การสวดสายประคำของลูกชาย

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ต.ค. 03, 2020 6:58 pm

.....การสวดสายประคำของลูกชาย.....
เรื่องจริงเล่าโดย June A. Klins เมือง Erie รัฐเพ็นซิลเวเนีย จากหนังสือ 101 Inspirational Stories of the Rosary” เรื่อง “Brian’s Rosary””

ตอนที่ (1): วันนั้นตรงกับวันที่ 8 กันยายน ที่วัดของเราฉลองแม่พระบังเกิด ทันทีที่ดิฉันกลับถึงบ้านหลังจากไปเข้าเงียบนอกเมืองมา ทอม สามีโทรศัพท์มาบอกให้ฉันรีบไปพบเขาที่โรงพยาบาลโดยด่วน เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุกับไบร์นลูกชายของเราที่ถูกปืนยิงที่ขา เป็นแผลฉกรรจ์และเส้นเลือดแดงที่ขาถูกตัดขาด
ตอนที่มีคนนำไบร์นส่งเข้าโรงพยาบาล ทอมก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาเล่าว่าสภาพของไบร์นเหมือนกับทหารถูกยิงจากสงครามเวียดนาม จากนั้นทอมก็ส่งซองจดหมายให้ดิฉันและบอกว่า “นี่คือสายประคำของไบร์นที่เปื้อนโคลนไปทั่ว แต่ลูกบอกว่าให้เก็บเอาไว้ตามสภาพที่เป็นอยู่”
ดิฉันรีบเข้าไปในวัดน้อยของโรงพยาบาล คุกเข่าต่อหน้าตู้ศีลและสวดสายประคำอย่างต่อเนื่องจนคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่เขา นำไบร์นออกจากห้องผ่าตัดแล้ว และเมื่อถึงเวลาที่เราพบหน้าลูกชาย ดิฉันแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เพราะจากที่ได้ฟังทอมเล่ามานั้น ไบร์นน่าจะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าที่ดิฉันเห็นเขาในขณะนี้มาก ไบร์นกำลังนั่งอยู่บนเตียงพูดจาหยอกล้อกับนางพยาบาล และยังขอดูวีดีโอภาพยนตร์เรื่อง Young Guns อีกด้วย
ระหว่างการพักรักษาในโรงพยาบาลในวันต่อ ๆ มา ไบร์นได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตอนเช้าวันที่ 8 กันยายน เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเขาในวันนั้น แต่เช้าวันนั้นอากาศดีมาก เขาจึงตัดสินใจไปเดินเล่นในป่าที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก แต่เมื่อเดินลึกเข้าไปในป่า เขารู้สึกว่ามีสิ่งกระตุ้นให้เขากลับบ้าน และเอาสายประคำที่ติดตัวไปด้วย เป็นสายประคำที่ทำด้วยไม้ที่เขาได้มาจากการไปแสวงบุญ ที่เมดจูกอร์เจฤดูร้อนปีที่แล้ว
เมื่อเขากลับเข้าไปในป่าอีกครั้งหนึ่ง เขาก็ใช้ปืนยิงเป้าเล่นได้สักครู่ แต่ขณะที่กำลังนำปืนกลับใส่ซองนั้น เกิดอุบัติเหตุปืนลั่น กระสุนเข้าที่สะโพกขวาตอนบนทำให้เขาหมดสติไป เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือโดยไร้ผล และไม่สามารถเดินได้ เขาพยายามกระโดดไปข้างหน้าด้วยขาซ้ายข้างเดียว แต่ก็ทำซ้ำอีกไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่กระโดด เขาก็จะล้มลง เขาจึงเปลี่ยนเป็นใช้ท้องคลานไปข้างหน้าขณะที่เลือดยังคงไหลออกจากบาดแผลจนกางเกงยีนส์ชุ่มไปด้วยเลือดและมีน้ำหนักมากขึ้นเนื่องจากกางเกงดูดซับน้ำโคลน ไว้ด้วย หลังจากนั้นเขาถอดเสื้อเชิ้ตออกเพื่อใช้มัดรอบขาห้ามเลือดแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะสะโพกบวมมาก เขารู้สึกกระหายน้ำมากและคลานไปที่แอ่งน้ำ เขาใช้ปากจุ่มลงไปใต้ผิวน้ำเพื่อดื่ม เพราะผิวน้ำตอนบนมีคราบน้ำมันที่เกิดจากรถ ATV (รถวิบาก) ที่ขับผ่านทำให้ถนนเป็นแอ่งน้ำอยู่ทั่วไป
ไม่นานต่อมา หูของเขาเริ่มอื้อได้ยินเสียงบ้างไม่ได้ยินบ้างและหายใจติดขัด แต่ก็ต้องพยายามคลานต่อไปตามแอ่งน้ำต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็ยังคงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนว่าในวันนั้นจะไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย จนเวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง ที่สุดเขาถอดกางเกงยีนส์ที่หนักเพราะเลือดและโคลน ทิ้งโดยเอาสายประคำไม้ในกระเป๋ากางเกงออกมาพันไว้กับมือซ้ายและคลานต่อไป เมื่อไปไม่ไหวก็หยุดพักนอนหงายกับพื้นดินและสวดสายประคำ เขาเล่าว่าตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเหตุนั้นเขารู้สึกโกรธมาก จนเมื่อเริ่มสวดสายประคำจึงรู้สึกผ่อนคลายและเริ่มคิดว่า เขาอาจไม่สามารถออกไปจากป่านี้ได้เลย โปรดติดตาม(2)
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อาทิตย์ ต.ค. 04, 2020 1:31 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ต.ค. 04, 2020 1:30 pm

