ความจริงของเด็กที่โดนทำแท้ง คำพยานของแพทย์ทำแท้งกลับใจ !!!
เรื่องจริง
เมื่อแพทย์ทำแท้งกลับใจ
เรื่องจริงจากนิตยสารคาทอลิก “Love One Another”
ก.ครุวรรณ แปล
สโตแจน อะดาเซวิก (Stojan Adasevic) จะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันหนึ่ง ขณะที่เขาเป็นนักศึกษาแพทย์แผนกนรีเวชวิทยา และกำลังจัดเอกสารในห้องซึ่งมีแพทย์กำลังคุยกัน โดยไม่สนใจเขาที่กำลังจัดเอกสารอยู่ในหมู่แพทย์ที่กำลังคุยกันนั้น ดร.ราโด อีญาโตวิก (Radolgnatovic) ได้เล่าถึงคนไข้คนหนึ่งที่มาขอให้ตนช่วยทำแท้งให้ แต่เขาทำไม่สำเร็จ กลุ่มนรีแพทย์ในห้องต่างออกความเห็นในปัญหาที่เกิดขึ้นพอพวกเขาพูดกันมาถึงตอนหนึ่ง ซึ่งสโตแจนฟังแล้วก็รู้สึกตัวแข็งอยู่กับที่ เนื่องจากพวกเขากำลังพูดถึงทันตแพทย์หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยทำงานอยู่ในย่านนั้น เธอเป็นมารดาของเขาเองและเมื่อแพทย์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เธอเสียชีวิตไปแล้วแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทารกคนนั้น” สโตแจนไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไปเขาจึงลุกขึ้นและพูดว่า “ผมคือทารกคนนั้นครับ” ทันทีที่พูดออกไปทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ จากนั้นแพทย์แต่ละคนก็ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้อง
หลายปีผ่านไป สโตแจน กลายเป็นนายแพทย์ทำแท้งมีฝีมือดีที่สุดในกรุงเบลเกรด (ยูโกสลาเวีย) และมีฝีมือเหนือ ดร.ราโด อีญาโตวิก อาจารย์ผู้สอนเขาด้วย เขาทำแท้งวันละ 20-30 ราย และเคยทำสูงสุดได้ถึง 35 รายในหนึ่งวัน คำนวณได้ว่าเขาทำแท้งไปแล้วประมาณ 48,000-62,000 ราย ในเวลา 26 ปี ตลอดระยะเวลานั้น เขาเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจจากการเรียนและจากตำราว่า การทำแท้งไม่ต่างอะไรกับการผ่าตัดใส้ติ่งอักเสบ ข้อแตกต่างมีเพียงอย่างเดียวคือการผ่าตัดใส้ติ่งอักเสบเป็นการตัดชิ้นส่วนของลำไส้ออกไป ส่วนการทำแท้งคือการเอาเนื้อเยื่อของตัวอ่อนออกไป จนกระทั่งทศวรรษ 1980 ที่วิทยาการด้านอัลตร้าซาวด์เข้ามาในประเทศยูโกสลาเวีย เขาจึงได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากจอมอนิเตอร์ว่าในครรภ์ของสตรีที่มาทำแท้งนั้นมีตัวอ่อนที่มีชีวิตกำลังดูดนิ้วอยู่และสามารถขยับเขยื้อนแขนขาได้ด้วย ซึ่งบ่อยครั้งเขาได้ใช้คีมคีบออกมาวางไว้บนโต๊ะ เขาพูดถึงวันที่เห็นภาพดังกล่าวว่า “ผมไม่เคยเห็นมาก่อนและนับแต่นั้นมา ผมก็เริ่มมีความฝันแปลก ๆ”
เมื่อแพทย์ทำแท้งกลับใจ
เรื่องจริงจากนิตยสารคาทอลิก “Love One Another”
ก.ครุวรรณ แปล
สโตแจน อะดาเซวิก (Stojan Adasevic) จะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันหนึ่ง ขณะที่เขาเป็นนักศึกษาแพทย์แผนกนรีเวชวิทยา และกำลังจัดเอกสารในห้องซึ่งมีแพทย์กำลังคุยกัน โดยไม่สนใจเขาที่กำลังจัดเอกสารอยู่ในหมู่แพทย์ที่กำลังคุยกันนั้น ดร.ราโด อีญาโตวิก (Radolgnatovic) ได้เล่าถึงคนไข้คนหนึ่งที่มาขอให้ตนช่วยทำแท้งให้ แต่เขาทำไม่สำเร็จ กลุ่มนรีแพทย์ในห้องต่างออกความเห็นในปัญหาที่เกิดขึ้นพอพวกเขาพูดกันมาถึงตอนหนึ่ง ซึ่งสโตแจนฟังแล้วก็รู้สึกตัวแข็งอยู่กับที่ เนื่องจากพวกเขากำลังพูดถึงทันตแพทย์หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยทำงานอยู่ในย่านนั้น เธอเป็นมารดาของเขาเองและเมื่อแพทย์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เธอเสียชีวิตไปแล้วแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทารกคนนั้น” สโตแจนไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไปเขาจึงลุกขึ้นและพูดว่า “ผมคือทารกคนนั้นครับ” ทันทีที่พูดออกไปทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ จากนั้นแพทย์แต่ละคนก็ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้อง
