าน

ถัดมาในวันที่ 24-25 เดือนเดียวกัน คุณพ่อลาซาเรแห่งคณะคาร์เมไลท์ ก็ได้เข้ามาทำการตรวจสอบท่านอย่างละเอียดพร้อมบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่า “ที่ฝ่ามือมีอาการบวมและบาดแผลเปิด แต่รอบๆบาดแผลมีเลือดแห้งกรังเล็กๆ ไม่มีอะไรต้องสงสัยเพราะบาดแผลนี้เริ่มจะปริตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ภายในมือมีรอยบวมเรียงกัน เป็นรูปหัวของตะปู เนื้อบริเวณฝ่ามือดูเหมือนจะถูกแยกออกจากกันอย่างรุนแรง มันฉีกขาด ดังนั้นผมอาจแสดงมันออกมา ในภายในไม่มีการฉีกขาด เอาแต่หัวตะปูที่มองเห็นได้ อันเท้าทั้งสองข้างในทำนองเดียวกันถูกเจาะทะลุ บาดแผลสด เนื้อมีการฉีกขาดอาจะกว่าในมือทั้งสองข้าง หนึ่งในรอยบุ๋มในช่วงกลางของฝ่าเท้า และตรงนั้นมันสิ้นสุดลงด้วยรูขนาดเล็กที่ก่อตัวขึ้นค่อนข้างจะใหม่”
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:15 am

ึ17.อำลาอินเดีย

การเข้าฌานของท่านถูกมองว่าเป็นการกระทำของปีศาจ นำไปสู่ความเข้าใจผิดมากมายในอารามของท่านมากมาย ที่สุดด้วยความเครียดภายในของท่านเอง ท่านจึงตัดสินใจอำลาอินเดียเพื่อมุ่งกลับอารามคาร์แมลที่ปอลเช่นเดิม ใน ค.ศ.1872 ตามแผนการของพระเจ้า

กลับสู่ความเรียบง่ายและความรักท่ามกลางพี่น้องในอาราม กับของขวัญจากพระเจ้า ซึ่งแม้ท่านจะไม่รู้หนังสือมากนัก แต่ในระหว่างการเข้าฌานหลายครั้งด้วยความร้อนรนของท่านต่อพระเจ้า ทันทีบทเพลงที่อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายตะวันออกก็จะถูกท่านเปล่งออกมาเพื่อสรรเสริญพระองค์พระผู้สร้าง เช่นในครั้งหนึ่งในเช้าวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1873 หลังจากทำวัตรเช้าแล้ว คุณแม่อธิการิณีเข้าก็ได้เห็นท่านเข้าฌานอยู่บนต้นไม้ พร้อมกล่าวว่า“โลกทั้งใบกำหลับหลับอยู่ และพระเจ้าช่างเปี่ยมด้วยคุณธรรม ความยิ่งใหญ่ ความควรค่าแห่งการสรรเสริญและแทบไม่มีใครรับรู้ความคิดของพระองค์ ดูเถิด ธรรมชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ไม่ว่าท้องฟ้า ดวงดาว ต้นไม้ ใบหญ้า ทุกสิ่งล้วนสรรเสริญพระองค์ และมนุษย์ ผู้มีความรู้ประโยชน์ของเขา ผู้ควรสรรเสริญพระองค์ กลับหลับเสียนี้! ให้เราไป ให้เราไปและตื่นขึ้นเถิดจักรวาลเอ๋ย ” ถึงจุดนี้ท่านกระโดดลงจากต้นไม้นั้น “ให้เราไปและสรรเสริญพระเจ้า และกู่ร้องบทเพลงสรรเสริญของพระองค์ ทุกคนที่กำลังนอนหลับ โลกทั้งใบที่หลับสนิทอยู่ ให้เราไปและจงปลุกพวกเขาตื่นขึ้นมา พระเยซูเจ้าทรงไม่ได้ไม่ทราบ พระเยซูไม่ได้ไม่ทรงรัก พระองค์ ช่างเปี่ยมด้วยคุณธรรม พระองค์ผู้ทรงทำมากเพื่อมนุษย์!”

