จงพยายามรักษาความเป็นเอกภาพ

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ มี.ค. 24, 2007 2:20 pm

จงพยายามรักษาความเป็นเอกภาพ
โดย: โปรดปราน ( พีพี )


“คือจงถ่อมใจและมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ จงอดทน จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก 3จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน 4มีกายเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว เหมือนอย่างที่ท่านได้รับการทรงเรียกให้มาถึงความหวังเดียวในการทรงเรียกพวกท่านนั้น 5มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว 6พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงมีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง ทรงทำการผ่านสรรพสิ่งและทรงอยู่ในทุกคน” (เอเฟซัส 4.2-6 )

ตั้งต้นปี 2006 หลังจาก อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุบสภาฯ สังคมไทยได้แบ่งแยกอย่างชัดเจน ถึงแม้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2006 ได้เกิดรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองฯ นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หลังจากนั้น ก็มีการแต่งตั้งรัฐบาลชุดขิงแก่ขึ้นชั่วคราวเพื่อบริหารประเทศ แต่สังคมไทยถูกแบ่งแยกไปแล้ว เช่น มีกลุ่มสูญเสียอำนาจ กลุ่มสนับสนุนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช. ) และรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการเผาโรงเรียนในภาคอีสาน สามจังหวัดภาคใต้ยังไม่สงบ จนกระทั่งมีการวางระเบิดทั่วกรุงเทพและปริมณฑลในวันส่งท้ายปี2006
นับว่าคนไทยเกิดภาวะเครียด มีความหวาดระแวงกันซึ่งกันและคน มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่นเมื่อเราจะพูดหรือวิพากษ์วิจารณ์ การบ้านการเมือง ต้องเหลียว ซ้ายมองขวา ว่าควรพูดกับใครอย่างไรที่จะไม่นำไปสู่การทะเลาะหรือหมางใจกัน

กลับไปดูคริสตชน ประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่าในยุคแรกมีคริสตชนยิว และ คริสตชนต่างชาติ ยุคต่อมา ก็แยกเป็น สามนิกายคือ คริสต์ ออร์ทอดอกซ์ ( 1054 )คริสต์ คาทอลิก คริสต์โปรเตสแตนต์ ( 1517 ) และกลุ่มอิสระอีกมากมาย ยิ่งกว่านั้นชาวคริสต์ได้ทะเลาะกันมากมาย เพื่อยืนยันว่าความเชื่อหรือศรัทธาแบบฉันนี่ถูกต้องที่สุด เชื่อแบบฉันถึงจะได้รับความรอด เป็นต้น ดังนั้นมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยจะมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ความขัดแย้ง ความแตกแยก อัครสาวกเปาโลจึงเขียนจดหมายหนุนใจแนะนำและตักเตือนผู้เชื่อเรื่องการดำเนิน ชีวิตให้เป็นเอกภาพได้อย่างไร ซึ่งเราคริสตชนต้องทำตามคำแนะนำ ของนักบุญเปาโลดังนี้

1. จงมีใจถ่อมทุกอย่าง

ใจถ่อมลงทุกอย่าง ในวัฒนธรรมกรีก การถ่อมใจเป็นสิ่งไม่ดี เป็นที่ดูถูก ชาวกรีกไม่เคยใช้คำนี้ในแง่ใจถ่อม เพราะพวกเขาคิดว่าถ้าใครไม่มีบุคลิกที่หยิ่งหรือมีความเชื่อมั่นในตัวเองแล้วจะไม่เป็นที่ยอมรับของคนสมัยนั้น พูดอีกนัยหนึ่งคือ บุคลิกที่หยิ่ง ไว้เนื้อถือตัวเป็นบุคลิกที่ดีนั่นเอง แต่คำนี้จะใช้ในแง่ลบหมายถึง “ท่าทีที่น่าสังเวช ท่าทีของคนใช้ที่ต่ำช้า” คือให้ภาพของทาสที่กำลังก้มหมอบกราบอย่างยอมจำนน จนกระทั่งเมื่อพระเยซูเจ้าทรงใช้คำนี้พวกเขาจึงได้รู้ถึงความหมายแท้จริงของคำนี้ สมัยปัจจุบัน คนในสังคมส่วนใหญ่รวมทั้งสังคมชาวคริสต์ด้วย คนรุ่นใหม่ตั้งแต่ระดับผู้นำประเทศ ผู้นำบริษัท หรือผู้นำชุมชนความเชื่อของคริสต์เอง เช่นบาทหลวง และศิษยาภิบาล ผู้นำจำนวนมากขาดความถ่อมใจ คงเพราะคิดว่าตัวเองมีดีกว่าคนอื่น เช่นจบการศึกษาดีกว่า ฉลาดกว่า รวยกว่าคนอื่น หรือรู้สึกว่าเป็นคนมีคุณธรรมกว่า มีความศักดิ์สิทธิ์กว่า เป็นต้น จึงมีมุมมองว่า “ความถ่อมใจเป็นสิ่งโง่” เข้าใจว่าคนที่ถ่อมใจนั้นอ่อนแอ และมักถูกเอาเปรียบ เป็นคนที่ขาดความเชื่อมั่น เป็นคนที่ไม่ค่อยมีลักษณะผู้นำ ดังนั้นคนจำนวนมากคิดว่ามีความเย่อหยิ่งนิดหน่อย ช่วยเสริมความเชื่อมั่นและจะช่วยให้เป็นผู้นำที่ดี แต่คริสตชนพึงสำนึกว่า “พระเจ้าทรงเกลียดความเย่อหยิ่งของมนุษย์” เช่นประกาศกอิสยาห์ยืนยันว่า “ท่าอันผยองของมนุษย์จะตกต่ำลง และความจองหองของคนจะถูกปราบลงพระเจ้าองค์เดียวจะเป็นผู้เทิดทูนในวันนั้น” (อิสยาห์2.11)

รูปภาพ

ภาพของคนที่มีใจถ่อมคือคนที่ยอมสละศักดิ์ศรี หรือไม่ยึดถือว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น เป็นคนที่เห็นคุณค่าของคนอื่นเสมอ พระเยซูคริสต์เป็นบุคคลตัวอย่างของคนที่มีความถ่อมใจที่ดีที่สุด ในฟิลิปปี2:5-8 ที่อัครทูตเปาโลยืนยันให้พวกเรามีน้ำใจเหมือนอย่างพระเยซูคริสต์ ทั้งที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแต่ไม่ยึดถือว่าตัวเองเป็นพระเจ้า พระเยซูทรงสละสภาวะตำแหน่ง และศักดิ์ศรีความเป็นพระเจ้า มาถือกำเนิดเป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อย จนกระทั่งความถ่อมที่สุดคือพระเยซูเจ้าทรงถ่อมใจเชื่อฟังพระเจ้าโดยการยอมวายพระชนม์ที่กางเขน เพื่อชดใช้ ความผิดบาปของพวกเราที่กางเขน
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ มี.ค. 26, 2007 3:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ มี.ค. 24, 2007 2:24 pm

2. ใจอ่อนสุภาพ

ใจอ่อนสุภาพ ในภาษาเดิมมาจากคนที่ฝึกฝนสัตว์เพื่อให้เชื่องไว้ใช้งาน เช่นคำนี้จะใช้กับม้าที่เชื่องและยอมอยู่ใต้บังคับบัญชา ทั้งเรี่ยวแรงและความสามารถของมันก็อยู่ภายใต้การควบคุมเจ้าของหรือผู้ฝึกฝน ดังนั้นคำว่าใจอ่อนสุภาพหมายถึง “ความสามารถที่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกฝน”

จากความหมาย ใจอ่อนสุภาพจึงไม่ใช่ความอ่อนแอ เพราะเรามักคิดว่าคนที่มีใจอ่อนสุภาพเป็นคนที่อ่อนแอและเป็นจุดอ่อน ในทางตรงกันข้ามใจอ่อนสุภาพเป็นจุดแข็งของบุคลิกภาพของคน คนที่ใจอ่อนสุภาพนั้นเข้มแข็งมากเพราะในขณะเดียวกันเขาเป็นทั้งนายตัวเองเพราะสามารถควบคุมตัวเองได้ และทั้งเป็นผู้ที่ยอมคนอื่นและรับใช้คนอื่นได้ด้วย คนแบบนี้จะไม่พูดหรือทำในสิ่งที่ทำให้คนอื่นเจ็บใจ ไม่หยาบคาย ไม่ชอบทะเลาะ ไม่ชอบเอาชนะและระรานคนอื่น เป็นคนที่ยอมอยู่ภายใต้การควบคุมของพระจิตเจ้า คนที่ใจอ่อนสุภาพนั้นเขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดี

รูปภาพ

ถ้าคริสตชนมีท่าทีแบบนี้จะนำความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในชุมชนที่ทำงาน ในวัด หรือคริสตจักร ฉันคิดว่าถ้าผู้นำประเทศมีท่าทีใจอ่อนสุภาพจะนำความปรองดองในชนชาติ ได้อย่างรวดเร็ว และมั่นคง สำหรับอัครสาวกเปาโลได้เห็นว่าสำคัญเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงวิงวอนศิษย์ของพระเยซูเจ้าให้ดำเนินชีวิตด้วยใจอ่อนสุภาพ ความใจถ่อมและใจอ่อนสุภาพโดยธรรมชาติจะเป็นบุคลิกภาพคู่กัน จะพบสองบุคลิกนี้ในองค์พระเยซูคริสต์ทรงบรรยายถึงพระองค์เองว่า “เรามีใจสุภาพและอ่อนน้อม” (มัทธิว 11:29)

