พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้น่าสงสาร ประเทศไทย
(THE COMPASSIONATE MOTHER, THAILAND)
12 เมษายน 1988 (22 ปีที่ผ่านมา)
การประจักษ์ให้กับสาธารณะชนของพระแม่มารีย์ที่ประเทศไทย (ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ) พระแม่มารีย์ทรงบอก อดีเลีย เบอร์นาร์ด (ADELIA BERNARD) สุภาพสตรีชาวออสเตรเลีย ผู้ทำงานด้านช่วยเหลือผู้อพยพพลัดถิ่นในเอเชียให้บอกคุณพ่อวิจิตร ลิขิตธรรม เจ้าอาวาสวัดพระวิสุทธิวงส์ (ในขณะนั้น) ลำไทร ปทุมธานี ว่าวันที่ 12 เมษายน 1988 (22 ปีที่ผ่านมา) พระแม่จะประจักษ์ที่ถํ้าน้อยของพระแม่ ให้พาผู้คนไปสวดภาวนาที่ถํ้านะ สวดสายประคำด้วย พระแม่จะทรงประทับที่นั่น คุณพ่อติดธุระกลับมาสัมภาษณ์หลายคนว่าเห็นอัศจรรย์หรือเปล่า บางคนบอกไม่เห็น บางคนบอกเห็นเป็นรูปกางเขน รูปแม่พระ รูปนกพิราบกําลังจะกางปีก รูปสายประคำรอบกางเขน รูปพระแม่ในชุดสีขาว
คุณพ่อวิจิตรถามอดีเลียว่าแม่พระประจักษ์มาทำไม อดีเลียเลยเขียนบอกเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1988 ว่าดังนี้ครับ (รวบรัดตัดตอน)
1. เพื่อสอนเราให้รักพระเยซูเจ้าเสมอ ไม่มีใครรักพระองค์ได้ดีเท่าแม่ และติดตามแบบอย่างอันสุภาพของแม่
2. เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา หากเราไม่ละทิ้งสิ่งเลวร้าย
3. เพื่อช่วยวิญญาณเราและวิญญาณในไฟชำระ
4. เพื่อให้เรานบนอบต่อพระศาสนจักร และผู้ที่มีหน้าที่อภิบาลสัตบุรุษทุกคน
5. เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระอาณาจักรสวรรค์ และให้ความหวังแก่เรา
พระแม่ทรงบอกต่อว่าให้เรียกพระแม่ว่า “พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้น่าสงสาร (THE COMPASSIONATE MOTHER)”
การประจักษ์ให้กับสาธารณะชนของพระแม่มารีย์ที่ประเทศไทย (ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ) พระแม่มารีย์ทรงบอก อดีเลีย เบอร์นาร์ด (ADELIA BERNARD) สุภาพสตรีชาวออสเตรเลีย ผู้ทำงานด้านช่วยเหลือผู้อพยพพลัดถิ่นในเอเชียให้บอกคุณพ่อวิจิตร ลิขิตธรรม เจ้าอาวาสวัดพระวิสุทธิวงส์ (ในขณะนั้น) ลำไทร ปทุมธานี ว่าวันที่ 12 เมษายน 1988 (22 ปีที่ผ่านมา) พระแม่จะประจักษ์ที่ถํ้าน้อยของพระแม่ ให้พาผู้คนไปสวดภาวนาที่ถํ้านะ สวดสายประคำด้วย พระแม่จะทรงประทับที่นั่น คุณพ่อติดธุระกลับมาสัมภาษณ์หลายคนว่าเห็นอัศจรรย์หรือเปล่า บางคนบอกไม่เห็น บางคนบอกเห็นเป็นรูปกางเขน รูปแม่พระ รูปนกพิราบกําลังจะกางปีก รูปสายประคำรอบกางเขน รูปพระแม่ในชุดสีขาว
คุณพ่อวิจิตรถามอดีเลียว่าแม่พระประจักษ์มาทำไม อดีเลียเลยเขียนบอกเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1988 ว่าดังนี้ครับ (รวบรัดตัดตอน)