บางครั้งในสภาวะเข้าฌานร่างของท่านก็จะยังคงอ่อนนุ่มเช่นปกติ แต่ส่วนมากร่างท่านจะแข็งเป็นหินซะมากกว่า ชนิดที่ว่าไม่มีใครขยับตัวของท่านได้เลย แม้จะพยายามเท่าไรก็ตาม แต่กระนั้นก็มีวิธีเดียวคือคำสั่งเท่านั้น
รูปภาพ
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:20 am

18.พระพรแห่งการลอย กับความนบนอบ

นักบุญ ยอแซฟ แห่ง คูเปอร์ติโน่ เป็นที่รู้จักกันดีในนาม “นักบุญผู้บินได้” เนื่องจากพระพรการลอยอยู่บนอากาศในยามเข้าฌานของยอแซฟ ท่านก็เช่นกันโดยครั้งแรกที่ได้รับการยืนยันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ.1873 ในสวนของอารามคาร์แมลที่ปอล ขณะที่รองนวกจารย์กำลังตามหาท่านไปตามที่ต่างๆภายในอารามไม่ว่าจะวัดจนมาถึงสวนผลไม้ เพื่อเรียกท่านมารับประทานอาหารค่ำ อยู่ๆเธอก็ได้ยินเพลงความรัก ความรัก นวกจารย์ผู้นั้นจึงเงยหน้าขึ้นและก็ต้องถึงกับตะลึงปนสับสน เมื่อพบท่านลอยอยู่บนอากาศ เหนือต้นมะนาวขนาดใหญ่

นวกจารย์ผู้นั้นตกอยู่ในความสับสนพักใหญ่ก่อนจะเรียกสติคืนและภาวนาสั้น หลังจากจบจึงกล่าวว่า “ซิสเตอร์มารีย์ แห่ง พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน ถ้าพระเยซูเจ้าทรงประสงค์มัน จงลงมาผ่านการเชื่อฟังโดยไม่ล้มหรือบาดเจ็บ” ด้วยความเชื่อฟังท่านหยุดร้องเพลงและกลับลงมาสู่พื้นดินดังเดิมหลังจากนั้นท่านจึงกลับไปและโอบกอดคุณแม่และซิสเตอร์ทุกคนราวกับชดเชยความกังวลตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงที่ท่านหายไป จากนั้นเป็นต้นมาก็การรายงานเรื่องอัศจรรย์การลอยอยู่ในอากาศของท่านอีกหลายต่อหลายครั้ง

คุณแม่อธิการเคยถามท่านว่า “ลูกขึ้นไปอย่างนั้นได้อย่างไรกัน” เพื่อแถลงไขข้อกังขานี้ท่านตอบว่า “ลูกแกะของพระเจ้าทรงยื้นพระหัตถ์ของพระองค์ออกมาให้ลูกค่ะ” กระนั้นก็ยังมีซิสเตอร์บางคนอยากพิสูจน์ในเรื่องนี้ พวกเขาพยายามแอบดูท่านตลอด จนอยู่มาวันหนึ่งขณะซิสเตอร์คนหนึ่งกำลังทำงานอยู่ในสวน อยู่ๆเธอก็ได้เห็นท่านจับกิ่งไม้เล็กๆ ก่อนก้มลง ฉับพลันร่างของท่านก็ลอยขึ้นเช่นนกน้อย

มีเรื่องอีกเกี่ยวกับอัศจรรย์การลอยและความนบนอบเช่นในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ.1873 เมื่อท่านถูกสั่งให้ลงมา ท่านลังเลซักพักก่อนขออยู่กับลูกแกะของพระเจ้าอีกซะหน่อย ไม่ คุณแม่อธิการสั่งเด็ดขาด ท่านจึงลงมาด้วยใจนบนอบ นิมิตหายไป “ลูกแกะของพระเจ้าออกไปแล้ว” ท่านถอนหายใจ “พระองค์ทรงทิ้งฉันไว้ตามลำพังระว่างลงมา” เหตุการณ์ลอยนี้จะเกิดเฉพาะในอารามคาร์แมลที่ปอลเท่านั้น
รูปภาพ
ภาพอัศจรรย์ลอยของนักบุญโยเซฟ กูเปรตีโน
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:25 am