3. อดทนนาน อดกลั้นต่อกันและกัน ด้วยความรัก

ความอดทนอดกลั้นคือวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ ยืนหยัดถึงที่สุด การที่จะอดทนอดกลั้นได้นานต้องประกอบไปด้วยความรัก เช่นนักบุญเปาโลยืนยันใน 1 โครินธ์ บทที่ 13 ว่า “ความรักต้องอดทนนาน ความรักทนได้ทุกอย่าง...เพราะความรักใหญ่ที่สุด”

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งช่วยอธิบายให้เราเห็นภาพของความอดทนดังนี้ มีชายคนหนึ่งได้ซื้อบ้านพร้อมต้นไม้ต้นหนึ่งในสนามหลังบ้าน เขาซื้อบ้านในช่วงฤดูหนาวใบไม้ร่วงหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นว่าต้นไม้นี้แตกต่างกับต้นอื่นๆ ต่อมาเป็นฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ก็ค่อยๆผลิพร้อมทั้งมีดอกสีชมพู ออกมาตามลำต้น สวยมากจริงๆ เขาดีใจที่มีดอกไม้ไว้เชยชม จึงมีความสุขมาก และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีลมพัดแรงมาก ลมได้พัดดอกไม้ร่วงหมดต้น เขาคิดในใจว่า ในเมื่อไม่มีดอก ต้นไม้ก็ไร้ประโยชน์ ต่อมาในฤดูร้อน เขาได้สังเกตว่าต้นไม้นี้มีผลดกเต็มต้น แต่ผลไม่ใหญ่ วันหนึ่งเขาก็เลือกเก็บผลที่ใหญ่ที่สุดแล้วกัดกิน ทันใดนั้นชายคนนี้ก็ร้องจ๊าก เพราะผลไม้นั้นขมปี๋ เขาจึงโยนทิ้ง แล้วบ่นว่าต้นไม้นี้ไร้ประโยชน์จริงๆ ดอกไม้ก็เปราะบางลมพัดหน่อยก็ร่วงหมด ผลไม้ก็รสขมกินไม่ได้ จึงคิดว่าจะโค่นทิ้งในฤดูหนาวที่จะถึง อย่างไรก็ตาม ต้นไม้ไม่สนใจความคิดของชายเจ้าของบ้านนี้ วันหนึ่งพอถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง มัน ก็ให้ผลแอปเปิ้ลสีแดง กรอบอร่อย


รูปภาพ

ฉันเชื่อว่าพวกเราทุกคนประสบปัญหาความขัดแย้ง ความสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่นกับเพื่อนร่วมงาน กับเจ้านายในที่ทำงาน กับลูกน้อง กับพี่น้องที่โบสถ์ ที่วัด หรือกับคนในครอบครัว ฉันสังเกตจากประสบการณ์ของตัวเองว่า ความสัมพันธ์กับผู้คนอื่นในช่วงแรกเต็มด้วยความชื่นชมยินดี เพราะเรายังเห็นสิ่งดีๆที่เขาทำ แล้วเราก็คาดหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป เมื่อความจริงคือ ต่อมาเราอาจจะเห็นสิ่งบกพร่อง สิ่งไม่ดี ซึ่งเป็นความขมในชีวิตของเขา เรารีบตัดสินใจเลิกคบ และคิดว่าเขาจะไม่มีวันเกิดผลดี บางคนอาจจะเผชิญกับเพื่อนร่วมงานชอบหักหลัง ชอบนินทาว่าร้าย หรือชอบเล่นการเมือง ยิ่งกว่านั้นฆราวาสยังไม่ละเว้น กับนักบวช หรือศิษยาภิบาล นั่นเพราะพวกเราขาดความกล้าพูดกันต่อหน้าอย่างตรงไปตรงมา ดูสังคมไทยตั้งแต่ต้นปี2006 จนบัดนี้ ปี 2007 บ้านเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราคริสตชนต้องภาวนาขอพระเป็นเจ้าทรงเมตตาชาวไทยเป็นพิเศษ ...ฉันชักสังหรณ์ใจว่าหลังเลือกตั้งนักการเมืองจะกลับไปจูบปาก ฮั้วกัน แล้วช่วยกันล้างผลาญประเทศไทยต่อไป ...ฝ่ายพวกเรากองเชียร์เมื่อหันไปดูเพื่อนฝูงหรือคนรอบข้าง ที่เราโกรธเกลียดแบ่งพรรค แบ่งพวกกัน ที่มองหน้ากันไม่ติดแล้วเราควรทำอย่างไร

4.รักษาความเป็นเอกภาพ

“จงเพียรพยายามให้คงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานนั้นด้วยสันติภาพเป็นพันธนะ” อัครทูตเปาโลได้ขอร้องให้เราเพียรพยายามจนสุดกำลังเพื่อรักษาความเป็นเอกภาพที่ได้มีอยู่แล้วโดยพระจิตทรงประทานให้ โดยเฉพาะในพี่น้องคริสตชนด้วยกันอยู่ในเป็นพระกายเดียวกัน เป็นที่ทราบกันว่า การสร้างสันติภาพหรือเอกภาพ คือการคืนดี เพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นสิ่งที่ยากมาก เมื่อปี ๒๐๐๒ ได้มีการฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี ของการก่อตั้งรางวัลโนเบล ...ตลอด หนึ่งร้อยปีของรางวัลโนเบลสาขาที่ล้มเหลว คือ “สาขาสันติภาพ” แค่คนที่มีความพยายามจะสร้างสันติภาพยังได้รับรางวัลโนเบล แม้ว่าสันติภาพไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ

รูปภาพ

เมื่อกลับไปอ่านเอเฟซัส บทที่ 4:4-6 ได้ขยายต่อจากข้อ 3 ว่าทำไมคริสตชนจำเป็นต้องมีเอกภาพ ซึ่งได้พูดคำว่า “เดียว” ถึงเจ็ดครั้ง ข้อ 4 มี 3 ครั้ง ข้อ 5 มี 3 ครั้ง ข้อ 6 มี 1 ครั้ง จะเห็นพระตรีเอกภาพอยู่ที่นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้อ 4 มีกายเดียว และมีพระจิตเดียวมีความหวังใจอันเดียว มีกายเดียว หมายถึงพระศาสนจักร หรือคริสตจักรเดียว ที่พระเยซูคริสต์เป็นประมุขเหนือพระศาสนจักร ซึ่งสมัยนั้นคนยิวไม่ยอมนมัสการที่เดียวกับคนต่างชาติ โดยพระจิตองค์เดียวกัน เราคริสตชนได้ล้างบาปเข้าเป็นกายเดียว เพราะฉะนั้นจะไม่มี พระศาสนจักร หรือคริสตจักรของยิว แต่ต้องประกอบด้วยคนทุกประเภท ข้อ 5 มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว ศีลล้างบาปเดียว คือความเชื่อที่คริสตชนมีในพระเยซูคริสต์พระเจ้าองค์เดียวกัน ต่อมาสำแดงความรอดโดยการรับบัพติศมา (ล้างบาป) ข้อ 6 มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวผู้เป็นบิดา ทำให้เห็นภาพคริสตชนเป็นครอบครัวเดียวกัน ตั้งแต่ข้อ 3-6 นักบุญเปาโลให้ภาพความเป็นเอกภาพของพระเจ้า เป็นความจริงว่าการเป็นเอกภาพในสังคมของคริสต์ นั่นไม่ง่ายเลย แต่อย่างไรก็ตามในครอบครัวของพระเจ้าจะต้องไม่มีศัตรูกัน มีอะไรผิดต่อกันก็ยกโทษซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นชุมชนชาวคริสต์ ไม่ว่าเราจะต่างนิกาย ต่างคณะ ก็ต้องเพียรพยายามที่จะรักษาความเป็นเอกภาพ ซึ่ง จะต้องเพียรพยายามสุดกำลังระมัดระวังไม่สร้างความแตกแยก เพราะซาตานใช้ความอ่อนแอของผู้เชื่อ สวมรอยสร้างความแตกแยกมากขึ้น เราต้องระมัดระวังเรื่องการแข่งขัน การชิงดีชิงเด่นในการทำงานรับใช้พระเจ้า เราต้องระมัดระวังคำพูดที่จะทำลายความเป็นเอกภาพหรือสายสัมพันธ์กับพี่น้องในพระกายของพระเยซูคริสต์

ดังนั้นการดำเนินชีวิตเพื่อรักษาเอกภาพในชุมชนที่เราอยู่ ไม่ว่า ที่บ้าน ที่ทำงาน และในสังคม ต้องเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน โดยขอกำลังจากพระจิตเจ้าช่วยให้เราสามารถมีท่าที ใจถ่อมทุกอย่าง ใจอ่อนสุภาพ ใจที่อดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก และด้วยใจที่อุตส่าห์จนสุดกำลังที่จะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในที่สุดต้องมีความเป็นเอกภาพแน่นอน...อาแมน


( ตีพิมพ์ ที่อิสระรายปักษ์ ฉบับที่ 81 เดือนมีนาคม 2007 หน้า 4-7 )
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ มี.ค. 26, 2007 3:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Florian
โพสต์: 1513
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 31, 2006 12:05 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 9:47 am

ไหนๆก็พูดถึงเอกภาพแล้ว ผมก็ขอพูดอะไรสักเล็กน้อย เพราะผมเห็นในบอร์ดช่วงนี้มีการถือเขาถือเราระหว่างนิกายกันบ่อยครั้ง เขาจะดีจะเลวอย่างไร เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่หน้าที่ของเราจะไปตัดสินพิพากษา