1. เพื่อสอนเราให้รักพระเยซูเจ้าเสมอ ไม่มีใครรักพระองค์ได้ดีเท่าแม่ และติดตามแบบอย่างอันสุภาพของแม่
2. เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา หากเราไม่ละทิ้งสิ่งเลวร้าย
3. เพื่อช่วยวิญญาณเราและวิญญาณในไฟชำระ
4. เพื่อให้เรานบนอบต่อพระศาสนจักร และผู้ที่มีหน้าที่อภิบาลสัตบุรุษทุกคน
5. เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระอาณาจักรสวรรค์ และให้ความหวังแก่เรา
พระแม่ทรงบอกต่อว่าให้เรียกพระแม่ว่า “พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้น่าสงสาร (THE COMPASSIONATE MOTHER)”แล้วอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นมากมาย เป็นข่าวใหญ่โตทั่วประเทศไทย คริสตชนและผู้มีใจศรัทธาหวังขอหวังพึ่งพระแม่ คนต่างศาสนาก็หลั่งไหลไปที่วัดวิสุทธิวงศ์ มีการบันทึกเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ เพื่อพระศาสนจักรในอนาคตข้างหน้า
เวลาผ่านไปผู้คนก็ลดน้อยทยอยหายหน้า เหลือแต่ลูกหม้อ รักแม่จริงไม่ทิ้งไม่ขว้าง แก่เฒ่าชรา หอบสังขารไปหาแม่ด้วยรักแท้ ล้มหายตายจากกันไป ลูกหลานบางคนก็รับช่วงต่อไม่มีข่าวฟู่ฟ่า จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2004 (6 ปีที่ผ่านมา) ก็มีสุภาพบุรุษผู้หนึ่งแจ้งให้คุณพ่อวิจิตรว่า ตัวเขาได้รับสารจากพระแม่ และพระแม่ทรงประจักษ์ให้เขาเห็น เมื่อเขาไปสวดที่ถํ้าน้อยของพระแม่ เป็นลูกหลานของคุณยายลูกหม้อที่รักแม่จริง
สารพระแม่จากลำไทรและอัศจรรย์ต่างๆ ยังไม่เป็นที่รับรองของพระศาสนจักรอย่างเป็นทางการ สุภาพบุรุษผู้นั้นได้ให้ความสว่างเปิดเผยให้ผู้นำพระศาสนจักรในประเทศตรวจพิสูจน์ได้ตลอดเวลา ปัจจุบันมีคุณพ่อวิญญาณรักษ์ 2-3 องค์คอยดูแล และเก็บข้อมูลบันทึกเป็นหลักฐานอยู่ครับ
ดำรงชีพในพิธีมหาบูชามิสซา
(LIVE THE HOLY MASS)
เป็นสุดยอดของการร่วมมิสซา ประสานใจ ประสานวิญญาณกับพระเป็นเจ้าพร้อมกับพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีและสาธุชนในมิสซา ดำรงชีพในพิธีมหาบูชามิสซานี้ นักบุญผู้มีจิตศรัทธาแก่กล้า นำปฏิบัติมากว่า 2000 ปีแล้วครับ สำหรับพวกเราระดับยอดหญ้าอาจจะแปลกใหม่ ผิดหูผิดตาน่าฉงน
พระแม่มารีย์และพระเยซูเจ้าพระเป็นเจ้าพระผู้ไถ่ทรงเปิดเผยความสำคัญและความหมายของขั้นตอนมิสซา ฤทธานุภาพ กุศลผลบุญที่แผ่กระจายทั่วสวรรค์ และแผ่นดินให้คุณแคทาลีน่า รีวาซ (CATALINA RIVAS) แม่บ้านจากเมืองโคคาบอมบา ประเทศโคลัมเบีย อเมริกาใต้ (COCHABOMBA, BOLIVIA, SOUTH AMERICA) แล้วทรงบอกให้เขียนบันทึกเผยแพร่รณรงค์ทั่วพระศาสนจักรเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2004 (6 ปีที่ผ่านมา)