19.ความศรัทธาต่อพระจิตเจ้า

การอุทิศตนสำคัญของท่านอีกอย่างคือการอุทิศตนของท่านต่อพระจิตเจ้า ในครั้งระหว่างในสภาวะเข้าฌานท่านก็ได้รับการดลใจให้มีภาวนาพิเศษเพื่อพระจิตเจ้า ท่านตระหนักว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น ถึงขนาดเขียนไปถึงสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9 เพื่อทูลขอให้พระองค์หว่านเมล็ดแห่งการอุทิศตนนี้ลงในพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์ทรงคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่ที่แน่ๆในอีกยี่สิบกว่าปีต่อมาสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ทรงได้ตีพิมพ์สมณะสารเกี่ยวกับการอุทิศตนแด่พระผู้ได้รับการเรียกมาให้อยู่ใกล้(พระจิตเจ้า)

จากบันทึกส่วนหนึ่งท่านได้เขียนว่า “โลกและคณะทั้งหลายที่แสวงหาความแปลกใหม่ในพระคัมภีร์ พวกเขาไม่ใส่ใจการอุทิศตนอันแท้จริงต่อองค์พระจิตเจ้า นั้นแหละคือเหตุว่าทำไมถึงมีบาปและร้าวฉาน และทำไมถึงไม่มีสันติหรือความสว่าง พวกเขามิได้วิงวอนร้องขอความสว่าง ประหนึ่งพระองค์ควรจะถูกเรียก และพระองค์คือความสว่างที่ประทานความรู้แห่งความจริง พระองค์ถูกทอดทิ้งแม้ในโรงเรียนทางศาสนา.. ทุกคนในโลกจะวิงวอนต่อองค์พระจิตเจ้าและอุทิศตนต่อพระองค์จะไม่จากไปในบาป ”
บทภาวนาของท่านต่อพระจิตเจ้า
ข้าแต่องค์พระจิตตาเจ้า โปรดดลใจลูก
ข้าแต่ความรักแห่งพระเจ้า โปรดผลาญลูก
ตามมรรคาความจริง โปรดนำลูก
พระนางมารีย์ มารดาของลูก โปรดทอดพระเนตรมายังลูก
พร้อมด้วยองค์พระเยซูเจ้า โปรดทรงอวยพระพรลูก
จากบาปทั้งหลาย จากภาพมายาทั้งหมด
จากภยันตรายทั้งสิ้น โปรดรักษาลูกไว้
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:28 am

20.คืนสู่มาตุภูมิ

ขอย้อนกลับไปเมื่อท่านโบกมืออำลาดินแดนเครื่องเทศแล้ว ท่านก็ได้รับการดลใจที่จะสร้างอารามคาร์แมลในเบธเลเฮม ซึ่งมันทำให้ท่านเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์มากขึ้น นั้นแหละคือแผนการของพระองค์ ท่านพูดถึงเรื่องนี้ตลอด แต่ก็ไม่มีใครสนับสนุนสาวน้อยวัยยี่สิบกว่าๆอย่างท่านเลย แต่ท่านหรือจะสนท่านยังคงยืนกรานถึงเรื่องนี้เพื่อประกาศว่านี้แหละคือน้ำพระทัยอันแท้จริงของพระเจ้า แต่ก็มีปัญหาด้านทุน แต่เรื่องแค่นี้หรือจะขัดแผนงานครั้งนี้เพราะไม่นานท่านก็ได้พบกับเบอเต ดาร์ทิกูซ (Berthe Dartigaux) หญิงสาวผู้มากจากตระกูลมั่งคั่งในปอลผ่านคุณพ่อวิญญาณณารักษ์ของท่าน

เบอเต ซึ่งท่านเรียกว่า น้องสาวน้อยๆ ยินดีให้การสนับสนุนด้านเงินทุนแก่อารามใหม่ในเบธเลเฮม เพื่อให้ทางโรมอนุมัติ ระหว่างนั้นท่านกพยายามดำเนินเรื่องของท่านทั้งทางพระสังฆราชยันพระอัยการแห่งเยรูซาเล็มแต่ดูเหมือนความพยายามวิธีนี้ของท่านจะล้มเหลว แต่ที่สุดแล้วในปี ค.ศ.1875 ทางโรมก็ได้อนุมัติ ท่านก็ได้กลับสู่มาตุภูมิที่รักดินแดนแห่งพันธสัญญาปาเลสไตน์ พร้อมเบอเตกับซิสเตอร์คาร์เมไลท์อีก 7 คน

