+++โฮโมเซ็กช่วลกับคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก+++

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:45 am

โฮโมเซ็กช่วลกับคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก
นางสาวชาวแบงค์


"มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ" ( 1 ซามูเอล 16:7 )

บทความต่อไปนี้เป็นการมองภาพสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาโฮโมเซ็กช่วล (รักร่วมเพศ) ในปัจจุบัน โดยวิเคราะห์จากข้อมูลทางจิตวิทยา สังคมศึกษาและคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก รวมทั้งความคิดเห็นของนักพระคัมภีร์และนักเทววิทยาที่มีต่อปัญหานี้

รูปภาพ

ความเชื่อ

ในสังคมของเรานั้น คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าเกย์ (รักร่วมเพศในชาย) และเลสเบี้ยน (รักร่วมเพศในหญิง) เป็นกลุ่มคนที่ "ผิดปรกติ" "ผิดมนุษย์" และ "ผิดธรรมชาติ" โดยเฉพาะในสังคมคาทอลิก เรื่องราวการทำลายล้างเมืองโสดมและโกโมราห์ถูกอ้างอิงอยู่เสมอ เพื่อเป็นการสนับสนุนว่าโฮโมเซ็กช่วลนั้นเป็นบาปร้ายแรง สมควรแก่การถูกลงโทษจากพระเจ้า สังคมยังเชื่ออีกว่าคนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนเช่นนี้ ควรต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ ให้กลับมาเป็น "คนปรกติ" ตาม "ธรรมชาติ" ที่ควรจะเป็น

ผลของความเชื่อ

จากความเชื่อข้างต้นส่งผลให้เกิดการกีดกันและการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพวกรักร่วมเพศ จนกลายเป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กถึง 30-40 % ต้องหนีออกจากบ้านหรือถูกขับออกจากบ้าน เนื่องจากพ่อแม่ไม่สามารถรับพฤติกรรมการเป็นโฮโมเซ็กช่วลของพวกเขาได้ วัยรุ่นหลายคนฆ่าตัวตาย หลายต่อหลายคนถูกไล่ออกจากงาน หรือเคยมีปัญหาในการไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเพราะผู้ร่วมงานสงสัยว่าพวกเขาเหรือเธอเป็นพวกรักร่วมเพศ บางรายถูกเผาบ้าน ผู้เป็นเกย์และติดเชื้อ HIV บางคนต้องตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีแม้การรักษาพยาบาล เพราะครอบครัวของเขาอายที่จะให้ผู้อื่นรู้ว่ามีสมาชิกในครอบครัวเป็นเกย์


กลุ่มคนรักร่วมเพศมักตกเป็นเป้าของการทำร้ายร่างกายเสมอ ในกรณีหนึ่ง หญิงสาวถูกลักพาตัวไปในบริเวณบ้านเช่าของเธอเอง เธอถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งถูกข่มขืนเป็นเวลาติดต่อกัน 1 สัปดาห์ เพราะว่าพ่อแม่ของเธอได้ว่าจ้างชายคนหนึ่งให้ทำงานนี้ เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมรักร่วมเพศของลูกสาว ทั้งพ่อและเมื่อเชื่อว่าการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายเป็นการ "ช่วยชีวิต" ลูกสาวของพวกเขาเอง
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:59 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:46 am

ความจริงทางจิตวิทยา

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 สมาคมจิตเวชศาสตร์แห่งอเมริกา ( American Pshchiatric Asociation) ได้ตัดคำว่า "รักร่วมเพศ" ออกจากคู่มือรายชื่อโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดปรกติทางจิตและอารมณ์ และสมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกา (American Psychological Association) ให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างหนักแน่น ทั้งสองสมาคมเรียกร้องให้นักจิตวิทยาทั่วประเทศให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเสียใหม่ ว่าโฮโมเซ็กช่วลไม่ได้เป็นความผิดปรกติทางจิตอย่างที่เคยเข้าใจกัน

สมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกาให้ความรู้แก่ประชาชน ว่าการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีพฤติกรรมรักร่วมเพศนั้น มิใช่เป็นสิ่งที่บุคคลนั้นเลือกได้เสมอไป เช่นเดียวกับพฤติกรรมรักต่างเพศหรือกลุ่มคนที่สังคมให้การยอมรับว่าเป็นปรกตินั้น ก็มิได้เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถเลือกเองได้เช่นกัน ความสนใจในเพศเดียวกัน ต่างเพศหรือทั้งสองเพศเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น ยังไม่เป็นที่กระจ่างชัดนักต่อนักวิทยาศาสตร์ มีหลายทฤษฎีที่เสนอสาเหตุที่แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าเกิดจากพันธุกรรมหรือจากปัจจัยของฮอร์โมนที่มีมาแต่กำเนิด บ้างก็ว่าเป็นเหตุของสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากเห็นพ้องต้องกันว่าความสนใจทางเพศนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของชีวิต ผ่านทางปฏิสัมพันธ์รวมไปถึงปัจจัยที่ซับซ้อนอื่นๆทางชีววิทยา จิตวิทยาและสังคมวิทยา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:48 am

ท่าทีของพระศาสนจักร

รูปภาพ

เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาใหม่ที่พระศาสนจักรคาทอลิกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ มีการให้ความรู้ความเข้าใจแก่สัตบุรุษผ่านทางจดหมายอภิบาลหลายฉบับ รวมทั้งต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดกับบุคคลรักร่วมเพศอย่างชัดเจน ดังตัวอย่างคำสอนและจดหมายอภิบาลของพระสังฆราช แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีใจความดังต่อไปนี้

1. ความสนใจในเพศเดียวกัน มิใช่สิ่งที่บุคคลสามารถเลือกเองได้ "บางคนพบว่าความสนใจในเพศเดียวกันของเขานั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำของเขาเอง…พวกเขาควรได้รับความเคารพ สิทธิเสรีภาพ มิตรภาพและความยุติธรรม พวกเขาควรมีบทบาทและส่วนร่วมในพระศาสนจักรคาทอลิก" (จดหมายอภิบาลของสภาพระสังฆราชสหรัฐอเมริกา, To love in Christ Jesus)

"กลุ่มหญิงและชายที่มีแนวโน้มในเรื่องรักร่วมเพศ เป็นกลุ่มคนที่ไม่สมควรถูกละเลย พวกเขามิได้เป็นคนเลือกที่จะสนใจเพศเดียวกัน" (Catechism of the Catholic Church, #1995)

2. การมีความสนใจในเพศเดียวกันไม่เป็นบาป "ความเอนเอียงในทางเพศเดียวกันของคนรักร่วมเพศไม่เป็นบาป…เนื่องจากมนุษย์แต่ละคนถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาของพระเจ้า การที่บางคนถูกอ้างถึงโดยมุมมองที่จำกัดเพียงเพราะเขาหรือเธอเป็นพวกรักร่วมเพศนั้น เป็นการอ้างอิงที่ไม่มีเหตุเพียงพอ" (Vatican Congregation for the Doctrine of Faith (CDF) "Letter to the Bishops of the Catholic Church on the Pastoral Care of Homosexual Person")

3. การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรม เหมือนในกรณีของการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส พระศาสนจักรจึงเรียกร้องให้มีการดูแลเอาใจใส่กลุ่มคนรักร่วมเพศอย่างดี

"การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน…ซึ่งต่างจากการมีความสนใจในเพศเดียวกันนั้น ถือว่าผิดศีลธรรม ทั้งผู้ที่มีความสนใจในเพศเดียวกันและผู้ที่มีความสนใจในเพศตรงข้าม ถูกเรียกให้เป็นพยานในการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส และโดยอาศัยพระเมตตาของพระเจ้า จึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ถือว่าผิด…อย่างไรก็ดี ผู้ที่สนใจในเพศตรงข้ามมีโอกาสที่จะเข้าสู่พิธีสมรสได้ ส่วนกลุ่มคนรักร่วมเพศไม่มีโอกาส ดังนั้นชุมชนคาทอลิกควรให้การอภิบาลดูแลเอาใจใส่ และให้ความเห็นอกเห็นใจแก่พวกเขาเป็นพิเศษ" (จดหมายอภิบาลของสภาพระสังฆราชสหรัฐอเมริกา, To love in Christ Jesus)
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:55 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:49 am

