ผิดป่าว?
ผิดหรือเปล่าหรือ?
ตอบยากนะคะ มันขึ้นอยู่กับใจของคุณมากกว่า
เพราะทั้งสองทางมันค่อนข้างขัดเเย้งกันอยู่ในตัวอ่ะนะ
ถ้าเกิดคุณเปิดใจยอมรับพระเจ้า เเละ รักเเม่พระมากๆ
คุณก็ต้องพยายามที่ตัดใจกับสิ่งต่างๆที่เคยทำมา(ในศาสนาพุทธ)
เพื่อที่จะได้เข้าถึงพระองค์จริงๆ
เเต่หากคุณยังต้องการที่จะปฏิบัติธรรม ที่วัด(พุธ)อยู่ เมื่อมีโอกาส
ลองเอา โอกาส นั้นๆ มาทำกิจกรรมที่วัด(คาทอลิก)ดูสิๆๆๆ
หรือไม่ถ้าจำเป็นต้องไปที่วัด(พุธ)กับครอบครัว ก็ทำใจนึกว่า เราทำทาน ให้เพื่อนมนุษย์เฉยๆ ก็เเล้วกัน
เเต่ทางที่ดี เอาเงินนั้นมาช่วยศาสนจักรดีกว่า หุหุหุ
ตอบยากนะคะ มันขึ้นอยู่กับใจของคุณมากกว่า
เพราะทั้งสองทางมันค่อนข้างขัดเเย้งกันอยู่ในตัวอ่ะนะ
ถ้าเกิดคุณเปิดใจยอมรับพระเจ้า เเละ รักเเม่พระมากๆ
คุณก็ต้องพยายามที่ตัดใจกับสิ่งต่างๆที่เคยทำมา(ในศาสนาพุทธ)
เพื่อที่จะได้เข้าถึงพระองค์จริงๆ
เเต่หากคุณยังต้องการที่จะปฏิบัติธรรม ที่วัด(พุธ)อยู่ เมื่อมีโอกาส
ลองเอา โอกาส นั้นๆ มาทำกิจกรรมที่วัด(คาทอลิก)ดูสิๆๆๆ
หรือไม่ถ้าจำเป็นต้องไปที่วัด(พุธ)กับครอบครัว ก็ทำใจนึกว่า เราทำทาน ให้เพื่อนมนุษย์เฉยๆ ก็เเล้วกัน
เเต่ทางที่ดี เอาเงินนั้นมาช่วยศาสนจักรดีกว่า หุหุหุ
ถ้าเป็นชาวพุทธตอบ ต้องตอบว่าน้องผิดที่ไปไหว้พระอื่นmoonlit เขียน: ตอนนี้สับสนจัง......
ใจนึงก็รักพระเจ้าและแม่พระ มากๆ.....
แต่เรายังเป็นพุทธอยู่ ยังเข้าวัดทำบุญ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอยู่ เมื่อมีโอกาสไปได้....
ผิดป่าวคะ....
ที่ไม่ใช่ไตรสรณะ คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
พูดให้ชัดคือน้องกำลังจะเป็นพวกนอกรีต
แต่น้องถามชาวคริสต์ เราไม่ตัดสินน้องหรอกจ้า
เพียงอยากเชิญให้มารู้จักพระผู้สร้าง ผู้ที่รักเรายิ่งกว่าอื่นใด
เพื่อให้น้องได้รับชีวตนิรันดรร่วมกับพระองค์
ใช่ครับเราบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่ผมเล่าเรื่องครูผมให้ฟังแล้วคิดนะครับ
ครุผมเป้นหัวหน้าหมวดสังคม แน่นอน งานเรื่องศาสนาต้องเป้นเจ้าภาพ ทั้งทำบุญ เลี้ยงพระ เวียนเทียน ฯลฯ แต่ครูผมคนนี้เป้นคริสเตียน ผมเคยถามเค้าเรื่องนี้เค้าตอบว่า
"เป็นไมตรีไงจ๊ะ พระเจ้าสอนให้ครูมีไมตรีต่อพี่น้องทุกคน ครูช่วยเท่าที่ทำได้ ขอแค่ใจเราไม่ทิ้งพระองค์ก็พอแล้ว"
ครุผมเป้นหัวหน้าหมวดสังคม แน่นอน งานเรื่องศาสนาต้องเป้นเจ้าภาพ ทั้งทำบุญ เลี้ยงพระ เวียนเทียน ฯลฯ แต่ครูผมคนนี้เป้นคริสเตียน ผมเคยถามเค้าเรื่องนี้เค้าตอบว่า
"เป็นไมตรีไงจ๊ะ พระเจ้าสอนให้ครูมีไมตรีต่อพี่น้องทุกคน ครูช่วยเท่าที่ทำได้ ขอแค่ใจเราไม่ทิ้งพระองค์ก็พอแล้ว"
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ตอบแบบตรงๆ คือ คุณยังรักพี่เสียดายน้องmoonlit เขียน:
ใจนึงก็รักพระเจ้าและแม่พระ มากๆ.....
