“คลื่นมฤตยู”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ม.ค. 16, 2021 7:36 pm

......คลื่นมฤตยู .....
โดย แอนิตา บาร์โทโลมิว; จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนมีนาคม 2548/2005, ย่อและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ท่ามกลางความหวาดผวาและสิ้นหวัง มีเรื่องราวอันมหัศจรรย์ของการรอดชีวิตและความกล้าหาญให้ประจักษ์ (ตอนที่ (1)
1)เกาะเวห์ (Pulau Weh) อินโดนีเซีย
วันที่ 26 ธันวาคม 2547 เวลาประมาณ 7.30 น. อากิโกะ ทาตะ วัย 39 ปีทิ้งตัวลงทะเลตรงกราบเรือเพื่อดำน้ำบริเวณเกาะเวห์ จากนั้นก็ดำดิ่งอย่างรวดเร็วลงสู่เบื้องล่างของท้องทะเลสีครามในมหาสมุทรอินเดีย แหวกว่ายผ่านปลาทูน่าและปลาทะเลฝูงใหญ่
เมื่อคืนก่อน อากิโกะกินมื้อเย็นฉลองคริสต์มาสกับเพื่อนนักดำน้ำและชาวบ้านทั้งหมดกว่า 30 คนซึ่งมารวมกันที่ศูนย์ดำน้ำหาดกาปัง เช้าวันนี้เธอตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อลงเรือไปดำน้ำ
หลังชื่นชมความงดงามของหน้าผาในทะเลจนหนำใจแล้วก็ต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่ยังไม่ทันลอยตัวขึ้น อากิโกะก็ได้ยินเสียงกึกก้องเหมือนเสียงกระหึ่มของเครื่องบินลำใหญ่ดังอยู่ 2-3 นาที ฟังอีกทีก็รู้สึกเหมือนแผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปยังผิวน้ำ อากิโกะคาดว่าจะได้เห็นเรือลำใหญ่แล่นผ่านไป เพราะถ้าไม่ใช่เสียงเรือแล้วจะเป็นเสียงอะไรได้อีก อย่างไรก็ตาม นอกจากเรือที่พาเธอออกมาดำน้ำแล้วก็ไม่เห็นมีเรือลำอื่นเลย เมื่อกลับขึ้นไปบนเรือ เธอถามคนเรือว่า มีแผ่นดินไหวหรือเปล่า แต่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เธอจึงไม่สู้จะมั่นใจในคำตอบของเขาเท่าใดนัก
ความจริงแล้วเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษที่ใต้มหาสมุทรอินเดียนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา ห่างจากจุดที่อากิโกะลงไปดำน้ำไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้กว่า 250 กิโลเมตร วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 9.0 ริกเตอร์ อานุภาพเท่ากับระเบิดปรมาณูแบบที่ถล่มเมืองนางาซากิถึง 23,000 ลูก
แผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงกว่าตัวมันเองหลายร้อยเท่า คลื่นที่เราเห็นเมื่อโยนแท่งดินสอลงไปกลางบ่อน้ำแล้วแผ่ขยายออกไปตามแนวยาว ส่งผลให้น้ำทั้งหมดตั้งแต่พื้นทะเลถึงผิวน้ำชั้นบนเกิดการสั่นสะเทือน คลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหวไม่เหมือนกับคลื่นธรรมดาตรงที่กระแสคลื่นเหล่านี้เดินทางด้วยความเร็วสูงถึง 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระนั้นก็ตาม เมื่อคลื่นเกิดจากแผ่นดินไหวเดินทางผ่านนักดำน้ำไป พวกเขาจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ เลย ส่วนบริเวณผิวน้ำที่เรือสำหรับดำน้ำจอดทอดสมออยู่นั้น คลื่นเหล่านี้ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมพอสมควร วัดความสูงได้เป็นเมตรเหมือนกัน แต่นักดำน้ำอาจเข้าใจว่าท้องทะเลกำลังแปรปรวนตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามเมื่อคลื่นเดินทางถึงชายฝั่งที่ตื้นกว่า ความสูงของคลื่นจะเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความแรงที่เพิ่มกำลังอย่างมหาศาล
เมื่อเรือแล่นเข้าใกล้รีสอร์ต อากิโกะจึงรู้ว่าคลื่นสึนามิกวาดทุกอย่างพังพินาศไปหมดแล้ว ภาพที่เห็นตรงหน้าคือต้นไม้ที่ถูกถอนรากถอนโคนกองเกลื่อนอยู่เต็มหาด โป๊ะคอนกรีตซึ่งเมื่อเช้าตอนออกเรือไปยังลอยอยู่เหนือน้ำ 2 เมตรนั้น ตอนนี้จมมิดอยู่ใต้น้ำ สิ่งที่หายไปอีกอย่างหนึ่งคือภัตตาคารริมชายหาดซึ่งเมื่อคืนก่อนยังเป็นสถานที่ที่อากิโกะฉลองคริสต์มาสกับเพื่อนนักดำน้ำกลุ่มใหญ่ เมื่อน้ำทะเลลดลง คนเรือก็ผูกเรือเข้ากับโป๊ะและกลุ่มนักดำน้ำทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ศูนย์ดำน้ำ
โปรดติดตามตอนที่ 2ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ม.ค. 17, 2021 3:53 pm

.....คลื่นมฤตยู .....
โดย แอนิตา บาร์โทโลมิว; จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนมีนาคม 2548/2005, ย่อและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ท่ามกลางความหวาดผวาและสิ้นหวัง มีเรื่องราวอันมหัศจรรย์ของการรอดชีวิตและความกล้าหาญให้ประจักษ์ (ตอนที่ (2))
ถังออกซิเจนสำหรับดำน้ำลอยอยู่กลางกระแสน้ำที่อ่อนแรงจนเป็นปกติแล้ว เก้าอี้พลาสติกตัวหนึ่งห้อยอยู่บนต้นไม้เหมือนเป็นของประดับขนาดยักษ์ หลังคาบ้านถูกน้ำซัดหายไปแทบไม่เหลือซาก กำแพงพังทลายยับเยิน สิ่งปลูกสร้างเพียงอย่างเดียวที่ไม่ถูกทำลายคือร้านดำน้ำที่สร้างด้วยคอนกรีต นอกนั้นทุกอย่างบนหาดพังพินาศเหลือแต่ซาก
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังเกิดสึนามิ อากิโกะและนักดำน้ำอีก 5 คนขึ้นเรือหาปลามุ่งสู่จังหวัดบันดา อาเจะห์ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะสุมาตรา นี่เป็นช่วงแรกของการเดินทางกลับบ้านผ่านสิงคโปร์ ทะเลสงบอย่างไม่น่าเชื่อราวกับกำลังพักผ่อนหลังอาละวาดจนหนำใจแล้ว
เมื่อเรือแล่นไปได้ครึ่งทาง ทุกคนก็เริ่มเห็นซากความเสียหายต่าง ๆ เช่น ซากสัตว์ ต้นไม้ ตู้เย็น รถยนต์ กัปตันพยายามขับเรืออ้อมซากเหล่านี้ แต่ก็มีทางมะพร้าวหลุดเข้าไปติดอยู่ที่ใบพัด ชาวประมงต้องหยุดเรือลงไปจัดการกับทางมะพร้าวเสียก่อนจึงออกเรือต่อได้