สามพระบุคคลทรงมีพระลักษณะเฉพาะพระองค์ แต่พระตรีเอกภาพก็ทรงเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวเสมอแต่นิรันดรและจะเป็นไปเช่นนี้ตลอดนิรันดร เราคริสตชนจึงควรรักพี่น้องต่างนิกายด้วย แม้ว่าเราจะมีความต่างกันอยู่ และควรเลิกรังเกียจพี่น้องต่างนิกายได้แล้วครับ

พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้รวมประชากรทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียว เราเองก็ควรเป็นผู้ที่สะท้อนสภาวะของพระจิตเจ้าในจุดนี้ด้วย ให้สภาวะดังกล่าวส่อสะท้อนให้ชีวิตของเรา ถ้าเราถือเขาถือเรา ไปรังเกียจคนนั้น ไม่รักคนนี้ เราก็เป็นผู้ส่งเสริมความแตกแยก ถือว่าตรงข้ามกับพระจิตเจ้า พระเจ้าของเรา ซึ่งทรงเป็นองค์ผู้รวมทุกสิ่งเข้าไว้ด้วยกัน และนี่แหละ คือคุณค่าและความหมายของพระตรีเอกภาพสำหรับชีวิตของเราและในชีวิตของเราครับ  : xemo026 :  : xemo026 :  : xemo026 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มี.ค. 26, 2007 10:55 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
demon of east
โพสต์: 50
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 2:47 pm

Florian เขียน:

สามพระบุคคลทรงมีพระลักษณะเฉพาะพระองค์ แต่พระตรีเอกภาพก็ทรงเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวเสมอแต่นิรันดรและจะเป็นไปเช่นนี้ตลอดนิรันดร เราคริสตชนจึงควรรักพี่น้องต่างนิกายด้วย แม้ว่าเราจะมีความต่างกันอยู่ และควรเลิกรังเกียจพี่น้องต่างนิกายได้แล้วครับ


ขอเสริมว่ารวมถึงเชื้อชาติและศาสนาด้วยครับ คุยกับคนอื่นเรื่องภาคใต้แล้วรู้สึกกลัวเหลือเกิน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 3:39 pm

Florian เขียน: ไหนๆก็พูดถึงเอกภาพแล้ว ผมก็ขอพูดอะไรสักเล็กน้อย เพราะผมเห็นในบอร์ดช่วงนี้มีการถือเขาถือเราระหว่างนิกายกันบ่อยครั้ง เขาจะดีจะเลวอย่างไร เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่หน้าที่ของเราจะไปตัดสินพิพากษา

สามพระบุคคลทรงมีพระลักษณะเฉพาะพระองค์ แต่พระตรีเอกภาพก็ทรงเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวเสมอแต่นิรันดรและจะเป็นไปเช่นนี้ตลอดนิรันดร เราคริสตชนจึงควรรักพี่น้องต่างนิกายด้วย แม้ว่าเราจะมีความต่างกันอยู่ และควรเลิกรังเกียจพี่น้องต่างนิกายได้แล้วครับ

พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้รวมประชากรทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียว เราเองก็ควรเป็นผู้ที่สะท้อนสภาวะของพระจิตเจ้าในจุดนี้ด้วย ให้สภาวะดังกล่าวส่อสะท้อนให้ชีวิตของเรา ถ้าเราถือเขาถือเรา ไปรังเกียจคนนั้น ไม่รักคนนี้ เราก็เป็นผู้ส่งเสริมความแตกแยก ถือว่าตรงข้ามกับพระจิตเจ้า พระเจ้าของเรา ซึ่งทรงเป็นองค์ผู้รวมทุกสิ่งเข้าไว้ด้วยกัน และนี่แหละ คือคุณค่าและความหมายของพระตรีเอกภาพสำหรับชีวิตของเราและในชีวิตของเราครับ  : xemo026 :  : xemo026 :  : xemo026 :
ผมเห็นว่า หากมีความผิด หรือมีการกระทำสิ่งเลวร้าย ควรแยกแยะเป็นรายๆไป ไม่ควรเหมารวม โดยเฉพาะโปรแตสแตนท์ แต่ละโบสถ์และละคริสตจักรไม่ได้ขึ้นต่อกัน ทั่วโลกก็มีความคิดเห็นต่างกันราวพันราวหมื่นคริสตจักร ดังนั้นไม่ควรเหมาว่าโปรแตสแตนท์ทั้งหมดจะไม่ดี หรือรังเกียจ เพราะโปรแตสแตนท์ที่ดีๆยังมีมากกว่า ซึ่งผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า คริสตจักรสายสุดโต่งที่ชอบก้าวร้าว สร้างปัญหานั้น มีแทบจะนับชื่อได้ เพียงแต่แผลงฤทธิ์แสดงอาการมาก แถมชอบอ้างตนลอยๆว่าเป็นคริสเตียนโดยงุบงิบไม่กล้าบอกสังกัด(จะด้วยอ้างอิงว่าคริสตจักรตนนั้นโดนใส่ร้ายโจมตี หรือจะเพราะว่าที่จริงเป็นคริสตจักรที่ไม่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลและโปรแตสแตนท์อื่นๆก็ตาม) จึงมักทำให้คนมองภาพคริสเตียนกับความก้าวร้าวและขายตรงติดพ่วงกันมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเรารู้ความจริง เราควรแยกแยะ ไม่เหมารวม เพราะสิ่งนี้ประจักษ์กับชีวิตผมมาตั้งแต่เกิด พ่อผมมเองเป็นโปรแตสแตนท์ เชื่อด้วยตัวเอง(หมายถึงชอบโดยไม่ได้โดนชวน) มาตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวัน เมื่อมาเมืองไทยก็สังกัดคริสตจักรที่ดีไม่รังเกียจหรือด่าทอคาทอลิค เพราะแม่ผมเองเป็นคาทอลิค และเพราะถูกชวนไปสามัคคีธรรมที่คริสตจักรนั้น แม่ก็ไปเยี่ยมเยียนโดยมองว่าเป็นการนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน และไม่เคยโดนด่าทอดูถูกความเชื่อคาทอลิคให้ระคายหู จนพ่อผมเห็นแม่ที่คริสตจักร และตกหลุมรักแบบรักแรกพบ เพราะกิริยาสำรวมแบบคาทอลิคในการร่วมพิธี ที่พ่อบอกว่าชอบมากทั้งสวยน่ารักและศรัทธา เห็นแล้วรักเลย จากนั้นทั้งสองแต่งงานกันแบบต่างคนต่างถือไม่ได้บังคับกันว่าใครต้องเปลี่ยนนิกาย และทำพิธีทั้งสองโบสถ์ ทั้งสองไม่เคยทะเลาะกันเรื่องศาสนา หลังแต่งงานแล้ว พ่อยังขับรถไปส่งแม่ที่วัดคาทอลิค พ่อพูดเสมอว่าคริสตังคริสเตียนมีพระเจ้าเหมือนกัน มีตกนรกขึ้นสวรรค์เหมือนกัน พ่อไม่เคยมีทัศนคติโง่เขลาที่ว่าฝ่ายตัวเท่านั้นขึ้นสวรรค์หมด คนอื่นตกนรกหมด

จนกระทั่งมีญาติพ่อบางคนที่เป็นโปรแตสแตนท์ธรรมดาคริสตจักรเดียวกับพ่อผมมาก่อนเปลี่ยนไปเข้าลัทธินิกายใหม่ที่พูดภาษาแปลกๆทั้งโสถ์ และเที่ยวสาปแช่งคนนั้นคนนี้ไปทั่วว่า พระเจ้าจะลงโทษ จะตกนรก เคยก้าวร้าวขนาดกระชากพระเครื่องคนงานแล้วเขวี้ยงลงน้ำและบอกเป็นซาตาน จากคนธรรมดาน่านับถือ หลังจากเปลี่ยนนิกาย กลายเป็นคนบ้า ก้าวร้าว เสียสติ พฤติกรรมยิ่งกว่านางอิจฉาในละครหลังข่าว มาสาปแช่งแม่ผมว่า บุตรหัวปีของเธอจะต้องตาย ถ้าเธอไม่ย้ายมาลัทธิชั้น (ปัจจุบันผู้สาปแช่งตายไปแล้ว แต่บุตรหัวปีของแม่ผมยังนั่งพิมพ์ข้อความนี้อยู่) เรียกง่ายๆว่าสันติสุขในครอบครัววงค์ตระกูลข้างพ่อผมที่เคยมีพังทะลาย เละเทะ เพราะคริสตจักรสายเพี้ยนที่มีสมาชิกไม่มาก แต่แสดงออกมาก กร่างมาก ก้าวร้าวมาก ราวกับลัทธิตัวเองเป็นเจ้าของโลก ลืมหมดแม้แต่เรื่องมารยาทสังคม และการเคารพสิทธิผู้อื่น และที่สำคัญ ดูแล้วยิ่งทำให้นิกายเขาดูไม่น่าเข้าร่วมอย่างที่สุดจากพฤติกรรมรุนแรงก้าวร้าวของพวกเขาเอง

ดังนั้น ตั้งแต่เกิดมา ผมได้เรียนรู้จักโปรแตสแตนท์ที่ดี และที่เสียจริต ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีความรู้พระคัมภีร์อะไร แต่ก็เรียนรู้ว่า คาทอลิคนั้น อาจคล้ายๆเหมือนๆกันหมดทุกวัด แต่โปรแตสแตนท์นั้น ไม่เหมือนกันในแต่ละโบสถ์ และบางทีต่างกันขนาดเห็นเป็นศัตรู ด้วยซ้ำ

ดังนั้น อยากให้แยกแยะ และไม่อยากให้เหมารวมโปรแตสแตนท์ จากคริสตจักรสายสุดโต่งที่ตนเจอมาหรือจากปากโปรแตสแตนท์ก้าวงร้าวบางคนที่เคยเจอมา ว่าโปรแตสแตนท์ไม่ได้เหมือนกันหมด

