โฮโซคาว่า ทามะ "กราเซีย" ท่านหญิงคาทอลิกผู้เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ
โฮโซคาว่า ทามะ กราเซียนั้นมีนามเดิมว่า "อะเคจิ ทามะ" เพราะว่าเธอเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของอะเคจิ มิตซึฮิเดะ หนึ่งขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ของโอดะ โนบุนางะ (อีกแล้ว) แต่เหตุที่เธอมีชื่อรองเปนภาษาละตินว่ากราเซียนั้น หตุว่าเธอได้หันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกนั่นเอง
ท่านหญิงทามะหรือกราเซียก็ได้แต่งกับโฮโซคาว่า ทาดะโอกิ บุตรชายของโฮโซคาว่า ฟูจิทากะ ผู้นำตระกูลซามูไรที่ทรงอำนาจตระกูลหนึ่งในยุคนั้นด้วย
เพราะบิดาของเธอคืออะเคจิ มิตซึฮิเดะได้ก่อกบฎและสังหารโอดะ โนบุนางะที่วัดฮอนโนะ เป็นเหตุให้เธอถูกตราหน้าว่าเป็นลูกสาวของผู้ทรยศไปด้วย และเพื่อลดแรงเสียดทานจากเหล่าขุนศึกในตระกูลโอดะที่โกรธแค้น ตระกูลโฮโซคาว่าจึงได้เนรเทศเธอไปอยู่ ณ หมู่บ้านใจกลางป่าลึกที่มิโดะโนเพียงลำพังถึง ๒ ปีเลยทีเดียว
ในขณะที่ทาดะโอกิและทามะกำลังจะพรากจากกันนั้น ทาดะโอกิได้สัญญาเป็นหมั่นเหมาะว่า แม้ว่าเขาจะรักเธอมากเพียงใด แต่ด้วยคำสั่งของบิดาจึงมิอาจจะขัดได้ ขอให้เธอรอคอยเขา และเขาจะกลับมารับเธอกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง...
หลังจากที่ฮิเดโยชิได้ยึดอำนาจมาจากตระกูลโอดะและได้ขึ้นเปนผู้ครองแผ่นดินแล้ว ทามะต้องเผชิญความปวดร้าวที่สุดในชีวิตถึง ๒ ประการก็คือ บิดาของเธอสิ้นชีพในสนามรบ และแม้นว่าตระกูลโฮโซคาว่าจึงได้รับตัวเธอกลับมาตามเดิมอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็หาได้เหมือนเดิมไม่...
เพราะในระหว่าง ๒ ปีนั้น โฮโซคาว่า ทาดะโอกิกลับมีอนุภรรยาคนใหม่เสียแล้ว ซึ่งสำหรับชาวคริสต์แล้ว การมีอนุภรรยานั้นเป็นเรื่องที่ผิดบาป และทามะก็มิอาจจะยอมรับได้ด้วย แม้ว่ามันจะเป็นค่านิยมของสังคมซามูไรใน ณ เวลานั้นก็ตาม ทำให้ทามะหรือกราเซียใช้ชีวิตอยู่กับพระศาสนามานับแต่นั้น โดยท่านมิได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับทาดะโอกิอีกเลย
ครั้นเมื่อฮิเดโยชิสิ้นชีพลงแล้ว อิชิดะ มิตซึนาริ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และโตกุกาว่า อิเอยาสึเตรียมเปิดฉากทำสงครามกันอีกครั้งหนึ่งนั้น ตระกูลซามูไรหลายกลุ่ม โดยเฉพาะตระกูลโฮโซคาว่าได้ประกาศว่าจะหันไปเข้าด้วยกับฝ่ายโตกุกาว่า ทำให้มิตซึนาริประกาศจับกุมครอบครัวของเหล่าขุนศึกที่อยู่ในเมืองหลวงให้หมด ซึ่งแน่นอนท่านหญิงทามะก็เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยความที่ท่านหญิงทามะ คือลูกสาวซามูไร และเป็นภรรยาซามูไรชั้นสูง ซึ่งการฮาราคีรี หรือคว้านท้อง ถือเป็นการตายที่ทรงเกียรติที่สุด และเป็นสิ่งที่"ต้องทำ"ด้วย หากรอดชีวิตมาจากการพ่ายแพ้ (แม้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2แล้วเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามแม่ทัพทั้งหลายก็คว้านท้อง)