แต่เรายังเป็นพุทธอยู่ ยังเข้าวัดทำบุญ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอยู่ เมื่อมีโอกาสไปได้....
ผิดป่าวคะ....
คุณต้องพฒนา ความเชื่อ ความศรัทธา ด้วยความรัก ในที่สุดเมื่อรักมากๆ คุณก็อยากปรนนิบัติ พระเจ้าองค์เดียว แม่พระองค์เดียว
เมื่อคุณมีความเข้าใจ พระเจ้า พระเยซู พระจิต (พระวิญญาณบริสุทธิ์ ) อย่างซาบซึ้งแท้จริง แล้วคุณจะเหลือแต่พระเจ้า และแม่พระเท่านั้น
ให้ไปมิสซาที่โบสถ์/วัดบ่อยๆ อ่านไดอารี่ 2007 ที่เป็นคู่มือให้คุณเข้าใจ พระวาจาของพระเจ้าทุกๆวัน
ในที่สุดวันหนึ่ง คุณจะตัดสินใจติดตาม พระเยซูคริสต์เท่านั้น :cheesy:
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
moonlit เขียน: ตอนนี้สับสนจัง......
ใจนึงก็รักพระเจ้าและแม่พระ มากๆ.....
แต่เรายังเป็นพุทธอยู่ ยังเข้าวัดทำบุญ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอยู่ เมื่อมีโอกาสไปได้....
ผิดป่าวคะ....
ยังไม่เคยเห็นใครทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกันแล้วได้ดีอ่ะคะ เลือกซะอย่างนะคะ อย่างน้องเจี๊ยบว่า คุณต้องพัฒนา ความเชื่อ ความศรัทธา ด้วยความรัก ในที่สุดเมื่อรักมากๆ คุณก็อยากปรนนิบัติ พระเจ้าองค์เดียว แม่พระองค์เดียวเท่านั้น
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ครูคริสเตียนปกติ จะไม่ทำ ศาสนกิจของศาสนาอื่น ฮะ การมีไมตรีเราไม่จำเป็นแสดงออกแบบนั้นMobster เขียน: ใช่ครับเราบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่ผมเล่าเรื่องครูผมให้ฟังแล้วคิดนะครับ
ครุผมเป้นหัวหน้าหมวดสังคม แน่นอน งานเรื่องศาสนาต้องเป้นเจ้าภาพ ทั้งทำบุญ เลี้ยงพระ เวียนเทียน ฯลฯ แต่ครูผมคนนี้เป้นคริสเตียน ผมเคยถามเค้าเรื่องนี้เค้าตอบว่า
"เป็นไมตรีไงจ๊ะ พระเจ้าสอนให้ครูมีไมตรีต่อพี่น้องทุกคน ครูช่วยเท่าที่ทำได้ ขอแค่ใจเราไม่ทิ้งพระองค์ก็พอแล้ว"
พระคัมภีร์ บอกว่า "สิ่งที่อยู่ในใจจะสำแดงออกมาข้างนอก" ถ้าใจของคุณครูมีพระเจ้าเต็มเปี่ยม ท่านคงสำแดงออก เป็นประจักษ์พยานที่ดีด้วยการกระทำ
เพราะถ้าเราคริสต์ทำทุกอย่างในศาสนกิจของศาสนาอื่นๆ ก็จะทำให้ศาสนิกนั้นๆสงสัย เช่นเดียวกัน ว่าตกเลยคนนี้เขานับถืออะไรกันแน่ :cheesy:
ก็เคยคิดนะ แต่ลองคิดแทนครู ถ้าเราอยู่จุดนั้นเราเลือกอะไรไม่ได้ เค้าแต่งตั้งเราเป้นหัวหน้าหมวดแล้ว แน่นอนครูคนนี้ประกอบไหม เป้นตัวประสาทงาน และต้องอยู่ในพิธี(แต่เคยสังเกตเค้าจะไม่ไหว้ รดน้ำมนต์เขาจะแอบเดินไปหาเด็ก) แล้วด้วยระบบราชการที่อาจโดนเพ่งเล็งจากผู้ใหญ่ได้อีกถ้าสะดุดJeab Agape เขียน:ครูคริสเตียนปกติ จะไม่ทำ ศาสนกิจของศาสนาอื่น ฮะ การมีไมตรีเราไม่จำเป็นแสดงออกแบบนั้นMobster เขียน: ใช่ครับเราบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่ผมเล่าเรื่องครูผมให้ฟังแล้วคิดนะครับ
ครุผมเป้นหัวหน้าหมวดสังคม แน่นอน งานเรื่องศาสนาต้องเป้นเจ้าภาพ ทั้งทำบุญ เลี้ยงพระ เวียนเทียน ฯลฯ แต่ครูผมคนนี้เป้นคริสเตียน ผมเคยถามเค้าเรื่องนี้เค้าตอบว่า
"เป็นไมตรีไงจ๊ะ พระเจ้าสอนให้ครูมีไมตรีต่อพี่น้องทุกคน ครูช่วยเท่าที่ทำได้ ขอแค่ใจเราไม่ทิ้งพระองค์ก็พอแล้ว"
