+ การอด ในเทศกาลมหาพรต อดไปทำไม +

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร มี.ค. 05, 2019 5:43 pm

+ การ อด ในเทศกาลมหาพรต อดไปทำไม +

เทศกาลมหาพรต คือช่วงเวลา40วันก่อนวันเฉลิมฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซูหรืออีสเตอร์ เป็นธรรมเนียมยาวนานที่พระศาสนจักรให้คริสตชน เตรียมตัว ในการอธิษฐาน ภาวนา ทำกิจศรัทธาต่างๆ โดยเฉพาะ การถือศีล อดอาหาร เพื่อเตรียมรับวันสำคัญนี้ ตั้งแต่อดีต การถือศีลอดยาวนานทั้งเทศกาล ปัจจุบันพระศาสนจักรผ่อนปรนมากเหลือแค่2วันคือวันพุธรับเถ้า และวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ แม้กระนั้นก็ยังมีคริสตชนบางคนบ่นว่าเป็นสิ่งยุ่งยากหรือไม่อยากทำ

การอดอาหารเพื่ออธิษฐาน เป็นธรรมเนียมยิวที่มีมาตั้งแต่พระธรรมเดิม โดยมีการบันทึกถึงการ อดอาหาร เพื่อ อธิษฐาน หรือ รับนิมิตสำคัญของประกาศก มากมายเต็มไปหมด รวมถึงในพระธรรมใหม่ พระเยซูเอง ก็ทำการถือศีลอดอาหารถึง40วันก่อนออกเทศนา แต่ไม่มีการอธิบายไว้ว่า การอดอาหาร ทำให้การอธิษฐานได้รับผลสำเร็จมากกว่าไม่อดอย่างไร หรือทำไปแล้วทำไมพระเจ้าถึงชื่นชอบ ตอบคำอธิษฐาน

เมื่อเแม่พระประจักษ์ที่เมจจูกอเรจ แม่พระขอให้ชาวบ้านที่นั้นอดอาหาร กินแต่ขนมปังและน้ำสัปดาห์ละ1วัน โดยแม่พระบอกเพียงว่า การอดอาหาร นี้มีฤทธิ์กุศลบางอย่างที่กิจศรัทธาอย่างอื่นทดแทนไม่ได้

ในพระคัมภีร์ พระเยซูบอกบรรดาศิษย์ว่า ผีปีศาจบางชนิด ขับไล่ด้วยการถือศีลอดอาหารเท่านั้น

ในประวัติศาสตร์พระศาสนจักร ค.ศ.๔๕๑ นักบุญเจเนอวีฟ ชวนชาวบ้านอดอาหารอธิษฐานจนสามารถพ้นภัยสงครามได้เลยทีเดียว

แต่กระนั้นบางคนอาจจะบอกว่า ฉันไม่ได้อยากไล่ผี ไม่ได้อยากขออะไรเป็นพิเศษ แล้วการอดอาหารจะมีประโยชน์อันใด มีถ้อยคำในพระคัมภีร์ที่น่าสนใจกับการตอบในเรื่องนี้

มัทธิว 26:41
จงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริงแต่กายยังอ่อนกำลัง
Watch and pray, lest you enter into temptation. The spirit indeed is willing, but the flesh is weak.

ในเวลานั้นพระเยซูขอให้เหล่าสาวกอดหลับอดนอน ให้ตัวเองตื่นตัวไว้ในช่วงเวลานี้ แต่พวกเขาก็ไม่ไหวจริงๆ เมื่อเหตุวิกฤตเกิดเมื่อพวกเขางัวเงีย มึนๆเพิ่งตื่น เขาก็ลืมสัญญาและความมุ่งมั่นไปหมด สัญชาติญาณพาพวกเขาทิ้งพระองค์หนีเอาตัวรอด บางคนลืมตัวใช้ดาบต่อสู้เกิดการบาดเจ็บจนพระองค์เข้าห้ามปราม

ถ้าสมมุติ เราไม่รู้ว่าเราจะตกน้ำเมื่อไร แต่เราไม่เคยฝึกว่ายน้ำเลย รู้แต่ทฤษฎี วันหนึ่งตกน้ำขึ้นมาจริงๆจะหัดตอนนั้นทันหรือไม่

การอดอาหารเป็นการฝึกฝนการยับยั้งชั่งใจที่ง่ายที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เป็นการต่อสู้กับความอ่อนแอของเนื้อหนังที่เราสามารถทำได้ทุกวันโดยไม่ต้องเสี่ยงกับบาปเลย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดและทางจิตวิทยาศึกษาว่า ความต้องการของมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กับการกิน ก็คือเรื่องเพศ ลักษณะมันคล้ายกันมากโดยเป็นระบบอัตโนมัติของร่างกายที่ในยามกระหายหิวโหย เราทำทุกอย่างและทุกทางหาสิ่งที่มาตอบสนองความต้องการนี้ให้ได้ แต่หากเราอิ่มตื้อของกินที่เรารู้สึกอร่อยมากตอนหิว กลับกลายเป็นสิ่งที่ยากลำบากในการเอาเข้าปาก

ในยุคสมัยที่คนเราสามารถหาอาหารต่างๆกินได้ง่ายๆทุกเวลาที่หิว โดยต่างกับคนสมัยก่อนที่อาหารไม่ได้มาจ่อรอให้กินที่ไหนเมื่อไรก็ได้อย่างสะดวก เราก็พบว่า การขาดความยับยั้งชั่งใจหรือความอดทนรอคอยต่อการเร้าของร่างกายของผู้คนในปัจจุบันก็ลดน้อยลงตามไปด้วย