ขอภาวนาให้ได้พบ และมองเห็นพี่น้องโปรแตสแตนท์ที่ดีรอบตัวด้วย
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ มี.ค. 26, 2007 3:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Florian
โพสต์: 1513
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 31, 2006 12:05 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 3:59 pm

Holy เขียน:
Florian เขียน: ไหนๆก็พูดถึงเอกภาพแล้ว ผมก็ขอพูดอะไรสักเล็กน้อย เพราะผมเห็นในบอร์ดช่วงนี้มีการถือเขาถือเราระหว่างนิกายกันบ่อยครั้ง เขาจะดีจะเลวอย่างไร เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่หน้าที่ของเราจะไปตัดสินพิพากษา

สามพระบุคคลทรงมีพระลักษณะเฉพาะพระองค์ แต่พระตรีเอกภาพก็ทรงเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวเสมอแต่นิรันดรและจะเป็นไปเช่นนี้ตลอดนิรันดร เราคริสตชนจึงควรรักพี่น้องต่างนิกายด้วย แม้ว่าเราจะมีความต่างกันอยู่ และควรเลิกรังเกียจพี่น้องต่างนิกายได้แล้วครับ

พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้รวมประชากรทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียว เราเองก็ควรเป็นผู้ที่สะท้อนสภาวะของพระจิตเจ้าในจุดนี้ด้วย ให้สภาวะดังกล่าวส่อสะท้อนให้ชีวิตของเรา ถ้าเราถือเขาถือเรา ไปรังเกียจคนนั้น ไม่รักคนนี้ เราก็เป็นผู้ส่งเสริมความแตกแยก ถือว่าตรงข้ามกับพระจิตเจ้า พระเจ้าของเรา ซึ่งทรงเป็นองค์ผู้รวมทุกสิ่งเข้าไว้ด้วยกัน และนี่แหละ คือคุณค่าและความหมายของพระตรีเอกภาพสำหรับชีวิตของเราและในชีวิตของเราครับ  : xemo026 :  : xemo026 :  : xemo026 :
ผมเห็นว่า หากมีความผิด หรือมีการกระทำสิ่งเลวร้าย ควรแยกแยะเป็นรายๆไป ไม่ควรเหมารวม โดยเฉพาะโปรแตสแตนท์ แต่ละโบสถ์และละคริสตจักรไม่ได้ขึ้นต่อกัน ทั่วโลกก็มีความคิดเห็นต่างกันราวพันราวหมื่นคริสตจักร ดังนั้นไม่ควรเหมาว่าโปรแตสแตนท์ทั้งหมดจะไม่ดี หรือรังเกียจ เพราะโปรแตสแตนท์ที่ดีๆยังมีมากกว่า ซึ่งผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า คริสตจักรสายสุดโต่งที่ชอบก้าวร้าว สร้างปัญหานั้น มีแทบจะนับชื่อได้ เพียงแต่แผลงฤทธิ์แสดงอาการมาก แถมชอบอ้างตนลอยๆว่าเป็นคริสเตียนโดยงุบงิบไม่กล้าบอกสังกัด(จะด้วยอ้างอิงว่าคริสตจักรตนนั้นโดนใส่ร้ายโจมตี หรือจะเพราะว่าที่จริงเป็นคริสตจักรที่ไม่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลและโปรแตสแตนท์อื่นๆก็ตาม) จึงมักทำให้คนมองภาพคริสเตียนกับความก้าวร้าวและขายตรงติดพ่วงกันมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเรารู้ความจริง เราควรแยกแยะ ไม่เหมารวม เพราะสิ่งนี้ประจักษ์กับชีวิตผมมาตั้งแต่เกิด พ่อผมมเองเป็นโปรแตสแตนท์ เชื่อด้วยตัวเอง(หมายถึงชอบโดยไม่ได้โดนชวน) มาตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวัน เมื่อมาเมืองไทยก็สังกัดคริสตจักรที่ดีไม่รังเกียจหรือด่าทอคาทอลิค เพราะแม่ผมเองเป็นคาทอลิค และเพราะถูกชวนไปสามัคคีธรรมที่คริสตจักรนั้น แม่ก็ไปเยี่ยมเยียนโดยมองว่าเป็นการนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน และไม่เคยโดนด่าทอดูถูกความเชื่อคาทอลิคให้ระคายหู จนพ่อผมเห็นแม่ที่คริสตจักร และตกหลุมรักแบบรักแรกพบ เพราะกิริยาสำรวมแบบคาทอลิคในการร่วมพิธี ที่พ่อบอกว่าชอบมากทั้งสวยน่ารักและศรัทธา เห็นแล้วรักเลย จากนั้นทั้งสองแต่งงานกันแบบต่างคนต่างถือไม่ได้บังคับกันว่าใครต้องเปลี่ยนนิกาย และทำพิธีทั้งสองโบสถ์ ทั้งสองไม่เคยทะเลาะกันเรื่องศาสนา หลังแต่งงานแล้ว พ่อยังขับรถไปส่งแม่ที่วัดคาทอลิค พ่อพูดเสมอว่าคริสตังคริสเตียนมีพระเจ้าเหมือนกัน มีตกนรกขึ้นสวรรค์เหมือนกัน พ่อไม่เคยมีทัศนคติโง่เขลาที่ว่าฝ่ายตัวเท่านั้นขึ้นสวรรค์หมด คนอื่นตกนรกหมด

จนกระทั่งมีญาติพ่อบางคนที่เป็นโปรแตสแตนท์ธรรมดาคริสตจักรเดียวกับพ่อผมมาก่อนเปลี่ยนไปเข้าลัทธินิกายใหม่ที่พูดภาษาแปลกๆทั้งโสถ์ และเที่ยวสาปแช่งคนนั้นคนนี้ไปทั่วว่า พระเจ้าจะลงโทษ จะตกนรก เคยก้าวร้าวขนาดกระชากพระเครื่องคนงานแล้วเขวี้ยงลงน้ำและบอกเป็นซาตาน จากคนธรรมดาน่านับถือ หลังจากเปลี่ยนนิกาย กลายเป็นคนบ้า ก้าวร้าว เสียสติ พฤติกรรมยิ่งกว่านางอิจฉาในละครหลังข่าว มาสาปแช่งแม่ผมว่า บุตรหัวปีของเธอจะต้องตาย ถ้าเธอไม่ย้ายมาลัทธิชั้น (ปัจจุบันผู้สาปแช่งตายไปแล้ว แต่บุตรหัวปีของแม่ผมยังนั่งพิมพ์ข้อความนี้อยู่) เรียกง่ายๆว่าสันติสุขในครอบครัววงค์ตระกูลข้างพ่อผมที่เคยมีพังทะลาย เละเทะ เพราะคริสตจักรสายเพี้ยนที่มีสมาชิกไม่มาก แต่แสดงออกมาก กร่างมาก ก้าวร้าวมาก ราวกับลัทธิตัวเองเป็นเจ้าของโลก ลืมหมดแม้แต่เรื่องมารยาทสังคม และการเคารพสิทธิผู้อื่น และที่สำคัญ ดูแล้วยิ่งทำให้นิกายเขาดูไม่น่าเข้าร่วมอย่างที่สุดจากพฤติกรรมรุนแรงก้าวร้าวของพวกเขาเอง

ดังนั้น ตั้งแต่เกิดมา ผมได้เรียนรู้จักโปรแตสแตนท์ที่ดี และที่เสียจริต ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีความรู้พระคัมภีร์อะไร แต่ก็เรียนรู้ว่า คาทอลิคนั้น อาจคล้ายๆเหมือนๆกันหมดทุกวัด แต่โปรแตสแตนท์นั้น ไม่เหมือนกันในแต่ละโบสถ์ และบางทีต่างกันขนาดเห็นเป็นศัตรู ด้วยซ้ำ

ดังนั้น อยากให้แยกแยะ และไม่อยากให้เหมารวมโปรแตสแตนท์ จากคริสตจักรสายสุดโต่งที่ตนเจอมาหรือจากปากโปรแตสแตนท์ก้าวงร้าวบางคนที่เคยเจอมา ว่าโปรแตสแตนท์ไม่ได้เหมือนกันหมด

ขอภาวนาให้ได้พบ และมองเห็นพี่น้องโปรแตสแตนท์ที่ดีรอบตัวด้วย
ผมเคยไปโบสถ์โปรแตสแตนท์มาหลายครั้ง ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ถือว่าไปร่วมสามัคคีธรรมน่ะครับ นมัสการเสร็จก็ร่วมกินข้าวกินปลากับพวกเขา มีอยู่ครั้งหนึ่งได้กินข้าวขาหมูด้วย อร่อยมาก ก็ไม่เห็นเขาจะมาตั้งข้อรังเกียจ หรือตั้งตัวเป็นศัตรูอะไร แล้วก็ไม่เห็นเขาจะมาชวนเชิญให้ไปเฝ้าเดี่ยว มารับเชื่อ เรียนรวี หรือรับบัปติศมาอะไรเลยนะครับ  มีน้องโปรแตสแตนท์คนหนึ่งที่รู้จักกันก็ยังเคยมานมัสการที่โบสถ์คาทอลิก เคยเข้าเงียบที่บ้านเข้าเงียบของคาทอลิก เคยเอาหนังสือคาทอลิกไปให้เขา เพื่อนเขาก็สนใจหลายคน ก็เอาไปแจกให้เขาอ่าน ฝ่ายผมก็หยิบแผ่นพับที่โบสถ์โปรแตสแตนท์มาอ่านด้วย เคยไปฟังเทศน์ของศาสนจารย์โปรแตสแตนท์บ้าง ก็น่าสนใจดีครับ  ผมเองก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปรังเกียจเดียดฉันท์อะไรกัน จึงเห็นด้วยกับคุณโฮลี่ว่าใครจะดีจะร้าย อย่าไปเหมารวม พี่น้องโปรแตสแตนท์ดีๆที่ได้รับทราบเขาจะเสียใจ สะเทือนใจ