พระคัมภีร์ บอกว่า "สิ่งที่อยู่ในใจจะสำแดงออกมาข้างนอก" ถ้าใจของคุณครูมีพระเจ้าเต็มเปี่ยม ท่านคงสำแดงออก เป็นประจักษ์พยานที่ดีด้วยการกระทำ
เพราะถ้าเราคริสต์ทำทุกอย่างในศาสนกิจของศาสนาอื่นๆ ก็จะทำให้ศาสนิกนั้นๆสงสัย เช่นเดียวกัน ว่าตกเลยคนนี้เขานับถืออะไรกันแน่ :cheesy:
มาตอบเรื่องคุณครูให้นะงับ จริงๆแล้วการจัดงานน่ะไม่ผิด แต่การเข้าร่วมเหมือนเป็นคนพุทธคนหนึ่งต่างหากที่อาจดูไม่เหมาะสม
เรเองก็เป็นแม่งานพิธีทางศาสนาทุกงานเหมือนกัน แต่การเป็นแม่งาน และการเข้าร่วมพิธีกรรมมันต่างกันค่ะ
อยู่ที่การวางตัวนะคะ
งานก็คืองาน แต่ทำงานยังไงไม่ให้เป็นที่สะดุดของคนอื่นๆ
เรเองก็จัดทอดกฐินพนักงาน ทำบุญวันเกิดบริษัท เลี้ยงพระวันสงกรานต์ ทุกปี
แม่งานเป็นคริสเตียน ส่วนประธานสหภาพแรงงานเป็นคริสตัง
จัดไปขำไปทุกปี เออ เมื่อไหร่เราจะได้จัดงานวันอีสเตอร์มั่งน้อ
เราจัดหารถ ติดต่อวัด เอาของ เอาอาหาร เอาคนไป
ทำป้ายโปสเตอร์ ตั้งกล่องรับบริจาค นับเงินบริจาค เอาไปให้วัด
แต่เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนนำสวด จุดธูป ถวายของ รับศีล 5 และอื่นๆ
เราจัดการทุกอย่าง สิ่งที่เราทำแล้วจะเป็นที่สะดุด เราก็หาคนอื่นมาทำซะ
พอเริ่มพิธี เรก็จะถอยไปยืนข้างหลังด้วยอาการสำรวม ชาวบ้านเขาพนมมือตามพระสวด
เราก็ยืนประสานมือไว้ข้างหน้าเฉยๆซะเหมือนตอนยืนไว้อาลัยอ่ะงับ
พอเสร็จพิธีเรก็เก็บของ ถ้าจะให้ดี ห้อยกางเขนอันโตๆไปด้วย
เค้าจะได้รู้ว่าที่เราไปยืนอยู่ด้านหลังคือเราเป็นคริสเตียนนะ ไม่ใช่เราเมื่อยเลยไปอู้
ก็ทำแบบนี้ตลอด เพื่อนๆ ที่ทำงานทุกคนก็รู้ดี ไม่มีปัญหางับ อยู่ที่การวางตัวเท่านั้นเอง
เรเองก็เป็นแม่งานพิธีทางศาสนาทุกงานเหมือนกัน แต่การเป็นแม่งาน และการเข้าร่วมพิธีกรรมมันต่างกันค่ะ
อยู่ที่การวางตัวนะคะ
งานก็คืองาน แต่ทำงานยังไงไม่ให้เป็นที่สะดุดของคนอื่นๆ
เรเองก็จัดทอดกฐินพนักงาน ทำบุญวันเกิดบริษัท เลี้ยงพระวันสงกรานต์ ทุกปี
แม่งานเป็นคริสเตียน ส่วนประธานสหภาพแรงงานเป็นคริสตัง
จัดไปขำไปทุกปี เออ เมื่อไหร่เราจะได้จัดงานวันอีสเตอร์มั่งน้อ
เราจัดหารถ ติดต่อวัด เอาของ เอาอาหาร เอาคนไป
ทำป้ายโปสเตอร์ ตั้งกล่องรับบริจาค นับเงินบริจาค เอาไปให้วัด
แต่เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนนำสวด จุดธูป ถวายของ รับศีล 5 และอื่นๆ
เราจัดการทุกอย่าง สิ่งที่เราทำแล้วจะเป็นที่สะดุด เราก็หาคนอื่นมาทำซะ
พอเริ่มพิธี เรก็จะถอยไปยืนข้างหลังด้วยอาการสำรวม ชาวบ้านเขาพนมมือตามพระสวด
เราก็ยืนประสานมือไว้ข้างหน้าเฉยๆซะเหมือนตอนยืนไว้อาลัยอ่ะงับ
พอเสร็จพิธีเรก็เก็บของ ถ้าจะให้ดี ห้อยกางเขนอันโตๆไปด้วย
เค้าจะได้รู้ว่าที่เราไปยืนอยู่ด้านหลังคือเราเป็นคริสเตียนนะ ไม่ใช่เราเมื่อยเลยไปอู้
ก็ทำแบบนี้ตลอด เพื่อนๆ ที่ทำงานทุกคนก็รู้ดี ไม่มีปัญหางับ อยู่ที่การวางตัวเท่านั้นเอง
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่เร ทำได้เหมาะสมยิ่งนัก
อย่าง พลเอก สนธิ หัวหน้าคมช. ที่ท่านหนุนให้ ทำพิธีศาสนาเพื่อ เป็นสิริมงคลของประเทศนั่นดี เพราะให้พี่น้องแต่ละศาสนิกปรองดองกันทำสิ่งดีๆตามหลักศาสนาให้ประเทศของตัวเอง
อย่าง พลเอก สนธิ หัวหน้าคมช. ที่ท่านหนุนให้ ทำพิธีศาสนาเพื่อ เป็นสิริมงคลของประเทศนั่นดี เพราะให้พี่น้องแต่ละศาสนิกปรองดองกันทำสิ่งดีๆตามหลักศาสนาให้ประเทศของตัวเอง
ขอแสดงความเห็น
ถ้าถาม พี่แพะรับบาป พี่แพะจะตอบว่าไม่ผิด ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ตอนที่เราสวดมนต์เพื่อชำระใจ และทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ การทำความดีต่างๆตามแต่ศาสนาจะมีบทบัญญัติไว้เป็นแนวทาง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ถึงเป็นคนพุทธตอบก้อตอบว่าไำม่ผิด ศาสนาพุทธไม่เน้นพิธีกรรม ไม่มีการทำรูปเคารพ เน้นการปฏิบัิติและหลักคำสอน เป็นแนวคิดทางปรัชญา เน้นที่การกระทำทางกายใจวาจา ที่ประเทศไทยมีพิธีกรรมมากมาย เป็นการผสานแบบอย่างของศาสนาพราห์มมาแต่โบราณ
การที่เรารักพระ ทำให้เราเกรงกลัวต่อบาป และเดินตามแบบอย่างที่ดีที่ควรเป็น การรักในศาสนา ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ศาสนาทำให้เราอยากเป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่นตามแต่กำลังจะทำได้ การมีศรัทธาในศาสนาเป็นเรื่องดีออก .. เคยเจอหลายคนที่ทำงาน สวดมนต์ ไปทุกวัด แต่ร้ายกาจต่่อผู้อื่นสารพัด ส่วนใหญ่๋ไม่เข้าใจว่าการทำความดี รวมเอาถึงการดีต่อผู้อื่นด้วย
หัวใจของศาสนาแท้จิงอยู่ที่ใด ศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัิติแล้วจะบอกตัวเองได้ว่า แท้จริงแล้วศรัทธาในศาสนาใด และไม่ว่าคำตอบที่ค้นหาตัวเองเป็นอย่างไร คนที่มีศรัทธาย่อมเชื่อว่าพระรู้และเข้าใจ พระรักเราและสอนให้เรารักผู้อื่นด้วย
ถ้าถาม พี่แพะรับบาป พี่แพะจะตอบว่าไม่ผิด ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ตอนที่เราสวดมนต์เพื่อชำระใจ และทำดีต่อเพื่อนมนุษย์ การทำความดีต่างๆตามแต่ศาสนาจะมีบทบัญญัติไว้เป็นแนวทาง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ถึงเป็นคนพุทธตอบก้อตอบว่าไำม่ผิด ศาสนาพุทธไม่เน้นพิธีกรรม ไม่มีการทำรูปเคารพ เน้นการปฏิบัิติและหลักคำสอน เป็นแนวคิดทางปรัชญา เน้นที่การกระทำทางกายใจวาจา ที่ประเทศไทยมีพิธีกรรมมากมาย เป็นการผสานแบบอย่างของศาสนาพราห์มมาแต่โบราณ
การที่เรารักพระ ทำให้เราเกรงกลัวต่อบาป และเดินตามแบบอย่างที่ดีที่ควรเป็น การรักในศาสนา ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ศาสนาทำให้เราอยากเป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่นตามแต่กำลังจะทำได้ การมีศรัทธาในศาสนาเป็นเรื่องดีออก .. เคยเจอหลายคนที่ทำงาน สวดมนต์ ไปทุกวัด แต่ร้ายกาจต่่อผู้อื่นสารพัด ส่วนใหญ่๋ไม่เข้าใจว่าการทำความดี รวมเอาถึงการดีต่อผู้อื่นด้วย
หัวใจของศาสนาแท้จิงอยู่ที่ใด ศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัิติแล้วจะบอกตัวเองได้ว่า แท้จริงแล้วศรัทธาในศาสนาใด และไม่ว่าคำตอบที่ค้นหาตัวเองเป็นอย่างไร คนที่มีศรัทธาย่อมเชื่อว่าพระรู้และเข้าใจ พระรักเราและสอนให้เรารักผู้อื่นด้วย
อย่างที่ผมเคยตอบไปหลายๆครั้งน่ะครับ ว่ามันเป็นเรื่องของจิตใจเราเองว่าเชื่ออะไรคิดอะไร คงใหคนอื่นตัดสินแทนได้ยาก
แล้วก็ในแง่ของการสอนของคริสตศาสนา ในแง่การนับถือพระเจ้าองค์เดียว ต้องเข้าใจนะครับว่า ศาสนาเราไม่ใช่ศาสนาแนวนับถือพระเจ้าหลายองค์ หรือพหุเทวะนิยม เราไม่ได้สอนว่าพระเจ้าของเราเป็นเทพองค์หนึ่ง หรือเทวดาองค์หนึ่งในมวลหมู่หลายๆองค์ แต่เรากำลังพูดถึงพระผู้สร้างที่อยุ่จุดสูงสุดของระบบจิตวิญญาณและสรรพสิ่ง นี่จึงเป็นที่มาของการที่ไม่ให้เรานมัสการสิ่งอื่นใดในฐานะพระเจ้าอีก เพราะมันจะขัดแย้งความเชื่อตัวเองที่ว่าพระบิดานั้นเป็นพระผู้สร้างสูงสุด
ที่สำคัญ คริสตศาสนาสอนเรื่องความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักในพระเจ้าอย่างสุดจิตใจ เราจะพบปัญหาจำพวกนี้ในหมู่ผู้นับถือพระหลายองค์คือ พอขอแล้วไม่ได้ ก้ว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไปขอองค์อื่น หรือเรื่องนี้ขอองค์นี้ เรื่องนั้นขอองค์นั้น ซึ่งเหมือนกับว่า เทพหรือพระเจ้าที่ตนนับถือยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะนำพาต่อมาถึงการนับถือเพื่อผลประโยชน์ คือขอแล้วได้ไหม ไม่ได้ก็เลิกนับถือ แต่พระเจ้าพระบิดา ไม่ต้องการให้เรามองพระองค์แบบนั้น พระองค์ต้องการให้เราเชื่อ และรักพระองค์จริงๆ ไม่ใช่รักของขวัญ ไม่ใช่พอขอไม่ได้แล้วเปลี่ยนไปขอองค์อื่นแล้วได้ ก็จะคิดว่าเทพนั้นๆเก่งกว่าพระองค์ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดต่อฐานะของพระองค์ และผิดต่อความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก ที่เรามีให้พระ
ดังนั้นจงอย่ามองง่ายๆแค่เรื่องมันจะผิดบัญญัติไหม แต่ลองถามใจตัวเราดุว่า เราเชื่อ และรักพระเจ้าอย่างไร และในศาสดาศาสนาอื่นเรามองท่านอย่างไร มองเป็นคนดีที่น่ายกย่องและน่านับถือ หรือมองเขาเหมือนเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยเราได้ด้วย แบบเหยียบเรือ2แคม หรือ ข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย หรือเปล่า
แต่ในฐานะที่ตัวคุณเองยังไม่ได้รับศีลล้างบาป และยังไม่ได้เป็นคริสตชนเต็มตัวในทางปฏิบัติ ถ้ามองในแง่บทบัญญัติ คุณทำได้อยู่แล้วไม่ผิดหรอกครับ จึงบอกว่าต้องถามใจคุณเองจริงๆว่า คิดและเชื่อในพระเจ้าแบบไหนกันแน่
พระเยซูสอนว่า ถ้าเรารู้จักพระเจ้าจริง และรู้จักพระอาณาจักรสวรรค์จริงๆจะเป็นแบบนี้ครับ
มธ 13:44-46 อุปมาเรื่องขุมทรัพย์ และเรื่องไข่มุก
(44)
แล้วก็ในแง่ของการสอนของคริสตศาสนา ในแง่การนับถือพระเจ้าองค์เดียว ต้องเข้าใจนะครับว่า ศาสนาเราไม่ใช่ศาสนาแนวนับถือพระเจ้าหลายองค์ หรือพหุเทวะนิยม เราไม่ได้สอนว่าพระเจ้าของเราเป็นเทพองค์หนึ่ง หรือเทวดาองค์หนึ่งในมวลหมู่หลายๆองค์ แต่เรากำลังพูดถึงพระผู้สร้างที่อยุ่จุดสูงสุดของระบบจิตวิญญาณและสรรพสิ่ง นี่จึงเป็นที่มาของการที่ไม่ให้เรานมัสการสิ่งอื่นใดในฐานะพระเจ้าอีก เพราะมันจะขัดแย้งความเชื่อตัวเองที่ว่าพระบิดานั้นเป็นพระผู้สร้างสูงสุด