สู่ความเข้าใจใหม่ในพระคัมภีร์

ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา คนทั่วไปเข้าใจว่าเมืองโสดม (ดู ปฐมกาล 19:1-11) ถูกพระเจ้าลงโทษ เนื่องจากบาปของการรักร่วมเพศ นักพระคัมภีร์และนักเทววิทยาปัจจุบันส่วนหนึ่ง ให้ความเห็นแตกต่างออกไป โดยกล่าวว่าบาปของเมืองโสดมเป็นบาปที่เกี่ยวเนื่องจากการที่ไม่ได้ให้การต้อนรับผู้มาเยือน ( Helminiak, Daniel A. What the Bible really says about homosexuality ) ซึ่งในเขตทะเลทรายที่หนาวเหน็บ การไม่ต้อนรับแขกเข้ามาพักอาศัยในบ้านเรือน ปล่อยให้แขกต้องรอนแรมอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็น หมายถึงอันตรายถึงชีวิตทีเดียว ซึ่งกฎข้อนี้เป็นกฎที่สำคัญในทะเลทราย แม้กระทั่งในปัจจุบัน กฎนี้ก็ยังถูกใช้อยู่

ในพระคัมภีร์เก่าเอง ก็มีการอ้างอิงถึงเมืองโสดม 21 ครั้ง ในทั้งหมด 21 ครั้งนี้ก็ไม่มีครั้งใดที่ได้กล่าวถึงบาปของเมืองโสดมอันเกิดจากการรักร่วมเพศเลย แต่กลับเป็นบาปของความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสและการโกหก แม้แต่พระเยซูเจ้าก็อ้างถึงเมืองโสดมในแง่ของการปฏิเสธผู้นำสารของพระเจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:51 am

เสียงร้องจากมุมมืด

"แม่ครับ…ถ้าแม่จะกรุณา ได้โปรดเข้าใจด้วยว่าผมไม่ได้เลือกที่จะเป็นเกย์…ถึงจะเป็นเกย์ แต่ผมก็เป็นคนดี ผมมีความรักให้ผู้อื่น ผมอยากให้แม่รู้จักและรักผม….จดหมายจากแอนดรูว์ถึงแม่"

"ตั้งแต่ผมเรียนอยู่ในวิทยาลัย ผมปฏิเสธความเป็นเกย์ของตัวเอง ผมโกหกตัวเอง กลัวตัวเอง ผมทำให้ตัวเองตกอยู่ในความทุกข์ทรมานด้วยการใช้ชีวิตอย่างขัดแย้งกับความรู้สึกของตัวเอง…จดหมายจากบัตต์ถึงพ่อและแม่"

"มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่ผมอยากจะเล่าให้พ่อแม่ฟังเหลือเกิน แต่ผมต้องเก็บมันไว้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับความสนใจทางเพศของผม…จดหมายจากดั๊กถึงพ่อแม่"

นี่เป็นตัวอย่างของคน 3 คนที่ต้องโกหกตัวเอง เพื่อให้เป็นไปตามที่สังคมต้องการ เขาทั้งสามได้มีโอกาสได้รับการช่วยเหลือจากนักจิตวิทยาคนหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของตนเอง แต่เพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง บอกความจริงกับตัวเอง ครอบครัวและสังคม พวกเขาเป็นคนในจำนวนน้อยคนนักที่ได้มีโอกาสรับรู้ว่า เขาไม่ใช่คน "ผิดปรกติ" "ผิดมนุษย์" หรือ "ผิดธรรมชาติ" แต่เป็นมนุษย์ที่มีความสามารถที่จะรัก และสมควรที่จะมีคนอื่นที่รักเขาอย่างที่เขาเป็น ยังมีเกย์และเลสเบี้ยนอีกเป็นจำนวนมากในโลกใบนี้ ที่ต้องตกอยู่ในความโดดเดี่ยว ไร้คนเข้าใจ ต้องโกหกตัวเองหรือแม้แต่ปฏิเสธความเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะถูกมองว่าเป็นคนบาป ทั้งจากคนในครอบครัวและสังคม มีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ บางคนถูกฆาตกรรมอย่างทารุณ ต้องตายไปโดยไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่าชีวิตของพวกเขามีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้ามากเพียงใด

รูปภาพ

พระเยซูเจ้าเองบังเกิดมาในโลกท่ามกลางความอยุติธรรม การแบ่งแยกขีดขั้น การดูถูกเหยียดหยามของ "มนุษย์" ด้วยกันเอง ทรงบังเกิดมาเพื่อรวบรวมฝูงแกะของพระองค์อีกครั้ง ทรงเข้าสังคมกินเลี้ยงกับผู้ที่สังคมตราหน้าว่าเป็น "คนบาป" ทรงแตะต้องคนโรคเรื้อนที่ทุกคนขยะแขยง ทรงไถ่กู้ศักดิ์ศรีของโสเภณีที่ถูกสังคมประนาม