ผมพูดจากใจจริงนะครับ หลายครั้งที่ผมเห็นสมาชิกบางคนของบอร์ดนิวมานามาโพสต์ว่าโปรแตสแตนท์แบบเหมารวม ผมก็ไม่สบายใจเอามากๆเลย ผมยังอดคิดไม่ได้ว่าถ้าพี่น้องโปรแตสแตนท์ในบอร์ดนี้ เช่น พี่พีพี น้องเจี๊ยบ คุณเรย์ ฯลฯ มาเห็นแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร เขาคงสะเทือนใจไม่น้อยที่เห็นบางคนว่าเขาเอาว่าเขาเอา ไม่หยุดไม่หย่อน  ::008::  ::008::  ::008::  ผมอยากให้บอร์ดนี้เป็นบอร์ดแห่งความรัก เป็นสนามคริสตสัมพันธ์ ศาสนสัมพันธ์ และวัฒนธรรมสัมพันธ์ เป็นแหล่งบ่มเพาะสันติสุข  จึงอยากวิงวอนจากใจจริงว่า อย่าได้ตั้งข้อรังเกียจพี่น้องโปรแตสแตนท์อีกเลย แม้แต่โปรแตสแตนท์สายที่ดูสุดโต่ง ก็อย่าได้ไปตั้งข้อรังเกียจพวกเขา คิดเสียว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นพี่น้องของเรา  เป็นคริสตชนต้องรักสิอภัยสิ เพราะ"รักและอภัย"คือกระแสเรียกของพวกเราทุกคนครับ  ::017::  ::017::  ::017::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 10:40 pm

จะว่าไป คุณเองก็บอกอยู่เองที่อีกกระทู้ ว่าคนที่มาแล้วคอยจับผิดน่ะ คือฟาริสี ดังนั้นถ้าโปรแตสแตนท์สายสุดโต่งมาเยือน แต่มาดี ผมก็ยินดีต้อนรับจะแย่ แต่ถ้ามาจับผิด+หาเรื่อง เราก็คงต้องทำตามแบบอย่างพระเยซูกระทำต่อฟาริสีที่มาหาเรื่อง คือ ตอบทุกอย่างทุกคำถามตามพระประสงค์ของพระเจ้า ซึ่งมี2ระดับคือ ตอบให้เข้าใจและตอบให้สำนึก ขึ้นกับพฤติกรรมผู้ถามว่ามีจุดประสงค์อะไรและต้องการอะไร และถ้ายังหาเรื่องไม่เลิก อาจต้องมีชำระพระวิหารตามสมควร แต่อย่างไรก็ดี ความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป้นสิ่งพึงมีนะครับ และการให้อภัยก็มีต่อคนนั้นๆเสมอ แต่ไม่ใช่ว่าต้องปล่อยพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ หรือเอาหลักข้อเชื่อแปลกๆมาแล้วเราต้องเห็นด้วยเสมอไป เราอาจยอมรับสิ่งที่เขาเป็น แต่ไม่จำเป็นต้องยอมรับทุกอย่างที่เขาทำครับ
Dis volentibus

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 10:42 pm

ขอเห็นด้วยได้ป่าวๆ : xemo016 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 11:10 pm

ไหนๆก็แล้ว ผมจะขอแบ่งปัน เรื่องของโปรแตสแตนท์ระดับพี่เลี้ยง ของโบสถ์สายแพนเตคอส คนนึ่ง อายุก็ราว40ปี เป็นสุภาพสตรีที่มีบุคลิคดี และออกแนว Active สมกับโปรแตสแตนท์สายนี้ แต่เธอมาสามัคคีธรรมกับผมที่บ้านบ่อยๆครับ เมื่อเวลาเราสวดบทต่างๆ แม้เธอจะสวดไม่ได้ แต่เธอก็ อาแมนตามเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเข้าใจเรื่องรูปศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในคาทอลิคอย่างดี เธอสามารถมานั่งภาวนาอธิษฐานในห้องที่เต็มไปด้วยรูปพระทั้งพระเยซู แม่พระ และนักบุญในห้องผมได้อย่างไม่สะดุดว่าเป็นรูปเคารพ เธอยังบอกว่าเคยพยายามอธิบายให้ลูกศิษย์ลูกหาเธอได้เข้าใจด้วยซ้ำว่า นี่ไม่ใช่รูปเคารพนะ แต่ละรูปมีความหมายนะ และที่สำคัญ เธอให้เกียรติแม่พระมาก เธอจะเรียกพระแม่มารีย์ เธอเล่าว่าสมัยเรียนระวี ตอนถึงวิวรณ์บทที่12 เธอสงสัยมาตลอดว่า สตรีที่มีอาภรณ์ดวงอาทิตย์นี้คือ พระแม่มารีย์ ใช่หรือไม่ แต่เธอไม่กล้าถาม กลัวโดนศิษยาภิบาลด่า เธอจึงอธิษฐานขอพระเจ้าว่า ขอพระองค์ไขความกระจ่างแก่เธอในเรื่องนี้ และไม่นานเธอเก็พบผม และหลังจากพูดคุยกัน ผมได้อธิบายถึงเรื่องต่างๆในคาทอลิค และได้พูดถึงบทบาทแม่พระในบทพระวิวรณ์นี้ เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก และรู้สึกว่าพระวิญญาณทรงนำ เมื่อฟังจบ เธอได้รับเสียงภายใน ให้ศึกษาต่อไป ในเรื่องนี้ ก่อนจะกลับอยู่ๆเธอหันมาถามว่าน้ำที่พ่นออกจากปากมังกรคืออะไร ผมถูกถามกระทันหัน จึงขอติดไว้ก่อน และอธิษฐานขอความสว่าง จึงได้สามารถชี้แจงเธอได้ว่า ในพระธรรมเดิมของเหลวที่ไหลออกมาจากตัว เช่นน้ำลาย หรือเลือด หากไปโดนใครเข้าคนนั้นจะมีมลทิน และจากบทนี้น่าจะตีความได้ว่า ซาตาน พยายามพ่นคำพูด หรือหลักการต่างๆนาๆเพื่อมาลดเกียรติของสตรีนั้นคือแม่พระ พยายามดุถูกพรหมจารีย์ของแม่ และความศักดิ์สิทธิ์ของแม่ แต่พระเจ้าจะปกป้องแม่ โดยให้แผ่นดินสูบน้ำนั้นไปสิ้น พระนางจะไม่ด่างพร้อยหรือมีมลทินจากขี้ปากของมารซาตานจนสิ้นพิภพ เธอเห็นด้วยอย่างมาก และเธอบอกหลายครั้งว่า พระมารดาเนี่ย ต้องแสนงามและแสนดี เพราะเมื่อเออ่านพระคัมภีร์ เธอรู้สึกแบบนั้น

เธอยังบอกด้วยว่า โปรแตสแตนท์ที่ชอบทะเลาะนั้น จริงๆแล้วคือพวกเรียนไม่ลึก ถ้าเรียนลึกซึ้งแล้ว รู้ที่มาที่ไป จะไม่ทะเลาะเพราะจะเข้าใจว่าอะไรเป็นมายังไง แต่พวกชอบทะเลาะ มักเป็นพวกอ่านพระคัมภีร์ผิวเผิน ตีความกันเองแล้วชอบด่า บางทีก้าวร้าวมากคิดว่าตัวรู้เยอะ แต่ถ้าเป็นคริสเตียนรู้เยอะรู้จริง จะต้องเข้าใจ และไม่ทะเลาะ

เวลาเธอมาสามัคคีธรรม ร่วมกัน ผมจะเลือกเพลงที่โปรแตสแตนท์ร้องได้ด้วย เช่น กวางน้อย พระเยซูชนะ แต่เวลาร้องเพลงพักพิงในพระเจ้า จะมีบางท่อนเนื้อต่างกันนิดหน่อย จะสะดุดๆกันบ้าง แต่ก็ชอบจะร้องกัน

เธอมีเพื่อนสนิทคาทอลิคคนหนึ่ง เธอชวนเรียนพระคัมภีร์ และยังบอกเพื่อนด้วยว่า "เธอเรียนแล้วเป็นคาทอลิคไปนะ ไม่ต้องเปลี่ยนมาเป็นโปรฯ เพราะเธอไม่เหมาะกะโปรฯหรอก"

กล่าวคือ เธอไม่ได้คิดว่าพื่อนจะไม่รอดหรือคริสตจักรเธอไปสวรรค์คริสตจักรเดียวแต่อย่างใด

วีรกรรมสำคัญที่ผมต้องขอเล่า ณ ที่นี้คือ

ครั้งหนึ่ง S.Paulvs De Bangkok ซึ่งในบอร์ดนี้เราเห็นอยู่ว่าเขาไม่ค่อยชอบโปรฯ ไปสวดด้วยกันที่บ้านผม พอดีวันนั้นพี่คนนี้ ก็นั่งรออยู่ในห้องรับแขกด้วย S.Paulvs De Bangkok ก็นั่งนินทาโปรฯกับเพื่อน โดยไม่รู้ว่าพี่คนนี้เป็นโปรฯ เธอนั่งฟังอย่างสงบ และเข้าใจ ไม่ด่ากลับ ไม่สวน ไม่ว่าอะไร ปล่อยจนS.Paulvs De Bangkok นินทาจบ เธอถึงเฉลยว่า พี่เป็นโปรแตสแตนท์นะ แล้วก็ขำๆ เธอทำตัวสมเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ถือสาเด็ก และสมเป็นพี่น้องในพระครัสิต์ที่ไม่ตอบโต้รุนแรง