ที่สำคัญ คริสตศาสนาสอนเรื่องความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักในพระเจ้าอย่างสุดจิตใจ เราจะพบปัญหาจำพวกนี้ในหมู่ผู้นับถือพระหลายองค์คือ พอขอแล้วไม่ได้ ก้ว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไปขอองค์อื่น หรือเรื่องนี้ขอองค์นี้ เรื่องนั้นขอองค์นั้น ซึ่งเหมือนกับว่า เทพหรือพระเจ้าที่ตนนับถือยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะนำพาต่อมาถึงการนับถือเพื่อผลประโยชน์ คือขอแล้วได้ไหม ไม่ได้ก็เลิกนับถือ แต่พระเจ้าพระบิดา ไม่ต้องการให้เรามองพระองค์แบบนั้น พระองค์ต้องการให้เราเชื่อ และรักพระองค์จริงๆ ไม่ใช่รักของขวัญ ไม่ใช่พอขอไม่ได้แล้วเปลี่ยนไปขอองค์อื่นแล้วได้ ก็จะคิดว่าเทพนั้นๆเก่งกว่าพระองค์ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดต่อฐานะของพระองค์ และผิดต่อความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก ที่เรามีให้พระ
ดังนั้นจงอย่ามองง่ายๆแค่เรื่องมันจะผิดบัญญัติไหม แต่ลองถามใจตัวเราดุว่า เราเชื่อ และรักพระเจ้าอย่างไร และในศาสดาศาสนาอื่นเรามองท่านอย่างไร มองเป็นคนดีที่น่ายกย่องและน่านับถือ หรือมองเขาเหมือนเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยเราได้ด้วย แบบเหยียบเรือ2แคม หรือ ข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย หรือเปล่า
แต่ในฐานะที่ตัวคุณเองยังไม่ได้รับศีลล้างบาป และยังไม่ได้เป็นคริสตชนเต็มตัวในทางปฏิบัติ ถ้ามองในแง่บทบัญญัติ คุณทำได้อยู่แล้วไม่ผิดหรอกครับ จึงบอกว่าต้องถามใจคุณเองจริงๆว่า คิดและเชื่อในพระเจ้าแบบไหนกันแน่
พระเยซูสอนว่า ถ้าเรารู้จักพระเจ้าจริง และรู้จักพระอาณาจักรสวรรค์จริงๆจะเป็นแบบนี้ครับ
มธ 13:44-46 อุปมาเรื่องขุมทรัพย์ และเรื่องไข่มุก
(44)
บ้านเราเป็นพุทธ ขายจตุคามเลยด้วยซ้ำ
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก
ขออนุญาติขำ ตรงที่บอกว่าไม่มีที่จะเดินอะ 555 แบบมันเห็นภาพแบกะดิน เขียน: บ้านเราเป็นพุทธ ขายจตุคามเลยด้วยซ้ำ
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก ::008::
น้องก็พอกะพี่หละ แบบว่า ทางคุณยายอยากให้บวช แต่พี่ดันเป็นคาทอลิก ที่บ้านก็ไม่สนับสนุน แต่ไม่กีดกัน(มั้ง) เวลาไปวัด ต้องแอบไป เวลากลับไปอยู่ ตจว. กะพ่อแม่ หรือไม่ก็บอกแม่ไว้ ว่าจะไปวัด เดวมา ไม่นาน แต่ถ้าพ่อนะ หมดสิทธิ์แบกะดิน เขียน: บ้านเราเป็นพุทธ ขายจตุคามเลยด้วยซ้ำ
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก
ปัญหาการเปลี่ยนศาสนารู้สึกจะเหมือนๆกันแฮะว่ากีดกัน แต่เราสู้ทนในหนทางพระเจ้าเรื่อยๆแหละbigect07 เขียน:น้องก็พอกะพี่หละ แบบว่า ทางคุณยายอยากให้บวช แต่พี่ดันเป็นคาทอลิก ที่บ้านก็ไม่สนับสนุน แต่ไม่กีดกัน(มั้ง) เวลาไปวัด ต้องแอบไป เวลากลับไปอยู่ ตจว. กะพ่อแม่ หรือไม่ก็บอกแม่ไว้ ว่าจะไปวัด เดวมา ไม่นาน แต่ถ้าพ่อนะ หมดสิทธิ์แบกะดิน เขียน: บ้านเราเป็นพุทธ ขายจตุคามเลยด้วยซ้ำ
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก
ตอนนี้ป้าผมเริ่มมาศึกษาศาสนาคริสต์แล้ว><
การทำบุญ เเม้จะเป็นของศาสนาอื่นๆ ถ้าเราคิดว่าทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทำเพื่อบริจาคคนอื่นแบกะดิน เขียน: บ้านเราเป็นพุทธ ขายจตุคามเลยด้วยซ้ำ
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก ::008::