รูปภาพ

พระเยซูได้ทรงชุบชีวิตลาซารัสเพื่อนของพระองค์ให้ฟื้นจากความตาย นำเขาออกมาจากหลุมศพ จากที่อ้างว้างโดดเดี่ยว เมื่อพระองค์เรียกให้ลาซารัสออกจากหลุมศพ ลาซารัสถูกมัดทั้งมือและเท้า มีผ้าปกคลุมใบหน้าเหมือนดั่งคนที่ต้องซ่อนเร้นความเป็นตัวของตัวเอง พระคริสต์บอกทางให้คนอื่นๆ เข้าไปช่วยแก้มัดเขา ปลดปล่อยให้เขาเป็นอิสระจากพันธนาการ

รูปภาพ

เราในฐานะผู้ดำเนินรอยตามพระคริสต์ควรจะเป็นคนนั้น ที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้พ้นจากพันธนาการ เราพร้อมหรือยังที่จะคืนศักดิ์ศรีความเป็นบุตรพระเจ้าให้กับพวกเขา เราพร้อมหรือยังที่จะบอกพวกเขาว่า "ฉันรักเธอ" เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักเราโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น


(บทความนี้เคยตีพิมพ์ใน นิตยสาร "อิสระ" ปีที่ 21 ฉบับที่ 3 พฤษภาคม - มิถุนายน 2541 การนำมาลงครั้งนี้ได้ขัดเกลาเล็กน้อยเพื่อความกระชับสำหรับการอ่านบนจอคอมพิวเตอร์ คณะผู้จัดทำอิสระดอทคอมขอขอบคุณ คุณ "นางสาวชาวแบงค์" และ บรรณาธิการ คุณ "กวี อมรพัฒนา" เป็นอย่างยิ่งครับ)
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:54 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 3:47 am

ชอบมากๆเลยครับ *no1
เป็นบทควาที่มีประโยชน์มากๆเลยครับในเรื่องเพศที่ 3

ขอเอาไปลงบอร์ดผมต่อได้ไหมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 5:19 am

อือ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 4:50 pm

ขอบคุณมากครับพี่ปอ
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ot@
~@
โพสต์: 989
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:44 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 6:34 pm

[quote="Holy"]

"การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 8:29 pm

Ot@ เขียน:
Holy เขียน:
"การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน…ซึ่งต่างจากการมีความสนใจในเพศเดียวกันนั้น ถือว่าผิดศีลธรรม
Are they saying that having sex with the same gender is a sin but with different gender isn't? ??? I wonder cause there is nothing mention about consider having sex with different gender is wronf in that article ah krub

Thanx Daddy for poding such a great article krub :-* :-* :-*
ทำไมไม่อ่านให้จบเล่า อุตส่าห์ขีดเส้นใต้ไว้ด้วย

"การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน…ซึ่งต่างจากการมีความสนใจในเพศเดียวกันนั้น ถือว่าผิดศีลธรรม ทั้งผู้ที่มีความสนใจในเพศเดียวกันและผู้ที่มีความสนใจในเพศตรงข้าม ถูกเรียกให้เป็นพยานในการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส และโดยอาศัยพระเมตตาของพระเจ้า จึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ถือว่าผิด…อย่างไรก็ดี ผู้ที่สนใจในเพศตรงข้ามมีโอกาสที่จะเข้าสู่พิธีสมรสได้ ส่วนกลุ่มคนรักร่วมเพศไม่มีโอกาส ดังนั้นชุมชนคาทอลิกควรให้การอภิบาลดูแลเอาใจใส่ และให้ความเห็นอกเห็นใจแก่พวกเขาเป็นพิเศษ" (จดหมายอภิบาลของสภาพระสังฆราชสหรัฐอเมริกา, To love in Christ Jesus)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 8:37 pm

พูดง่ายๆก้คือ

ห้ามเอาก่อนแต่งนั่นละ

ฉะนั้น

ชาย-ชาย/หญิง-หญิง แต่งไม่ได้

ก็ ....จิ้กกระดี้ริงโก้กันไม่ได้นะจ้ะ :-[
peach_peach

เสาร์ มี.ค. 19, 2005 6:01 pm

หากคนที่จะมาเป็นภรรยา/สามี ของคุณ
เคยมีอะไรมาก่อนที่จะแต่งงานกับคุณล่ะ?
หรือว่า หากเค้าเคยเป็นพวกรักร่วมเพศล่ะ?
peach_peach

