ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน
นักบุญมาร์ตินแห่งตูรส์
St. Martin of Tours
มาร์ตินเกิดเมื่อปี ๓๑๖ ในดินแดนที่เป็นประเทศฮังการีทุกวันนี้ ครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอิตาลีเพราะบิดาซึ่งเป็นทหารในกองทัพโรมันได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่นั่น พ่อแม่ของมาร์ตินเป็นคนนอกศาสนา แต่เขาสนใจความเชื่อคาทอลิกซึ่งได้รับการประกาศรับรองแล้วจากจักรพรรดิในปี๓๑๓ เขาได้รับการอบรมด้านศาสนาเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ และสนใจอยากเป็นฤษีในทะเลทราย
แต่สภาพแวดล้อมบังคับให้มาร์ตินต้องเข้าร่วมกองทัพโรมันตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี เขาใช้ชีวิตเคร่งครัดตามระเบียบวินัยของกองทัพ เงินเดือนที่ได้รับเขาแจกจ่ายให้คนยากจน นิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเขานำไปสู่เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เขาพบชายคนหนึ่งกำลังนอนตัวสั่นเทาเพราะปราศจากเสื้อผ้าอบอุ่นที่ประตูเมือง Amiens ใน Gaul
เพื่อนทหารต่างผ่านเลยไป แต่มาร์ตินชะงักเขาตัดแบ่งเสื้อคลุมของเขาเป็นสองส่วนด้วยดาบ และมอบครึ่งหนึ่งของเสื้อคลุมแก่ขอทานผู้ใกล้จะหนาวตาย คืนนั้น เขาเห็นพระคริสต์ในความฝัน พระองค์สวมเสื้อคลุมครึ่งส่วนที่เขาตัดแบ่งให้ผู้ยากไร้คนนั้น พระเยซูตรัสแก่เขาว่า "มาร์ตินได้ห่มคลุมเราด้วย
อาภรณ์ของเขา"
มาร์ตินรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะเข้าสู่พระศาสนจักรเขาจึงรับศีลล้างบาป เขายังทำงานในกองทัพอีก 2 ปีแต่มีความปรารถนาตลอดเวลาที่จะอุทิศชีวิตแด่พระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมยิ่งกว่าอาชีพทหาร อย่างไรก็ตามเมื่อเขาขอลาออกจากกองทัพ ซึ่งขณะนั้นกำลังรบสู้กับพวกเยอรมัน เขาก็ถูกกล่าวหาว่าขลาดกลัว
มาร์ตินให้คำตอบด้วยการเสนอจะออกไปเผชิญหน้ากองกำลังศัตรูโดยปราศจากอาวุธ "ในพระนามของพระเยซู และไร้ซึ่งเกราะหรือโล่ห์แต่ด้วยเครื่องหมายกางเขน ข้าฯ จะเดินเข้าสู่แถวนักรบหนาแน่นที่สุดของศัตรูโดยไม่หวาดหวั่น" แต่การแสดงความเชื่อของเขายังไม่จำเป็นเพราะพวกเยอรมันได้ขอสงบศึก มาร์ตินถูกปลดประจำการตามที่เขาต้องการ
หลังจากดำเนินชีวิตคาทอลิกช่วงเวลาหนึ่ง มาร์ตินก็เดินทางไปพบสังฆราชฮิลารีแห่ง Poitiers ซึ่งเป็นนักเทววิทยาที่มีชื่อเสียงและภายหลังได้รับประกาศเป็นนักบุญด้วย สังฆราชฮิลารีประทับใจในการอุทิศตนต่อความเชื่อของมาร์ตินและเชื้อเชิญเขาไปที่สังฆมณฑลของท่าน มาร์ตินขอเดินทางไปเยี่ยมบิดามารดาที่ฮังการีก่อน ที่นั่น เขาได้โน้มน้าวมารดาให้รับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิก
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนั้น สังฆราชฮิลารีได้ก่อความโกรธแค้นให้กับพวก Arians ซึ่งเป็นกลุ่ม
ปฏิเสธว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ส่งผลให้ท่านถูกขับไล่ดังนั้นมาร์ตินไม่สามารถเข้าสังฆมณฑลของท่าน
สังฆราชดังตั้งใจได้ เขาจึงหาสถานที่ดำเนินชีวิตบำเพ็ญพรตอย่างเข้มงวดจนเกือบเสียชีวิต ที่สุด ทั้งสองคนได้พบกันในปี ๓๖๐ เมื่อสังฆราชฮิลารีสามารถกลับคืนสู่สังฆมณฑล Poitiers ของท่าน
สังฆราชฮิลารีอนุญาตให้มาร์ตินตั้งอารามนักพรตแห่งแรกในอาณาจักร Gaul
ในช่วงเวลาสิบปีแห่งชีวิตฤษี มาร์ตินมีชื่อเสียงจากการเรียกผู้ตายสองคนให้กลับคืนชีพโดยคำภาวนาของเขา ประจักษ์พยานความศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นสังฆราชคนที่ ๓ แห่งตูรส์ ซึ่งอยู่ตอนกลางของฝรั่งเศสในปัจจุบัน
แต่มาร์ตินไม่อยากเป็นสังฆราช บรรดาผู้ต้องการให้ท่านเป็นผู้นำศาสนจักรท้องถิ่นถึงกับต้องใช้กลวิธี
หลอกล่อท่านออกจากอาราม เมื่อรับตำแหน่ง มาร์ตินยังคงดำเนินชีวิตเยี่ยงฤษีท่านสวมใส่ชุดธรรมดา
และไม่ครอบครองทรัพย์สมบัติท่านเดินทางไปทั่วสังฆมณฑล ซึ่งท่านกล่าวว่าเพื่อขับไล่การถือปฏิบัติ
ผิดๆ ของคนต่างศาสนา
เมื่ออายุมากขึ้น มาร์ตินยังดำเนินชีวิตเคร่งครัด ท่านใส่ใจกับการดูแลวิญญาณของสัตบุรุษ นักบุญซัลพิ
ซิอุส เซเวรุส (Sulpicius Severus) ศิษย์และผู้เขียนประวัติชีวิตของมาร์ติน เล่าว่าท่านช่วยเหลือทุกคนที่มีปัญหาไม่ว่าจะด้านศีลธรรม สติปัญญาและชีวิตฝ่ายจิต ท่านยังช่วยฆราวาสจำนวนมากเข้าสู่กระแส
เรียกชีวิตนักบวช
มาร์ตินรู้ล่วงหน้าถึงการตายของตนและบอกพวกศิษย์ แต่เมื่อการเจ็บป่วยสุดท้ายมาถึงระหว่างเดินทางทำงานอภิบาล ท่านก็ไม่แน่ใจที่จะต้องทอดทิ้งพวกเขา ท่านสวดภาวนาว่า "พระเจ้าข้าถ้าหากข้าพเจ้ายังเป็นที่ต้องการสำหรับประชากรของพระองค์ ข้าพเจ้าไม่ขอปฏิเสธภารกิจขอให้พระประสงค์ของพระองค์จงสำเร็จไป"
มาร์ตินมีไข้แต่ไม่หลับพักผ่อน ท่านใช้เวลาเจ็ดคืนสุดท้ายของชีวิตด้วยการสวดภาวนาในการประทับ