หลายปีผ่านไป สโตแจน กลายเป็นนายแพทย์ทำแท้งมีฝีมือดีที่สุดในกรุงเบลเกรด (ยูโกสลาเวีย) และมีฝีมือเหนือ ดร.ราโด อีญาโตวิก อาจารย์ผู้สอนเขาด้วย เขาทำแท้งวันละ 20-30 ราย และเคยทำสูงสุดได้ถึง 35 รายในหนึ่งวัน คำนวณได้ว่าเขาทำแท้งไปแล้วประมาณ 48,000-62,000 ราย ในเวลา 26 ปี ตลอดระยะเวลานั้น เขาเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจจากการเรียนและจากตำราว่า การทำแท้งไม่ต่างอะไรกับการผ่าตัดใส้ติ่งอักเสบ ข้อแตกต่างมีเพียงอย่างเดียวคือการผ่าตัดใส้ติ่งอักเสบเป็นการตัดชิ้นส่วนของลำไส้ออกไป ส่วนการทำแท้งคือการเอาเนื้อเยื่อของตัวอ่อนออกไป จนกระทั่งทศวรรษ 1980 ที่วิทยาการด้านอัลตร้าซาวด์เข้ามาในประเทศยูโกสลาเวีย เขาจึงได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากจอมอนิเตอร์ว่าในครรภ์ของสตรีที่มาทำแท้งนั้นมีตัวอ่อนที่มีชีวิตกำลังดูดนิ้วอยู่และสามารถขยับเขยื้อนแขนขาได้ด้วย ซึ่งบ่อยครั้งเขาได้ใช้คีมคีบออกมาวางไว้บนโต๊ะ เขาพูดถึงวันที่เห็นภาพดังกล่าวว่า “ผมไม่เคยเห็นมาก่อนและนับแต่นั้นมา ผมก็เริ่มมีความฝันแปลก ๆ”
ความฝันของ ดร.อะดาเซวิก
เขาฝันซ้ำ ๆ อยู่ทุกคืนเป็นแรมเดือน ในฝันเขาเห็นตัวเองกำลังเดินอยู่บนสนามหญ้ามีแสงแดดส่องมีดอกไม้สวยงาม อากาศอบอุ่นและน่ารื่นรมย์ แต่เขากลับรู้สึกกังวลทันใดนั้น ก็มีเด็กเล็ก ๆ มากมายวิ่งกรูกันออกมา พวกเขาหัวเราะเบิกบาน และเล่นลูกบอลกันอย่างสนุกสนาน พวกเขามีอายุตั้งแต่ 3-4 ขวบจนถึงประมาณ 20 ปี เขารู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาดกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และเด็กหญิงอีก 2 คนเมื่อเขาพยายามพูดด้วย เด็กทุกคนก็ส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว เหตุการณ์นี้อยู่ภายใต้สายตาของบุรุษผู้หนึ่งสวมชุดสีดำที่กำลังเฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ
ทุกคืน ดร.อะดาเซวิก ตกใจตื่นและนอนไม่หลับจนถึงเช้า เขาพยายามบำบัดด้วยยาทุกชนิดทั้งสมุนไพรและยาแผนใหม่แต่ไม่เป็นผล อยู่มาคืนหนึ่งเขารู้สึกโมโหมากในความฝัน และเริ่มวิ่งไล่จับเด็ก ๆ เขาจับตัวเด็กคนหนึ่งได้ เด็กร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย อย่าให้ฆาตกรฆ่าหนู!” ตอนนั้นเองบุรุษในชุดดำก็แปลงร่างเป็นนกอินทรีบินโฉบลงมา และคว้าตัวเด็กไปจากมือของเขา เขาตกใจตื่นหัวใจเต้นแรงอากาศในห้องเย็นแต่เขากลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อไหลท่วมตัว เช้าวันนั้นเขาตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ แต่ยังพบไม่ได้ทันทีเพราะต้องนัดหมายจองคิว
ก่อนนอนค่ำวันนั้น เขาตั้งใจว่าเขาจะถามบุรุษในฝันว่าเป็นใคร... และเป็นไปตามที่ตั้งใจ บุรุษในฝันตอบเขาว่า “ถึงแม้บอกชื่อให้ ก็คงไม่มีความหมายอะไรกับคุณ” แต่เมื่อเขายืนยันต้องการทราบ บุรุษผู้นั้นจึงตอบว่า “ฉันชื่อโทมัส อะไควนัส”
ซึ่งเป็นชื่อที่ ดร.อะดาเซวิก ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต บุรุษชุดดำจึงพูดต่อไปว่า “ทำไมคุณถึงไม่ถามล่ะว่า เด็กพวกนั้นเป็นใคร คุณจำพวกเขาไม่ได้หรือ?” เมื่อเขาตอบปฏิเสธว่าไม่รู้จักพวกเขา บุรุษผู้นั้นจึงพูดว่า “ไม่จริงหรอก คุณรู้จักพวกเขาดีทีเดียวเลย พวกเขาเป็นเด็ก ๆ ที่คุณฆ่าตอนทำแท้งไง” เขาจึงแย้งว่า “เป็นไปได้อย่างไร เด็กพวกนี้โตแล้วและผมไม่เคยฆ่าเด็กที่คลอดออกมาแล้วแม้แต่คนเดียว” โทมัสจึงตอบว่า “คุณไม่รู้หรือว่าในดินแดนแห่งนี้เด็ก ๆ ยังเติบโตต่อได้” ดร.อะดาเซวิกไม่ยอมแพ้ กล่าวอีกว่า “แต่ผมไม่เคยฆ่าเด็กอายุ 20 ปีเลย” “คุณฆ่าเขาเมื่อ 20 ปีก่อนไงล่ะ ตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุได้ 3 เดือนในท้องของแม่”