ก็ไม่ถือว่าผิด เเต่จะดีด้วยซํานะคะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ถูกครับEcclesia เขียน: การทำบุญ เเม้จะเป็นของศาสนาอื่นๆ ถ้าเราคิดว่าทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทำเพื่อบริจาคคนอื่น
ก็ไม่ถือว่าผิด เเต่จะดีด้วยซํานะคะ
-
- โพสต์: 72
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ค. 08, 2006 12:59 pm
- ที่อยู่: Khon Khen
ไม่ผิดหรอกงับ ผมเองก้อเจอมาคล้ายๆกันเลย แต่ตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วงับ
ไม่น่าจะเป็นรัยครับผมว่านะไม่ว่าจะศาสนาใดผมว่าแต่ละศาสนาก็สอนให้เราเป็นคนดีที้งนั้นครับเพียงแต่เรา ทำดี ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือสร้างความทุกข้ใจให้คนอื่นก็พอแล้วอะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 4:06 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พอมีงานปัจฉิมนิเทศน์ที รร. ตอนเข้าแถวเดินไปในพิธีอ่ะ มีพระมารดน้ำมนต์ให้
เราก็เดินผ่านไป โดนน้ำมนต์ แต่ก็ไม่คิดอะไร ถือว่าคลายร้อน อย่างนี้เป็นไรหรือเปล่าครับ
---หรือเราโดนน้ำมนต์ของพุทธไม่ได้ ถ้างั้นจะให้วิ่งหนีออกจากแถว ให้อยู่นอกรัศมีหรอครับ... (คนอื่นเค้าคงว่าเราเป็นพิษสุนัขบ้าแน่ๆ)
เราก็เดินผ่านไป โดนน้ำมนต์ แต่ก็ไม่คิดอะไร ถือว่าคลายร้อน อย่างนี้เป็นไรหรือเปล่าครับ
---หรือเราโดนน้ำมนต์ของพุทธไม่ได้ ถ้างั้นจะให้วิ่งหนีออกจากแถว ให้อยู่นอกรัศมีหรอครับ... (คนอื่นเค้าคงว่าเราเป็นพิษสุนัขบ้าแน่ๆ)
โดนได้ไม่เป็นไรครับZaliaus เขียน: พอมีงานปัจฉิมนิเทศน์ที รร. ตอนเข้าแถวเดินไปในพิธีอ่ะ มีพระมารดน้ำมนต์ให้
เราก็เดินผ่านไป โดนน้ำมนต์ แต่ก็ไม่คิดอะไร ถือว่าคลายร้อน อย่างนี้เป็นไรหรือเปล่าครับ
---หรือเราโดนน้ำมนต์ของพุทธไม่ได้ ถ้างั้นจะให้วิ่งหนีออกจากแถว ให้อยู่นอกรัศมีหรอครับ... (คนอื่นเค้าคงว่าเราเป็นพิษสุนัขบ้าแน่ๆ)
อ่านพระคัมภีร์บทนี้ประกอบครับ
1คร 10:25
เนื้อทั้งหลายที่มีขายในตลาดนั้น ท่านจงกินโดยไม่ต้องกังวลจนเกิดปัญหาด้าน มโนธรรม เพราะแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าคนต่างศาสนาเชิญท่านไปกินอาหารและท่านต้องการไป จงกินอาหารทุกอย่างที่เขานำมาให้โดยไม่ต้องกังวลในมโนธรรม (แต่ถ้าใครบอกท่านว่า เนื้อนี้ได้ถวายแด่รูปเคารพแล้ว จงอย่ากิน เพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้ตักเตือนและเพื่อเห็นแก่มโนธรรม ข้าพเจ้ามิได้หมายถึงมโนธรรมของท่าน แต่หมายถึงมโนธรรมของผู้ที่ตักเตือน บางคนอาจแย้งว่า ทำไมมโนธรรมของเขาจึงจำกัดอิสรภาพของข้าพเจ้าเล่า ถ้าข้าพเจ้ากินอาหารโดยขอบพระคุณพระเจ้า ทำไมข้าพเจ้าต้องถูกตำหนิเพราะอาหารที่ข้าพเจ้าขอบพระคุณนั้นเล่า เมื่อท่านจะกินจะดื่มหรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด อย่าทำสิ่งใดให้เป็นที่ขุ่นเคืองใจแก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก หรือชุมชนของพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามกระทำทุกสิ่งเพื่อเป็นที่พอใจของทุกคน มิได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน แต่เห็นแก่ประโยชน์ของทุกคน เพื่อเขาจะได้รับความรอดพ้น
งั้นแสดงว่า ถ้าเป็นอาหารพวกที่ไหว้เจ้าแล้ว ก็เอามากินไม่ได้ใช่มั้ยครับ