อยู่ของพระเจ้า
"พี่น้องของข้าพเจ้าขอให้ข้าพเจ้าได้มองสู่สรวงสวรรค์ยิ่งกว่าโลกนี้เพื่อวิญญาณของข้าพเจ้าจะโบยบินถึงพระเจ้า"
ท่านบอกกับบรรดาศิษย์ก่อนจะเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายนปี ๓๙๗
นักบุญมาร์ตินแห่งตูรส์เป็นนักบุญผู้เป็นที่รักยิ่งคนหนึ่งในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรยุโรป
CR. : Sinapis
ประวัตินักบุญอย่างย่อเดือนพฤศจิกายน (วันที่11-20)
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
นักบุญเกอทรูด ผู้ยิ่งใหญ่
St. Gertrude the Great
เกอทรูดเป็นซิสเตอร์ของอารามชีลับในยุคกลาง เธอเขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตภายในตามแนวทางคณะเบเนดิกติน ชื่อจริงของเธอคือเกรทรูดแห่งเฮล์ฟตา (Helfta) แต่เป็นรู้จักกันในนามเกอทรูดผู้ยิ่งใหญ่เธอมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู
เกอทรูดเกิดเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๑๒๕๖ เธอถูกส่งเข้าอารามนักพรตหญิงที่เฮล์ฟตาตั้งแต่อายุ ๕ ขวบเพื่อรับการศึกษาและอบรมด้านศาสนาอารามที่มีชื่อเสียงแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของคุณแม่อธิการิณีผู้ได้รับการยกย่องในด้านชีวิตภายในและสติปัญญาคือคุณแม่เกอทรูดแห่งแฮคกีบอร์น (Gertrude of Hackeborn)
เกอทรูดเป็นนักเรียนที่กระหายหาความรู้เธอมีผลการศึกษาเป็นเลิศในด้านศิลปศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ของยุคสมัย แต่พร้อมกันนั้น เธอก็ดำเนินชีวิตตามวินัยเคร่งครัดของนักบุญเบเนดิกต์อย่างไรก็ตาม เธอเล่าว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไปในความศรัทธาส่วนตัวของเธอ ซึ่งทำให้เธอทุกข์ทรมาน นั่นคือเธอสนใจต่อความรู้ทางสติปัญญาและวัฒนธรรมทางโลกเกินไป
ความเปลี่ยนแปลงมาถึงเกอทรูดในปลายปี ๑๒๘๐ เธอมีอายุ ๒๔ ปีและโดดเด่นเป็นเลิศในความรู้หลายสาขาแต่กลับพบว่าความสำเร็จเหล่านี้ไร้ความหมายเมื่อเธอไตร่ตรองถึงจุดประสงค์และความหมายแท้จริงของกระแสเรียกชีวิตในอารามนักพรตของเธอเกอทรูด ซึ่งกระวนกระวายและซึมเศร้ารู้สึกว่า
เธอได้สร้าง "หอแห่งความฟุ้งเฟ้อว่างเปล่า" แทนที่จะแสวงหาความรักของพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใดและดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
เดือนมกราคมของปีถัดมา เธอเห็นภาพนิมิตพระคริสต์ได้ยินพระองค์กล่าวกับเธอว่า "เรามาเพื่อปลอบบรรเทาเธอและนำความรอดมาให้" ลำดับความสำคัญในชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จากการใฝ่หาความรู้ทางโลกถึงการศึกษาพระคัมภีร์และเทววิทยา เกอทรูดกลับอุทิศตัวเองให้การสวดภาวนาส่วนตัวและการพิศเพ่งภาวนา เธอเริ่มเขียนบันทึกประสบการณ์ชีวิตจิตเพื่อประโยชน์แก่ซิสเตอร์ร่วมอาราม
เกอทรูดเข้าใจถึงความรักของพระคริสต์ว่าเป็นสัจธรรมที่เป็นฐานรากและสิ่งสูงสุด เธอถ่ายทอดสัจธรรมนี้ในหนังสือที่เขียนและพยายามดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความจริงดังกล่าว เธอสำนึกถึงความผิดพลาดที่ยังคงมีอยู่เสมอในตัวเองแต่เธอก็เข้าใจในความเมตตาลึกซึ้งของพระเจ้า เธอยอมรับโรคภัย
และความเจ็บปวดทรมานในปีท้ายๆ ของชีวิตด้วยจิตใจสงบ อุทิศเป็นพลีกรรม โดยรำลึกถึงความดีของพระเจ้าที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ
เกอทรูดสิ้นใจวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ของปี ๑๓๐๑ หรือ ๑๓๐๒ หนังสือหลายเล่มที่เธอเขียนได้ตกทอด
มาถึงเราในปัจจุบัน
CR. : Sinapis
นักบุญเกอทรูด ผู้ยิ่งใหญ่
St. Gertrude the Great
เกอทรูดเป็นซิสเตอร์ของอารามชีลับในยุคกลาง เธอเขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตภายในตามแนวทางคณะเบเนดิกติน ชื่อจริงของเธอคือเกรทรูดแห่งเฮล์ฟตา (Helfta) แต่เป็นรู้จักกันในนามเกอทรูดผู้ยิ่งใหญ่เธอมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู
เกอทรูดเกิดเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๑๒๕๖ เธอถูกส่งเข้าอารามนักพรตหญิงที่เฮล์ฟตาตั้งแต่อายุ ๕ ขวบเพื่อรับการศึกษาและอบรมด้านศาสนาอารามที่มีชื่อเสียงแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของคุณแม่อธิการิณีผู้ได้รับการยกย่องในด้านชีวิตภายในและสติปัญญาคือคุณแม่เกอทรูดแห่งแฮคกีบอร์น (Gertrude of Hackeborn)
เกอทรูดเป็นนักเรียนที่กระหายหาความรู้เธอมีผลการศึกษาเป็นเลิศในด้านศิลปศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ของยุคสมัย แต่พร้อมกันนั้น เธอก็ดำเนินชีวิตตามวินัยเคร่งครัดของนักบุญเบเนดิกต์อย่างไรก็ตาม เธอเล่าว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไปในความศรัทธาส่วนตัวของเธอ ซึ่งทำให้เธอทุกข์ทรมาน นั่นคือเธอสนใจต่อความรู้ทางสติปัญญาและวัฒนธรรมทางโลกเกินไป