ถึงตอนนี้ เขาจึงนึกใบหน้าของเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี และเด็กหญิง 2 คนนั้นออก พวกเขามีใบหน้าคล้ายคนรู้จักที่เขาเป็นคนทำแท้งให้ดมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนเด็กหญิง 2 คนนั้น เขารู้จักแม่ของทั้งสองดี และแม่ของคนหนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาเอง เมื่อตื่นขึ้นมาเขาจึงตัดสินใจว่าจะเลิกทำแท้งอย่างเด็ดขาด
เขาฝันซ้ำ ๆ อยู่ทุกคืนเป็นแรมเดือน ในฝันเขาเห็นตัวเองกำลังเดินอยู่บนสนามหญ้ามีแสงแดดส่องมีดอกไม้สวยงาม อากาศอบอุ่นและน่ารื่นรมย์ แต่เขากลับรู้สึกกังวลทันใดนั้น ก็มีเด็กเล็ก ๆ มากมายวิ่งกรูกันออกมา พวกเขาหัวเราะเบิกบาน และเล่นลูกบอลกันอย่างสนุกสนาน พวกเขามีอายุตั้งแต่ 3-4 ขวบจนถึงประมาณ 20 ปี เขารู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาดกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และเด็กหญิงอีก 2 คนเมื่อเขาพยายามพูดด้วย เด็กทุกคนก็ส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว เหตุการณ์นี้อยู่ภายใต้สายตาของบุรุษผู้หนึ่งสวมชุดสีดำที่กำลังเฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ
ทุกคืน ดร.อะดาเซวิก ตกใจตื่นและนอนไม่หลับจนถึงเช้า เขาพยายามบำบัดด้วยยาทุกชนิดทั้งสมุนไพรและยาแผนใหม่แต่ไม่เป็นผล อยู่มาคืนหนึ่งเขารู้สึกโมโหมากในความฝัน และเริ่มวิ่งไล่จับเด็ก ๆ เขาจับตัวเด็กคนหนึ่งได้ เด็กร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย อย่าให้ฆาตกรฆ่าหนู!” ตอนนั้นเองบุรุษในชุดดำก็แปลงร่างเป็นนกอินทรีบินโฉบลงมา และคว้าตัวเด็กไปจากมือของเขา เขาตกใจตื่นหัวใจเต้นแรงอากาศในห้องเย็นแต่เขากลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อไหลท่วมตัว เช้าวันนั้นเขาตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ แต่ยังพบไม่ได้ทันทีเพราะต้องนัดหมายจองคิว
ก่อนนอนค่ำวันนั้น เขาตั้งใจว่าเขาจะถามบุรุษในฝันว่าเป็นใคร... และเป็นไปตามที่ตั้งใจ บุรุษในฝันตอบเขาว่า “ถึงแม้บอกชื่อให้ ก็คงไม่มีความหมายอะไรกับคุณ” แต่เมื่อเขายืนยันต้องการทราบ บุรุษผู้นั้นจึงตอบว่า “ฉันชื่อโทมัส อะไควนัส”
ซึ่งเป็นชื่อที่ ดร.อะดาเซวิก ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต บุรุษชุดดำจึงพูดต่อไปว่า “ทำไมคุณถึงไม่ถามล่ะว่า เด็กพวกนั้นเป็นใคร คุณจำพวกเขาไม่ได้หรือ?” เมื่อเขาตอบปฏิเสธว่าไม่รู้จักพวกเขา บุรุษผู้นั้นจึงพูดว่า “ไม่จริงหรอก คุณรู้จักพวกเขาดีทีเดียวเลย พวกเขาเป็นเด็ก ๆ ที่คุณฆ่าตอนทำแท้งไง” เขาจึงแย้งว่า “เป็นไปได้อย่างไร เด็กพวกนี้โตแล้วและผมไม่เคยฆ่าเด็กที่คลอดออกมาแล้วแม้แต่คนเดียว” โทมัสจึงตอบว่า “คุณไม่รู้หรือว่าในดินแดนแห่งนี้เด็ก ๆ ยังเติบโตต่อได้” ดร.อะดาเซวิกไม่ยอมแพ้ กล่าวอีกว่า “แต่ผมไม่เคยฆ่าเด็กอายุ 20 ปีเลย” “คุณฆ่าเขาเมื่อ 20 ปีก่อนไงล่ะ ตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุได้ 3 เดือนในท้องของแม่”
ถึงตอนนี้ เขาจึงนึกใบหน้าของเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี และเด็กหญิง 2 คนนั้นออก พวกเขามีใบหน้าคล้ายคนรู้จักที่เขาเป็นคนทำแท้งให้ดมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนเด็กหญิง 2 คนนั้น เขารู้จักแม่ของทั้งสองดี และแม่ของคนหนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาเอง เมื่อตื่นขึ้นมาเขาจึงตัดสินใจว่าจะเลิกทำแท้งอย่างเด็ดขาด
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ก.ย. 21, 2009 2:13 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมกำหัวใจที่ยังเต้นได้ไว้ในมือ
ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนหนึ่งรอเขาอยู่กับเพื่อนสาว ตอนที่เขาไปถึงโรงพยาบาลเช้าวันนนั้น ทั้งสองมีนัดทำแท้งกับเขา เธอท้องได้สี่เดือนและกำลังจะเอาเด็กออก เขาปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่ก็ถูกรบเร้าจนที่สุดจำยอมตกลงทำเป็นรายสุดท้ายจริง ๆ
บนจอมอนิเตอร์ เขาแลเห็นตัวอ่อนมีนิ้วหัวแม่มืออมอยู่ในปากเขายืดมดลูกให้ตรง และใส่ปากคีบเข้าไป จากนั้นก็คีบบางสิ่งและดึงออกมา เมื่อคลายที่คีบออกวางบนโต๊ะก็เห็นเป็นรูปปลายแขนข้างหนึ่งของตัวอ่อน ซึ่งเผอิญจุดที่วางมีไอโอดีนหยดเลอะอยู่ ทันใดนั้นแขนนั้นก็หดและบิดตัว พยาบาลผู้ช่วยแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะดูคล้ายขากบในห้องทดลอง
ดร.อะดาเซวิก เองก็ตกใจกลัว แต่ก็ต้องทำต่อไป และสอดปากคีบเข้าไปอีก เมื่อคีบได้แล้วก็ดึงออก ครั้งนี้เป็นส่วนขา เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่า “จะต้องไม่ให้ไปสัมผัสกับแอลกอฮอล์” แต่ปรากฏว่าพยาบาลผู้ช่วยเกิดทำถาดเครื่องมือหล่น เขาตกใจคลายปากคีบ ทำให้ขาชิ้นนั้นตกลงไปอยู่ข้างแขนชิ้นแรกและทั้งสองส่วนก็ขยับไปมา
พยาบาลไม่เคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นนี้มาก่อนคือเป็นแขนขามนุษย์ที่ขยับไปมาบนโต๊ะ ดร.อะดาเซวิกจึงตัดสินใจทำลายส่วนที่เหลือในมดลูก และดึงออกมาเป็นก้อนที่มองไม่ออกว่าเป็นอวัยวะส่วนไหน เขาเริ่มบดขยี้ก้อนเนื้องทั้งหมดและเมื่อวางปากคีบลง สิ่งที่เขาเห็นนำมากองรวมกันเป็นรูปหัวใจมนุษย์! หัวใจที่เต้นได้ แต่เต้นอ่อนลงเป็นลำดับและหยุดเต้นในที่สุด ณ บัดนี้เขาทราบแล้วว่าสิ่งที่เขาทำไปคือการฆ่าคน
เขารู้สึกว่าโลกรอบตัวมืดลงและจำไม่ได้ว่าอยู่ในสภาพนั้นนานเท่าใด เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีคนมาดึงแขนของเขา และมีเสียงพยาบาลเรียกด้วยความตกใจกลัวว่า “ดร.อะดาเซวิก! ดร.อะดาเซวิก!” คนไข้ตกเลือด เขาจึงสวดภาวนาเป็นครั้งแรกด้วยความร้อนรนว่า “พระเจ้าข้า! โปรดช่วยชีวิตหญิงคนนี้ด้วย”
ปกติเขาใช้เวลาประมาณ 10 นาที ในการทำความสะอาดมดลูก แต่ครั้งนี้เขาสอดอุปกรณ์เพียง 2 ครั้งก็สำเร็จ และเมื่อถอดถุงมือออก เขาก็แน่ใจเลยว่าจะไม่มีการทำแท้งให้ผู้ใดอีก
ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนหนึ่งรอเขาอยู่กับเพื่อนสาว ตอนที่เขาไปถึงโรงพยาบาลเช้าวันนนั้น ทั้งสองมีนัดทำแท้งกับเขา เธอท้องได้สี่เดือนและกำลังจะเอาเด็กออก เขาปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่ก็ถูกรบเร้าจนที่สุดจำยอมตกลงทำเป็นรายสุดท้ายจริง ๆ
บนจอมอนิเตอร์ เขาแลเห็นตัวอ่อนมีนิ้วหัวแม่มืออมอยู่ในปากเขายืดมดลูกให้ตรง และใส่ปากคีบเข้าไป จากนั้นก็คีบบางสิ่งและดึงออกมา เมื่อคลายที่คีบออกวางบนโต๊ะก็เห็นเป็นรูปปลายแขนข้างหนึ่งของตัวอ่อน ซึ่งเผอิญจุดที่วางมีไอโอดีนหยดเลอะอยู่ ทันใดนั้นแขนนั้นก็หดและบิดตัว พยาบาลผู้ช่วยแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะดูคล้ายขากบในห้องทดลอง
ดร.อะดาเซวิก เองก็ตกใจกลัว แต่ก็ต้องทำต่อไป และสอดปากคีบเข้าไปอีก เมื่อคีบได้แล้วก็ดึงออก ครั้งนี้เป็นส่วนขา เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่า “จะต้องไม่ให้ไปสัมผัสกับแอลกอฮอล์” แต่ปรากฏว่าพยาบาลผู้ช่วยเกิดทำถาดเครื่องมือหล่น เขาตกใจคลายปากคีบ ทำให้ขาชิ้นนั้นตกลงไปอยู่ข้างแขนชิ้นแรกและทั้งสองส่วนก็ขยับไปมา
พยาบาลไม่เคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นนี้มาก่อนคือเป็นแขนขามนุษย์ที่ขยับไปมาบนโต๊ะ ดร.อะดาเซวิกจึงตัดสินใจทำลายส่วนที่เหลือในมดลูก และดึงออกมาเป็นก้อนที่มองไม่ออกว่าเป็นอวัยวะส่วนไหน เขาเริ่มบดขยี้ก้อนเนื้องทั้งหมดและเมื่อวางปากคีบลง สิ่งที่เขาเห็นนำมากองรวมกันเป็นรูปหัวใจมนุษย์! หัวใจที่เต้นได้ แต่เต้นอ่อนลงเป็นลำดับและหยุดเต้นในที่สุด ณ บัดนี้เขาทราบแล้วว่าสิ่งที่เขาทำไปคือการฆ่าคน