เรือแล่นไปจนห่างจากฝั่งราว 500 เมตร ทุกคนบนเรือก็ได้เห็นความโกลาหลอย่างเต็มตา พวกเขาเห็นศพหลายศพ หลายคนเป็นเด็ก อากิโกะต้องเบือนหน้าหนี แต่ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า สึนามิซึ่งวิ่งผ่านตัวเธอไปอย่างแผ่วเบาแทบไม่รู้สึกนั้นได้สร้างความเสียหายมากมายไม่เฉพาะที่รีสอร์ตดำน้ำเล็ก ๆ ที่เธอกับเพื่อนพักอยู่เท่านั้น นี่คือภัยพิบัติที่ร้ายแรงทีเดียว
ภาพในทะเลที่เห็นและคิดว่าน่ากลัวแล้วนั้น เทียบไม่ได้เลยกับกับภาพที่เห็นหลังจากขึ้นฝั่งแล้ว เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้เสียชีวิต ศพถูกโคลนและดินทรายจับจนดำไปทั้งตัว หลายหมู่บ้านถูกกวาดลงทะเลราบเป็นหน้ากลอง เรือประมงขนาดใหญ่ขึ้นไปค้างเติ่งอยู่บนยอดตึกที่เหลืออยู่ไม่กี่หลัง กระนั้นก็ดี ท่ามกลางความพินาศย่อยยับที่เห็นอยู่นี้ยังมีผู้รอดชีวิตเดินไปมาอยู่บ้าง ทุกคนหน้าตาเศร้าหมองเพราะความสูญเสียมหาศาล และกำลังออกค้นหาญาติพี่น้องที่สูญหาย
ทีมนักดำน้ำเดินผ่านชาวบ้านที่กำลังขุดหลุมฝังศพขนาดใหญ่เพื่อรองรับร่างที่ไร้วิญญาณของญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้านตามประเพณีของชาวมุสลิม นักดำน้ำทั้งหกคนแบกอุปกรณ์ดำน้ำซึ่งหนักมากเดินไปตามแม่น้ำที่มุ่งหน้าเข้าไปในแผ่นดิน เป้าหมายของพวกเขาคือถนนใหญ่ ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรเลย หลังเดินอยู่หลายชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ระหว่างทางพวกเขาเห็นสภาพปรักหักพังซึ่งเมื่อวานยังคึกคักมีชีวิตชีวา รถหลายคันแล่นผ่านมุ่งหน้าไปทางสนามบินแต่ไม่มีใครหยุดเลย ในที่สุดก็มีชาวบ้านคนหนึ่งจอดรถและพาพวกเขาไปส่งที่สนามบิน ระหว่างนั่งเครื่องบินออกจากเกาะ พวกเขาจึงได้ตระหนักว่าตัวเองอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวมากเพียงไร และเพิ่งทราบข่าวคลื่นยักษ์สึนามิที่แผ่ขยายเป็นวงกว้างไกลเมื่อพวกเขาเดินทางถึงสิงคโปร์แล้ว
โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ม.ค. 18, 2021 4:53 pm

.....คลื่นมฤตยู ....
โดย แอนิตา บาร์โทโลมิว; จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนมีนาคม 2548/2005, ย่อและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ท่ามกลางความหวาดผวาและสิ้นหวัง มีเรื่องราวอันมหัศจรรย์ของการรอดชีวิตและความกล้าหาญให้ประจักษ์ (ตอนที่ (3)
2)เส้นทางรถไฟใกล้เมืองกอลล์ ศรีลังกา
เช้าวันอาทิตย์ถัดจากวันคริสต์มาส รถไฟด่วนจากกรุงโคลัมโบแล่นไปตามรางซึ่งทอดยาวเลียบชายฝั่งมุ่งหน้าสู่เมืองกอลล์และเมืองทามารา มีผู้โดยสารกว่า 1,000 คนแออัดกันอยู่ภายใน ในจำนวนนี้มี “ดายา รันจัน” วัย 62 ปี ผู้จัดการภัตตาคารพร้อมกับลูกสาวลูกชายซึ่งโตแล้วรวมอยู่ด้วย ทั้งสามคนนั่งอยู่ในตู้ที่สะดวกสบายปะปนกับผู้โดยสารอื่นอีกราว 100 คนรวมทั้งเด็กอีกราว 10 คน ผู้โดยสารทุกคนต่างมุ่งหน้าไปเยี่ยมญาติในช่วงวันหยุดรวมทั้งครอบครัวของดายาด้วย