ความเปลี่ยนแปลงมาถึงเกอทรูดในปลายปี ๑๒๘๐ เธอมีอายุ ๒๔ ปีและโดดเด่นเป็นเลิศในความรู้หลายสาขาแต่กลับพบว่าความสำเร็จเหล่านี้ไร้ความหมายเมื่อเธอไตร่ตรองถึงจุดประสงค์และความหมายแท้จริงของกระแสเรียกชีวิตในอารามนักพรตของเธอเกอทรูด ซึ่งกระวนกระวายและซึมเศร้ารู้สึกว่า
เธอได้สร้าง "หอแห่งความฟุ้งเฟ้อว่างเปล่า" แทนที่จะแสวงหาความรักของพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใดและดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
เดือนมกราคมของปีถัดมา เธอเห็นภาพนิมิตพระคริสต์ได้ยินพระองค์กล่าวกับเธอว่า "เรามาเพื่อปลอบบรรเทาเธอและนำความรอดมาให้" ลำดับความสำคัญในชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จากการใฝ่หาความรู้ทางโลกถึงการศึกษาพระคัมภีร์และเทววิทยา เกอทรูดกลับอุทิศตัวเองให้การสวดภาวนาส่วนตัวและการพิศเพ่งภาวนา เธอเริ่มเขียนบันทึกประสบการณ์ชีวิตจิตเพื่อประโยชน์แก่ซิสเตอร์ร่วมอาราม
เกอทรูดเข้าใจถึงความรักของพระคริสต์ว่าเป็นสัจธรรมที่เป็นฐานรากและสิ่งสูงสุด เธอถ่ายทอดสัจธรรมนี้ในหนังสือที่เขียนและพยายามดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความจริงดังกล่าว เธอสำนึกถึงความผิดพลาดที่ยังคงมีอยู่เสมอในตัวเองแต่เธอก็เข้าใจในความเมตตาลึกซึ้งของพระเจ้า เธอยอมรับโรคภัย
และความเจ็บปวดทรมานในปีท้ายๆ ของชีวิตด้วยจิตใจสงบ อุทิศเป็นพลีกรรม โดยรำลึกถึงความดีของพระเจ้าที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ
เกอทรูดสิ้นใจวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ของปี ๑๓๐๑ หรือ ๑๓๐๒ หนังสือหลายเล่มที่เธอเขียนได้ตกทอด
มาถึงเราในปัจจุบัน
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน
นักบุญฟรานเชส คาบรินี
St. Frances Cabrini
ฟรานเชส คาบรินี ปรารถนาจะเป็นธรรมทูตที่ประเทศจีนตั้งแต่เยาว์วัยแต่พระเจ้าทรงมีแผนการอื่นสำหรับเธอ
ฟรานเชสเกิดที่อิตาลี เมื่ออายุ ๑๘ ปีก็เป็นกำพร้า เธอสมัครเข้าคณะซิสเตอร์แห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ (Sisters of the Sacred Heart) และได้รับชื่อว่า เซเวียร์ ตามชื่อนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ธรรมทูตระบือนามแห่งตะวันออกไกล
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ ๑๓ แนะนำเธอว่า "ไม่ใช่ตะวันออกแต่จงไปตะวันตก" เธอจึงไปทำงานธรรมทูตที่สหรัฐอเมริกาตามคำเชิญของพระสังฆราชคอร์ริแกนแห่งนิวยอร์ก เธอเดินทางไปมาข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกถึง ๓๐ ครั้ง และได้ไปทั่วประเทศสหรัฐเพื่อก่อตั้งบ้านเด็กกำพร้า โรงพยาบาลอารามนักบวชหญิง และโรงเรียน โดยเฉพาะสำหรับชาวอพยพอิตาเลียนที่เป็นคนชายขอบสังคมในเวลานั้น
ฟรานเชสได้รับสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน เธอเสียชีวิตในปี ๑๙๑๗ และถูกประกาศเป็นนักบุญในปี ๑๙๔๖ ก่อนคลื่นผู้อพยพระลอกใหม่จะมาสู่สหรัฐ
ฟรานเชส คาบรินีเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของผู้อพยพ
CR. : Sinapis
นักบุญฟรานเชส คาบรินี
St. Frances Cabrini
ฟรานเชส คาบรินี ปรารถนาจะเป็นธรรมทูตที่ประเทศจีนตั้งแต่เยาว์วัยแต่พระเจ้าทรงมีแผนการอื่นสำหรับเธอ
ฟรานเชสเกิดที่อิตาลี เมื่ออายุ ๑๘ ปีก็เป็นกำพร้า เธอสมัครเข้าคณะซิสเตอร์แห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ (Sisters of the Sacred Heart) และได้รับชื่อว่า เซเวียร์ ตามชื่อนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ธรรมทูตระบือนามแห่งตะวันออกไกล
พระสันตะปาปาเลโอ ที่ ๑๓ แนะนำเธอว่า "ไม่ใช่ตะวันออกแต่จงไปตะวันตก" เธอจึงไปทำงานธรรมทูตที่สหรัฐอเมริกาตามคำเชิญของพระสังฆราชคอร์ริแกนแห่งนิวยอร์ก เธอเดินทางไปมาข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกถึง ๓๐ ครั้ง และได้ไปทั่วประเทศสหรัฐเพื่อก่อตั้งบ้านเด็กกำพร้า โรงพยาบาลอารามนักบวชหญิง และโรงเรียน โดยเฉพาะสำหรับชาวอพยพอิตาเลียนที่เป็นคนชายขอบสังคมในเวลานั้น
ฟรานเชสได้รับสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน เธอเสียชีวิตในปี ๑๙๑๗ และถูกประกาศเป็นนักบุญในปี ๑๙๔๖ ก่อนคลื่นผู้อพยพระลอกใหม่จะมาสู่สหรัฐ
ฟรานเชส คาบรินีเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของผู้อพยพ
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน
บุญราศียอห์น ลิกชี
Blessed John Licci
ยอห์น ลิกชี เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุยืนที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์พระศาสนจักร ชีวิตยาวนานถึง ๑๑๑ปีของท่านในเมืองเล็กใกล้ปาเลอร์โม เกาะซิซิลี เต็มไปด้วยเรื่องอัศจรรย์มากมาย