ตอนที่ (2): เขายังคงคลานต่อไปสลับกับการสวดสายประคำ และที่สุดก็มาถึงจุดที่ดูเหมือนจะเป็นแอ่งน้ำสุดท้าย เบื้องหน้าเป็นเขาลูกใหญ่สูงทะมึน เขาทำตัวให้อยู่ในสภาพที่ผ่อนคลายที่สุดและเตรียมตัวตาย เขาหลับตาและสวดสายประคำขอให้พระเป็นเจ้าโปรดส่งเทวดาสักองค์ลงมา ช่วยชีวิตเขา แต่หากมิใช่เป็นแผนการณ์ของพระองค์ก็ขอให้ได้ตายอย่างสงบ
ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ! แม้ว่าเขาได้คลานมาแล้วเป็นระยะทางราว 500 เมตรแต่เขาก็ยังมีแรงพอที่จะส่งเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือได้ ชายสองคนที่กำลังขับรถ ATV อยู่ได้ยินเสียงร้องและเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งขณะนั้นเลือดหยุดไหลแล้ว เพราะร่างกายเขาแทบจะไม่มีเลือดเหลืออยู่แล้ว ไบร์นบอกทั้งสองว่าเขาถูกยิง เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่อยู่ในมือ เขาก็แทบจะพูดได้เป็นคำสุดท้ายว่า “สายประคำของผม”
ชายทั้งสองช่วยกันนำเขาขึ้นรถและขับไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงบ้าน หลังแรกที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด จากนั้นก็ได้โทรศัพท์ 911 ขอความช่วยเหลือ...
การผ่าตัดของไบร์นผ่านไปด้วยดี เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่กระสุนทะลุสะโพกออกไปด้านหลังโดยที่ไม่ถูกกระดูก รวมทั้งกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่สำคัญเลย
ตำรวจมาที่โรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้นและรายงานว่าไบร์นโชคดีมากจริง ๆ เพราะหากชายทั้งสองไม่พาเขาขึ้นรถในเวลานั้น เขาคงไม่รอดชีวิตอย่างแน่นอน เมื่อตำรวจแจ้งชื่อของทั้งสองว่าเป็นคุณ Eric Swindlehurst และ คุณ Christopher Firment เราก็รีบโทรศัพท์ไปขอบคุณผู้มีพระคุณทั้งสองทันที ทั้งสองยอมรับด้วยความถ่อมตนว่า เป็นพระเจ้าผู้ทรงช่วยชีวิตของไบร์น เพราะเป็นการบังเอิญทีเดียวที่เขาทั้งสองอยู่ที่จุดนั้นและในเวลานั้น ทั้งสองบอกเราว่าพวกเขามิได้วางแผนที่จะขับรถเลยในวันนั้น แต่อยู่ดี ๆ ก็เกิดอยากขับรถขึ้นมา และทั้งสองก็แทบจะไม่เคยขับรถผ่านไปในบริเวณนั้นเลยด้วย และที่แปลกกว่านั้นคือทั้งสองสวมหมวกเหล็กอยู่และเสียงเครื่องยนต์รถก็ดังแต่ทั้งสองคนกลับได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือได้ ยิ่งกว่านั้นบริเวณที่พบไบร์นยังอยู่ในทิศตรงกันข้ามกับบริเวณที่ไบร์น ตั้งใจจะไปอีกด้วย
หลังเกิดเหตุ สมองของไบร์นสับสนจนหลงทิศทาง เขาคลานไปตามทางที่เขาไม่คุ้นเลย ไบร์นยังรู้สึกประหลาดใจที่ทั้งสองหาเขาพบเพราะจุดสุดท้ายที่เขาขอความ ช่วยเหลือนั้น เป็นแอ่งลึกและมีแต่ส่วนที่เป็นศีรษะของเขาเท่านั้นที่โผล่ออกมา
หลายเดือนต่อมาขณะที่ดิฉันกำลังเขียนเรื่องนี้ นางพยาบาลที่โรงพยาบาลได้โทรศัพท์มาสอบถามอาการของไบร์น เธอประหลาดใจมากที่ทราบว่าเขาเป็นปกติทุกอย่าง เธอบอกว่าปกติคนที่เสียเลือดมากเป็นเวลานานจะส่งผลร้ายต่อไต ตับ หรือไม่ก็สมอง
แพทย์ที่โรงพยาบาลที่ดิฉันพูดคุยด้วยให้ความเห็นว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้ลูกชายของเราเสียขาไป หรือไม่ก็แผลติดเชื้อเพราะน้ำโคลน แต่เขากลับไปเรียนต่อที่วิทยาลัยได้ หลังจากเกิดเหตุเพียง 10 วัน และในเดือนต่อมาก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ได้ ยิ่งกว่านั้นผลการเรียนของเขาในเทอมนั้นมีคะแนนสูงสุดเป็นครั้งแรก! แม่พระแห่งเมดจูกอร์เจกล่าวว่า “ลำพังการสวดสายประคำแต่เพียงอย่างเดียวก็สามารถทำอัศจรรย์ต่าง ๆ ในโลกและในชีวิตของเราได้”

*****************
แปลเเละเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ตอบกลับโพส