แต่ในบางสถานการณ์เช่น มีเพื่อนบ้านเอามาแบ่งให้อ่ะ แบบว่าเขามีจิตใจดีอ่ะ แล้วถ้าเรากินโดยไม่ได้คิดอะไรเลยละครับ ถือว่ากินเพื่อเลี้ยงชีวิตอ่ะ อย่างนี้จะถือว่าผิดมั้ยครับ
แต่ในบางสถานการณ์เช่น มีเพื่อนบ้านเอามาแบ่งให้อ่ะ แบบว่าเขามีจิตใจดีอ่ะ แล้วถ้าเรากินโดยไม่ได้คิดอะไรเลยละครับ ถือว่ากินเพื่อเลี้ยงชีวิตอ่ะ อย่างนี้จะถือว่าผิดมั้ยครับ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Zaliaus เขียน: งั้นแสดงว่า ถ้าเป็นอาหารพวกที่ไหว้เจ้าแล้ว ก็เอามากินไม่ได้ใช่มั้ยครับ
แต่ในบางสถานการณ์เช่น มีเพื่อนบ้านเอามาแบ่งให้อ่ะ แบบว่าเขามีจิตใจดีอ่ะ แล้วถ้าเรากินโดยไม่ได้คิดอะไรเลยละครับ ถือว่ากินเพื่อเลี้ยงชีวิตอ่ะ อย่างนี้จะถือว่าผิดมั้ยครับ
พี่เป็นคาทอลิก กินอาหารที่ไหว้เจ้า กินอาหารที่เพื่อนบ้านให้ โดยไม่ได้คิดอะไร นอกจากขอบคุณพระที่ประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพเจ้าในวันนี้ เท่านั้นเอง ไม่คิดอะไรมากมาย
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ถ้าเราไม่เชื่อ ไม่นับถือ ก็เป็นแค่น้ำธรรมดา หยด หนึ่ง สำหรับผู้เชื่อ ก็เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเขาค่ะZaliaus เขียน: พอมีงานปัจฉิมนิเทศน์ที รร. ตอนเข้าแถวเดินไปในพิธีอ่ะ มีพระมารดน้ำมนต์ให้
เราก็เดินผ่านไป โดนน้ำมนต์ แต่ก็ไม่คิดอะไร ถือว่าคลายร้อน อย่างนี้เป็นไรหรือเปล่าครับ
---หรือเราโดนน้ำมนต์ของพุทธไม่ได้ ถ้างั้นจะให้วิ่งหนีออกจากแถว ให้อยู่นอกรัศมีหรอครับ... (คนอื่นเค้าคงว่าเราเป็นพิษสุนัขบ้าแน่ๆ)
อย่าได้กลัวอะไรจนเกินเหตุ พบกับพระภิกษุสงฆ์ เรายังยกมือไหว้ แบบเคารพผู้ใหญ่ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำศาสนา นี่คือมารยาทของเราในสังคม
ได้ และอย่าลืมขอบคุณพระเจ้าก่อนกินZaliaus เขียน: งั้นแสดงว่า ถ้าเป็นอาหารพวกที่ไหว้เจ้าแล้ว ก็เอามากินไม่ได้ใช่มั้ยครับ
แต่ในบางสถานการณ์เช่น มีเพื่อนบ้านเอามาแบ่งให้อ่ะ แบบว่าเขามีจิตใจดีอ่ะ แล้วถ้าเรากินโดยไม่ได้คิดอะไรเลยละครับ ถือว่ากินเพื่อเลี้ยงชีวิตอ่ะ อย่างนี้จะถือว่าผิดมั้ยครับ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ปัญหาเดียวกันครับและผมก็ผ่านมันมาได้(แม้จะทุลักทุเลไปหน่อย ) ต้องขอบคุณพระเจ้าและพี่ๆในบอร์ดนี้ครับ ^^แบกะดิน เขียน: บ้านเราเป็นพุทธ ขายจตุคามเลยด้วยซ้ำ
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก ::008::
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Immanuel (MichaelPaul) เขียน:ปัญหาเดียวกันครับและผมก็ผ่านมันมาได้(แม้จะทุลักทุเลไปหน่อย ) ต้องขอบคุณพระเจ้าและพี่ๆในบอร์ดนี้ครับ ^^แบกะดิน เขียน: บ้านเราเป็นพุทธ ขายจตุคามเลยด้วยซ้ำ
ห้องพระบ้านเราจ้ะพระเต็มจะไม่มีที่จะเดินอ่ะ
แต่เราแบบ...บอกไม่ถูกอ่ะ
และก็เป็นลูกคนเดียวด้วย
อยากย้ายศาสนาน้ะ
แม่เราก็เวลาไปทำบุญไรเงี้ย ก็จะลงชื่อเราในที่ทำบุญอ่ะ
เราก็เคียดๆๆอย่างไงบอกไม่ถูก ::008::
เคยถามพ่อจั่วเรื่องนี้ว่า มันน่าทำนิไอ้เข้ากรอบจตุคามเนี่ย พ่อบอกว่า บาป เป็นการมอมเมาความเชื่อ จ๋อยยสนิท ศิษย์ส่ายหน้า 5555