มารดาเสียชีวิตในการคลอดยอห์น บิดาซึ่งเป็นชาวนายากจนและทำงานหนักในไร่นาจำใจต้องทอดทิ้งทารกแรกเกิด
สตรีเพื่อนบ้านได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้จึงนำกลับมาที่บ้านตัวเองและให้นม นางวางทารกยอห์นไว้บนเตียงถัดจากสามีผู้นอนป่วยเป็นอัมพาต ปรากฏว่าเขาหายเป็นปรกติในทันที
เมื่อเติบโตขึ้น ยอห์นได้รับคำแนะนำจากบุญราศีปีเตอร์เกเรมีอาให้ใช้ชีวิตเป็นนักบวช เขาจึงเข้าคณะโดมินิกันในปี ๑๔๑๕ ที่สุดแล้วเขาจะเป็นนักบวชนานถึง ๙๖ ปีนานที่สุดเท่าที่ทราบในทุกคณะนักบวช
ยอห์นรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์และตั้งอารามนักบุญ Zita ใน Caccamo บ้านเกิดของเขาระหว่างก่อสร้างอารามมีเรื่องอัศจรรย์มากมาย ตั้งแต่ทำเลที่สร้างจนถึงไม้คานสุดท้ายที่วางเข้าที่ เช่น วันหนึ่งคนงานขาดแคลนวัตถุก่อสร้างก็มีเกวียนที่ลากด้วยวัวตัวใหญ่มาจอดหน้าสถานที่ ในเกวียนนั้นบรรทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ หรือเมื่อไม้หลังคาถูกตัดสั้นเกินไป ยอห์นจะสวดภาวนาและไม้ก็ยืดออกมา บางวัน ยอห์นทวีขนมปังและเหล้าองุ่นเพื่อเลี้ยงพวกคนงานด้วย
เมื่อยอห์นและเพื่อนสมาชิกโดมินิกัน ๒ คนถูกโจรปล้นบนถนน โจรคนหนึ่งพยายามแทงท่าน แต่มือของเขากลับบิดงอและเป็นอัมพาต พวกแก๊งค์โจรรีบปล่อยพวกท่าน ขอร้องให้ยกโทษ ยอห์นทำเครื่องหมายกางเขนเหนือพวกเขาและมือของโจรคนนั้นก็กลับใช้การได้
การสวดอวยพรของยอห์นทำให้กล่องบรรจุขนมปังของหญิงม่ายเพื่อนบ้านเต็มอยู่ตลอดเวลา ช่วยให้เธอสามารถเลี้ยงดูลูกๆ 6 คนได้ยอห์นยังช่วยป้องกันโรคร้ายไม่ให้ลามสู่ฝูงสัตว์ของลูกวัด และช่วยรักษาคน ๓ คนที่ศีรษะถูกกระทบรุนแรงในอุบัติเหตุซึ่งทำให้ท่านถูกยกเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
ยอห์นเกิดในปี ๑๔๐๐ ท่านเสียชีวิตในปี ๑๕๑๑ ด้วยอายุขัยตามธรรมชาติ
CR. : Sinapis
บุญราศียอห์น ลิกชี
Blessed John Licci
ยอห์น ลิกชี เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุยืนที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์พระศาสนจักร ชีวิตยาวนานถึง ๑๑๑ปีของท่านในเมืองเล็กใกล้ปาเลอร์โม เกาะซิซิลี เต็มไปด้วยเรื่องอัศจรรย์มากมาย
มารดาเสียชีวิตในการคลอดยอห์น บิดาซึ่งเป็นชาวนายากจนและทำงานหนักในไร่นาจำใจต้องทอดทิ้งทารกแรกเกิด
สตรีเพื่อนบ้านได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้จึงนำกลับมาที่บ้านตัวเองและให้นม นางวางทารกยอห์นไว้บนเตียงถัดจากสามีผู้นอนป่วยเป็นอัมพาต ปรากฏว่าเขาหายเป็นปรกติในทันที
เมื่อเติบโตขึ้น ยอห์นได้รับคำแนะนำจากบุญราศีปีเตอร์เกเรมีอาให้ใช้ชีวิตเป็นนักบวช เขาจึงเข้าคณะโดมินิกันในปี ๑๔๑๕ ที่สุดแล้วเขาจะเป็นนักบวชนานถึง ๙๖ ปีนานที่สุดเท่าที่ทราบในทุกคณะนักบวช
ยอห์นรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์และตั้งอารามนักบุญ Zita ใน Caccamo บ้านเกิดของเขาระหว่างก่อสร้างอารามมีเรื่องอัศจรรย์มากมาย ตั้งแต่ทำเลที่สร้างจนถึงไม้คานสุดท้ายที่วางเข้าที่ เช่น วันหนึ่งคนงานขาดแคลนวัตถุก่อสร้างก็มีเกวียนที่ลากด้วยวัวตัวใหญ่มาจอดหน้าสถานที่ ในเกวียนนั้นบรรทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ หรือเมื่อไม้หลังคาถูกตัดสั้นเกินไป ยอห์นจะสวดภาวนาและไม้ก็ยืดออกมา บางวัน ยอห์นทวีขนมปังและเหล้าองุ่นเพื่อเลี้ยงพวกคนงานด้วย
เมื่อยอห์นและเพื่อนสมาชิกโดมินิกัน ๒ คนถูกโจรปล้นบนถนน โจรคนหนึ่งพยายามแทงท่าน แต่มือของเขากลับบิดงอและเป็นอัมพาต พวกแก๊งค์โจรรีบปล่อยพวกท่าน ขอร้องให้ยกโทษ ยอห์นทำเครื่องหมายกางเขนเหนือพวกเขาและมือของโจรคนนั้นก็กลับใช้การได้
การสวดอวยพรของยอห์นทำให้กล่องบรรจุขนมปังของหญิงม่ายเพื่อนบ้านเต็มอยู่ตลอดเวลา ช่วยให้เธอสามารถเลี้ยงดูลูกๆ 6 คนได้ยอห์นยังช่วยป้องกันโรคร้ายไม่ให้ลามสู่ฝูงสัตว์ของลูกวัด และช่วยรักษาคน ๓ คนที่ศีรษะถูกกระทบรุนแรงในอุบัติเหตุซึ่งทำให้ท่านถูกยกเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
ยอห์นเกิดในปี ๑๔๐๐ ท่านเสียชีวิตในปี ๑๕๑๑ ด้วยอายุขัยตามธรรมชาติ
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน
นักบุญอัลเบิร์ต ผู้ยิ่งใหญ่
St. Albert the Great
นักบุญอัลเบิร์ตเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรและเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของนักวิทยาศาสตร์ ท่านเป็นชาวเยอรมัน มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ ๑๓ ท่านเข้าร่วมคณะนักบวชที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ในเวลานั้นคือคณะโดมินิกัน ท่านได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยปารีส และสอนเทววิทยาที่นั่น และในเมืองโคโลญจน์เยอรมนี