จะตั้งอารามที่ไหนดีละ? ที่ดินคือปัญหาข้อต่อมา แต่ก็ไม่นานหรอกเพราะในวันหนึ่งท่านก็ได้แลเห็นฝูงพิราบร่อนลงไปบนเนินเขาทางตะวันตกของเบธเลเฮม มันทำให้ท่านรู้ทันทีเลยว่าตรงนั้นแหละคือที่ตั้งอารามใหม่ของท่าน อืมแล้วรูปแบบของอารามหลังนี้ละ คำถามนี้อยู่ไม่นาน ในระหว่างการภาวนาพระเจ้าก็ได้ทรงเผยแสดงว่าอารามควรมีรูปแบบเป็นหอพระคัมภีร์แห่งดาวิด เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วท่านก็เริ่มก่อร่างสร้างอารามอย่างเขมักเขม้น แรงงานทั้งอาหรับและคริสตชนช่วยกันสร้างมันโดยมีท่านคลุมงานเนื่องจากท่านพูดอาหรับได้นั่นเอง
รูปภาพ
ภาพท่านและเบอเต
รูปภาพ
ภาพท่านและซิสเตอร์ชุดแรกที่ไปยังเบธเลเฮม
รูปภาพ
อารามเมืองเบธเลเฮม
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:34 am

21.บาดแผลแห่งรัก ตอนจบ

ในอารามชั่วคราวรอยแผลศักดิ์ก็ได้กลับมาอีกครั้งในช่วงมหาพรตแรก เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม ท่านได้เรียกคุณแม่เข้าไปในห้องของท่านและกล่าวกับคุณแม่ว่า “ดูความอัปยศอดสูของลูก ลูกไม่ให้ทุกคนที่มาที่นี่ ดูมือของลูก ” พยานที่เห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่า “พวกเราสามารถที่จะตรวจสอบได้อย่างแน่ใจที่อาการบวมดำ ดูเหมือนรอยตะปูขนาดใหญ่บนฝ่ามือของเธอและยังด้านบนของมือ ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงมหาพรต ปี 1868 ต่อมาในเวลาเก้านาฬิกา เครื่องหมายยังคงมีสีเข้มและขยายใหญ่ขึ้น นิ้วของเธอหงิกงอกันเธอออกจากการใช้มือ ตอนเที่ยงวัน พวกเราเห็นในสิ่งเดียวกันบนเท้าของเธอ แต่เธอไม่ยอมให้พวกเราพันแผลด้วยผ้าลินิน ซึ่งจะทวีความเจ็บปวดแก่เธอมากขึ้น”

รุ่งขึ้นในวันศุกร์ปรากฏว่ารอยแผลศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยหยาดเลือด รองนวกจารย์และซิสเตอร์พยาบาลเห็นรูปแบบมงกุฎหนามบนหน้าผากเลือดของท่าน เหตุการณ์คล้ายๆกันเกิดขึ้นอีกครั้งในวันศุกร์ ที่ 24 มีนาคม ปีเดียวกัน พยานได้กล่าวถึงลักษณะมงกุฎหนามไว้ว่า “ประมาณห้าสิบสาม ทั่วด้านหน้าศีรษะของท่านก็มีเลือดไหล เธอมีการจัดเรียงมงกุฎเป็นแผลเล็กๆเป็นรูปร่าง บางอันยังเปิดอยู่ขณะที่พวกเราดู ในช่วงเวลานี้เธอเช็ดเลือดจากพวกมัน เธอลุกขึ้น ไปทางขวาและรอยทั้งหมดก็หายไป”