ดำรงชีพในพิธีมหาบูชามิสซา เป็นสุดยอดหนังสือศรัทธา แปลกันเป็นหลายสิบภาษา (รวมทั้งภาษาไทยด้วย) ได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์เผยแพร่โดยพระสังฆราชของแต่ละภาษา เป็นหนังสือคู่ใจคาทอลิกที่ต้องการดำเนินชีวิตในพิธีมหาบูชา อันเป็นอัศจรรย์ที่พระเป็นเจ้า ทรงอนุญาตให้พระสงฆ์กระทำได้แต่เพียงผู้เดียว เนื้อหาในความแบบรวบรัดตัดตอนมีดังนี้ครับ
อย่าไปสาย ไปก่อนพิธีจะได้มีเวลาสำรวมจิต สำรวมใจ อ่านบทอ่าน บทพระวรสารล่วงหน้าจะได้รับรู้ว่าพระเป็นเจ้าจะทรงบอกอะไรในวันนี้
ช่วงการสารภาพผิด ขออภัยจากพระเป็นเจ้า ความผิดบกพร่องที่ได้ทำล่วงเกินพระองค์ เพื่อจะได้มาร่วมมิสซาอันทรงเกียรติอย่างคู่ควร
ช่วงบทสวดพระสิริรุ่งโรจน์ จงสรรเสริญพระตรีเอกนุภาพ และถวายพระพรแด่พระองค์ด้วยความรักจากขั้วหัวใจ เป็นการแสดงความกตัญัญูขอบพระคุณในฐานะที่เราเป็นสิ่งสร้างของพระองค์คนหนึ่ง
ช่วงวจนพิธีกรรม ให้ขอพระจิตเจ้าชำระจิตใจให้พระวาจาของพระองค์เจริญงอกงามขึ้นภายใน บันดาลให้มีเจตนาดีงาม ปฏิบัติตามพระวาจาที่ได้รับฟัง เพราะพระวาจาจากพระเป็นเจ้าจะไม่กลับมาไร้ผล (เทียบ อสย. 55:11) เอาถ้อยคำหรือประโยคที่ประทับใจเก็บคิดตลอดวันแล้วให้ถ้อยคำประโยคนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเรา เปลี่ยนวิถีชีวิตให้ดีขึ้น
ช่วงภาคถวายให้สวดดังนี้ “พระเจ้าข้า ลูกขอถวายทุกสิ่งที่ลูกเป็น ทุกสิ่งที่ลูกมี ทุกสิ่งที่ลูกสามารถถวายได้ ลูกขอมอบทั้งหมดไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ โปรดรวบรวมสิ่งเหล่านี้พร้อมกับความตํ่าต้อยของลูกเถิด พระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ โปรดเปลี่ยนลูกด้วยเดชะพระบารมีของพระบุตรของพระองค์ ลูกอ้อนวอนพระองค์เพื่อครอบครัวของลูก เพื่อผู้มีพระคุณต่อลูก เพื่อผู้แพร่ธรรมของเราแต่ละคน เพื่อทุกคนที่ต่อต้านเรา เพื่อบรรดาผู้ที่มอบตัวเขาไว้ในคำภาวนาด้อยคุณภาพของลูก โปรดสอนลูกให้มีความไว้วางใจอย่างสิ้นสุดจิตใจก่อนเถิด เพื่อว่าการดำเนินชีวิตของท่านเหล่านั้นจะได้รับความบรรเทา”
ช่วงบทเสกศีล จงอย่ามองลงก้มหน้า จงเงยหน้ามองพระองค์ พิจารณาพระองค์ สบตาพระองค์ แล้วสวดบทภาวนาของฟาติมาดังนี้ “ข้าแต่พระเป็นเจ้า ลูกเชื่อในพระองค์
ลูกนมัสการพระองค์ ลูกวางใจในพระองค์ และลูกรักพระองค์ ลูกกราบขอสมาโทษแทนคนที่ไม่เชื่อในพระองค์ ไม่นมัสการพระองค์ ไม่วางใจในพระองค์ และไม่รักพระองค์”