อัลเบิร์ตได้ชื่อว่า "ผู้ยิ่งใหญ่" เพราะความสามารถด้านสติปัญญา ท่านเป็นนักปรัชญาที่ผู้คนเคารพนับถือ เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักเทววิทยา และอาจารย์ ท่านคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของชาวอาหรับนักเรียนคนหนึ่งของท่าน ซึ่งภายหลังได้เป็นเพื่อนและนำวิธีศึกษาของท่านไปปรับใช้คือโทมัส อไค
วนัส
ท่านเสียชีวิตในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๑๒๘๐
CR. : Sinapis
นักบุญอัลเบิร์ต ผู้ยิ่งใหญ่
St. Albert the Great
นักบุญอัลเบิร์ตเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรและเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของนักวิทยาศาสตร์ ท่านเป็นชาวเยอรมัน มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ ๑๓ ท่านเข้าร่วมคณะนักบวชที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ในเวลานั้นคือคณะโดมินิกัน ท่านได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยปารีส และสอนเทววิทยาที่นั่น และในเมืองโคโลญจน์เยอรมนี
อัลเบิร์ตได้ชื่อว่า "ผู้ยิ่งใหญ่" เพราะความสามารถด้านสติปัญญา ท่านเป็นนักปรัชญาที่ผู้คนเคารพนับถือ เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักเทววิทยา และอาจารย์ ท่านคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของชาวอาหรับนักเรียนคนหนึ่งของท่าน ซึ่งภายหลังได้เป็นเพื่อนและนำวิธีศึกษาของท่านไปปรับใช้คือโทมัส อไค
วนัส
ท่านเสียชีวิตในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๑๒๘๐
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน
นักบุญโยเซฟ มอสคาติ
St. Joseph Moscati
โยเซฟ มอสคาติ เป็นนายแพทย์ยุคใหม่คนแรกที่ได้ถูกประกาศเป็นนักบุญ ท่านเกิดในปี ๑๘๘๐ ที่เมืองBenevento อิตาลี ท่านดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ของพระวรสารตลอดชีวิตการเป็นแพทย์และอาจารย์
ท่านใส่ใจสภาพวิญญาณของคนไข้พอๆ กับร่างกาย บางครั้ง ท่านนำคนไข้ไปรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิท ท่านถือว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนี้เป็น "ยาขนานแรกสุด"
ท่านเคยกล่าวสอนศิษย์นักเรียนแพทย์ของท่านว่า "จงระลึกว่าพวกเธอไม่เพียงดูแลร่างกายของคนไข้เท่านั้น แต่ดวงวิญญาณที่กำลังครวญครางของพวกเขาด้วย"
ความเอาใจใส่ของท่านไม่ได้อยู่เพียงการบำบัดเยียวยา ท่านยังช่วยเหลือคนยากไร้ช่วยรักษาพวกเขาฟรีหรือออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้พวกเขา
ท่านเห็นความสำคัญของการสนับสนุนให้กำลังใจพระสงฆ์และนักบวชด้วยการสวดภาวนาให้ ท่านกล่าวว่า "พวกเขามักจะถูกหลงลืมไปเสมอเพราะพวกคริสตชนคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการคำภาวนาหรอก"
ในกระเป๋าเสื้อของท่าน มีสายประคำอยู่เส้นหนึ่งเสมอ ท่านจะสวดขอความช่วยเหลือจากพระเยซูผ่านทางแม่พระเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ
ท่านเสียชีวิตในปี ๑๙๒๗ พระสันตะปาปาเปาโล ที่ ๖ ประกาศตั้งท่านเป็นบุญราศีในปี ๑๙๗๕ และเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๙๘๗ พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญ ร่างกายของท่านถูกเก็บรักษาไว้ที่เมืองเนเปิลอิตาลี ณ วัด Gesu Nuovo
CR. : Sinapis
นักบุญโยเซฟ มอสคาติ
St. Joseph Moscati
โยเซฟ มอสคาติ เป็นนายแพทย์ยุคใหม่คนแรกที่ได้ถูกประกาศเป็นนักบุญ ท่านเกิดในปี ๑๘๘๐ ที่เมืองBenevento อิตาลี ท่านดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ของพระวรสารตลอดชีวิตการเป็นแพทย์และอาจารย์
ท่านใส่ใจสภาพวิญญาณของคนไข้พอๆ กับร่างกาย บางครั้ง ท่านนำคนไข้ไปรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิท ท่านถือว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนี้เป็น "ยาขนานแรกสุด"
ท่านเคยกล่าวสอนศิษย์นักเรียนแพทย์ของท่านว่า "จงระลึกว่าพวกเธอไม่เพียงดูแลร่างกายของคนไข้เท่านั้น แต่ดวงวิญญาณที่กำลังครวญครางของพวกเขาด้วย"
ความเอาใจใส่ของท่านไม่ได้อยู่เพียงการบำบัดเยียวยา ท่านยังช่วยเหลือคนยากไร้ช่วยรักษาพวกเขาฟรีหรือออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้พวกเขา
ท่านเห็นความสำคัญของการสนับสนุนให้กำลังใจพระสงฆ์และนักบวชด้วยการสวดภาวนาให้ ท่านกล่าวว่า "พวกเขามักจะถูกหลงลืมไปเสมอเพราะพวกคริสตชนคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการคำภาวนาหรอก"
ในกระเป๋าเสื้อของท่าน มีสายประคำอยู่เส้นหนึ่งเสมอ ท่านจะสวดขอความช่วยเหลือจากพระเยซูผ่านทางแม่พระเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ
ท่านเสียชีวิตในปี ๑๙๒๗ พระสันตะปาปาเปาโล ที่ ๖ ประกาศตั้งท่านเป็นบุญราศีในปี ๑๙๗๕ และเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๙๘๗ พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญ ร่างกายของท่านถูกเก็บรักษาไว้ที่เมืองเนเปิลอิตาลี ณ วัด Gesu Nuovo
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน
นักบุญเอลิซาเบ็ธแห่งฮังการี
St. Elizabeth of Hungary
เอลิซาเบ็ธเป็นสตรีสูงศักดิ์ชาวฮังการีในยุคกลาง เธอดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ความยากจนและการรับใช้ของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี เธอเป็นผู้อุปถัมภ์คณะฟรังซิสกัน และเป็นที่รักของชาวเยอรมันและฮังการี
เอลิซาเบ็ธเป็นธิดาของกษัตริย์แอนดรูว์ที่ ๒ แห่งฮังการี เธอเกิดในปี ๑๒๐๗ พระบิดาจัดเตรียมให้เธอวิวาห์กับขุนนางเยอรมัน ชื่อ Ludwig แห่ง Thuringia เธอจึงต้องจากครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก พระมารดาของเธอถูกลอบปลงพระชนม์ในปี ๑๒๑๓ เอลิซาเบ็ธแสวงหาความบรรเทาใจด้วยการสวดภาวนา
ชีวิตสมรสเป็นไปอย่างมีความสุข สามีของเอลิซาเบ็ธ ซึ่งก้าวหน้าเป็นผู้ปกครองคนสำคัญของแคว้น ได้สนับสนุนเธอในการดำเนินชีวิตตามหลักพระวรสารในราชวัง เธอได้พบภราดาคณะฟรังซิสกัน และช่วยเหลือพวกเขาในงานแพร่ธรรม
ลูกชายคนหนึ่งของเธอเสียชีวิตในวัยเยาว์ลูกสาวคนหนึ่งตัดสินใจเลือกชีวิตนักบวช และต่อมาได้เป็นอธิการิณีของอารามแห่งหนึ่งในเยอรมัน
ปี ๑๒๒๖ เกิดโรคระบาดและน้ำท่วมในแคว้น Thuringia เอลิซาเบ็ธดูแลผู้ประสบภัยยอมสละข้าวของและเสื้อผ้าอาภรณ์ของคนในวังเพื่อแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ เธอสร้างโรงพยาบาลและช่วยคนเป็นพันๆ ในแต่ละวัน
แต่ความโศกเศร้าก็มาเยือนในปีต่อมา สามีของเธอ ซึ่งได้ร่วมสงครามครูเสดครั้งที่ ๖ เสียชีวิตก่อนเดินทางถึงเยรูซาเล็ม เอลิซาเบ็ธสาบานว่าจะไม่แต่งงานใหม่แม้พวกญาติๆ จะกดดันเธออย่างหนัก
เอลิซาเบ็ธเข้าเป็นสมาชิกชั้นสามของคณะฟรังซิสกัน และทำงานเพื่อช่วยเหลือคนเจ็บป่วย บริจาคเงินทองเพื่อสร้างโรงพยาบาลในปลายชีวิต เธออยู่ในกระท่อมหลังเล็กและปะชุนเสื้อผ้าของตัวเอง
การดูแลคนป่วย ทำให้เธอล้มเจ็บ และเสียชีวิตในปี ๑๒๓๑ เธอได้รับการประกาศเป็นนักบุญในอีก ๔ ปีต่อมา
CR. : Sinapis
นักบุญเอลิซาเบ็ธแห่งฮังการี
St. Elizabeth of Hungary
เอลิซาเบ็ธเป็นสตรีสูงศักดิ์ชาวฮังการีในยุคกลาง เธอดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ความยากจนและการรับใช้ของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี เธอเป็นผู้อุปถัมภ์คณะฟรังซิสกัน และเป็นที่รักของชาวเยอรมันและฮังการี
เอลิซาเบ็ธเป็นธิดาของกษัตริย์แอนดรูว์ที่ ๒ แห่งฮังการี เธอเกิดในปี ๑๒๐๗ พระบิดาจัดเตรียมให้เธอวิวาห์กับขุนนางเยอรมัน ชื่อ Ludwig แห่ง Thuringia เธอจึงต้องจากครอบครัวตั้งแต่ยังเล็ก พระมารดาของเธอถูกลอบปลงพระชนม์ในปี ๑๒๑๓ เอลิซาเบ็ธแสวงหาความบรรเทาใจด้วยการสวดภาวนา
ชีวิตสมรสเป็นไปอย่างมีความสุข สามีของเอลิซาเบ็ธ ซึ่งก้าวหน้าเป็นผู้ปกครองคนสำคัญของแคว้น ได้สนับสนุนเธอในการดำเนินชีวิตตามหลักพระวรสารในราชวัง เธอได้พบภราดาคณะฟรังซิสกัน และช่วยเหลือพวกเขาในงานแพร่ธรรม
ลูกชายคนหนึ่งของเธอเสียชีวิตในวัยเยาว์ลูกสาวคนหนึ่งตัดสินใจเลือกชีวิตนักบวช และต่อมาได้เป็นอธิการิณีของอารามแห่งหนึ่งในเยอรมัน
ปี ๑๒๒๖ เกิดโรคระบาดและน้ำท่วมในแคว้น Thuringia เอลิซาเบ็ธดูแลผู้ประสบภัยยอมสละข้าวของและเสื้อผ้าอาภรณ์ของคนในวังเพื่อแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ เธอสร้างโรงพยาบาลและช่วยคนเป็นพันๆ ในแต่ละวัน
แต่ความโศกเศร้าก็มาเยือนในปีต่อมา สามีของเธอ ซึ่งได้ร่วมสงครามครูเสดครั้งที่ ๖ เสียชีวิตก่อนเดินทางถึงเยรูซาเล็ม เอลิซาเบ็ธสาบานว่าจะไม่แต่งงานใหม่แม้พวกญาติๆ จะกดดันเธออย่างหนัก
เอลิซาเบ็ธเข้าเป็นสมาชิกชั้นสามของคณะฟรังซิสกัน และทำงานเพื่อช่วยเหลือคนเจ็บป่วย บริจาคเงินทองเพื่อสร้างโรงพยาบาลในปลายชีวิต เธออยู่ในกระท่อมหลังเล็กและปะชุนเสื้อผ้าของตัวเอง
การดูแลคนป่วย ทำให้เธอล้มเจ็บ และเสียชีวิตในปี ๑๒๓๑ เธอได้รับการประกาศเป็นนักบุญในอีก ๔ ปีต่อมา
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน
นักบุญโรส ฟิลิปปิน แห่งดูเชสนี
St. Rose Philippine Duchesne
โรสเกิดในปี ๑๗๖๙ ที่เมือง Grenoble ประเทศฝรั่งเศส บิดาของเธอเป็นทนายความ นักธุรกิจและผู้นำพลเรือนคนสำคัญของเมือง มารดาสืบเชื้อสายครอบครัวชนชั้นนำในดินแดน Dauphine ตั้งแต่อายุ ๘ขวบ โรสต้องการไปประกาศพระวรสารที่อเมริกาเพราะได้ยินการเทศน์เร้าใจจากธรรมทูตเยสุอิตท่านหนึ่ง เธอมีครูมาสอนหนังสือที่บ้านและได้รับการอบรมทางศาสนาจากมารดา
