บุญราศี นิโคลาส

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 11, 2019 9:42 pm

ถึงพี่น้องคริสตชนทุกท่าน เพื่อการร่วมเฉลิมฉลองและระลึกถึงบุญคุณท่านมิสชันนารี 350ปีที่มาเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในบ้านเรา เป็นรูปธรรม
จึงขอเชิญชวนมาเพื่อรำลึกถึงท่านบุญราศีนิโคลาสคุณพ่อบุญเกิด กฤษบำรุง ในวันที่12มกราคม2562 ที่สักการะสถานตรงข้ามวัดน.เปโตรสามพราน(นครปฐม)
ในวันที่12มกราคม2562. ปีนี้เราจะมีการบวชพระสงฆ์ธรรมฑูตไทยเป็นคนแรกหลังบวช ท่านอธิการธรรมทูตไทยก็จะส่งคุณพ่อไปเผยแผ่
ศาสนาที่ประเทศเขมรต่อไป จึงขอแนบประวัติในการ ระลึกถึง บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง 12มกราคม2562ครบรอบ75ปีต่อการมรณะกรรมขอท่าน
คุณพ่อนิโคลาส เกิดวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1895
รับศีลล้างบาปวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1895 ที่วัดนักบุญเปโตร สามพราน นครปฐุม ได้รับชื่อนักบุญศีลล้างบาปว่า “เบเนดิกโต”เป็นบุตรคนโตของยอแซฟ โปฉัง และอักแนส เที่ยงมีพี่น้อง 5 คน ผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย 3 คน เข้าบ้านเณรเล็กบางช้าง ในปี ค.ศ. 1908 เรียนที่บ้านเณรบางช้างเป็นเวลา 8 ปี เป็นครูสอนหนังสือตามวัดอีก 4 ปี ต่อจากนั้นได้ไปศึกษาต่อที่บ้านเณรใหญ่ปีนังอีก 6 ปี. ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ วันที่ 24 มกราคม ค.ศ.1926 ที่วัดอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ โดยพระสังฆราชเรอเน แปร์รอส พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอีก 4 องค์ เมื่อบวชแล้วได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางนกแขวก จนถึงปี ค.ศ.1928. ปี ค.ศ.1929 ได้รับมอบหมายให้ไปประจำอยู่ที่วัดพิษณุโลก กับคุณพ่อมิราแบล ช่วยสอนภาษาจีนและภาษาไทยให้กับคุณพ่อมิราแบล เพราะที่นั่นมีชาวจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก. คุณพ่อทั้งสองได้ช่วยกันรวบรวมคริสตังชาวจีน เมื่อเห็นว่ามีจำนวนมากขึ้น จึงตัดสินใจสร้างวัดใหม่แทนวัดน้อยหลังเดิมซึ่งคุณพ่ออังเดร พลอย เคยสร้างไว้ก่อน
ปี ค.ศ.1930 คุณพ่อมิราแบลขึ้นไปบุกเบิกที่เชียงใหม่ และให้คุณพ่อนิโคลาสไปอยู่ที่ลำปาง คุณพ่อนิโคลาสได้สร้างวัดน้อยหลังแรกที่ลำปาง ในปี ค.ศ.1930 ได้ไปสอนคำสอนตามบ้าน และได้ส่งชินแสไปสอนศาสนาที่เมืองพานและเชียงรายด้วย
ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีใจร้อนรน และยอมเสียสละตนเองเพื่อการประกาศพระวรสาร สามารถเทศน์หรือสอนคำสอนตลอดวันโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเอาใจใส่งานอภิบาลเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำมิสซาหรือการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังเอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขของบรรดาคริสตชน. ปี ค.ศ.1933 คุณพ่อมิราแบลและคุณพ่อนิโคลาสได้ตัดสินใจเดินทางไปพม่า เพื่อสำรวจพื้นที่และความเป็นไปได้ในการขยายมิสซัง