พี่คนนี้มีพระพรในการประกาศดีมาก กล่าวคือ เธอสามารถประกาศกับคนวัยกลางคน-สูงอายุ โดยเฉพาะคนมีการศึกษาและหน้าที่การงานดี เช่นนายทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักธุรกิจ ฯลฯ เรียกว่าได้คนมีคุณภาพมาเชื่อด้วย ไม่ใช่ว่ามีแต่ไปไล่ชวนเด็กวัยรุ่นซึ่งง่ายกว่า ซึ่งผมมองว่า นี่คือตัวอย่างของคนที่มีพระพรในการประกาศ ประกาศแล้วได้คนเชื่อจริง มีคุณภาพ ไม่ใช่เอาปริมาณเข้าว่า(เพราะต้องทำยอด) จะว่าไปเธอก็ได้ปริมาณไม่น้อยแม้จะไม่ได้ขนาดต้องชวนคนใหม่มาให้ได้ทุกอาทิตย์ เนื่องจากคริสตจักรเธอไม่มีระบบทำยอดแบบบางคริสตจักร เธอเลยให้พระวิญญาณทรงนำ แทนที่จะออกแรงทำด้วยความต้องการประสามนุษย์(เพราะกลัวถูกหาว่าไม่เติบโตหรือกลัวไม่ได้เลื่อนขั้น) แต่กลับเห็นผลงานพระวิญญาณผ่านเธอมากกว่าพวกชอบบังคับจับคนรับเชื่อมากมาย

ผมเล่าไว้ตรงนี้ เพื่อยืนยันว่า มีโปรแตสแตนท์ที่ดีนอกจากในบอร์ดนี้อยู่ไม่น้อย เราจะมองเห็นหรือได้เจอบ้างหรือเปล่าเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ มี.ค. 26, 2007 11:14 pm

Ecclesia เขียน: ขอเห็นด้วยได้ป่าวๆ : xemo016 :
ได้ครับ :cheesy:
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 28, 2007 12:56 pm

อ่านแล้วรู้เลยว่าพี่น้องท่านนี้ที่พี่ Holy เล่าเป็นใคร ::020::
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พุธ มี.ค. 28, 2007 1:30 pm

Batholomew เขียน: อ่านแล้วรู้เลยว่าพี่น้องท่านนี้ที่พี่ Holy เล่าเป็นใคร ::020::

::011:: ฮับ เป็นพี่สาวที่น่ารักคนหนึ่ง มีคุณพ่อท่านหนึ่งแซวว่า พี่เธอเป็นคาทอลิกครึ่งนึงไปแล้ว อิอิอิอิ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 28, 2007 1:41 pm

:+: seraphim :+: เขียน:
Batholomew เขียน: อ่านแล้วรู้เลยว่าพี่น้องท่านนี้ที่พี่ Holy เล่าเป็นใคร ::020::

::011:: ฮับ เป็นพี่สาวที่น่ารักคนหนึ่ง มีคุณพ่อท่านหนึ่งแซวว่า พี่เธอเป็นคาทอลิกครึ่งนึงไปแล้ว อิอิอิอิ
ผมว่าเป็นคาทอลิกเต็มตัว แต่ยังไม่ได้ล้างบาปมากกว่านะครับพี่ : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 1:12 am

คิดว่าไม่ใช่คนที่เดากันนะ นี่เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งพวกคุณพ่อคงไม่รู้จัก
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 10:03 am

Holy เขียน: คิดว่าไม่ใช่คนที่เดากันนะ นี่เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งพวกคุณพ่อคงไม่รู้จัก
อ้าว หน้าแตกเลย ::011::
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 10:16 am

Batholomew เขียน:
Holy เขียน: คิดว่าไม่ใช่คนที่เดากันนะ นี่เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งพวกคุณพ่อคงไม่รู้จัก
อ้าว หน้าแตกเลย ::011::

::011:: แป่ววว..มาแตกเป็นเพื่อน
Thai_DeSeRT

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 11:03 am

..............


5555555555555+


อ่านความคิดเห็นของคุณ Holy แล้วทำให้ผมรู้ว่าคุณเข้าใจพระกิตติคุณดีระดับหนึ่ง และเข้าใจความหมายของคำว่า เราทุกคนคือลูกของพระผู้เป็นเจ้า
ในเมื่อคุณรู้ว่า คุณคือใคร แล้วคนอื่นคือใคร? ผมชอบความคิดเห็นของคุณ Holy ครับ

เราแต่ละคนคือใคร? เราทุกคนต่างบอกว่าเรารักในพระเยซูคริสต์ เราเชื่อในพระคริสต์ แต่ทำไมมีหลายความเชื่อ หลายนิกาย?
เพราะอะไรครับ?  ทุกๆ ที่ ทุกๆ แห่งบอกว่าเชื่อในพระเยซูคริสต์ทั้งนั้น

แล้วอะไรละ ที่เราจะรู้ได้ว่าที่ไหนพูดถูกต้อง ครั้งจะบอกว่าถูกทั้งหมด ก็ไม่ใช่อีกเพราะคำสอนไปคนละทิศคนละทาง
ใครๆ ก็พูดได้ว่าที่นี่ดีแล้ว ส่วนที่อื่นไม่ดี

ผมว่านะ ใครๆ ก็พูดกันแบบนี้ เหมือนคุณเคยเจอมา หรือที่เล่ามา ใครๆ ก็พูดกันได้ แต่เมื่อพูดแล้วมันจะย้อนกลับไปหาตัวคุณเอง
ต้นไม้ดีย่อมออกผลดี พระองค์บอกเราว่า เขาจะรู้จักเราโดยผลของเจ้า





รูปภาพ



มาเถิดเด็กน้อย มาร่วมเรียนด้วยกัน
สิ่งที่ถูกต้อง สารพัน สารพัน........





................
ภาพประจำตัวสมาชิก
Big_TC29
โพสต์: 333
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 17, 2006 12:34 am
ที่อยู่: ในรู

พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 2:53 pm

ตอนนี้ผมก็ พยายามทำตัวเป็นเอกภาพกะต่างนิกายอยู่ ทำกะออโธด็อกเป็นการส่วนตัว แต่กระโปรแตสตันท์ ผมต้องใช้เวลาหน่อยครับ เพราะผมเจอพวกโปรไม่ได้เรื่องมาตลอด ยังไม่เคยเจอพวกดีๆกะเค้ามั่ง โดยเฉพาะเวลาเจอความหวังทีไร บริเวณนั้น เหมือนแนวรบที่ชตาลินกราดขึ้นมาในทันที แบบเยอรมันรบกะรัสเซีย แต่กะสายอื่นผมไม่ค่อยมีปัญหานะ แต่ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปคุย กลัวเค้าน่ะครับ จนตอนนี้ผมเป็นโรคไม่ค่อยถูกกะความหวังไปแล้ว



ปล.ขอพี่น้องช่วยสวดภาวนาเผื่อผมด้วยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 2:06 am

Thai_DeSeRT เขียน: ..............


5555555555555+


อ่านความคิดเห็นของคุณ Holy แล้วทำให้ผมรู้ว่าคุณเข้าใจพระกิตติคุณดีระดับหนึ่ง และเข้าใจความหมายของคำว่า เราทุกคนคือลูกของพระผู้เป็นเจ้า
ในเมื่อคุณรู้ว่า คุณคือใคร แล้วคนอื่นคือใคร? ผมชอบความคิดเห็นของคุณ Holy ครับ

เราแต่ละคนคือใคร? เราทุกคนต่างบอกว่าเรารักในพระเยซูคริสต์ เราเชื่อในพระคริสต์ แต่ทำไมมีหลายความเชื่อ หลายนิกาย?
เพราะอะไรครับ?  ทุกๆ ที่ ทุกๆ แห่งบอกว่าเชื่อในพระเยซูคริสต์ทั้งนั้น

แล้วอะไรละ ที่เราจะรู้ได้ว่าที่ไหนพูดถูกต้อง ครั้งจะบอกว่าถูกทั้งหมด ก็ไม่ใช่อีกเพราะคำสอนไปคนละทิศคนละทาง
ใครๆ ก็พูดได้ว่าที่นี่ดีแล้ว ส่วนที่อื่นไม่ดี

ผมว่านะ ใครๆ ก็พูดกันแบบนี้ เหมือนคุณเคยเจอมา หรือที่เล่ามา ใครๆ ก็พูดกันได้ แต่เมื่อพูดแล้วมันจะย้อนกลับไปหาตัวคุณเอง
ต้นไม้ดีย่อมออกผลดี พระองค์บอกเราว่า เขาจะรู้จักเราโดยผลของเจ้า





รูปภาพ



มาเถิดเด็กน้อย มาร่วมเรียนด้วยกัน
สิ่งที่ถูกต้อง สารพัน สารพัน........





................