ใกล้หมู่บ้านเทลวัตต์ห่างจากสถานีกอลล์ 18 กิโลเมตร จู่ ๆ รถไฟก็หยุดกลางคันทั้งที่ตารางเดินรถไม่ได้กำหนดไว้ ผู้โดยสารได้ยินเสียงหวีดร้องและเสียงตะโกนดังก้องมาจากทางทะเล ชาวบ้านหลายสิบคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาววิ่งหน้าตั้งมาที่รถไฟและเริ่มปีนขึ้นไปบนหลังคาตู้โดยสารที่ดายาโดยสารอยู่ ไม่กี่อึดใจต่อมา ดายาก็ทราบว่าพวกเขาเป็นชาวบ้านที่วิ่งหนีคลื่นยักษ์ซึ่งหอบเอาต้นไม้ ตู้เย็น พัดลม อาหารและโต๊ะมาด้วย คลื่นดังกล่าวถาโถมเข้าใส่ขบวนรถไฟ น้ำไหลบ่าเข้ามาเต็ม ดายากับลูกสาวและลูกชายรีบลุกขึ้นยืนบนม้านั่งและกระโดดเกาะชั้นวางกระเป๋าเหนือศีรษะ เมื่อน้ำค่อย ๆ ไหลออกทางประตูรถไฟ เขาก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ของเด็ก ๆ “แม่จ๋า ๆ ช่วยด้วย” ทุกคนพากันตะโกนและร้องไห้ เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งซึ่งนั่งใกล้เขาร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร “หนูไม่ต้องกลัว” ดายาปลอบพลางลูบหัวหนูน้อยที่ขวัญกระเชิง “น้ำไปแล้ว” เขาสวดมนต์เพื่อปลอบโยนเด็ก จนในที่สุดหนูน้อยก็เงียบเสียงลง รอบ ๆ ตู้โดยสารยังมีน้ำท่วมเจิ่งอยู่ ดูเหมือนว่าสิ่งเลวร้ายที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว ทว่าอีก 5 นาทีต่อมา กำแพงน้ำขนาดมหึมาสูงประมาณ 12 เมตรก่อตัวทะมึนอยู่กลางท้องฟ้าและมุ่งหน้าเข้าถล่มขบวนรถไฟอีกครั้งหนึ่ง
คลื่นยักษ์กระชากตู้รถไฟขาดออกจากกันและพัดขบวนรถไฟหลุดจากรางอย่างง่ายดายราวกับเป็นรถไฟเด็กเล่น ยิ่งไปกว่านั้น น้ำยังกัดเซาะเหล็กและไม้หมอนจนหลุดออกจากรางลอยไปกับน้ำเข้าสู่แผ่นดินด้านใน คลื่นยักษ์เคลื่อนตัวทะลุผ่านตู้รถไฟด้วยความเร็วสูงและรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ กระเป๋าเดินทางถูกน้ำซัดหลุดจากชั้นวางและเสื้อผ้าที่ผู้โดยสารสวมอยู่ก็ถูกกระชากขาดเป็นริ้ว ๆ ดายากับลูกชายและลูกสาวกระโดดโหนตัวเกาะชั้นวางกระเป๋าใกล้เพดาน น้ำเริ่มเอ่อขึ้นมาถึงคอ ตู้โดยสารหมุนคว้างและพลิกคว่ำหลายตลบไม่ต่างจากรถไฟเหาะในสวนสนุก ที่สุดก็หยุดนิ่งสนิทอยู่ห่างชายฝั่งราว 40 เมตร ผู้โดยสารบางคนหนีออกมาทางช่องระบายอากาศที่เพดานตู้โดยสาร
ดายากับลูกทั้งสองพยายามกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดออกจากตู้โดยสารซึ่งกลายเป็นซากพังยับเยิน ในที่สุดพวกเขาก็ปีนหน้าต่างออกมาได้อย่างปลอดภัย สามพ่อลูกมองเห็นวัดอยู่บนเนินเขาแต่ทางขึ้นถูกน้ำท่วม ชาวบ้านจึงโยนเศษไม้กระดาน, ทางมะพร้าว และไม้ขื่อลงมาให้เพื่อใช้ยึดเหนี่ยวและขึ้นไปจนถึงวัดได้ในที่สุด ที่นั่นดายาเห็นชาวบ้านนั่งเกาะกลุ่มกันอยู่แล้วหลายสิบคน ดายาสงสารคนเหล่านั้นจับใจเพราะแต่ละคนสูญเสียลูก แม่ สามี และบ้าน ดายาอยากพักเอาแรงแต่พระสงฆ์เร่งเร้าให้พวกเขาปีนเขาสูงขึ้นไปอีกเพราะแม้แต่วัดบนเนินก็อาจจะไม่ปลอดภัยถ้ามีคลื่นกระหน่ำซ้ำมาอีก