เขารู้สึกว่าโลกรอบตัวมืดลงและจำไม่ได้ว่าอยู่ในสภาพนั้นนานเท่าใด เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีคนมาดึงแขนของเขา และมีเสียงพยาบาลเรียกด้วยความตกใจกลัวว่า “ดร.อะดาเซวิก! ดร.อะดาเซวิก!” คนไข้ตกเลือด เขาจึงสวดภาวนาเป็นครั้งแรกด้วยความร้อนรนว่า “พระเจ้าข้า! โปรดช่วยชีวิตหญิงคนนี้ด้วย”
ปกติเขาใช้เวลาประมาณ 10 นาที ในการทำความสะอาดมดลูก แต่ครั้งนี้เขาสอดอุปกรณ์เพียง 2 ครั้งก็สำเร็จ และเมื่อถอดถุงมือออก เขาก็แน่ใจเลยว่าจะไม่มีการทำแท้งให้ผู้ใดอีก
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ก.ย. 21, 2009 2:29 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
หากแม่ฆ่าลูกของตนเองได้จะมีอะไรเหลืออีก
เมื่อสโตแจนแจ้งการตัดสินใจของตนให้หัวหน้าโรงพยาบาลทราบก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วไปเพราะไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า มีนรีแพทย์ในโรงพยาบาลที่กรุงเบลเกรดปฏิเสธการทำแท้ง
ทุกฝ่ายพุ่งเป้ามาที่เขา เริ่มจากการตัดเงินเดือนเหลือเพียงครึ่งเดียว ลูกสาวถูกไล่ออกจากงาน ลูกชาย ”สอบตก” ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย นอกจากนั้น เขายังถูกสื่อโทรทัศน์และวิทยุโจมตีอย่างหนัก พวกเขากล่าวหาเขาว่า รัฐบาลสังคมนิยมส่งเขาเรียนวิธีการทำแท้ง และตอนนี้เขากำลังทำลายประเทศของตนอยู่
เขาถูกกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี จนแทบจะประสาทเสีย และเกือบจะต้องร้องไห้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบรรจุตนกลับไปทำหน้าที่ตามเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าในคืนที่ตัดสินใจนั้นเอง นักบุญโทมัส อะไควนัส ปรากฏตัวในความฝันของเขาอีกครั้ง ท่านตบไหล่ให้กำลังใจเขาและพูดว่า “ท่านเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน จงสู้ต่อไป” ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ไปแจ้งขอกลับทำหน้าที่เดิมในวันรุ่งขึ้น และต่อสู้ต่อไปเพื่อไม่ให้มีการทำแท้งอีก
บัดนี้เขาเข้าร่วม “ขบวนการส่งเสริมการมีชีวิต” เขาเดินทางไปทั่วสาธารณรัฐเซอร์เบียและบรรยายเรื่องการทำแท้ง เขาสามารถนำเทปบันทึกเรื่อง “The Silent Scream” ออกในรายการโทรทัศน์ของรัฐ 2 ครั้ง เป็นเรื่องการทำแท้งจริงที่ถ่ายทำจากจอมอนิเตอร์ เมื่อถึงต้นทศวรรษ 1990 หลังจากที่เขาจัดกิจกรรมากมายรณรงค์ต่อต้านการทำแท้ง
ที่สุด รัฐสภาประเทศยูโกสลาเวียก็ออกกฤษฎีกาคุ้มครองสิทธิของผู้ที่ยังไม่ครบกำหนดคลอด ประธานาธิบดีสโลโบดัน ไมโลเซวิก (Slobodan Milosevic) ไม่ยอมลงนามในกฤษฎีกาจากนั้นก็เกิดสงครามในประเทศ และกฤษฎีกาฉบับนี้ถูกระงับไปชั่วคราว
เมื่อสโตแจนแจ้งการตัดสินใจของตนให้หัวหน้าโรงพยาบาลทราบก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วไปเพราะไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า มีนรีแพทย์ในโรงพยาบาลที่กรุงเบลเกรดปฏิเสธการทำแท้ง
ทุกฝ่ายพุ่งเป้ามาที่เขา เริ่มจากการตัดเงินเดือนเหลือเพียงครึ่งเดียว ลูกสาวถูกไล่ออกจากงาน ลูกชาย ”สอบตก” ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย นอกจากนั้น เขายังถูกสื่อโทรทัศน์และวิทยุโจมตีอย่างหนัก พวกเขากล่าวหาเขาว่า รัฐบาลสังคมนิยมส่งเขาเรียนวิธีการทำแท้ง และตอนนี้เขากำลังทำลายประเทศของตนอยู่
เขาถูกกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี จนแทบจะประสาทเสีย และเกือบจะต้องร้องไห้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบรรจุตนกลับไปทำหน้าที่ตามเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าในคืนที่ตัดสินใจนั้นเอง นักบุญโทมัส อะไควนัส ปรากฏตัวในความฝันของเขาอีกครั้ง ท่านตบไหล่ให้กำลังใจเขาและพูดว่า “ท่านเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน จงสู้ต่อไป” ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ไปแจ้งขอกลับทำหน้าที่เดิมในวันรุ่งขึ้น และต่อสู้ต่อไปเพื่อไม่ให้มีการทำแท้งอีก
บัดนี้เขาเข้าร่วม “ขบวนการส่งเสริมการมีชีวิต” เขาเดินทางไปทั่วสาธารณรัฐเซอร์เบียและบรรยายเรื่องการทำแท้ง เขาสามารถนำเทปบันทึกเรื่อง “The Silent Scream” ออกในรายการโทรทัศน์ของรัฐ 2 ครั้ง เป็นเรื่องการทำแท้งจริงที่ถ่ายทำจากจอมอนิเตอร์ เมื่อถึงต้นทศวรรษ 1990 หลังจากที่เขาจัดกิจกรรมากมายรณรงค์ต่อต้านการทำแท้ง
ที่สุด รัฐสภาประเทศยูโกสลาเวียก็ออกกฤษฎีกาคุ้มครองสิทธิของผู้ที่ยังไม่ครบกำหนดคลอด ประธานาธิบดีสโลโบดัน ไมโลเซวิก (Slobodan Milosevic) ไม่ยอมลงนามในกฤษฎีกาจากนั้นก็เกิดสงครามในประเทศ และกฤษฎีกาฉบับนี้ถูกระงับไปชั่วคราว
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ก.ย. 21, 2009 2:26 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ดร.อะดาเซวิก เชื่อว่าสงครามที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรบอลข่านนั้น น่าจะเป็นเพราะมนุษย์ออกห่างจากพระเจ้า และขาดความเคารพต่อชีวิตมนุษย์
เขาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเซอร์เบียว่า เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองชีวิตเด็ก ตั้งแต่เด็กเริ่มหายใจเข้าปอดเป็นครั้งแรก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือกฎหมายคุ้มครองทันทีที่เด็กร้องไห้ ฉะนั้นการทำแท้งจึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าตัวอ่อนในครรภ์จะมีอายุถึง 7, 8 หรือ 9 เดือนแล้วก็ตาม นอกจากนั้นทางการจะไม่ใช้คำว่า “แท้งลูก” (miscarriage) ดังนั้นเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้างเตียงคลอดจึงมีถังใส่น้ำตั้งอยู่ และเมื่อเด็กคลอดออกมาก่อนที่จะมีโอกาสร้องก็มีการนำเด็กไปกดน้ำ นี่คือวิธีการทำแท้งอย่างเป็นทางการที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ เพราะเด็กยังไม่ได้เริ่มหายใจ
ดร.อะดาเซวิก กล่าวอ้างคำพูดของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาว่า “หากแม่สามารถฆ่าลูกของตนเองได้จะมีอะไรเหลืออีกที่จะขัดขวางมิให้คุณหรือฉันฆ่าซึ่งกันและกัน”
ทุกวันนี้การทำแท้งส่วนใหญ่ทำกันในคลินิกเอกชน ซึ่งไม่มีสถิติตัวเลขที่แน่ชัด ประมาณว่าในการตั้งครรภ์ 25 ครั้ง จะมีเด็กที่คลอดจริง ๆ แทบไม่ถึง 1 คน ส่วนอีก 24 ชีวิตถูกทำลายไปก่อนที่จะมีโอกาสหายใจเป็นครั้งแรก
เขาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเซอร์เบียว่า เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองชีวิตเด็ก ตั้งแต่เด็กเริ่มหายใจเข้าปอดเป็นครั้งแรก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือกฎหมายคุ้มครองทันทีที่เด็กร้องไห้ ฉะนั้นการทำแท้งจึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าตัวอ่อนในครรภ์จะมีอายุถึง 7, 8 หรือ 9 เดือนแล้วก็ตาม นอกจากนั้นทางการจะไม่ใช้คำว่า “แท้งลูก” (miscarriage) ดังนั้นเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้างเตียงคลอดจึงมีถังใส่น้ำตั้งอยู่ และเมื่อเด็กคลอดออกมาก่อนที่จะมีโอกาสร้องก็มีการนำเด็กไปกดน้ำ นี่คือวิธีการทำแท้งอย่างเป็นทางการที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ เพราะเด็กยังไม่ได้เริ่มหายใจ