ผมมีหลักการง่ายๆแบบนี้นะครับ หลักการที่พระเยซูสอนเองในพระคัมภีร์นั่นแหละ

1.ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า ซึ่งแน่นอนว่าแม้เขาจะเชื่อไม่เหมือนเรา แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความเป็นลูกของพระเจ้าของเขาหายไป

2.ไม่ตัดสิน ถึงผมจะคิดว่าจุดที่ตัวเองอยู่นั้นถูกต้องและดี แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมต้องตัดสินและประนามว่าคนอื่นตกนรกนะครับ และผมก็ไม่มีสิทธินั้นเลยด้วย เพราะพระคัมภีร์บอกว่า ท่านตัดสินคนอื่นอย่างไร พระเจ้าจะตัดสินท่านอย่างนั้น หญิงคนบาปคนนั้น จะถูกเอาหินขว้าง ก็เพราะถูกตัดสินตามสิ่งที่พระคัมภีร์เขียนไม่ใช่เหรอ แต่พระเยซูบอกว่าอย่างไร แค่รู้พระคัมภีร์แล้ว นั่นแปลว่า เรามีสิทธิ์ตัดสินใครหรือ เปล่าเลย พระเจ้าเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ ผมไม่อาจสาระแนจังไปอ้างพระวาจาพระเจ้าเพื่อตัดสินใครได้ ผมอาจอ้างเพื่อสอนได้ เพราะผมมีสิทธิ์สอน แต่ผมไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสิน ผู้ซึ่งมีสิทธิ์นี้เพียงผู้เดียวคือพระเจ้าครับ

3.ไม่บังคับ  ตลอดเวลาที่ผมอ่านพระคัมภีร์ ผมไม่เคยเห็นพระเยซูบังคับให้ใครเชื่อพระองค์เลย ไม่เคยตื้อด้วย แถมในบางครั้งที่พระองค์ช่วยคนนั้น พระองค์ไม่ทันเชคเลยด้วยว่าเขาเป็นยิวไหม หรือนับถือศาสนายิวไหมด้วยซ้ำ เรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดีนั้นโจ่งแจ้ง เพราะสะมาเรีย ก็เหมือนยิวนิกายรองที่ถูกมองว่าไม่ถูกไม่ต้องไม่ควรคบ แต่พระเยซูกลับยกเขาว่าดีกว่าธรรมาจารย์ และสมณเลวีที่ไร้น้ำใจ ทรงขอน้ำดื่มจากหญิงชาวสะมาเรียที่มีผิดประเวณีแถมเสนอน้ำทรงชีวิตแก่นางด้วย และพระองค์ไม่บังคับใคร ตอนที่พระองค์สอนเรื่องการกินเนื้อและดื่มเลือด มีศิษย์หลายคนรับไม่ได้ ตัดสินใจทิ้งพระองค์ไป แต่พระองค์ทำอย่างไร พระองค์ไม่เคยร้องแร่แห่กระเชอ ตามตื้อ ตามติด ตามจิก ให้กลับมา แต่พระองค์ถามศิษย์ที่เหลือว่า"ท่านล่ะจะไปกับพวกเขาไหม" ดูพระองค์จะไม่สนใจปริมาณเท่าคุณภาพ เพราะอะไร...

เพราะพระองค์บอกแล้วว่า พระองค์คือ "พระผู้ช่วย" "เรามาในโลกนี้เพื่อช่วยให้รอด" ซึ่งพระองค์ก็ทำหน้าที่ช่วยจริงๆ ช่วยแปลว่ายื่นมืออกไปใครจะยื่นมือกลับมาตอบรับก็ได้ ถ้าใครไม่ต้องการ ก็บังคับเขาไม่ได้ ไม่ใช่ใครไม่จับด่า ใครไม่จับแช่ง อย่างนี้ไม่เรียกว่ามาช่วย แต่มาโอ้อวด มาเบ่ง มาทำตัวเป็นนักเลง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูทำเลย และพระองค์ไม่เคยสอนเลยตลอดทุกหน้าในพระคัมภีร์

ดังนั้นผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า ทำตามสิ่งที่พระเยซูสอน และทำตามสิ่งที่พระเยซูทำให้ดีที่สุด แม้จะบกพร่องไปบ้างก็ตาม แต่ผมคงจะไม่ ทำเกินสิทธิ์ และทำเกินหน้าที่ หรืออ้างตัวทำหน้าที่ของพระองค์โดยลืมสำนึกไปว่าเป็นเพียงผู้รับใช้ มีหน้าที่แค่ช่วยรับใช้ ไม่ใช่ช่วยตัดสิน ไม่ใช่ช่วยบังคับ

แต่กระนั้น ผมเองก็มีจุดยืนของตน ไม่ใช่ว่าใครมาพูดว่าชั้นเชื่อพระเยซูแล้วผมจะต้องเห็นด้วยไปหมด

มีคนอ้างชื่อพระเยซู บ้าบอคอแตกขนาด อ้างว่าเป็นพระเยซูกลับมาเกิด หรืออ้างชื่อพระเยซูกินยาพิษตายหมู่ ซึ่งแม้ผมยังเชื่อว่าทุกคนนั้นเป็นลูกของพระเจ้า แต่แนวคิดแบบนี้ ผมไม่มองว่ามาจากพระเจ้าไปด้วยแน่ เพราะก็อย่างที่คุณบอก เราตัดสินรากจากผลของมันได้

ในส่วนของหลักการ เรามีหลักข้อเชื่อที่แจ่มแจ้งอันหนึ่งมาตั้งแต่บรรพชนแรกเริ่มคือ

พระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์สูงสุด พระเยซูคือบุตรพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ ทรงตายไถ่บาปเรา

ดังนั้นถ้าใครหลุดจากหลักนี้ ผมไม่ตัดสินเขา แต่ผมไม่จำเป็นต้องยอมรับความเชื่อนั้นว่าถูก เช่นมีคนบอกนับถือพระเยซู แต่ไม่ถือว่าพระองค์เป็นบุตรพระเจ้า ผมคงคุยกับเขาได้ และไม่ตัดสินหรอกว่าเขาจะไปนรกไหม แต่ผมมีความเชื่อแล้วว่าพระเยซูคือพระบุตรพระเจ้า จะให้ผมเชื่อว่าไม่ใช่ด้วย คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ถ้าได้มีการแบ่งปันกันในฐานะ"ช่วย"ในส่วนของผม แล้วเขาไม่ยอมรับ ผมก็ไม่ว่าอะไร ยังคุยกันได้ต่อไป และทางเขาก็เช่นกัน แต่ถ้าทางนั้นเกิดล่วงละเมิด ทำลายหลักการ และไม่ให้เกีบรติความเชื่อกัน ผมก็มีหน้าที่ปกป้องความเชื่อตัวเอง ตามสมควรเช่นกัน


ปล. อย่าคิดเลยว่าผมเข้าใจพระกิตติคุณดีระดับหนึ่ง หรือระดับไหน พระเจ้าให้เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้นครับ เกรงว่า ความเข้าใจพระคัมภีร์ที่ต้องอาศัยพระจิตเจ้าทรงนำนั้น จะวัดเป็นระดับไม่ได้ เพราะโดยตัวตนแล้วผมยังโง่อยู่มาก เข้าใจอะไรได้แค่ไหน แล้วแต่พระจะไขแสดง

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 2:10 am

:+: seraphim :+: เขียน:
Batholomew เขียน:
Holy เขียน: คิดว่าไม่ใช่คนที่เดากันนะ นี่เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งพวกคุณพ่อคงไม่รู้จัก
อ้าว หน้าแตกเลย ::011::

::011:: แป่ววว..มาแตกเป็นเพื่อน
ชี้ให้เห็นว่าโปรฯที่ดียังมีอีกหลายคนนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 9:36 am

Holy เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
Batholomew เขียน: อ้าว หน้าแตกเลย ::011::

::011:: แป่ววว..มาแตกเป็นเพื่อน
ชี้ให้เห็นว่าโปรฯที่ดียังมีอีกหลายคนนะครับ
ว่าแล้วต้องไม่ใช่คนที่หลายๆ  คนคิด เพราะคุณโฮลี่บอกว่า ท่านอยู่สังกัดเพนเตคอส เพราะคนที่หลาย ๆ คนคิดนั้นท่านอยู่สังกัดสภาคริสตจักรครับ

งานที่ผมทำก็ต้องร่วมมือกับคริสเตียนนิกายอื่น ๆ ก็เจอแต่ที่ดี ๆ น่ารัก น่านับถือทั้งนั้นเลยครับ ไม่เคยเจอโบสถ์ความหวังเลยสักทีครับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 9:43 am

อ่านคำตอบของคุณโฮลี่อันหลังนี่แล้วก็ดีนะครับ จากที่ผมเคยถามไว้และโดนลบไปแล้ว ::004::
ที่จริงผมก็คิดอยู่ในใจอย่างนี้แหละครับ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 10:32 am

Andreas เขียน:
Holy เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
::011:: แป่ววว..มาแตกเป็นเพื่อน
ชี้ให้เห็นว่าโปรฯที่ดียังมีอีกหลายคนนะครับ
ว่าแล้วต้องไม่ใช่คนที่หลายๆ  คนคิด เพราะคุณโฮลี่บอกว่า ท่านอยู่สังกัดเพนเตคอส เพราะคนที่หลาย ๆ คนคิดนั้นท่านอยู่สังกัดสภาคริสตจักรครับ

งานที่ผมทำก็ต้องร่วมมือกับคริสเตียนนิกายอื่น ๆ ก็เจอแต่ที่ดี ๆ น่ารัก น่านับถือทั้งนั้นเลยครับ ไม่เคยเจอโบสถ์ความหวังเลยสักทีครับ
อ้าว หรอครับ นึกว่าเหมือนกัน ::011::
Thai_DeSeRT

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 3:24 pm

..........


