“คำภาวนาของพ่อแม่ “

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 18, 2020 11:07 am

.........คำภาวนาของพ่อแม่............
เรื่องจริงเล่าโดย Sherry L. Long เมือง Cicero รัฐนิวยอร์ค จากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary” เรื่อง “My Parents’ Prayers”

ในเดือนพฤษภาคม 1999 ดิฉันประสบอุบัติรถยนต์อย่างรุนแรง รถบรรทุกคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาในซอยด้วยความเร็วประมาณ 100 กม.ต่อชั่วโมง และชนรถของดิฉันอย่างจัง ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างคิดว่าดิฉันเสียชีวิตไปแล้ว
เมื่อดิฉันโผล่ออกออกมาจากพวงมาลัยรถได้ ดิฉันก็ได้แลเห็นแสงสว่างเป็นภาพครึ่งตัวของคุณแม่ของดิฉันซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1985 คุณแม่ใช้มือทั้งสองปัดดิฉันออกด้านข้างและยิ้มให้ด้วยความดีใจ ดิฉันทราบในบัดดลนั้นเองว่า คุณแม่ของดิฉันช่วยชีวิตดิฉันไว้
คุณแม่ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตฝ่ายกายของดิฉันเท่านั้น แต่ยังได้ช่วยชีวิตฝ่ายวิญญาณของดิฉันด้วย ดิฉันออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 17 ปี ดิฉันทำให้พ่อแม่เสียใจและดิฉันก็ทิ้งวัดด้วย ดิฉันเลิกไปวัดนานกว่า 25 ปียกเว้นตอนที่ไปบ้านช่วงวันหยุดและไม่อยากทำลายความสุขของคนที่บ้าน ดิฉันดื้อรั้นที่จะไม่ข้องแวะกับศาสนาคาทอลิกและบางครั้งยังพูดตำหนิศาสนาคาทอลิกอย่างรุนแรงอีกด้วย
หลังจากอุบัติเหตุในวันนั้น ดิฉันเริ่มอยากไปที่สักการสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งดิฉันเคยไปกับครอบครัวเมื่อตอนที่ยังเล็กอยู่ และดังนั้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2000 (ตรงกับวันสมโภชพระหฤทัยพระเยซูเจ้า ซึ่งตอนนั้นดิฉันยังไม่ทราบ) ดิฉันก็ได้เดินทางตามลำพังไปยังสักการสถานพระเมตตาที่เมือง Stockbridge รัฐแมสซาชูเซ็ทส์ และดิฉันก็เกิดมีพัฒนาการขึ้นในใจเป็นลำดับซึ่งจบลงด้วยการรับศีลอภัยบาปที่ทำให้ดิฉันตระหนักถึงการกลับใจอย่างลึกซึ้งที่สุด
ระหว่างการรับศีลอภัยบาป ดิฉันมีประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต! ทันทีที่ดิฉันเริ่มสารภาพบาป ดิฉันแลเห็นหลอดไฟสีเหลืองในที่แก้บาปค่อย ๆ สว่างขึ้นเป็นลำดับ จนที่สุดกลายเป็นหลอดไฟสีขาวที่สว่างจ้าเป็นรูปอักษรตัว “วี” (V) และรู้สึกถึงกระแสลมเย็นพัดผ่านที่ใบหน้าจนผมปลิวไปด้านหลัง ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามีประตูบานใหญ่เปิดออก มีกลิ่นเทียนและธูปหอมทั้งที่จริงไม่มีอยู่ในบริเวณนั้นเลย ดิฉันรู้สึกกลัวอย่างที่สุด จากนั้นดิฉันก็ได้ยินพระสงฆ์ผู้ฟังแก้บาปพูดว่า “ดังนั้น เธอต้องเป็นคนพิเศษและได้รับพระพรมากทีเดียว” นี่คือการแก้บาปของดิฉันในครั้งนั้น
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของดิฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากที่ไม่เคยไปร่วมมิสซาวันอาทิตย์เลยกลายเป็นการไปร่วมมิสซาทุกวัน ดิฉันเลิกดูรายการโทรทัศน์ที่ไม่สร้างสรรค์และเลิกอ่านหนังสือประโลมโลกที่เคยอ่านอยู่เป็นประจำ ดิฉันเริ่มดูรายการเกี่ยวกับพระศาสนาของสถานี EWTN (Eternal Word Television Network) และอ่านพระคัมภีร์รวมทั้งหนังสือทางศาสนาโดยเฉพาะหนังสือประวัตินักบุญต่าง ๆ ดิฉันกระหายอย่างไม่สิ้นสุดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพระและความเชื่อ ดิฉันช่วยงานหลายอย่างในวัด และขณะนี้ได้สมัครเป็นนักพรตชั้นสามของคณะคาร์เมไลท์
หลังจากที่กลับใจได้ประมาณ 1 ปีและได้แบ่งปันประสบการณ์กับคุณพ่อจิตตาธิการ คุณพ่อพูดกับดิฉันว่า “คุณเชอรี่ครับ คุณตระหนักถึงสิ่งเกิดขึ้นกับคุณหรือไม่ว่า พระจิตเจ้าทรงสัมผัสกับคุณโดยตรง! และนี่คือของพระพรของพระ พระพรนี้มิได้เป็นพระพรสำหรับคุณเท่านั้น พระพรเช่นนี้หมายถึงการสร้างชุมชนของพระศาสนจักร และคุณจะต้องแบ่งปันพระพรที่ได้รับกับผู้อื่นด้วย” ที่จริงดิฉันได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้มาแล้วที่ว่า “ทันใดนั้น มีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงลมพัดแรงกล้า ทุกคนที่อยู่ในบ้านได้ยิน เขาเห็นเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้น แยกไปอยู่เหนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม...” (กจ 2:2-4) แต่ดิฉันก็ไม่เคยเชื่อมโยงข้อความจากหนังสือกิจการอัครสาวกตอนนี้กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับดิฉันในที่แก้บาปในวันนั้นมาก่อนเลย รวบรวมและเรียบเรียงโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
**************
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ย. 19, 2020 4:32 pm