ชายหนุ่ม 5-6 คนพายเรือแคนู 2 ลำมาที่วัด ที่ว่างบนเรือพอรองรับได้เฉพาะผู้หญิงและเด็ก พวกเขาผูกเชือกโยงเรือผ่านกระแสน้ำไว้กับต้นไม้บนเขาที่อยู่สูงกว่าวัด ดายาอุ้มลูกสาวลงเรือลำหนึ่ง จากนั้นก็พยายามพาเรือฝ่ากระแสน้ำโดยยึดเชือกที่โยงไว้นำทางจนถึงจุดปลอดภัยในหมู่บ้านที่อยู่สูงกว่าวัด โปรดติดตามตอนที่ (4)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 22, 2021 1:36 pm

คลื่นมฤตยู โดย แอนิตา บาร์โทโลมิว; จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนมีนาคม 2548/2005, ย่อและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ท่ามกลางความหวาดผวาและสิ้นหวัง มีเรื่องราวอันมหัศจรรย์ของการรอดชีวิตและความกล้าหาญให้ประจักษ์ (ตอนที่ (4 )
3) หมู่บ้านเขาหลัก จังหวัดพังงา เช้าตรู่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ช้าง 2 ใน 8 เชือกที่ปางช้างของอนิวัฒิ์ จงกฤษ ส่งเสียงร้องอย่างผิดปกติราวกับกำลังตื่นตระหนกกับอะไรสักอย่าง หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เขาจึงรู้ว่าช้างส่งสัญญาณเตือนภัย
อนิวัฒิ์ส่งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น 5 คนออกไปนั่งช้างท่องป่าโดยมีควาญช้างคนหนึ่งคอยดูแล ทันใดนั้นช้าง 2 เชือกที่ส่งเสียงร้องผิดปกติก่อนหน้านั้นก็กระชากจนหลุดจากโซ่และตั้งหน้าตั้งตาวิ่งขึ้นเขาตามหลังนักท่องเที่ยวที่อยู่บนหลังช้างตัวอื่นขณะกำลังจะออกท่องป่า อนิวัฒิ์พยายามหยุดช้างคลั่งทั้งสอง แต่พวกมันวิ่งต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต
อนิวัฒิ์รู้สึกงุนงงเพราะสัตว์แสนรู้พวกนี้ไม่เคยขัดคำสั่ง เขาวิ่งตามพวกมันไป แต่แล้วก็ต้องเหลียวกลับมามองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากชายหาดเบื้องล่าง เขาเพิ่งประจักษ์ว่าสิ่งที่ช้างรู้โดยสัญชาตญาณนั้นคือคลื่นยักษ์ซึ่งกำลังวิ่งไล่หลังมาติด ๆ แรงน้ำกวาดเอาบ้านเรือนทุกหลังที่ขวางหน้าและกำลังถาโถมเข้าใส่สำนักงานของเขา อนิวัฒิ์ตะโกนสุดเสียงเพื่อบอกให้เพื่อน ๆ หนีเอาตัวรอดออกมาจากอาคาร ทุกคนวิ่งหนีขึ้นไปบนเนินเขาได้ทันก่อนจะถูกบดขยี้