ช่วงบทข้าแต่พระบิดา ให้สำรวมจิตสวดอย่างจริงจัง จงระลึกถึงคนที่เคยมุ่งร้ายต่อเรา เพื่อเราจะได้กอดเขาแนบอก และบอกเขาอย่างจริงใจว่า “เดชะพระบารมีของพระเยซูเจ้า ฉันยกโทษให้คุณ และขอให้คุณประสบสันติสุข เดชะพระบารมีของพระเยซูเจ้า ฉันขอให้คุณยกโทษให้ฉัน และขอให้คุณอวยพรให้ฉันประสบสันติสุข” ถ้าเราสามารถให้อภัยแต่ยังฝังใจอยู่ ก็เหมือนกับเราวางเงื่อนกับการให้อภัยของพระเป็นเจ้า เหมือนกับพูดว่า พระองค์ยกโทษให้ลูกเท่าที่ลูกสามารถยกโทษให้คนอื่นก็พอ
ช่วงพระสงฆ์รับศีลมหาสนิท จงสวดภาวนาดังนี้ “พระเจ้าข้า โปรดอวยพรพวกท่าน โปรดดลบันดาลให้พวกท่านศักดิ์สิทธิ์ โปรดช่วยเหลือพวกท่าน โปรดรักพวกท่าน โปรดดูแลพวกท่าน และคํ้าจุนพวกท่านด้วยความรักของพระองค์ โปรดระลึกถึงพระสงฆ์ทุกองค์ทั่วโลก โปรดภาวนาให้แก่วิญญาณผู้ถวายตัวทั้งหลาย”
ช่วงรับศีล จงรับศีลด้วยหัวใจที่ใสสะอาดปราศจากบาปเบาหรือบาปหนัก แก้บาปแล้วต้องสู้ไม่ให้ตกในความชั่วอีกเหมือนเดิม ใช้เวลาบอกพระเป็นเจ้าว่ารักพระองค์ ขอบพระคุณพระองค์ในพระเมตตาที่ถ่อมตัวลดความเป็นพระเป็นเจ้าลงมาหาเรามนุษย์ ยกย่องเราให้ขึ้นหาพระองค์ พระองค์ต้องการความรักของเรา
ช่วงพิธีกล่าวอวยพร จงตั้งใจให้ดี จงระลึกว่าการอวยพรคราวนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้รับจากพระสงฆ์ เราไม่รู้ว่าจะอยู่หรือจะตายเมื่อออกจากวัดแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสรับพระพรจากพระสงฆ์องค์อื่นอีกหรือไม่ จงทำสำคัญมหากางเขนด้วยความเคารพราวกับว่าเป็นการทำสำคัญมหากางเขนครั้งสุดท้ายในชีวิตของเรา
หลังมิสซา อย่าพึ่งรีบจากไป อยู่เป็นเพื่อนพระเป็นเจ้าสัก 2-3 นาที แล้วให้พระองค์อยู่กับเรา พระองค์จะอยู่กับเราตราบที่เราต้องการ พระองค์ต้องการมีส่วนร่วมในชีวิตครอบครัวของเราอย่างน้อยก็ในวันนั้น มีห้องในบ้านสำหรับพระองค์ซึ่งสมาชิกในครอบครัวร่วมกันขอบคุณพระ วอนขอสิ่งต้องการ วอนขอพระพร ขอการปกป้องคุ้มครอง ขอสุขภาพ อย่างน้อยวันละ 5 นาที ต้องมีพื้นที่ให้พระองค์ ไม่ใช่เอารูปของพระองค์วางไว้ให้ฝุ่นจับที่มุมใดมุมหนึ่งในบ้าน มีเวลาไปเยี่ยมพระองค์ในตู้ศีลบ้าง ไปกันทั้งครอบครัวพูดคุยกับพระองค์ ปรับทุกข์ ขอสิ่งที่ต้องการ ให้พระองค์เป็นเสมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของเรา
คุณผู้อ่านครับ ก่อนที่ผมจะเริ่มเขียนอธิบายความหมายของบทภาวนาสุดยอดของพวกเราคาทอลิกนี้ ผมขออนุญาตเขียนอธิบายความหมายของการทำสำคัญมหากางเขนก่อนครับ
ความหมายของการทำสำคัญมหากางเขน
- เดชะพระนาม พระบิดา แตะที่หน้าผาก เป็นการนมัสการ แด่พระเป็นเจ้าสูงสุดคือองค์พระบิดา เดชะ หมายถึง การนบนอบในการแสดงความเคารพอย่างสูงสุด
- และพระบุตร แตะที่กลางหน้าอก หมายถึงหัวใจขององค์พระบุตร