โรสเข้าคณะซิสเตอร์แห่งการเยี่ยมเยียนเมื่ออายุ ๑๙ ปี ทีแรกครอบครัวไม่เห็นด้วยแต่ก็ยอมตามความปรารถนาของเธอ
ในปี ๑๘๐๔ เธอเข้าคณะแห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ คณะส่งเธอไปสหรัฐในปี ๑๘๑๘ เธอตั้งอารามหลายแห่งและเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง ทำงานกิจเมตตาและอภิบาลคนพื้นเมืองอเมริกัน
เมื่อถึงวัยเกษียณ โรสใช้ชีวิตสิบปีสุดท้ายอยู่ในอารามหลังเล็กในรัฐมิสซูรี เธอยังรักษารูปแบบดำเนินชีวิตเคร่งครัดและสวดภาวนา เธอเสียชีวิตในปี ๑๘๕๒
พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศตั้งเธอเป็นนักบุญวันที่ ๓ กรกฎาคม ๑๙๘๘
CR. : Sinapis
นักบุญโรส ฟิลิปปิน แห่งดูเชสนี
St. Rose Philippine Duchesne
โรสเกิดในปี ๑๗๖๙ ที่เมือง Grenoble ประเทศฝรั่งเศส บิดาของเธอเป็นทนายความ นักธุรกิจและผู้นำพลเรือนคนสำคัญของเมือง มารดาสืบเชื้อสายครอบครัวชนชั้นนำในดินแดน Dauphine ตั้งแต่อายุ ๘ขวบ โรสต้องการไปประกาศพระวรสารที่อเมริกาเพราะได้ยินการเทศน์เร้าใจจากธรรมทูตเยสุอิตท่านหนึ่ง เธอมีครูมาสอนหนังสือที่บ้านและได้รับการอบรมทางศาสนาจากมารดา
โรสเข้าคณะซิสเตอร์แห่งการเยี่ยมเยียนเมื่ออายุ ๑๙ ปี ทีแรกครอบครัวไม่เห็นด้วยแต่ก็ยอมตามความปรารถนาของเธอ
ในปี ๑๘๐๔ เธอเข้าคณะแห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ คณะส่งเธอไปสหรัฐในปี ๑๘๑๘ เธอตั้งอารามหลายแห่งและเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง ทำงานกิจเมตตาและอภิบาลคนพื้นเมืองอเมริกัน
เมื่อถึงวัยเกษียณ โรสใช้ชีวิตสิบปีสุดท้ายอยู่ในอารามหลังเล็กในรัฐมิสซูรี เธอยังรักษารูปแบบดำเนินชีวิตเคร่งครัดและสวดภาวนา เธอเสียชีวิตในปี ๑๘๕๒
พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศตั้งเธอเป็นนักบุญวันที่ ๓ กรกฎาคม ๑๙๘๘
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน
นักบุญราฟาเอล คาลิโนสกี้
St. Raphael Kalinowski
โยเซฟ คาลิโนสกี้ เกิดเมื่อปี ๑๘๓๕ บ้านเกิดของท่านอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศลิธัวเนียปัจจุบัน ท่านอยากเป็นพระสงฆ์ตั้งแต่เยาว์วัยแต่ตัดสินใจเรียนให้จบเสียก่อน ท่านเรียนด้านสัตววิทยา เคมีเกษตรกรรมและการเลี้ยงผึ้งที่สถาบัน Agronomy ในเมือง Hory Horki และที่สถาบันวิศวกรรมกองทัพในเมือง Saint Petersburg ประเทศรัสเซีย
โยเซฟรับยศร้อยโทในกองทัพรัสเซียโดยประจำในหน่วยวิศวกรรมทหาร ท่านรับผิดชอบในการวางแผนและดูแลก่อสร้างทางรถไฟระหว่างเมือง Kursk และ Odessa ต่อมา ท่านได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก เข้าประจำการที่ Brest-Litovsk ที่เมืองนี้ท่านริเริ่มชั้นเรียนคำสอนวันอาทิตย์โดยท่านเป็นผู้สอน
และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เปิดรับทุกคนที่สนใจเรียน
ปี ๑๘๖๓ โยเซฟสนับสนุนขบวนการปลดแอกของชาวโปแลนด์ท่านลาออกจากกองทัพรัสเซียและรับตำแหน่งรัฐมนตรีสงครามของกองทัพขบถในเขต Vilna ท่านรับหน้าที่นี้โดยประกาศว่าจะไม่มีการลงโทษประหารหรือฆ่านักโทษโดยเด็ดขาด ท่านถูกกองกำลังรัสเซียจับกุมในปี ๑๘๖๔ และถูกตัดสิน
ประหารชีวิต แต่พวกรัสเซียเกรงว่าการตายจะทำให้ท่านเป็นวีรบุรุษ จึงเปลี่ยนโทษเป็นบังคับทำงานสิบปีในเหมืองเกลือที่ไซบีเรียแทน
หลังถูกปล่อยตัวในปี ๑๘๗๓ โยเซฟเดินทางออกจากบ้านเกิดในลิธัวเนีย ท่านไปอยู่ที่เมืองปารีสฝรั่งเศส ทำงานเป็นครูสอนพิเศษเป็นเวลา ๓ ปี ในปี ๑๘๗๗ ท่านก็ตอบรับกระแสเรียกชีวิตนักบวชที่มีมานาน ท่านเข้าคณะคาร์เมไลท์ที่เมือง Graz ประเทศออสเตรีย และได้รับชื่อว่าราฟาเอล ท่านเรียนเทววิทยาในฮังการี และเข้าพักในบ้านคณะคาร์เมไลท์ใน Czama ประเทศโปแลนด์ท่านรับศีลบวชในปี๑๘๘๒
คุณพ่อราฟาเอลพยายามฟื้นฟูคณะคาร์เมไลท์ในโปแลนด์และทำงานเพื่อเอกภาพของพระศาสนจักร ท่านตั้งอารามที่เมือง Wadowice โปแลนด์ ในปี ๑๘๘๙ ท่านเป็นพ่อวิญญาณของทั้งคาทอลิกและออร์โธดอกซ์ ท่านเป็นพ่อเจ้าวัดที่กระตือรือร้นและใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการฟังแก้บาป ท่าน
สิ้นใจในปี ๑๙๐๗ พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญในปี ๑๙๙๑
CR. : Sinapis
นักบุญราฟาเอล คาลิโนสกี้
St. Raphael Kalinowski
โยเซฟ คาลิโนสกี้ เกิดเมื่อปี ๑๘๓๕ บ้านเกิดของท่านอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศลิธัวเนียปัจจุบัน ท่านอยากเป็นพระสงฆ์ตั้งแต่เยาว์วัยแต่ตัดสินใจเรียนให้จบเสียก่อน ท่านเรียนด้านสัตววิทยา เคมีเกษตรกรรมและการเลี้ยงผึ้งที่สถาบัน Agronomy ในเมือง Hory Horki และที่สถาบันวิศวกรรมกองทัพในเมือง Saint Petersburg ประเทศรัสเซีย