สมิทธ ธรรมสโรช รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนขณะนั่งฟังข่าววิทยุอยู่ที่บ้านที่กรุงเทพฯ มีรายงานแจ้งว่าเช้าวันนั้นเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรง 8.9 ริกเตอร์ในมหาสมุทรอินเดีย สมิทธเป็นนักวิทยาศาสตร์ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านแผ่นดินไหวจากสหรัฐฯ และเคยศึกษาด้านแผ่นดินไหวรู้ถึงอันตรายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ก่อนหน้านั้น สมิทธพบว่าการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีการบันทึกทุกครั้งล้วนเกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ริกเตอร์ขึ้นไป แต่รายงานครั้งนี้รุนแรงถึง 8.9 ริกเตอร์ซึ่งรุนแรงกว่า 150 เท่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างออกไปราว 1,000 กิโลเมตร หากคลื่นมฤตยูกำลังเดินทางมาขึ้นฝั่งทะเลไทย เขาคำนวณว่ามีเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงครึ่งสำหรับการอพยพผู้คนออกจากชายฝั่งซึ่งมีชายหาดเรียงรายตั้งแต่ภูเก็ต พังงาและกระบี่ ข้อสำคัญคือ ขณะนี้ทุกหาดคลาคล่ำด้วยนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส
ก่อนเกษียณราชการในปี 2541 ช่วงที่สมิทธดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เขาเคยเตือนว่า จะมีคลื่นสึนามิเกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหว แต่ปรากฏว่าไม่มีคลื่นมหาภัยอย่างที่เตือน 7 ปีต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอีก สมิทธเตือนว่าบริเวณชายหาดที่พักตากอากาศตามแนวชายฝั่งของไทยอาจอยู่ในเส้นทางของคลื่นยักษ์ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่กลัวว่าคำเตือนของสมิทธจะสร้างความแตกตื่นในหมู่นักท่องเที่ยว นักลงทุนเรียกเขาว่าคนเสียสติ นักข่าวโทรทัศน์ขนานนามเขาว่าตัวตลก ดังนั้นในวันอาทิตย์ที่มีข่าวเช่นนี้ ถ้าสมิทธส่งคำเตือนออกไปจะมีผู้ใดรับฟังเขาหรือไม่! โปรดติดตามตอนที่ (5)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 22, 2021 1:37 pm

คลื่นมฤตยู โดย แอนิตา บาร์โทโลมิว; จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนมีนาคม 2548/2005, ย่อและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ท่ามกลางความหวาดผวาและสิ้นหวัง มีเรื่องราวอันมหัศจรรย์ของการรอดชีวิตและความกล้าหาญให้ประจักษ์ (ตอนที่ (5)
ชายหาดที่ภูเก็ต คลื่นยักษ์เดินทางเข้ามาอย่างเงียบเชียบและเริ่มดูดน้ำทะเลตรงชายฝั่งออกไป น้ำลดลงทันทีกว่า 50 เมตร ทิ้งให้ปลามากมายดิ้นเกยตื้นอยู่บนหาด ปรากฏการณ์ประหลาดดึงดูดให้ผู้เห็นเหตุการณ์กรูกันลงไปสำรวจพื้นที่ซึ่งเคยมีคลื่นซัดสาดอยู่ชั่วนาตาปี เด็ก ๆ ลงไปเล่นน้ำตามแอ่งที่มีน้ำทะเลขังอยู่เล็กน้อย ขณะเดียวกันชาวบ้านก็วิ่งแข่งกันไปจับปลาอย่างโกลาหล
เกาะพีพี ลุค ซิมมอนด์ ผู้อำนวยการข่าวชาวอังกฤษวัย 36 ปีก้าวจากเรือลงไปในน้ำสีฟ้าใสบริเวณอ่าวต้นไทรเพื่อเล่นสกีน้ำ แต่ทันใดนั้นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดเกิดขึ้น น้ำเหือดแห้งไปจากทะเลเหมือนเวลาที่เราดึงจุกยางที่อุดน้ำในอ่างล้างจาน
ซิมมอนด์งุนงงสงสัยกับภาพที่เห็นจึงปีนขึ้นเรือ คนขับหันหัวเรือกลับเข้าชายฝั่งขณะที่กระแสน้ำเริ่มไหลย้อนกลับมาเพิ่มระดับต่อหน้าต่อตา น้ำไหลผ่านใต้ท้องเรือและรวมตัวกันเป็นคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ซิมมอนด์สั่งคนขับเรือให้บ่ายหัวเรือออกสู่ทะเลลึก แต่เรือไม่สามารถแล่นหนีคลื่นที่โถมเข้าใส่อย่างรวดเร็วและฉีกลำเรือออกเป็นชิ้น ๆ เขาโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำได้แวบหนึ่งแต่ก็นานพอจะสูดลมหายใจเข้าปอด ทันใดนั้นกระแสคลื่นก็กระชากร่างเขากลับลงใต้น้ำ ซิมมอนด์ว่ายน้ำเก่งและฝึกดำน้ำจนชำนาญ จึงรู้ว่าไม่ควรออกแรงต้านกระแสน้ำแต่ควรรอจนตัวเขาลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเอง เขาสูดลมหายใจอีกครั้งก่อนจะถูกลากจมดิ่งลงเป็นครั้งที่สอง พอโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำได้ เขาเห็นเสื้อชูชีพลอยอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งอาจหลุดมาจากเรือที่เขาโดยสารมา ซิมมอนด์รีบว่ายน้ำไปคว้ามาสวมไว้
จากนั้นคลื่นก็ซัดซิมมอนด์เข้าไปยังชายฝั่งอย่างแรงจนร่างเขาปะทะกับโรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ คาบานา เขาคว้าระเบียงชั้นหนึ่งไว้ได้ แต่คลื่นยักษ์ก็กระชากซ้ำและเหวี่ยงร่างเขาไหลไปข้างหน้าจนทะลุผ่านพื้นที่ของโรงแรม เสื้อชูชีพที่สวมอยู่ช่วยให้เขาลอยตัวอยู่ที่ผิวน้ำและยังหายใจได้ เขาค่อย ๆ ว่ายกระเสือกกระสนไปเกาะต้นมะพร้าวได้อย่างปลอดภัย หลังจากรอจนแน่ใจว่าไม่มีคลื่นยักษ์มาอีกแล้วจึงลงมาจากต้นมะพร้าว ทั่วบริเวณนั้นมีแต่เสียงร้องของผู้รอดชีวิตดังระงมไปหมด บ้างร้องหาบุคคลที่ตนรัก ขณะที่บางคนก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
ผู้คนโผล่ออกมาจากทุกทิศทุกทาง หลายคนมีเลือดอาบและอีกหลายคนนอนตรงจุดที่ถูกคลื่นซัดไปทิ้งไว้เพราะเจ็บหนักจนทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ซิมมอนด์กับจิตแพทย์คนหนึ่งซึ่งเขาทราบเพียงชื่อสั้น ๆ ว่า “ซีซี” ร่วมกับผู้รอดชีวิตคนอื่นช่วยกันจัดตั้งโรงพยาบาลชั่วคราวขึ้นที่ชั้นบนของโรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ คาบานา พวกเขาใช้เศษเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน และวัสดุอื่น ๆ ที่พอจะหยิบฉวยได้มาพันแผลให้คนเจ็บที่ยังพอมีแรงเดินมาหาได้ และเดินตามเสียงไปค้นหาคนที่เดินไม่ไหว โปรดติดตามตอนที่ (6)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 22, 2021 1:39 pm

คลื่นมฤตยู โดย แอนิตา บาร์โทโลมิว; จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนมีนาคม 2548/2005, ย่อและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ท่ามกลางความหวาดผวาและสิ้นหวัง มีเรื่องราวอันมหัศจรรย์ของการรอดชีวิตและความกล้าหาญให้ประจักษ์ (ตอนที่ (6)
ท่ามกลางกองเศษซากวัสดุ พวกเขาพบเด็กหญิงชื่อแซลลีมีบาดแผลลึกถึงกระดูก จึงใช้บานประตูเป็นเปลสนามนำร่างของเธอกับผู้บาดเจ็บคนอื่น ๆ ไต่บันไดขึ้นไปหา “ซีซี” ที่ชั้นหนึ่ง ผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่งมีบาดแผลลึกมากที่ลำคอ พวกเขาพันแผลด้วยผ้าที่ทำจากผ้าปูที่นอนของโรงแรม ผู้หญิงสวีเดนอีกคนถูกกระแทกอย่างแรงจนศีรษะแตก พวกเขาได้แต่พันศีรษะไว้ด้วยผ้าปูที่นอนของโรงแรมเช่นกัน ขาซ้ายของสาวชาวญี่ปุ่นซึ่งมาเที่ยวพักผ่อนพร้อมกับครอบครัวดูคล้ายกับหักและบิดงอน่าสยดสยอง ซิมมอนด์จับมือของเธอไว้พร้อมกับพูดปลอบโยนและร่วมร้องไห้ไปด้วยขณะที่ผู้ชาย 3 คนช่วยกันดัดขาของเธอให้ตรงซึ่งกินเวลาราว 3-4 นาที ซิมมอนด์ประหลาดใจมากที่เห็นเธอเข้มแข็งเหลือเกิน เธอไม่แสดงอาการอ่อนแอใด ๆ เลยทั้งที่เขารู้ดีว่าเธอต้องเจ็บปวดแสนสาหัส
ผู้คนราว 100 คนซึ่งมีทั้งหญิงชายและเด็กมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านในและรอบ ๆ โรงแรม คนที่บาดเจ็บไม่มากหรือยังพอมีสติพยายามช่วยคนเจ็บหนักหรือคนที่ครองสติไม่อยู่ ขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ก็พยายามอดทนรอโดยหวังว่าหน่วยกู้ภัยจะมาถึงในไม่ช้า เวลา 14.30 น. เรือกู้ภัยลำแรกก็มาถึง คนแข็งแรงช่วยแบกคนที่อาการสาหัสประมาณ 20 คนไปที่เรือโดยใช้เปลที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุเท่าที่หาได้ที่นั่น
มีข่าวลือว่าจะมีคลื่นมหาภัยมาอีก คนที่ยังพอมีแรงก็หนีขึ้นไปอยู่บนเขา มีครอบครัวของหญิงชาวแอฟริกาใต้เข้ามาที่โรงพยาบาลชั่วคราว หนึ่งในนั้นเป็นแม่ที่อุ้มลูกสาววัย 7 ขวบซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์และเลือดไหลโชก หนูน้อยผมบลอนด์หน้าตาน่ารักคนนี้ชื่อเชน เธอเกือบจมน้ำตายแต่ป้าสามารถปั๊มหัวใจคืนมาได้ อย่างไรก็ตามเด็กน้อยยังไม่ค่อยได้สติเท่าใดนัก ทั้งแม่และป้าพยายามช่วยกันสุดความสามารถ ซิมมอนด์รับเด็กมาอุ้มไว้ในวงแขนและพาไปยังจุดที่ปลอดภัยโดยมีชาวอังกฤษอีกคนคอยช่วยเหลือ แต่ 2 ชั่วโมงผ่านไป ซิมมอนด์ตระหนักว่าเชนคงไม่รอดแน่ถ้าไม่ถึงมือหมอโดยเร็ว เขาอุ้มเธอกลับไปลงเรือที่จะพาพวกเขากับผู้รอดชีวิตอีกราว 100 คนไปส่งที่ภูเก็ต
เวลา 22.30 น.ซิมมอนด์ก็นำตัวหนูน้อยไปส่งที่โรงพยาบาลมิชชั่นได้อย่างปลอดภัย แพทย์รีบนำตัวเธอไปดูแลในห้องไอซียูทันที เขาอยู่เป็นกำลังใจให้เธอจนกระทั่งญาติ ๆ ของหนูน้อยตามมาดูแลต่อ
*****************
จบบริบูรณ์
ตอบกลับโพส