- และพระจิต แตะที่ไหล่ทั้งสองข้างหมายถึงพละกําลังขององค์พระจิตเจ้า
- อาแมน สาธุ/ ขอให้เป็นไปเช่นนั้น/ การยอมรับในสิ่งที่กล่าว/ เห็นด้วย
อันดับหนึ่ง สุดยอดบทภาวนาของคาทอลิกก็คือบทข้าแต่พระบิดา ที่พระเยซูเจ้า พระบุตร พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ ได้ทรงตรัสสอนพวกเรา ครอบคลุมทุกอย่าง ไม่ต้องสวดเพ้อเจ้อ สวดเอาปริมาณ แบบนํ้าท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง
ความหมายของบทข้าแต่พระบิดา
บทภาวนานี้แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ
1. คำวอนขอเกี่ยวกับพระเป็นเจ้าและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
- ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
พระบิดาทรงเป็นพ่อที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักต่อมนุษย์ทุกคน ดังนั้นเราจึงเป็นพี่น้องกัน
- พระองค์สถิตในสวรรค์
บ้านแท้ของลูกอยู่ในสวรรค์ สักวันหนึ่งลูกจะกลับไปหาพ่อที่นั่น
- พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
ลูกขอเทิดทูนนอบน้อมกราบนมัสการพระนามของพ่อ
- พระอาณาจักรจงมาถึง
ลูกขอให้โลกนี้มีความรัก สันติภาพ และสันติสุขเหมือนเป็นสวรรค์ ณ แผ่นดิน
- พระประสงค์จงสาเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์
พ่ออยากให้ลูกทุกคนเป็นคนดี มีสันติสุข มีความรักซึ่งกันและกันเหมือนกับชาวสวรรค์
2. คำวอนขอเกี่ยวกับความต้องการของเราเอง
- โปรดประทานอาหารประจาวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
ขอพ่อโปรดประทานทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตของลูกและเพื่อนพี่น้องทั้งหลายใน
วันนี้ ทั้งอาหารที่บำรุงร่างกายและจิตวิญญาณของลูกด้วยเถิด
- โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น
พ่ออภัยให้ลูกในยามที่ลูกทำบาปผิด ดังนั้นลูกจะต้องมีความรักอย่างแท้จริง มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข และรู้จักการให้อภัยด้วยเช่นกัน
- โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การประจญ
ด้วยลำพังตัวของลูกเองแล้ว ลูกไม่อาจที่จะต่อสู้กับการประจญล่อลวงของปีศาจได้เลย
ลูกจึงวอนขอพละกําลังจากพ่อให้ลูกนี้เข้มแข้งเพื่อเอาชนะการประจญนี้ด้วยเถิด
อันดับสอง สุดยอดบทภาวนาของคาทอลิกก็คือบทวันทามารีอา
ความหมายของบทวันทามารีอาแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ
1. การสรรเสริญ
- วันทามารีอา เป็นบทคำนับของเทวทูตซึ่งเป็นการถวายเกียรติแด่พระตรีเอกภาพ และ