ปี ค.ศ.1937 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโคราช ท่านเอาใจใส่งานอภิบาลเป็นอย่างดีโดยเฉพาะทางด้านวิญญาณ. ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีพรสวรรค์ในการเทศน์และเทศน์ได้น่าฟัง ผู้ที่เคยได้ยินได้ฟังบทเทศน์ของท่านต่างก็รู้สึกประทับใจ ท่านยังเอาใจใส่คริสตังที่อยู่ตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่อยู่ในที่ห่างไกล ไม่มีพระสงฆ์ไปดูแลประจำ หรือบางกลุ่มก็ยังไม่ไปวัด ท่านเป็นห่วงวิญญาณของพวกเขาเหล่านั้น อย่างเช่น ที่อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น มีสัตบุรุษคริสตังบางครอบครัวอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ไม่มีวัดและไม่มีพระสงฆ์ไปประจำ ท่านได้ไปเยี่ยมสัตบุรุษเหล่านี้ เพื่อให้เขาเตรียมตัวรับศีลในโอกาสปัสกา
ปี ค.ศ.1938 ท่านได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดโนนแก้ว. นอกจากการเผยแพร่พระวรสารให้คนกลับใจแล้ว ท่านยังเอาใจใส่คริสตังทั้งทางด้านวิญญาณและด้านร่างกาย
ท่านได้ช่วยเหลือคริสตังในเรื่องการทำมาหากิน โดยเฉพาะคนยากจน โดยไม่เลือกว่าจะเป็นคริสตังหรือไม่ แม้แต่คนต่างศาสนาที่มาขอความช่วยเหลือ ท่านก็ช่วยด้วยความเมตตา
ปี ค.ศ.1939 ไทยเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศส
ทางราชการและคนไทยชาตินิยม มีความคิดว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส ดังนั้นพวกเขาจึงกลัวว่าพวกคริสต์จะพากันเข้าข้างฝรั่งเศส. ทางราชการได้เริ่มสั่งปิดโรงเรียนคาทอลิก และพยายามทำให้พวกคริสตังละทิ้งศาสนานักเรียนต้องไปเรียนที่โรงเรียนพุทธ. มีคำสั่งจากกรมตำรวจเรียกชาวฝรั่งเศสทุกคนที่อยู่ในจังหวัดภาคอีสานและตะวันออกของประเทศไทย ออกจากจังหวัดนั้นโดยด่วนภายในเวลา 48 ชั่วโมง
และในจังหวัดดังกล่าว คนเชื้อชาติฝรั่งเศสจะอยู่หรือผ่านไปไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมตำรวจ. บรรดามิสชันนารีชาวฝรั่งเศสต้องเดินทางเข้ามาอยู่ในพระนคร
เจ้าอาวาสที่ปกครองวัดต่างๆ ต้องเปลี่ยนเป็นพระสงฆ์ไทยชั่วคราว พระสงฆ์ชาวฝรั่งเศสบางองค์ถูกทำร้ายร่างกาย. มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่า “คณะเลือดไทย” จากจังหวัดต่าง ๆ คอยทำการต่อต้านศาสนา ออกใบปลิว, จดหมาย ให้คนไทยที่นับถือศาสนาคาทอลิกเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ ห้ามทำกิจการที่เกี่ยวกับศาสนาคาทอลิกทั้งสิ้น. สมัยนั้นพระสงฆ์ไทยเข้าเงียบประจำปี เวลาค่ำของวันจันทร์ หลังวันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในปีนั้นตรงกับวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ค.ศ.1941
คุณพ่อนิโคลาสออกจากโนนแก้วถึงโคราช วันที่ 10 มกราคม เพื่อรับคุณพ่อเลโอนาร์ด สิงหนาท ผลสุวรรณ เข้ากรุงเทพฯ ด้วยกัน แต่คุณพ่อเลโอนาร์ดได้ฟังวิทยุรายการ “สนทนาของนายมั่น-นายคง" อันเป็นรายการที่หว่านความหวาดกลัวลงสู่จิตใจหมู่คริสตังทั่วประเทศ ท่านจึงตกใจกลัวหนีไปหาที่หลบภัยที่วัดหัวไผ่ คุณพ่ออัมบรอซิโอก็ไม่อยู่. ดังนั้น เย็นวันที่ 11 มกราคม คุณพ่อนิโคลาส จึงย่ำระฆังที่วัดบ้านหัน เรียกคริสตังมาสวดภาวนาค่ำ และแจ้งให้คริสตังมาฟังมิสซาในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันอาทิตย์และเป็นวันฉลองพญาสามองค์. ในระหว่างที่กำลังสวดภาวนาอยู่ มีสมาชิกเลือดไทยคนหนึ่งขึ้นไปบนพุ่มไม้ใกล้หน้าต่าง คอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของพวกคริสตัง
ขณะที่คุณพ่อนิโคลาสกำลังก่อสวดบทเร้าวิงวอนแม่พระ และสัตบุรุษก็ตอบรับว่า “ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายนี้เถิด” ตามสูตรบทสวดลิทาเนีย
สมาชิกเลือดไทยคนนั้นได้ไปรายงานแก่นายอำเภอสีคิ้วและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า คุณพ่อนิโคลาสก่อสวดออกชื่อใครต่อใครก็ไม่ทราบ แต่ให้พวกคริสตังรับเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขอให้ฝรั่งเศสชนะไทยนี้เถิด”
วันที่ 12 มกราคม ค.ศ.1941 คุณพ่อนิโคลาสจึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมกับหัวหน้าครอบครัวคริสตัง จำนวน 9 คน ในข้อหา “กบฎภายนอกราชอาณาจักร”
คุณพ่อนิโคลาสถูกตัดสินจำคุก 15 ปี. พระสังฆราชแปร์รอสได้มีจดหมายถึงหลวงอดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ เพื่อชี้แจงว่าคุณนิโคลาสไม่มีความผิด ท่านถูกคนเกลียดชังใส่ความว่าเป็นแนวที่ห้า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีความผิดเลย ขอให้พิจารณาความและปล่อยตัวตามข้อ 13 แห่งรัฐธรรมนูญ. คุณพ่อนิโคลาสได้เขียนจดหมายถึงพระสังฆราชแปร์รอสด้วยลายมือของท่านเองจากเรือนจำกลางบางขวาง บอกว่าสิ่งที่ทำให้ท่านมีความอดทนก็คือการสวดภาวนา สวดสายประคำ และสวดมนต์ตามหนังสือที่พระสงฆ์ต้องสวด ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ท่านก็ขอน้อมรับโทษอันนี้ตามน้ำพระทัยของพระเพื่อชดเชยความบาป ท่านยังได้สวดขอพระ ให้ยกโทษให้กับผู้ที่กล่าวหาและทำร้ายท่านอีกด้วย. ตลอดเวลาที่อยู่ในคุกท่านได้รับความลำบากมาก ห้องขังสกปรกคับแคบ ไม่มีอากาศถ่ายเท อยู่กันอย่างแออัด แต่ท่านก็ไม่เคยบ่นถึงความลำบาก ท่านมีความอดทนและคอยให้กำลังใจพวกที่ถูกจับด้วยกัน. นอกจากนี้ ท่านยังได้สอนคำสอนให้กับนักโทษทั้งที่เป็นคริสตังและที่เป็นคนต่างศาสนา เมื่อมีคนมาเยี่ยมและนำอาหารมาให้ ท่านก็แบ่งปันให้กับนักโทษคนอื่นๆ ด้วยความเมตตา
การที่ท่านถูกขังอยู่ในห้องขังที่สกปรก อากาศไม่ดี ท่านจึงป่วยและถูกนำตัวไปตรวจ
ทางเรือนจำแจ้งให้ทราบว่าท่านป่วยเป็นวัณโรค และแยกไปขังไว้ในเรือนจำของคนโรคปอด อยู่รวมกับนักโทษที่ป่วยเป็นวัณโรค
ท่านได้สอนคำสอน และช่วยดูแลนักโทษที่ป่วย
ได้โปรดศีลล้างบาปให้แก่นักโทษ โดยเฉพาะคนใกล้จะตายจำนวน 68 คน
ท่านถึงแก่มรณภาพลงเมื่อ วันที่ 12 มกราคม ค.ศ.1944 ที่เรือนจำกลางบางขวาง เนื่องจากป่วยเป็นวัณโรค. ศพของท่านถูกนำไปฝังไว้ที่วัดบางแพรก ซึ่งเป็นวัดพุทธที่อยู่ใกล้กับเรือนจำ. ประมาณ 2 เดือนต่อมา พระสังฆราชแปร์รอส ได้ให้ญาติพี่น้องของท่านไปขุดศพมาจากวัดบางแพร เพื่อนำมาฝังไว้ในอุโมงค์ใต้พระแท่นวัดอัสสัมชัญ
ผู้ที่ไปขุดศพเล่าว่า ศพของท่านถูกฝังอยู่ในดินซึ่งขุดเป็นหลุมสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีลักษณะคุดคู้ ไม่มีโลง ไม่มีอะไรห่อศพ เนื้อหนังและเส้นผมอยู่แต่ไม่มีกลิ่น
คุณพ่อนิโคลาสได้รับการสถาปนาให้เป็นบุญราศี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม ค.ศ.2000 ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม
ข้อมูล : www.catholic.or.th
ตอบกลับโพส