ถึงคุณ HOly
ปล. อย่าคิดเลยว่าผมเข้าใจพระกิตติคุณดีระดับหนึ่ง หรือระดับไหน พระเจ้าให้เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้นครับ

ก็ผมว่าอะครับ ตามความเข้าใจของผม และได้ฟังจากคำพูดของคุณเอง  แต่กับการที่คุณว่า อย่าคิดเลยว่าผมเข้าใจพระกิตติคุณดีระดับหนึ่ง หรือระดับไหน พระเจ้าให้เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้นครับ
ขึ้นอยู่คุณครับว่าคุณแสวงหาพระคำของพระองค์แค่ไหน ไม่ใช่รอให้พระองค์แสดงต่อคุณครับ

แต่แน่นอนมีเรื่องบางเรื่องที่พระองค์ต้องแสดงหรือเปิดเผยแก่เราครับ แต่นั้นต้องเป็นบุคคลที่สำคัญจริงๆ ที่พระองค์จะทรงทำสิ่งเหล่าวนั้นกับมนุษย์ คนๆ หนึ่ง


จะวัดเป็นระดับไม่ได้ เพราะโดยตัวตนแล้วผมยังโง่อยู่มาก
วัดได้จากคำพูด การแสดงออก การรักษาพระบัญญัติ การประพฤติตนต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
สิ่งนี้มันจะออกมาโดยธรรมชาติครับ ไม่ใช่การเสแสร้ง แต่ดูคุณมีความถ่อมดีครับ

เกรงว่า ความเข้าใจพระคัมภีร์ที่ต้องอาศัยพระจิตเจ้าทรงนำนั้น
นั่นเป็นส่วนหนึ่งครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับการที่ๆ คนหนึ่งอ่านแล้วบอกว่าเขาได้รับการทรงนำ แต่อันที่จริงแล้วเขาเข้าใจผิดไปเอง


ทุกๆ คนเคยอ่านพระคัมภีร์กันทั้งนั้น แต่ว่าอ่านแล้วเข้าใจไว้ว่าอย่างไร เพราะแต่ละคนอ่านแล้วเข้าใจตามความคิดของตน และบอกว่าได้รับการทรงนำ
ันั่นแหละปัญหาใหญ่ เพราะแต่ละคนอ้างว่าได้การทรงนำ เลยทำให้มีศาสนาคริสต์มีหลายนิกายต่างๆ มากมาย


..............
ภาพประจำตัวสมาชิก
Florian
โพสต์: 1513
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 31, 2006 12:05 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 3:34 pm

Holy เขียน: จะว่าไป คุณเองก็บอกอยู่เองที่อีกกระทู้ ว่าคนที่มาแล้วคอยจับผิดน่ะ คือฟาริสี ดังนั้นถ้าโปรแตสแตนท์สายสุดโต่งมาเยือน แต่มาดี ผมก็ยินดีต้อนรับจะแย่ แต่ถ้ามาจับผิด+หาเรื่อง เราก็คงต้องทำตามแบบอย่างพระเยซูกระทำต่อฟาริสีที่มาหาเรื่อง คือ ตอบทุกอย่างทุกคำถามตามพระประสงค์ของพระเจ้า ซึ่งมี2ระดับคือ ตอบให้เข้าใจและตอบให้สำนึก ขึ้นกับพฤติกรรมผู้ถามว่ามีจุดประสงค์อะไรและต้องการอะไร และถ้ายังหาเรื่องไม่เลิก อาจต้องมีชำระพระวิหารตามสมควร แต่อย่างไรก็ดี ความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป้นสิ่งพึงมีนะครับ และการให้อภัยก็มีต่อคนนั้นๆเสมอ แต่ไม่ใช่ว่าต้องปล่อยพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ หรือเอาหลักข้อเชื่อแปลกๆมาแล้วเราต้องเห็นด้วยเสมอไป เราอาจยอมรับสิ่งที่เขาเป็น แต่ไม่จำเป็นต้องยอมรับทุกอย่างที่เขาทำครับ
ประเด็นนี้ผมเห็นด้วย ถ้ามี"ฟาริสี"มา เราก็สมควรที่จะยืนยันหลักการของเราและให้คำอธิบายตามสมควร

แต่ประเด็นที่ผมใคร่จะวิงวอนก็คือถ้าเราไม่ศรัทธาในหลักข้อเชื่อ พระธรรมคำสอนของใคร เราก็อย่าได้ไปท้าทาย ลองดี อะไรพวกเขาเลยครับ  ประมาณว่าห้อยรูปแม่พระเข้าไป ลองดูหน่อยซิว่าพวกเขาอธิบายพระคัมภีร์อย่างไร สอนผิดๆก็แย้งให้รู้ว่าแกสอนกันผิดๆนะ ไปจับผิดอะไรทำนองนี้น่ะครับ ฯลฯ  ผมว่าอย่าทำเลย มันทำให้ไม่สบายใจกันเปล่าๆครับ  : xemo026 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 3:36 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 5:20 pm

Thai_DeSeRT เขียน: ..........


ถึงคุณ HOly
ปล. อย่าคิดเลยว่าผมเข้าใจพระกิตติคุณดีระดับหนึ่ง หรือระดับไหน พระเจ้าให้เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้นครับ

ก็ผมว่าอะครับ ตามความเข้าใจของผม และได้ฟังจากคำพูดของคุณเอง  แต่กับการที่คุณว่า อย่าคิดเลยว่าผมเข้าใจพระกิตติคุณดีระดับหนึ่ง หรือระดับไหน พระเจ้าให้เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้นครับ
ขึ้นอยู่คุณครับว่าคุณแสวงหาพระคำของพระองค์แค่ไหน ไม่ใช่รอให้พระองค์แสดงต่อคุณครับ

แต่แน่นอนมีเรื่องบางเรื่องที่พระองค์ต้องแสดงหรือเปิดเผยแก่เราครับ แต่นั้นต้องเป็นบุคคลที่สำคัญจริงๆ ที่พระองค์จะทรงทำสิ่งเหล่าวนั้นกับมนุษย์ คนๆ หนึ่ง


จะวัดเป็นระดับไม่ได้ เพราะโดยตัวตนแล้วผมยังโง่อยู่มาก
วัดได้จากคำพูด การแสดงออก การรักษาพระบัญญัติ การประพฤติตนต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
สิ่งนี้มันจะออกมาโดยธรรมชาติครับ ไม่ใช่การเสแสร้ง แต่ดูคุณมีความถ่อมดีครับ

เกรงว่า ความเข้าใจพระคัมภีร์ที่ต้องอาศัยพระจิตเจ้าทรงนำนั้น
นั่นเป็นส่วนหนึ่งครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับการที่ๆ คนหนึ่งอ่านแล้วบอกว่าเขาได้รับการทรงนำ แต่อันที่จริงแล้วเขาเข้าใจผิดไปเอง


ทุกๆ คนเคยอ่านพระคัมภีร์กันทั้งนั้น แต่ว่าอ่านแล้วเข้าใจไว้ว่าอย่างไร เพราะแต่ละคนอ่านแล้วเข้าใจตามความคิดของตน และบอกว่าได้รับการทรงนำ
ันั่นแหละปัญหาใหญ่ เพราะแต่ละคนอ้างว่าได้การทรงนำ เลยทำให้มีศาสนาคริสต์มีหลายนิกายต่างๆ มากมาย


..............
ยก 3:13-18  ปรีชาญาณแท้และปรีชาญาณเทียม
ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระทำและความประพฤติดี  แต่ถ้าใจของท่านขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสาต่อต้านความจริง  ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดาโลก ตามแบบวัตถุนิยมและตามแบบปีศาจ  ที่ใดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ที่นั่นย่อมมีแต่ความวุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด  ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำเอียง ไม่เสแสร้ง  ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 6:21 pm

อันตน เขียน: อ่านคำตอบของคุณโฮลี่อันหลังนี่แล้วก็ดีนะครับ จากที่ผมเคยถามไว้และโดนลบไปแล้ว ::004::
ที่จริงผมก็คิดอยู่ในใจอย่างนี้แหละครับ
มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพิจารณาว่า ข้อมูลที่คุณอันตนยกมา มันพาดบุคลคที่3ที่4 หลายท่านไปหน่อย แล้วมันเดากันได้บ้างไม่ได้บ้างผิดบ้างถูกบ้างว่าเป็นใคร มันเลยจะกลายเป็นไม่ดีต่อผู้ใหญ่บางท่านได้ ก็เลยต้องเก็บจากที่สาธรณะไว้ก่อนครับ
Thai_DeSeRT

เสาร์ มี.ค. 31, 2007 9:57 am

.........


อืมมม ครับนั่นแหละ ใครบอกว่าวัดไม่ได้ การกระทำของคุณเองนั้นแหละมันจะวัดคุณเอง


.........
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร เม.ย. 03, 2007 8:02 pm

ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเสริม หรือสนทนากัน หวังว่า จะเชื่อมความสัมพันธ์กันได้ดีนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร เม.ย. 03, 2007 11:45 pm

bigect07 เขียน: ตอนนี้ผมก็ พยายามทำตัวเป็นเอกภาพกะต่างนิกายอยู่ ทำกะออโธด็อกเป็นการส่วนตัว แต่กระโปรแตสตันท์ ผมต้องใช้เวลาหน่อยครับ เพราะผมเจอพวกโปรไม่ได้เรื่องมาตลอด ยังไม่เคยเจอพวกดีๆกะเค้ามั่ง โดยเฉพาะเวลาเจอความหวังทีไร บริเวณนั้น เหมือนแนวรบที่ชตาลินกราดขึ้นมาในทันที แบบเยอรมันรบกะรัสเซีย แต่กะสายอื่นผมไม่ค่อยมีปัญหานะ แต่ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปคุย กลัวเค้าน่ะครับ จนตอนนี้ผมเป็นโรคไม่ค่อยถูกกะความหวังไปแล้ว



ปล.ขอพี่น้องช่วยสวดภาวนาเผื่อผมด้วยนะครับ
กะออร์โธด๊อกซ์หรอ เอาด้วยๆ(ชาอร่อยดี^^)
ตอบกลับโพส