.........ค่ำคืนที่มืดมิด............
เรื่องจริงเล่าโดย Scott Robinson เมือง Spokane รัฐวอชิงตัน จากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary” เรื่อง “On a Dark Night”

มีคนเคยบอกดิฉันว่า หากเราไม่มีเวลาสวดสายประคำหรือยังไม่อยากสวด ก็ขอให้มีสายประคำติดตัวไว้ เพราะลำพังการมีสายประคำติดตัวก็เป็นการสวดภาวนาและสามารถคุ้มครองป้องกันภัยเราได้แล้ว ดิฉันประสบเหตุในวันหนึ่งและได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นเป็นความจริง
ตั้งแต่เข้าวัยรุ่น ดิฉันคลุกคลีกับยาเสพย์ติดจนกระทั่งยาเสพย์ติดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าดิฉันคิดจะเลิกเสพย์และมีความตั้งใจดีเพียงไร ไม่นานต่อมาดิฉันก็จะกลับไปติดอยู่ในวังวนของการเสพยาจนเป็นทาสของยาเสพย์ติดอีก
ค่ำคืนวันหนึ่ง ดิฉันตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน ดิฉันไม่มีเงินติดตัวเลย แต่ดิฉันก็ขาดยาเสพย์ติดไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นดิฉันยังทำตัวเป็นคนโง่อย่างที่สุดด้วยการเอาชีวิตของตนเข้าแลกกับยาเสพย์ติด
ขณะนั้นดิฉันเดินอยู่บนท้องถนนไปตามย่านที่มีการซื้อขายยาเสพย์ติด ดิฉันพบแก๊งค์วัยรุ่นที่ขายยาที่ต้องการได้ พวกเขาพาดิฉันไปที่มุมห้องร้างมืด ๆ แห่งหนึ่ง พวกเขามีด้วยกัน 4-5 คน ดิฉันขอยาพวกเขา แต่พวกเขาขอดูเงินของดิฉันก่อนซึ่งดิฉันไม่มีเงินเลย พวกเขาเป็นนักเลงหัวไม้และไม่ชอบการถูกหลอกให้เสียเวลาฟรี ๆ ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร พวกเขาหัวเสียมาก ผู้หญิงที่กร้านที่สุดในกลุ่มคนหนึ่งยื่นหน้าจนแทบจะชนหน้าของดิฉันตะคอกให้ให้ฉันเอาเงินสดออกมาทันที ดิฉันจึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทำท่าเหมือนกับกำลังหยิบเงินออกมา ดิฉันหยิบสิ่งที่มีอยู่ในกางเกงซึ่งมีอยู่เพียงสิ่งเดียวคือสายประคำ
ผู้หญิงที่กร้านคนนั้นเมื่อเห็นสายประคำก็หน้าถอดสีทันทีและถอยหลังออกไป และพูดด้วยเสียงที่ดังกร้าวขึ้นในทำนองว่าเธอไม่อยากข้องแวะกับดิฉัน “พวกแกอย่าไปยุ่งกับเธอ!” ตอนนั้นหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตรียมพร้อมที่จะใช้มีดฆ่าดิฉันอยู่แล้ว แต่เสียงของเธอก็คำรามอย่างหนักแน่นซ้ำขึ้นอีกครั้งหนึ่ง “ฉันบอกแล้วไงว่า อย่าไปยุ่งกับเธอ!” จากนั้นเธอก็เดินไปรวมกับพวกเขาและพูดว่า “ไปเหอะ ไปที่อื่นกันดีกว่า”
แล้วพวกเขาก็พากันเดินจากทันที ปล่อยให้ดิฉันอยู่ตามลำพังในห้องที่มืดนั้น สายประคำยังคงอยู่ในมือ ดิฉันอ้าปากค้างด้วยความงุนงน อำนาจของพระนางมารีย์และสายประคำอยู่ในจิตใจของดิฉันนับแต่นั้นเป็นต้นมา รวบรวมและเรียบเรียงโดย : กอบกิจ ครุวรรณ
*******************
ตอบกลับโพส