ดร.อะดาเซวิก กล่าวอ้างคำพูดของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาว่า “หากแม่สามารถฆ่าลูกของตนเองได้จะมีอะไรเหลืออีกที่จะขัดขวางมิให้คุณหรือฉันฆ่าซึ่งกันและกัน”
ทุกวันนี้การทำแท้งส่วนใหญ่ทำกันในคลินิกเอกชน ซึ่งไม่มีสถิติตัวเลขที่แน่ชัด ประมาณว่าในการตั้งครรภ์ 25 ครั้ง จะมีเด็กที่คลอดจริง ๆ แทบไม่ถึง 1 คน ส่วนอีก 24 ชีวิตถูกทำลายไปก่อนที่จะมีโอกาสหายใจเป็นครั้งแรก
ดร.อะดาเซวิก วิเคราะห์ว่าเป็นเรื่องซับซ้อนมาก อุปกรณ์หรือสารที่ทำให้เกิดการแท้งอย่างเป็นทางการ (abortificacients) เช่น IUD (intrauterine device : อุปกรณ์คุมกำเนิดที่ใช้สอดเข้าไปในมดลูก) และยา RU486 (ชื่อทางการคือ MIFEPRISTONE ทำหน้าที่ไปขวางกั้นฮอร์โมนธรรมชาติ PROGESTERONE ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงอยู่ของครรภ์ เมื่อไม่มีฮอร์โมนนี้ออกมา การตั้งครรภ์ก็สิ้นสุดลง) ดร.อะดาเซวิก ปรึกษาเรื่องนี้กับนักพรตนิกายออร์โธดอกซ์ตะวันออกแห่งเขาเอธอส (Mount Athos) ซึ่งแบ่งการคุมกำเนิดออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทบาป และประเภทซาตาน ประเภทบาปคือการกันมิให้มีการพบกันระหว่างไข่และตัวอสุจิ ส่วนประเภทซาตานเป็นการฆ่าตัวอ่อนที่ใช้ IUD หรือใช้ยา RU486 ขดลวดที่ใช้ทำหน้าที่เหมือนคมดาบที่กันมิให้มนุษย์ตัวจิ๋วได้รับอาหารขณะที่อยู่ในครรภ์ซึ่งเป็นการฆ่าชีวิตให้ตายอย่างโหดร้ายในสถานที่ที่มีอาหารอยู่อย่างอุดม
นี่คือสงครามที่แท้จริงระหว่างฝ่ายที่เกิดมาแล้วกับฝ่ายที่ยังไม่เกิดในสงครามนี้ ดร.อะดาเซวิก อยู่ในแนวหน้าทั้ง 3 ครั้ง
ครั้งแรก เขาเป็นฝ่ายที่ยังไม่เกิด ถูกฝ่ายที่เกิดมาแล้วกำหนดให้ตาย แต่เขารอดมาได้
ครั้งที่สอง เขาเป็นฝ่ายที่เกิดมาแล้วและปฏิบัติงานในฐานะผู้ชำนาญการทำแท้ง
และบัดนี้เขาเป็นสาวกของกลุ่มสนับสนุนชีวิต (a pro-life apostle) ที่ต่อต้านการทำแท้ง
การมีชีวิตมิใช่เริ่มเมื่อมีลมหายใจครั้งแรก แต่ความเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อตัวอสุจิเข้ามาอยู่ร่วมในเซลล์ไข่
ชมคลิปได้ที่นี่
http://www.youtube.com/watch?v=OKmiiV2EZ3Q
แม่พระยุคใหม่ : นิตยสารราย 2 เดือน ฉบับที่ 167 ปีที่ 29 กันยายน – ตุลาคม 2009/2552 : หน้า 14 – 17
http://www.marymagz.com
http://www.spcthai.com
เวบภาษาอังกฤษ
http://www.jillstanek.com/archives/2008 ... .html#more
http://randyalcorn.blogspot.com/2008/11 ... ormer.html
http://fmmh.ycdsb.ca/teachers/fmmh_mcma ... s/abo.html
นี่คือสงครามที่แท้จริงระหว่างฝ่ายที่เกิดมาแล้วกับฝ่ายที่ยังไม่เกิดในสงครามนี้ ดร.อะดาเซวิก อยู่ในแนวหน้าทั้ง 3 ครั้ง
ครั้งแรก เขาเป็นฝ่ายที่ยังไม่เกิด ถูกฝ่ายที่เกิดมาแล้วกำหนดให้ตาย แต่เขารอดมาได้
ครั้งที่สอง เขาเป็นฝ่ายที่เกิดมาแล้วและปฏิบัติงานในฐานะผู้ชำนาญการทำแท้ง
และบัดนี้เขาเป็นสาวกของกลุ่มสนับสนุนชีวิต (a pro-life apostle) ที่ต่อต้านการทำแท้ง
การมีชีวิตมิใช่เริ่มเมื่อมีลมหายใจครั้งแรก แต่ความเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อตัวอสุจิเข้ามาอยู่ร่วมในเซลล์ไข่
ชมคลิปได้ที่นี่
http://www.youtube.com/watch?v=OKmiiV2EZ3Q
แม่พระยุคใหม่ : นิตยสารราย 2 เดือน ฉบับที่ 167 ปีที่ 29 กันยายน – ตุลาคม 2009/2552 : หน้า 14 – 17
http://www.marymagz.com
http://www.spcthai.com
เวบภาษาอังกฤษ
http://www.jillstanek.com/archives/2008 ... .html#more
http://randyalcorn.blogspot.com/2008/11 ... ormer.html
http://fmmh.ycdsb.ca/teachers/fmmh_mcma ... s/abo.html
สงสารคุณหมอ เป็นไปได้มั้ย ในแง่ที่ว่า ส่วนนึงที่สามารถทำให้เค้าทำแท้ง ก็คงเป็นเพราะตัวเองถูกทำแท้งมาก่อน และพยายามที่จะไม่โกรธ ไม่เกลียด แม่ตัวเอง ก็เลยทำสิ่งที่ มากลบตรงนี้ ทำให้เป็นธรรมดาไป และก็ดันมาเกิดในประเทศที่ทำแท้งเป็นเรื่องปกติด้วย แต่ดีใจมากๆที่เห็นคุณหมอกลับใจ