โยเซฟรับยศร้อยโทในกองทัพรัสเซียโดยประจำในหน่วยวิศวกรรมทหาร ท่านรับผิดชอบในการวางแผนและดูแลก่อสร้างทางรถไฟระหว่างเมือง Kursk และ Odessa ต่อมา ท่านได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก เข้าประจำการที่ Brest-Litovsk ที่เมืองนี้ท่านริเริ่มชั้นเรียนคำสอนวันอาทิตย์โดยท่านเป็นผู้สอน
และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เปิดรับทุกคนที่สนใจเรียน
ปี ๑๘๖๓ โยเซฟสนับสนุนขบวนการปลดแอกของชาวโปแลนด์ท่านลาออกจากกองทัพรัสเซียและรับตำแหน่งรัฐมนตรีสงครามของกองทัพขบถในเขต Vilna ท่านรับหน้าที่นี้โดยประกาศว่าจะไม่มีการลงโทษประหารหรือฆ่านักโทษโดยเด็ดขาด ท่านถูกกองกำลังรัสเซียจับกุมในปี ๑๘๖๔ และถูกตัดสิน
ประหารชีวิต แต่พวกรัสเซียเกรงว่าการตายจะทำให้ท่านเป็นวีรบุรุษ จึงเปลี่ยนโทษเป็นบังคับทำงานสิบปีในเหมืองเกลือที่ไซบีเรียแทน
หลังถูกปล่อยตัวในปี ๑๘๗๓ โยเซฟเดินทางออกจากบ้านเกิดในลิธัวเนีย ท่านไปอยู่ที่เมืองปารีสฝรั่งเศส ทำงานเป็นครูสอนพิเศษเป็นเวลา ๓ ปี ในปี ๑๘๗๗ ท่านก็ตอบรับกระแสเรียกชีวิตนักบวชที่มีมานาน ท่านเข้าคณะคาร์เมไลท์ที่เมือง Graz ประเทศออสเตรีย และได้รับชื่อว่าราฟาเอล ท่านเรียนเทววิทยาในฮังการี และเข้าพักในบ้านคณะคาร์เมไลท์ใน Czama ประเทศโปแลนด์ท่านรับศีลบวชในปี๑๘๘๒
คุณพ่อราฟาเอลพยายามฟื้นฟูคณะคาร์เมไลท์ในโปแลนด์และทำงานเพื่อเอกภาพของพระศาสนจักร ท่านตั้งอารามที่เมือง Wadowice โปแลนด์ ในปี ๑๘๘๙ ท่านเป็นพ่อวิญญาณของทั้งคาทอลิกและออร์โธดอกซ์ ท่านเป็นพ่อเจ้าวัดที่กระตือรือร้นและใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการฟังแก้บาป ท่าน
สิ้นใจในปี ๑๙๐๗ พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญในปี ๑๙๙๑
CR. : Sinapis
ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน
นักบุญแบร์นวาร์ด
St. Bernward
นักบุญแบร์นวาร์ดเป็นสังฆราชคนที่สิบสามของสังฆมณฑล Hildesheim ในเยอรมัน ท่านมีชีวิตอยู่ช่วงกลางศตวรรษที่ ๑๐ หลังบิดามารดาเสียชีวิต แบร์นวาร์ดถูกส่งไปอยู่กับลุงซึ่งเป็นสังฆราชแห่ง Utrecht ลุงของท่านมอบหมายให้ Thangmar ผู้อำนวยการโรงเรียนประจำโบสถ์ Heidelberg ซึ่งเป็นคนศรัทธาและเปรื่องปราดเป็นผู้อบรมสั่งสอนแบร์นวาร์ด
แบร์นวาร์ดก้าวหน้าในความศรัทธาและวิทยาการต่างๆ ท่านชำนาญด้านคณิตศาสตร์การวาดภาพสถาปัตยกรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างวัสดุภัณฑ์ทางศาสนาและเครื่องประดับทำด้วยเงินและทอง
แบร์นวาร์ดจบการศึกษาที่ Mainz และบวชเป็นพระสงฆ์ปี ๙๘๗ ท่านเป็นวิญญาณรักษ์ของสำนักพระราชวังผู้แทนจักรพรรดินี Theophano ตั้งท่านเป็นครูสอนหนังสือ Otto ที่ ๓ โอรสของพระนาง ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง ๖ ขวบ แบร์นวาร์ดทำงานให้ราชสำนักจนถึงปี ๙๙๓ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่ง Hildescheim
ท่านเป็นคนใจศรัทธาอุทิศตนในการสวดภาวนาและทำพลีกรรมทรมานกาย ท่านใช้ความรู้และความสามารถด้านศิลปะเพื่อรับใช้พระศาสจักรอย่างเต็มที่
ไม่นานก่อนท่านสิ้นใจในปี ๑๐๒๒ ท่านได้ปฏิญาณตนเป็นฤษีคณะเบเนดิกติน พระสันตะปาปาเซเลสติน ที่ ๓ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญในปี ๑๑๙๓
CR. : Sinapis
นักบุญแบร์นวาร์ด
St. Bernward
นักบุญแบร์นวาร์ดเป็นสังฆราชคนที่สิบสามของสังฆมณฑล Hildesheim ในเยอรมัน ท่านมีชีวิตอยู่ช่วงกลางศตวรรษที่ ๑๐ หลังบิดามารดาเสียชีวิต แบร์นวาร์ดถูกส่งไปอยู่กับลุงซึ่งเป็นสังฆราชแห่ง Utrecht ลุงของท่านมอบหมายให้ Thangmar ผู้อำนวยการโรงเรียนประจำโบสถ์ Heidelberg ซึ่งเป็นคนศรัทธาและเปรื่องปราดเป็นผู้อบรมสั่งสอนแบร์นวาร์ด
แบร์นวาร์ดก้าวหน้าในความศรัทธาและวิทยาการต่างๆ ท่านชำนาญด้านคณิตศาสตร์การวาดภาพสถาปัตยกรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างวัสดุภัณฑ์ทางศาสนาและเครื่องประดับทำด้วยเงินและทอง
แบร์นวาร์ดจบการศึกษาที่ Mainz และบวชเป็นพระสงฆ์ปี ๙๘๗ ท่านเป็นวิญญาณรักษ์ของสำนักพระราชวังผู้แทนจักรพรรดินี Theophano ตั้งท่านเป็นครูสอนหนังสือ Otto ที่ ๓ โอรสของพระนาง ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง ๖ ขวบ แบร์นวาร์ดทำงานให้ราชสำนักจนถึงปี ๙๙๓ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่ง Hildescheim
ท่านเป็นคนใจศรัทธาอุทิศตนในการสวดภาวนาและทำพลีกรรมทรมานกาย ท่านใช้ความรู้และความสามารถด้านศิลปะเพื่อรับใช้พระศาสจักรอย่างเต็มที่
ไม่นานก่อนท่านสิ้นใจในปี ๑๐๒๒ ท่านได้ปฏิญาณตนเป็นฤษีคณะเบเนดิกติน พระสันตะปาปาเซเลสติน ที่ ๓ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญในปี ๑๑๙๓
CR. : Sinapis