เป็นการถวายเกียรติอันสูงสุดแด่แม่โดยอัครเทวดาคาเบรียล โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอคำนับพระนางด้วยความเคารพนับถือสูงสุด” และท่านได้นำข่าวสารจากพระเป็นเจ้ามาแจ้งให้แม่ผู้ซึ่งเป็นพรหมาจารีที่ได้ถวายตัวแด่พระองค์ แม่จะตั้งครรภ์ด้วยฤทธานุภาพขององค์พระจิตเจ้า แม่จะให้กําเนิดบุตรชาย และบุตรนั้นจะมีชื่อว่าเยซู จะเป็นผู้นำความรอดอันใหญ่หลวงมาสู่มวลมนุษยชาติ
- มารีย์ หมายถึง ราชินีแห่งแสงสว่าง เป็นดาราสมุทร (ดาวเหนือ) ผู้นำทางแห่งวิญญาณ
ของลูก ไปสู่ความรอดนิรันดรอย่างปลอดภัย
พระเยซูเจ้าทรงมองลงมาจากกางเขน แล้วตรัสว่า “สตรีเอ๋ย นี่แน่ะลูกของท่าน” และ
ตรัสแก่ศิษย์นั้นว่า “นี่แน่ะ แม่ของเจ้า” ตั้งแต่นั้นมาศิษย์ผู้นั้นก็รับเอาพระนางไปอยู่ที่บ้านของตน เป็นเสมือนคำที่พระเยซูเจ้ามอบชาวเราทุกคนให้เป็นลูกของแม่ และแม่จะเป็นผู้เสนอวิงวอนตามคำภาวนาของลูกๆ ที่มีต่อพระเป็นเจ้า
- เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ทั้งสองประโยคนี้เป็นการเสริม 21
ความหมายให้แก่กัน อัครเทวดาคาเบรียลได้กล่าวสรรเสริญแม่พระว่า แม่เป็นที่โปรดปรานของพระเป็นเจ้า พระองค์เสด็จมาประทับใกล้ชิดกับแม่ พระจิตเจ้าได้ประทานพระหรรษทานแก่แม่อย่างมากมาย และทำให้แม่เป็นคนกลางที่สามารถแจกจ่ายพระหรรษทานแก่ทุกคนที่วอนขอ
- ผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ และพระเยซูโอรสของท่านทรงบุญหนักหนา เป็นคำพูดของ
นักบุญเอลิซาเบธที่กล่าวสรรเสริญต่อแม่พระ เมื่อตอนที่แม่ทราบว่าพระมหาไถ่จะมาเกิดโดยอาศัยฤทธานุภาพขององค์พระจิตเจ้า แม่ก็รีบไปหาท่านนักบุญ แล้วท่านนักบุญกล่าวกับแม่ด้วยความปลื้มปิติเป็นอันมาก ทันทีที่พบแม่
2. การวอนขอ เป็นบทที่แต่งเพิ่มขึ้นมาโดยพระศาสนจักรคาทอลิกของเรา
- สันตะมารีอา มารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน
แม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ แม่ผู้เป็นมารดาของพระเจ้า แม่เป็นที่พึ่งของลูกคนบาปได้เสมอ โดยเฉพาะในขณะที่ลูกใกล้จะตาย ลูกขอให้แม่อยู่ที่นั่นเหมือนกับแม่อยู่ที่เชิงกางเขนของพระเยซูเจ้าเพื่อช่วยลูกให้รอดพ้นจากเงื้อมือของปีศาจ และนำลูกไปหาพระเยซูพระบุตรของแม่ในเมืองสวรรค์
- สันตะ หมายถึงศักดิ์สิทธิ์
อันดับสาม สุดยอดบทภาวนาของคาทอลิกก็คือบทสิริพึงมี
เป็นบทที่พระศาสนจักรแต่งขึ้นให้มีความหมายเหมือนหนึ่งว่าเป็นคำพูดของแม่พระต่อพระเป็นเจ้า เป็นการถวายเกียรติพระตรีเอกภาพ
- สิริพึงมีแด่พระบิดา และพระบุตรและพระจิต
ลูกขอเทิดพระเกียรติแด่องค์พระตรีเอกภาพ
- เหมือนในปฐมกาล บัดนี้ และทุกเมื่อ ตลอดนิรันดร
ลูกขอเทิดพระเกียรติแด่พระองค์พร้อมกับมวลมนุษยชาติทั้งหลาย นับตั้งแต่มนุษย์คู่แรกจนถึงมนุษย์คนสุดท้าย ที่จะมีส่วนร่วมในชีวิตนิรันดร