มีการศึกษานักโทษในคุกของอเมริกา พบว่า นักโทษหลายคนที่กระทำผิดซ้ำซากไม่ใช่ว่า เขาไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว แต่ปัญหาของพวกเขาคือ สมองส่วนของการยับยั้งชั่งใจของพวกเขาอ่อนแอกว่าคนทั่วไปมาก พูดง่ายๆก็คือ พวกเขาเข้าคุกกันบ่อยๆไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่จะทำมันผิด พวกเขารู้ แต่เขาไม่อาจยับยั้งชั่งใจหรือไม่อาจเอาชนะความปรารถนาฝ่ายต่ำของตัวเองได้ ต่างหาก

หลักการของคริสตศาสนาสอนชัดเจนว่า ร่างกายต้องรับใช้จิตวิญญาณไม่ใช่ จิตวิญญาณไปเป็นทาสร่างกาย เมื่อเราไม่เคยขัดความต้องการของร่างกาย สมองส่วนเหตุผลและการยับยั้งชั่งใจ ไม่เคยถูกฝึกฝนให้ต่อสู้กับความต้องการพื้นฐานต่างๆ เราย่อมพ่ายแพ้แก่ความต้องการทางกายเสมอไป ดังที่เราอาจเคยได้ยินพี่อ้อยพี่ฉอดพูดบ่อยๆในรายการคลับฟรายเดย์เวลามีคนโทรมาปรึกษาเรื่องนอกใจหรือประพฤติผิดทางเพศว่า "ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้"

ดังที่ น.เปาโลเขียนจดหมายถึงคริสตชนชาวโรมอธิบายว่า คนเรานั้น ในใจรู้ดีชื่นชมการทำตามพระบัญญัติพระเจ้า แต่ความอยากหรือกิเลสตัณหาของเนื้อหนังร่างกายเรานี่สิคอยแต่จะเร้าให้เราไปทำบาปต่อสู้กับจิตใจเราตลอดเวลา

โรม 7:22-23
เพราะว่าส่วนลึกในใจของข้าพเจ้านั้น ก็ชื่นชมในธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นมีกฎอีกอย่างหนึ่งอยู่ในอวัยวะของข้าพเจ้า ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และชักนำให้อยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาป ซึ่งอยู่ในอวัยวะของข้าพเจ้า

--------------------------------------

ดังนั้นเทศกาลมหาพรต เป็นโอกาสอันดีมากที่เราจะกำหราบร่างกายของเรา ให้รู้ว่า ใครเป็นนาย เราจะปรนเปรอทุกอย่างที่ร่างกายกระตุ้นต้องการเหมือนเราเป็นทาศรับใช้กิเลสตัณหาของร่างกายเรา หรือเราสามารถควบคุมมันได้และเป็นนายเหนือร่างกายตนเองจริงๆ

ถ้าการอดเนื้อสัตว์บกที่พระศาสนจักรแนะนำ แล้วเราไปกินบุฟเฟต์อาหารทะเล หรือกินเสต๊กแซลม่อน มันย่อมไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากทำตามตัวอักษรได้สำเร็จ การถืออดในเทศกาลมหาพรต จึงควรเป็นการอดเพื่อฝึกฝนตนเอง และเอาชนะความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง และการเสพติดอะไรก็ตามที่ร่างกายจับเราไว้เป็นทาส

ดังนั้น การอดในเทศกาลมหาพรตนั้น นอกจากการอดอาหารแค่2วันที่พระศาสนจักรกำหนด เราสามารถอดสิ่งอื่นๆได้ไม่ว่า สิ่งเสพติดทั่วไปอย่าง เหล้า บุหรี่ หรือปัจจุบัน การเสพติดเกม เสพติดเฟสบุ๊ค และแม้แต่เสพติดสื่อลามก หรือเสพติดเรื่องเพศ สิ่งเหล่านี้ หากไม่มีอะไรโน้มนำจิตใจหรือเป็นแรงบันดาลใจ เราก็อาจไม่สนใจว่าจะต้องฝืนใจตัวเองทำไม หรือเอาชนะมันเพื่ออะไร ก็ไม่เห็นเดือดร้อนใคร แต่ในช่วงมหาพรตนี้ จะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะสามารถมีแรงบันดาลใจที่ดี ที่จะฝึกฝนและเอาชนะตัวเอง อาศัยการอธิษฐานภาวนา อาศัยบรรยากาศแห่งการรำพึงไตร่ตรอง ถึงมหาทรมานของพระเยซู มหาทุกข์ของแม่พระ เราจะใช้ช่วงเวลานี้ การเอาชนะร่างกายของเรา อาศัยการเอาชนะความตายของพระเยซู

เราจะได้ไม่เป็นผู้อ่อนแอทางเนื้อหนังร่างกาย แต่เตรียมพร้อมเฝ้าระวัง เมื่อเผชิญการต่อสู้ทางจิตวิญญาณที่เข้มข้นขึ้น เราจะไม่พ่ายแพ้แก่ความต้องการของตัวเองอย่างง่ายๆอีกต่อไป

1 โครินธ์ 6:12-13
“ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย “อาหารมีไว้สำหรับท้อง และท้องก็สำหรับอาหาร” แต่พระเจ้าจะทรงให้ทั้งท้องและอาหารสูญสิ้นไป ร่างกายนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับการล่วงประเวณี แต่มีไว้สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า และองค์พระผู้เป็นเจ้ามีไว้สำหรับร่างกาย
ตอบกลับโพส