เสาร์ มี.ค. 19, 2005 6:03 pm

ปล. รูปสวยมาก...........งามทุกรายละเอียด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 19, 2005 7:30 pm

peach เขียน: หากคนที่จะมาเป็นภรรยา/สามี ของคุณ
เคยมีอะไรมาก่อนที่จะแต่งงานกับคุณล่ะ?
หรือว่า หากเค้าเคยเป็นพวกรักร่วมเพศล่ะ?
อืมมมเอาเรื่อง มารีย์ มักดาลาละกัน ;)
____________________________
เช้าตรู่วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปในบริเวณพระวิหาร ประชาชนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน
รูปภาพ
บรรดาธรรมาจารย์(ผู้สอนศาสนา)และชาวฟาริสี(กลุ่มเคร่งศาสนา)นำหญิงคนหนึ่งเข้ามา
รูปภาพ
หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า
“อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ (เพราะหากพระองค์ให้เอาหินทุ่มนางเขาจะหาว่าทรงโหดร้าย แต่ถ้าพระองค์ให้ไว้ชีวิตนางเขาจะหาว่าพระองค์ละเมิดพระบัญญัติ)
รูปภาพ
แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า
ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด”
แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป
รูปภาพ
เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม
รูปภาพ
พระเยซูเจ้าทรงหันไป ตรัสกับนางว่า
“นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ”
รูปภาพ
หญิงคนนั้นทูลตอบว่า
“ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า”
พระเยซูเจ้าตรัสว่า
“เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก

พระคัมภีร์บันทึกโดยนักบุญยอห์นบทที่8
รูปภาพ
___________________________________________________
ก็ดั่งที่พระองค์ ทรงตรัสนั่นละครับ

ไม่ใช่ว่าทุกคนทำผิดได้
แต่ทุกคนเมื่อทำผิดก็จะได้รับการอภัย หากยอมรับผิด และแก้ไข
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 27, 2005 8:03 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 19, 2005 9:37 pm

peach เขียน: หากคนที่จะมาเป็นภรรยา/สามี ของคุณ
เคยมีอะไรมาก่อนที่จะแต่งงานกับคุณล่ะ?
หรือว่า หากเค้าเคยเป็นพวกรักร่วมเพศล่ะ?

เขาเคยทำอะไรมาไม่สำคัญคะ
ถ้าเขาสำนึกผิดและพร้อมที่จะกลับตัว
แต่คุณต้องแน่ใจว่า เขาไม่มีพันธะใดๆอีกแล้ว
ก่อนที่จะมาแต่งงานกับคุณ

ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นรักสามเส้าอีรุงตุงนัง ::)


(แต่...คนที่เป็นรักร่วมเพศ หายากนะคะที่จะเปลี่ยนมาชอบเพศตรงข้ามได้)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ มี.ค. 19, 2005 9:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
anatasia
โพสต์: 449
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 21, 2011 6:18 am

พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2011 7:56 pm

สมัยนี้ทอมดี้และเกย์กับกะเทยมีกันเยอะมากเลยและอาจจะรวมพวกแอ๊บแมน(ตัวเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง)
::010::
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

จันทร์ พ.ค. 27, 2013 3:31 pm

บางครั้ง พระศาสนจักรก็ยังตอบคำถามพวกนี้ไม่ชัดเจนในบางเรื่อง
เเย็กรู้สึกเเบบนั้น

:s008:


แต่ก็ยังดีที่ให้ทางออกไว้บ้าง
ขอบคุณพระเจ้า
:s012:
Gabriel1990
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2015 12:07 am

พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2015 6:40 am

เราเชื่อว่าพระบิดาส่งมีพระเมตตายิ่ง
ต่อบรรดาพสกนิกรของพระองค์

............................

และพระบุตรของพระองค์ก็ทรงไว้ซึ่ง
"ความรัก"ทั้งปวง
ยากจะหาสิ่งใดเทียบได้

..............................

แม่พระก็ทรงมีพระหรรษทานอย่างมากมาย
ทรงเอ็นดูลูกๆของพระองค์
เสมอมาอย่างไม่เคยทอดทิ้งเลยสักครั้ง

...............................

แล้วเหตุใดพระบิดา พระบุตร และพระนางมารีย์
จะทรงไม่รัก "บุคคลที่เป็นรักร่วมเพศ"
หรือคนเหล่านี้ไม่ใช่ลูกแกะของพระองค์หรืออย่างไร
พระองค์ทั้งสามทรงเป็นองค์แห่งความรัก
ความเมตตา และกรุณา
พระองค์ย่อมไม่ทอดทิ้งผู้ใด ไม่ว่ากรณีใดๆ
ตอบกลับโพส