ภาพที่เลวร้ายมากๆจากคำให้การของรองนวกจารย์ในวันศุกร์ ที่ 14 เมษายน ค.ศ.1867 ว่า “เธอร้องโอดครวญและตัวของเธอสั่น เธอมักจะกล่าวซ้ำๆว่าพระเจ้าของลูก ทรงไม่ละทิ้งลูก พระเจ้าของลูก ลูกถวายมันแด่พระองค์ โปรดประทานการอภัย พระเจ้าของลูก โปรดประทานการอภัย ผ่านมาในช่วงที่สองภาคบ่าย เธอเริ่มเจ็บปวดทรมาน พวกเราทุกคนที่รอบตัวเธอ ขาของเธอแข็ง เท้าของเธอวางลงและไขว้กันข้างหนึ่ง แขนของเธอเหยียดออกในรูปของกางเขน ประคองโดยซิสเตอร์สองคน หน้าอกของเธอพอง เธอถอนหายใจได้ไม่กี่ครั้ง ราวกับว่าเธอหายใจทางวิญญาณของเธอ …. หลังจากสามชั่วโมงครึ่ง เธอมีอาการบรรเทาลงเล็กน้อยและพูดอีกครั้งกับบรรดาเด็กๆ(ทูตสวรรค์) กล่าวกับพวกเขาว่า โปรดสงสารฉันเถอะ มหาฉันในวันนี้ นอกจากนั้นเธอประสบการณ์การเนรเทศแห่งความปรารถนาและความรัก โปรดทรงเรียกลูกเพื่อที่ลูกอาจะได้ออกจากโลกใบนี้เถิด จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงบอกว่า การพิพากษา พระเยซูเจ้า จากนั้นพวกเรามีการแสดงความประทับที่คนหนึ่งถูกตรึงกางเขนถูกนำลงจากไม้กางเขนและจากกัลวาลิโอ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับคืนพระชนมชีพ” มีบางครั้งในที่แก้มท่านแดงราวกับถูกตบ หลังจากอีกระยะหนึ่งท่านและคณะก็ย้ายเข้าไปในอารามในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1876
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ มี.ค. 30, 2015 12:39 am

22.มรณกรรม

ยังไม่ทันที่อารามเบธเลเฮมจะสร้างเสร็จดี ท่านก็ได้เชื่อคำของพระอัยกาแห่งเยรูซาเล็มว่าควรมีอารามคาร์แมลที่นาซาเร็ธ ดังนั้นท่านจึงออกเดินทางไปยังนาซาเร็ธในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1878 และได้ซื้อที่บริเวณที่สามารถมองเห็นถ้ำแห่งการแจ้งสารได้อย่างชัดเจน อนิจจาท่านมิอาจอยู่จนได้เห็นอารามนี้สร้างเสร็จ ซึ่งในระหว่างการเดินทางครั้งนี้เองที่ท่านได้เห็นนิมิตที่ตั้งของเมืองเอมมาอุซในตำนาน

หลังจากกลับจากนาซาเร็ทแล้ว ท่านก็กลับมาดูแลการสร้างอารามที่เบธเลเฮมต่อ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อท่านยกน้ำไปให้คนงาน อยู่ๆท่านก็เกิดล้มตรงบันไดทำให้แขนของท่านหัก บาดแผลไม่ได้หายเลยกลับกันมันกับทวีบวมและเน่า ไม่พอท่านยังมีอาการติดเชื้อที่ลุกลามไปยังปอดและระบบทางเดินหายใจของท่าน ท่านตระหนักดีว่าท่านกำลังจะตาย ท่านจึงได้ต่อคำปฏิญาณการเป็นยัญบูชาของพระศาสนจักรและบุตรบุญธรรมของท่านประเทศฝรั่งเศส ที่สุดแล้วในเช้าตรู่ของวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ.1878 ท่านเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกและจากไปหลังจากได้กล่าวว่า “พระเยซูเจ้าของลูก ทรงพระเมตตาเทอญ” ในเวลาประมาณ 5.10 ด้วยวัย 33 ปี

ร่างของท่านได้รับการฝังไว้และเรื่องของท่านได้รับการดำเนินเรื่องไปยังวาติกันในปี ค.ศ.1928 และแล้วในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ.1938 สิบปีหลังจาการเปิดกระบวนการ สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ก็ได้ทรงบันทึกนามท่านไว้ในสารบบบุญราศีของพระศาสนจักรและคณะคาร์เมไลท์ และในวันที่ 17 พฤศภาคม ค.ศ.2015 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ก็ทรงสถาปนาท่านขึ้นเป็นนักบุญ

จบบริบูรณ์
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 08, 2015 8:09 pm

ขอท่านนักบุญมาเรียม
ช่วยวิงวอนเทอญ....
:s005: :s005:
ตอบกลับโพส