ดังนั้นท่านหญิงเกิดและเติบโตมาในโลกที่เชื่อในคุณธรรมอันนี้ ที่สำคัญ ในฐานะท่านหญิงของสามีที่พ่ายแพ้ หากท่านไม่ทำเช่นนี้ ทั้งสามีที่ตายและตัวท่านอาจถูกตราหน้าไปอีกทางว่ารักตัวกลัวตายและเสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูลทั้งของท่านและสามี และในสถานการณ์นั้นท่านหญิงที่ยังสาวอาจถูกกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีสตรีอย่างเลวร้ายที่สุดจากศัตรู และสิ่งที่จะเกิดกับท่านเราอาจไม่กล้าจินตนาการในสมัยนี้เลยทีเดียว
แต่เพราะความที่เป็นชาวคริสต์ การฆ่าตัวตายจึงนับว่าเป็นบาปอย่างมหันต์ทีเดียว ท่านจึงสั่งให้ซามูไรรับใช้ใช้หอกแทงเข้าที่อกของท่านแทนการคว้านท้องตนเอง และจัดการเผาคฤหาสน์เสียให้ราบคาบ เพื่อที่จะไม่มีใครได้ย่ำยีศักดิ์ศรีของท่าน และเป็นการจบชีวิตท่านหญิงสูงศักดิ์ลงอย่างสมเกียรติที่สุด
ในที่สุด เพราะความตายของท่านหญิงทามะนั้นได้เลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน กลายเป็นการสร้างความสะเทือนใจและความฮึกเหิมให้กับครอบครัวของขุนศึกตระกูลอื่นๆที่ไปเข้ากับตระกูลโตกุกาว่าด้วยเช่นกัน จนทำให้มิตซึนาริต้องยอมรามือไม่แตะต้องครอบครัวผู้ทรยศอีกเลย
ปัจจุบันคริสตชนในญี่ปุ่นยกย่องท่านในฐานะวีรสตรีคาทอลิกญี่ปุ่น และให้ความเคารพเยี่ยงนักบุญองค์หนึ่งเลยทีเดียว
อนุสาวรีย์ ท่านหญิง โฮโซคาว่า กราเซีย แขนขวาคล้องสายประคำ มือซ้ายถือพระคัมภีร์ หน้าอาสนวิหาร พระนางพรหมจารีย์มารีย์แห่งโอซาก้า(Grand Cathedral of Virgin Mary of Osaka)
โฮโซคาว่า ทามะ "กราเซีย" ท่านหญิงคาทอลิกผู้เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ
แม้ท่านหญิงไม่ได้เป็นพรหมจารี แต่รูปถือดอกลิลลี่ อาจจะสื่อถึงบั้นปลายของท่านที่อุทิศแด่พระเจ้าและไม่ยุ่งเกี่ยวกับสามีตั้งแต่นั้น(ท่านหญิงเสียชีวิตเมื่ออายุ37ปี)
ภาพท่านหญิงแบบการ์ตูนญี่ปุ่น
ท่านหญิงถูกนำไปวาดเป็นตัวละครในการ์ดเกมของญี่ปุ่น
ตุ๊กตาบลายด์ท่านหญิง
ท่านหญิงถูกนำไปใช้เป็นตัวละครในเกมอิงประวัติศาสตร์ Samurai Warriors โดยสามารถปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆได้
ภาพท่านหญิงแบบการ์ตูนญี่ปุ่น
ท่านหญิงถูกนำไปวาดเป็นตัวละครในการ์ดเกมของญี่ปุ่น
ตุ๊กตาบลายด์ท่านหญิง
ท่านหญิงถูกนำไปใช้เป็นตัวละครในเกมอิงประวัติศาสตร์ Samurai Warriors โดยสามารถปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆได้