++ มิตรภาพของพระเยซูเจ้าและสามพี่น้อง++

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2005 6:02 am

มิตรภาพของพระเยซูเจ้า และสามพี่น้อง�����
โดย โปรดปราน ( พีพี )


เพื่อนๆและฉันชอบเล่นประกวดนางสาวไทย สมัยที่เราเรียนชั้นประถมศึกษา พวกเราหาไม้กระดานแผ่นเดียวมาฝึกเดิน หยิบยืมรองเท้าส้นสูง ของน้าของแม่มาใส่ แอบขโมยเครื่องสำอางของผู้ใหญ่มาพอกหน้าทาปากกัน ตอนฝึกเดินประกวด ก็เอาหนังสือเทินเหนือศีรษะ เราซ้อมกันหลายวัน ถึงประกวดจริง ก็พอจะทราบกันนะใครได้เป็นนางสาวไทย…แต่พอฉันเรียนระดับมหาวิทยาลัย แอบคิดเล็กๆในใจว่าในการประกวดนางงามระดับประเทศ หรือระดับโลก ถ้าฉันเป็นหนึ่งในผู้ร่วมประกวด ตำแหน่งที่ฉันอยากได้คือ “นางงามมิตรภาพ” เพราะเป็นตำแหน่งที่เพื่อนๆที่ใช้ชีวิตร่วมเวทีประกวดเป็นผู้มอบให้ เพราะพวกเขาคงเห็นความสวยงามในจิตใจ ความจริงใจ การเอาใจใส่ห่วงใย ความเป็นมิตร ความรักที่เปี่ยมล้นให้ผู้อื่น

ในมุมมองของคริสตชน เมื่อพูดถึงเรื่องมิตรภาพ ฉันคิดถึงพระเยซูเจ้าที่ทรงเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ ทรงเป็นแบบแก่พวกเรา ฉันขอนำผู้อ่านไปที่เนื้อหาพระคัมภีร์ สักสองเล่มคือ พระวรสารนักบุญลูกา บทที่ 10.38-42 และนักบุญยอห์น บทที่ 11-12.8 เพราะทำให้ฉันเข้าใจถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพอย่างลึกซึ้ง ของพระเยซูเจ้า และสามพี่น้อง คือ มารธา มารีย์ และลาซารัส

๑. พระเยซูเจ้าและสามพี่น้อง

พระเยซู เสด็จเยี่ยม มารธา มารีย์ และลาซารัส พระองค์ทรงสนทนากับพวกเขาอย่างสนิทสนม เช่นมารธาฟ้องเกี่ยวน้องสาว ที่ไม่ช่วยทำงาน พระเยซูทรงตอบสนองด้วยคำชี้แนะ เมื่อมารธาตัดพ้อที่เสด็จมาช้าน้องชายจึงตาย พระองค์ทรงไขข้อข้องใจ และเมื่อมารีย์ ร้องไห้เสียใจเรื่องน้องชายตาย พระเยซูทรงกันแสงด้วยความโศกเศร้าด้วย

ลาซารัส ชายคนนี้เป็นคนละคนกับเรื่องลาซารัสกับเศรษฐี ในพระวรสารทั้งสองเล่ม เขาเป็นศูนย์กลางของครอบครัว เป็นน้องชายคนเดียวของมารธาและมารีย์ ไม่มีบทพูดของเขาในพระคัมภีร์ พบแต่บันทึกในพระวรสารว่า เขาป่วยหนัก และตายถูกฝังไว้ 4 วัน แล้วการอัศจรรย์เกิดขึ้นคือเขาฟื้นคืนชีพโดยการทรงเรียกของพระเยซูเจ้า ต่อมาในยอห์นบทที่ 12 เห็นภาพที่เขานั่งร่วมรับประทานอาหารกับพระเยซูคริสต์ ที่บ้านเขาเอง ซึ่งเป็นงานเลี้ยงขอบพระคุณพระอาจารย์

รูปภาพ

มารธา เป็นพี่สาวคนโตของครอบครัว เธอชอบปรนนิบัติแขก โดยเฉพาะต่อพระเยซูเจ้าและสาวก ในวรสารนักบุญลูกา เราทราบว่าเธอฟ้องพระเยซูเรื่องของน้องสาว ที่ไม่ยอมช่วยงานบ้าน ปล่อยให้เธอทำงานอยู่คนเดียว พอมาอ่านที่ยอห์น บทที่ 11-12 ทำให้เราเข้าใจว่าแท้จริงแล้วมารธาเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจเรื่องความเป็นพระเจ้า และพระคริสต์ของพระเยซู ที่เสด็จเข้ามาในโลก เมื่อน้องชายเจ็บป่วย เธอเชื่อมั่นว่าในเวลานั้นถ้าพระเยซูประทับอยู่ ลาซารัสต้องไม่ตาย

มารีย์ มารีย์คนนี้ คือมารีย์แห่งเบธานี (เพราะมารีย์มีหลายคน )ในพระวรสารนักบุญลูกา กล่าวว่า เธอนั่งเงียบๆแทบพระบาทพระเยซูเจ้า เพื่อฟังคำสอนของพระองค์ จนยอมทิ้งงานบ้าน ทำให้พี่สาวเคืองใจนำไปฟ้องพระเยซูเจ้า ต่อมาในยอห์น 11 เราเห็นภาพที่เธอกราบแทบพระบาทพระเยซู และทูล ว่า ถ้าพระองค์ ประทับอยู่ด้วยน้องชายจะไม่ตาย ในยอห์นบทที่ 12 เธอได้นำน้ำหอมราคาแพงที่สุดมาชโลมพระบาทพระเยซูคริสต์ และใช้ผมของเธอเช็ดเท้า ทั้งสามคนเป็นพี่น้องกัน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับพระเยซู เจ้า และเหล่าสาวก เพราะว่ามิตรภาพนี้มีคุณค่ามากที่ทำให้สามารถเข้าใจกันลึกซึ้งและสามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2005 3:55 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2005 6:04 am

เมื่อ มิตรภาพ คือการร่วมทุกข์กันได้ ขอเล่าเรื่องที่ประทับใจจากเกาะลันตาอีกครั้ง เมื่อ ฉันและเพื่อนๆได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมหนุนใจผู้ประสบภัยกลุ่มผู้ชายชาวเล ที่ป่าช้า ของหมู่บ้านคลองดาว ซึ่งชาวบ้านใช้ป่าช้านั้นเพื่อซ่อมแซม และตกแต่งเรือ พวกเราต้องพลอยติดดินโดยปริยาย เพราะชาวบ้านเขานั่งทำงานบนพื้นดินกลางป่าช้า พวกเขานั่งตกแต่งเรือ ที่ใช้เพื่อทำประมงน้ำตื้น เรือส่วนใหญ่เป็นเรือใหม่ เจ้าของกำลังทาสี วาดลวดลาย ฉันสอบถามเรื่อง เรือที่เขาใช้หากิน เรียกว่า “เรือหัวสูง” พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรใด เพราะเป็นเรือใหม่ๆ นับสิบลำ สนนราคา ลำละกว่า หนึ่งแสนบาท ชาวเลตอบว่า เพื่อนฝรั่งซื้อให้ ฉันแปลกใจว่า พวกเขาคือชาวประมงธรรมดา ทำไมถึงมีเพื่อนเป็นฝรั่งมากมาย ที่ใจดีช่วยซื้อเรือให้พวกเขาไว้ทำกิน คุณไก่ คือตัวแทนชาวเล เล่าให้พวกเราฟังว่า ฝรั่งกลุ่มที่ว่านี้ เป็นนักท่องเที่ยวที่เคยมาพักผ่อน ที่เกาะลันตา เมื่อพวกเขาทราบข่าวว่า ชาวเกาะลันตาได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ พวกเขาได้บินไปเยี่ยม ชาวเลกลุ่มนี้ และสอบถามว่าพวกเขาเสียหายอย่างไร เมื่อทราบว่า ส่วนใหญ่ เครื่องมือทำมาหากินเสียหาย ดังนั้นฝรั่งจึงซื้อเรือให้ชาวเลหลายครอบครัว เพื่อไว้ทำมาหากิน แล้ว ชาวเลเหล่านี้มีความสัมพันธ์อะไรพิเศษกับฝรั่งหรือ คุณไก่บอกว่า พวกเรากับพวกฝรั่งเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นเมื่อพวกเราเดือดร้อนพวกเขาให้ความช่วยเหลือเพราะความเป็นเพื่อน


…ใช่เพื่อนต้องช่วยเพื่อนสิ ฉันคิดถึง พระเยซูทรงตรัสในยอห์น 15.13 “ไม่มีผู้ใดมีรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือ การที่ผู้ใด จะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” พระเยซูเจ้าทรงให้เพื่อน ( มนุษย์ )จนกระทั่งชีวิต นั่นคือมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่หาสิ่งใดเปรียบเทียบมิได้

๒.มิตรภาพของพระเยซูเจ้า และสามพี่น้อง

��นพระวรสารนักบุญยอห์นบันทึกว่าพระเยซูทรงรักสามพี่น้องนี้ นี่คงเป็นเหตุให้พระองค์เสด็จเยี่ยม และพักกับพวกเขาเมื่อเสด็จไปเขตเบธานี มิตรภาพนั้นจึงทำให้มีความเป็นกันเองเกิดขึ้น

มารธา เป็นกุลสตรียิวที่ดีคือเป็นแม่ศรีเรือน ได้ดูแลเอาใจใส่แขก อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งเชื่อกันว่าแขกที่มาพักบ้านของนางไม่ใช่พระเยซูแต่พระองค์เดียว คงมีสาวกทั้งสิบสองคนด้วย การมีแขกมาพักที่บ้านหลายคน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เจ้าของบ้านที่เป็นสตรีทุกคนต้องช่วยกันต้อนรับแขก ซึ่งในความสนิทสนมกัน มาก ทำให้มารธากล้าฟ้องพระอาจารย์ เกี่ยวกับน้องสาวมารีย์ ที่ไม่ได้ช่วยงานเธอเลย แต่กลับเลี่ยงงานไปนั่งฟังคำสอนของพระองค์ ร่วมกับพวกผู้ชาย ( ซึ่งอาจจะยังไม่เหมาะกับสตรียุคนั้น ) แทนที่พระเยซูเจ้าจะคล้อยตาม มารธา หรือเห็นด้วยว่ามารีย์ต้องเป็นกุลสตรีที่ดี คือควรช่วยเหลืองานบ้านตามที่พี่สาวติติงกับพระองค์ แต่ กลับ เกินความคาดหมาย เพราะพระเยซู ไม่ทรงคิดเหมือนกับชายยิวทั่วๆไป เพราะพระองค์ ทรง ชมเชยว่ามารีย์ได้เลือก สิ่งที่ดีที่สุดแล้ว นางไม่ควรจะถูกต่อว่า นับว่าพระองค์ทรงยกย่องสตรีอีกระดับหนึ่ง ฉันเองมาตรึงตรองดู บ่อยครั้งที่สตรี คริสตชนมักจะ แสดงบทมารธาคือ ชอบปรนนิบัติ ที่เราอาจจะเรียกว่าสตรีใจศรัทธา ( พูดในแง่บวก ) เมื่อวัดมีงานฉลอง เทศกาล ต่างๆ สตรีเหล่านี้มัวคอยแต่ต้อนรับแขก และดูแลอาหารการกินอย่างดี จนได้ละเลยที่จะฟังพระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสผ่านบาทหลวง หรือ ศิษยาภิบาล ยิ่งกว่านั้นพวกเธอรู้สึกตำหนิ สตรีที่ไม่ได้ช่วยทำอะไรด้วยซ้ำ แหมเมื่อเขียนมาถึงประโยคนี้แล้ว เกรงว่าจะไม่มีสตรีมาช่วยงานวัดหรือคริสตจักรแล้วสิ ฉันคิดเสมอว่าทำอย่างไร ที่สตรีคริสตชน จะมี บทบาททั้งมารธา และมารีย์ อย่างสมดุลกัน

รูปภาพ

ฝ่ายมารีย์ เราอาจจะคิดว่าเธอมีบทบาทเธอน้อยกว่าพี่สาว แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นได้ชัด ในความ
ศรัทธาต่อพระเยซูคริสต์เธอกล้า ที่จะออกจากกรอบจารีตประเพณีของยิว ที่ว่าการศึกษา นั่น เป็นของสุภาพบุรุษเท่านั้น เมื่อนางได้รู้จักกับองค์พระเยซูแล้ว เธอสนใจจะฟังคำสอนจากพระโอษฐ์ของพระองค์เท่านั้น ซึ่งพระเยซูเองทรงสนับสนุนและเห็นชอบด้วย ว่าเธอได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว นับว่าพระเยซูเจ้า ทรงแก้พันธนาการของสตรีที่เคยถูกม่านประเพณีมากางกั้น ว่าสตรีต้องอยู่เย้าเฝ้าเรือน และไม่มีสิทธิ์ฟังคำสอน ส่วนมารีย์เอง ก็มีใจกล้าหาญเช่นกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2005 3:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2005 6:07 am

๓. การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ เพราะความเชื่อ

รูปภาพ

อันที่จริงเรื่องลาซารัสตายแล้วฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้นเป็นจุดสุดยอด ของการสำแดงของพระเยซูต่อสาธารณชนว่าพระองค์เป็นผู้ประทานชีวิต เพราะเรื่องนี้ยังเล็งถึงการสิ้นพระชนม์ และคืนพระชนม์ของพระองค์ด้วย เมื่อพระเยซูเสด็จมาที่บ้านสามพี่น้อง มารธา รีบไปพบพระองค์ เธอบอกความในใจถึงความเสียใจเมื่อขณะน้องชายป่วย พระเยซูไม่ได้ประทับอยู่ด้วย เพราะเธอมีความเชื่อวางใจในพระองค์ ว่าถ้าในเวลานั้น พระเยซูประทับอยู่ด้วย พระองค์ทรงมีฤทธิ์เดช ที่จะช่วยได้ แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อน้องตายไปแล้ว พระองค์จะชุบชีวิตเขาขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามเธอเชื่อเรื่องการพิพากษาในวันสุดท้ายว่าในวันสุดท้ายน้องชายจะ คืนชีพแน่นอน

ฝ่ายมารีย์ นั้น มีความเศร้าโศกมากกว่า พี่สาว การร้องไห้ของเธอทำให้พระเยซูสะเทือนพระทัยยิ่งนัก จนพระองค์ทรงกันแสง ด้วย การเศร้าโศกนี้แท้จริงแล้ว คือพระเยซูทรงพิโรธ อย่างยิ่งต่อความตาย หรือต่อมารซาตานคือผู้มีอำนาจแห่งความตาย ซึ่งทำให้มนุษย์เศร้าโศกไม่เชื่อและวางใจ การเสด็จเข้ามาในโลกนี้ของพระเยซูเพื่อให้ชีวิต ดังนั้นมารซาตาน จึงเป็นศัตรูที่พระเยซูต้องเผชิญหน้า “...จนกว่าพระองค์จะได้ทรงปราบศัตรูทั้งสิ้นให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูตัวสุดท้ายที่พระองค์จะทรงทำลายนั้นก็คือความตาย” ( ๑ โครินธ์ ๑๕.๒๕–๒๖ )


ก่อนที่พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่นี้ ประชาชน ก็พูดถึงการอัศจรรย์ที่พระองค์เคยทรงทำมาก่อนหน้านี้ เช่นรักษาคนป่วยให้หาย คนตาบอดมองเห็นได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เราผู้อ่านระลึกถึงว่าพระเยซูทรงเป็นทั้งแสงสว่างและชีวิต ( ยน.๘.๑๒,๙.๕ ) ยิ่งกว่านั้นเมื่อ พระเยซูสั่งให้คนเปิดปากอุโมงค์ฝังศพของลาซารัส มารธาพี่สาวรีบทูลพระเยซูว่า น้องชายของเธอได้ตายมาสี่วันแล้ว ศพกำลังเน่าเหม็น แต่ พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า" (ยน.๑๑.๔๐ ) แล้วพระองค์อธิษฐานในพระทัยทูลขอต่อพระบิดาเพื่อให้ลาซารัสฟื้น เพราะพระองค์กับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (ยน.๑๐.๓๐ ) แต่เมื่อพระองค์ภาวนาออกเสียง จึงเป็นคำขอบพระคุณพระเจ้าซึ่งเป็นประโยชน์ต่อฝูงชนที่มุงอยู่ โดยเฉพาะประโยคว่า “เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา” ( ข้อ ๔๒ ) ในที่สุดลาซารัสฟื้นขึ้นมาจากความตาย เป็นหมายสำคัญเล็งถึงอำนาจของพระเยซูเจ้า

เรื่องเพราะความเชื่อและได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ฉันค่อนข้างประทับใจ และศรัทธางานและชีวิตของ คุณแม่เทเรซ่า แห่ง กัลกัตตา มาก อ่านจากหนังสือ ที่เขียนเกี่ยวกับท่าน ตั้งแต่คุณแม่ยังมีชีวิต และหลังกลับไปหาพระเจ้า ภาพที่ชัดเจนกับฉันมาก คือเรื่องความเชื่อและศรัทธาต่อพระเยซูเจ้า ที่ท่านยอมมอบทั้งชีวิตเพื่อให้พระเยซูเจ้าประจักษ์ในชีวิตของท่าน พันธกิจของคณะซิสเตอร์เมตตาธรรมทั้งหมด ที่คุณแม่เริ่มจากเลขศูนย์ เริ่มจากความขัดแย้ง แต่ท่านวางใจพระบิดาเจ้าพึ่งพาพระเยซูเจ้าเพียงผู้เดียว แล้วพระเจ้าทรงอวยพรการงานทั้งหมดให้ท่านอย่างไม่เคยขัดสน เพราะว่า คุณแม่เทเรซ่า เชื่อจึงได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

๔.การฉลอง และชโลมพระบาท พระเยซูเจ้า

รูปภาพ

การฉลอง คือการแสดงความขอบคุณและชื่นชม เมื่อพระเยซูทรงชุบลาซารัสให้ฟื้นขึ้นมา จากคนที่ตายและมีชีวิต ที่บ้านของเขาจึงมีการเลี้ยงฉลอง เพื่อขอบคุณพระเยซู และเป็นการแสดงความยินดีกับพวกญาติมิตร อันที่จริง คริสตชน ควร แสดงการขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่ผ่านช่วงวิกฤตชีวิต หรือพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐาน ซึ่งในพระคัมภีร์ เราได้เห็นตัวอย่างมากมาย เช่น เรื่องบุตรล้างผลาญ เมื่อบุตรชายคนน้อง ได้ผลาญทรัพย์สมบัติทั้งหมด กลับมาหาบิดาด้วยความสำนึก และต้องการเริ่มต้นใหม่ ฝ่ายบิดา รีบจัดงานฉลองต้อนรับลูกชาย ทันทีเพราะว่า ชีวิตนั้นสำคัญกว่าสินทรัพย์ ยิ่งนัก แต่ในยอห์นบทที่ ๑๒ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการฉลองวันนั้นคือ มารีย์ ได้ใช้น้ำหอมราคาแพงเท่ากับแรงงานของกรรมกร หนึ่งปี การกระทำของนางเช่นนั้น เป็นการแสดงออกถึง ความรัก ที่เธอมีต่อพระเยซูเจ้าอย่างลึกซึ้ง จนนางถ่อมตัวลงต่ำที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ การใช้ผมเช็ดพระบาทนั้น ตามธรรมเนียมยิวแล้ว สตรีต้องคลุมศีรษะเก็บผมให้มิดชิด แต่การที่มารีย์ ใช้น้ำหอมแพงที่สุดและมีค่าที่สุดที่เธอมี และการยอมปล่อยผมท่ามกลางสาธารณชน นั้นเป็นการประกาศตัวเองของมารีย์ ว่าการกระทำเช่นนี้คือการแสดงความรัก ยอมจำนนและเทิดทูน พระเยซูเจ้าจนหมดใจ ซึ่งพระองค์มีค่าที่สุดจนไม่น่าอายที่เธอถวายเกียรติพระองค์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นการกระทำของมารีย์วันนั้นเป็นการเล็งถึงความตายของพระเยซูคริสต์ เช่นที่พระวรสารลูกา บันทึกว่า “ เขาชโลมกายของเราก่อนเพื่อการศพของเรา” (มก.๑๔.๘ )

มิตรภาพของพระเยซูคริสต์กับพี่น้องสามคนนี้เป็นภาพของการเป็นสาวกแท้ และเป็นเพื่อนร่วมพันธกิจกับพระองค์ พวกเขายอมจำนนกับน้ำพระทัยและพระประสงค์ที่พระเยซูคริสต์ ทรงมีต่อพวกเขา ในทำนองเดียวกัน การที่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาในโลกนี้ ทรง เข้ามาอย่างมิตร และทรงเป็นมิตรกับทุกๆคน เมื่อพระองค์ทรงเคาะประตูใจ คือบ้านของเรา เรายินดีตอบรับมิตรภาพของพระองค์ ไหม???


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

( ตีพิมพ์ อิสระรายปักษ์ ปักหลัง สิงหาคม ฉบับที่ 51/2005 หน้า 4-7 )
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2005 3:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

ศุกร์ ก.ย. 23, 2005 6:42 pm

ผมชอบมากเลยครับแถมยังมีประโยคที่ผมประทับใจมากด้วยครับ *ok
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ ก.ย. 23, 2005 6:52 pm

ขอบคุณพี่พีพีมากครับ ชอบมากๆเลยบทความนี้ ;D ;D ;D
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ย. 25, 2005 1:37 pm

ขอบคุณน้องโฮลี่มาก ที่หาภาพประกอบที่สวยงามมาแปะให้ น่าอ่านยิ่งขึ้นค่ะ

Junior Boy เขียน: ผมชอบมากเลยครับแถมยังมีประโยคที่ผมประทับใจมากด้วยครับ *ok
ประโยคไหนล่ะ อยากรู้จัง พี่พีพีชอบ" ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า" เคยได้เห็นผลจริงๆด้วยค่ะ
princess of wands เขียน: ขอบคุณพี่พีพีมากครับ ชอบมากๆเลยบทความนี้ ;D ;D ;D
แล้วบทอื่นๆที่เคยโพสต์มา ไม่ชอบเหรอ ??? ??? >:(
ภาพประจำตัวสมาชิก
kyrie
โพสต์: 252
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 11:31 pm
ที่อยู่: chonburi
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 25, 2005 5:30 pm

*lv *lv มิตรภาพของพระเยซูเจ้าและสามพี่น้อง น่าจะสะท้อนให้พวกเรามองเห็นมิตรภาพที่พระเจ้าทรงมีต่อพวกเราทุกคน ;D ;D
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆแบบนี้นะคะ *no1 *no1
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

อาทิตย์ ก.ย. 25, 2005 6:42 pm

Prod Pran เขียน: ขอบคุณน้องโฮลี่มาก ที่หาภาพประกอบที่สวยงามมาแปะให้ น่าอ่านยิ่งขึ้นค่ะ

Junior Boy เขียน: ผมชอบมากเลยครับแถมยังมีประโยคที่ผมประทับใจมากด้วยครับ *ok
ประโยคไหนล่ะ อยากรู้จัง พี่พีพีชอบ" ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า" เคยได้เห็นผลจริงๆด้วยค่ะ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 04, 2005 6:41 pm

เมื่อกี้โผล่ไปที่อิสระดอทคอม มีกระทู้นี้ อยู่หน้ารังด้วย

แต่

.
.
สวยสู้กระทู้นี้ไม่ได้ เพราะว่า พี่โฮลี่รูปหล่อ หาภาพมาประกอบ อย่างสวยงาม

แล้วมีการแสดงความคิดเห็นได้ ด้วย 8)
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ธ.ค. 29, 2012 4:45 pm

ขอดึงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเป็นประวัติศาสตร์มาช้านาน
ตอบกลับโพส