- reccanohono
- โพสต์: 1045
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 03, 2008 7:06 pm
- ที่อยู่: thailand
ขอบพระคุณที่แบ่งปันค่ะ เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วอดสะเทือนใจไม่ได้
ขอเอาไปลงต่อนะครับ
ขอเอาไปลงต่อนะครับ
วันก่อนกลับไปกรุงเทพฯนั่งคุยเรื่องศาสนากับคุณพ่อจนดึก คุณพ่อผมบอกว่าท่านแปลเรื่องดังกล่าวนี้ลงนิตยสารแม่พระยุคใหม่ที่ตัวท่านเองเป็นบรรณาธิการร่วมอยู่ ถ้าท่านเข้ามาอ่านในบอร์ดคงจะดีใจ
ขอขอบคุณผู้นำมาเผยแพร่แทนคุณพ่อครับ
วันที่ 17 เดือนตุลานี้ จะมีงานประชุมประจำปีเวชบุคคลคาทอลิกที่สวนเสือศรีราชา ใครว่างขอเชิญนะครับ จะมี VDO เรื่องการทำแท้งให้ศึกษาด้วยครับ
ขอขอบคุณผู้นำมาเผยแพร่แทนคุณพ่อครับ
วันที่ 17 เดือนตุลานี้ จะมีงานประชุมประจำปีเวชบุคคลคาทอลิกที่สวนเสือศรีราชา ใครว่างขอเชิญนะครับ จะมี VDO เรื่องการทำแท้งให้ศึกษาด้วยครับ
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ขอบคุณมากค่ะ และขออนุญาตนำไปเผยแผ่บอกเล่าเก้าสิบต่อนะคะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ภาพนี้ได้เห็นหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง แบบนี้
พระเจ้าเลือกคุณหมอให้เป็นคาทอลิก จึงส่งนักบุญ อะไควนัส เพราะถ้ามาพูดกับโปรฯนี้พระเยซูต้องตรัสเอง อิอิ
พระเจ้าเลือกคุณหมอให้เป็นคาทอลิก จึงส่งนักบุญ อะไควนัส เพราะถ้ามาพูดกับโปรฯนี้พระเยซูต้องตรัสเอง อิอิ
ตามลิงค์นี้ครับ
http://www.jillstanek.com/archives/2008 ... sevic.html
เค้าเป็นออร์โธดอกซ์
...I have often wondered why he appeared in my dream, and not other saints, especially since he is a Catholic saint, and I am Orthodox....
http://www.jillstanek.com/archives/2008 ... sevic.html
เค้าเป็นออร์โธดอกซ์
...I have often wondered why he appeared in my dream, and not other saints, especially since he is a Catholic saint, and I am Orthodox....
Edwardius เขียน: ตามลิงค์นี้ครับ
http://www.jillstanek.com/archives/2008 ... sevic.html
เค้าเป็นออร์โธดอกซ์
...I have often wondered why he appeared in my dream, and not other saints, especially since he is a Catholic saint, and I am Orthodox....
เพราะที่จริงเราเป็นหนึ่งเดียวกัน สวรรค์เดียวกัน พระเจ้าเดียวกัน เป็นมนุษย์เองที่แบ่งแยก
- ..Elizabeth..
- โพสต์: 58
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 05, 2009 10:26 pm
ดูข่าวที่พบศพเด็กที่เกิดจากการทำแท้งเป็น1000 ที่วัดไผ่เงิน แล้วเศร้าใจค่ะ
พระเจ้าอวยพรอับราฮัมให้มีลูก หลานมากมายเท่าดวงดาวเท่าเม็ดทรายในทะเลการมีลูกเป็นพระพร
แต่มนุษย์ทำลายพระพรนั้น พ่อแม่ไม่พร้อม เด็กสาวปล่อยตัว บางประเทศให้ทำแท้งโดยเสรี
เป็นปัญหาทุกประเทศ นี่แหละเพราะมนุษย์ไม่เอาพระเจ้า ไม่เอาศาสนา เอาแต่สนุกประสาโลก
ชีวิตเป็นของพระเจ้า มนุษย์ไม่มีสิทธิตัดสินให้ตาย โดยเฉพาะทารก ใครทำก็รับผิดชอบ
[แถวบ้านครอบครัวหนึ่งผู้เป็นพ่อให้เมีย ทำแท้ง2ท้องให้ กี๊กทำแท้ง3ท้องคนในบ้านเขาเล่าให้ฟัง
วังเวงจริงๆ ] ขอพระองค์เมตตาทารกที่ถูกทำแท้งด้วยเทอญ
แต่มนุษย์ทำลายพระพรนั้น พ่อแม่ไม่พร้อม เด็กสาวปล่อยตัว บางประเทศให้ทำแท้งโดยเสรี
เป็นปัญหาทุกประเทศ นี่แหละเพราะมนุษย์ไม่เอาพระเจ้า ไม่เอาศาสนา เอาแต่สนุกประสาโลก
ชีวิตเป็นของพระเจ้า มนุษย์ไม่มีสิทธิตัดสินให้ตาย โดยเฉพาะทารก ใครทำก็รับผิดชอบ
[แถวบ้านครอบครัวหนึ่งผู้เป็นพ่อให้เมีย ทำแท้ง2ท้องให้ กี๊กทำแท้ง3ท้องคนในบ้านเขาเล่าให้ฟัง
วังเวงจริงๆ ] ขอพระองค์เมตตาทารกที่ถูกทำแท้งด้วยเทอญ